ตอนที่ 201 หมู่ดาวอีกา
เมื่อเผชิญหน้ากับคิงคองที่เหมือนเนินเขาย่อมๆกำลังพุ่งเข้ามาใกล้ หน้าที่เหมือนไพ่ของปิงยังคงเฉยเมย มีแต่คิ้วหนาทั้งสองและตาที่หรี่แคบชัดเจน
การได้พักก่อนหน้านั้นทำให้เขาและอาหู่ฟื้นคืนจากอาการเมื่อยล้าและนี่เป็นปฏิบัติการฝึกฝนที่เขานำมาตั้งแต่ยุคกองทัพใช้กัน กับการเดินทางไกล การพักสำคัญมากกว่าความเร็วในการเดินทาง ด้วยการออมกำลังในการเดินทางทำให้เขาอยู่ในสภาพพร้อมรบทุกเวลา และสำหรับปิง นั่นคือสัญชาตญาณ
เผชิญหน้ากับคิงคองที่ก้าวร้าวดุร้ายกำลังเข้ามาใกล้ เขาไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย
ถ้าเป็นนักสู้ธรรมดาอื่นบางทีเขาอาจจะสงสัย ทำไมฝ่ายตรงข้ามถึงวิ่งเข้าโจมตีทันที แต่สำหรับปิงผู้มีประสบการณ์โชกโชนก่อนอยู่แล้ว เขาไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย เตรียมพร้อมตอบโต้ทันที
ร่างของพยัคฆ์ฟ้าหายวับในทันใดและคิงคองปลดปล่อยสัญชาตญาณของมันทันที ขณะนั้นร่างของพยัคฆ์ฟ้าพุ่งขึ้นมาเหมือนสายฟ้าแล้วมาปรากฏที่ชายโครงของคิงคองทันที
ไวมาก!
หัวใจของหลิ่วย่าจือแทบกระดอน หน้าของเขาดูน่าเกลียดยิ่งขึ้น
ทันทีที่ยอดฝีมือเคลื่อนไหว ทุกคนก็รู้ได้หลิ่วย่าจือมั่นใจในฝีมือตนเองและไม่ใช่คนที่มีนิสัยอ่อนแอ พลังสายตาของเขาแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดา
เขาพบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเข้าแล้ว!
หลิ่วย่าจือเปลี่ยนท่าได้รวดเร็วมากแรงเฉื่อยของคิงคองไม่เปลี่ยนแต่เข่าซ้ายของมันยกขึ้นเหมือนก้อนหินมหึมาส่งเสียงหวีดหวิวฝ่าอากาศ
ใบหน้าเหมือนไพ่ของปิงยังคงสงบเหมือนกับว่าเขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าเข่าจะถูกเหวี่ยงมาถึง
ขาของคิงคองหนามากจนน่าตกใจ แรงกระแทกของเข่าแฝงด้วยพลังงานมากมาย ถ้าโดนตรงส่วนใดแม้แต่นิดเดียวแขนขาอาจหักได้ในทันที หลิ่วย่าจือเชี่ยวชาญในการใช้คิงคองจนถึงแก่น นี่คืออาวุธจักรกลรูปแบบใหม่ พวกเขาได้ทุ่มเทเลือด เหงื่อ น้ำตาค้นคว้าวิจัยแล้วได้ผลงานชิ้นโบว์แดงที่รวมเอาอสูรดวงดาวกับพลังสายเลือดเข้าด้วยกัน
อาวุธพลังสายเลือดนั้นแข็งแกร่งไม่มีมนุษย์คนใดเทียบได้และคิงคองนี้ยังขึ้นชื่อว่าคล่องแคล่วว่องไว เมื่อพวกเขาทดลองกับอาวุธพลังสายเลือดแล้ว คิงคองไม่ใช่อาวุธจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุด แต่พลังของมันเป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้
พลังที่คิงคองแสดงออกมานั้นใครก็ตามที่ได้เห็นจะต้องถูกความตกตะลึงครอบงำเสมอ
ตราบใดที่เขาถูกโจมตีสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นอาวุธจักรกลที่แข็งแกร่งเพียงไหนก็ตาม พวกเขาจะต้องสูญเสียพลังใจในการต่อสู้แน่นอน
ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้หลบหนีจริงๆด้วย
แววเยาะเย้ยปรากฏอยู่ในดวงตาของหลิ่วย่าจือ เขาสามารถนึกภาพได้ทันทีว่าอาวุธจักรกลที่สวยงามนี้จะต้องพังไปในไม่ช้าและผลงานเหล่านั้นจะต้องระเบิดเสียงดังบึ้ม!
หลังจากทดลองกับอาวุธจักรกลมามากมายผลมักออกมาเหมือนกันเสมอ
เข่าของคิงคองโจมตีจมเข้าไปในเงาขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมอาวุธจักรกลสีฟ้า
ม่านตาของหลิ่วย่าจือหรี่แคบทันทีไม่ดีแน่ มันเป็นแค่เงา!
ขณะนี้ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นมาจากด้านหลังและร่างขนาดมหึมาของคิงคองร่วงล้มคะมำอย่างช่วยไม่ได้ หลิ่วย่าจือยามนี้ตกใจอย่างหนักที่ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้แต่เพียงถือโอกาสกลิ้งไปข้างหน้า
ชี่ ชี่ ชี่!
เสียงกระแทกสามครั้งดังปะทะใส่ร่างที่กำลังกลิ้งของคิงคองขณะที่มันจมไปในดินทำให้เกิดกองดินพูนขึ้นสามกอง
ปิงประหลาดใจเล็กน้อย การโจมตีของเขาน่าจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บได้ แต่เขาคาดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามยังปลอดภัยอยู่ได้ ดูเหมือนว่าอาวุธจักรกลประหลาดนี้ยังมีความน่าทึ่งบางอย่าง
หลิ่วย่าจือเพิ่งจะเก็บชีวิตตนเองรอดมาจากประตูนรกมาได้เฉียดฉิว หน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดผวาและซีดขาวราวกับคนตาย การเปลี่ยนแปลงเมื่อครู่แทบทำให้ชีวิตมันหลุดลอย
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาโชคดีเพิ่มน้ำหนักการป้องกันที่หลังเปลี่ยนแปลงตอนนั้นเขาคงไม่สามารถป้องกันได้แน่นอน เผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่ไม่สามารถป้องกันกระบวนท่าของเขาได้ย่อมหมายถึงความตาย
ถึงตอนนี้มีเสียงตะโกนดังมาจากที่ไกลสองสามครั้ง ความสนใจของหลิ่วย่าจือสั่นคลอน คู่หูของเขาอยู่ที่นี่แล้ว
คิงคองปล่อยเสียงคำรามต่ำบอกตำแหน่งให้สหายทราบ
หลิ่วย่าจือเตรียมใจไว้แล้ว ความกลัวของเขาหายไปหมดสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือต้องตรึงฝ่ายตรงข้ามให้อยู่กับที่ เขาคำรามและพุ่งเข้าหาพยัคฆ์ฟ้าอีกครั้ง
เป็นไปได้อย่างไรที่ปิงจะพบอะไรจากความปั่นป่วนขนาดนั้น? แต่ใบหน้าไพ่ของเขายังคงสงบเหมือนน้ำ แม้แต่ดวงตาที่หรี่แคบนั้นก็ไม่มีความหวั่นไหวแม้แต่น้อย
การที่ยังสงบและมั่นคงได้แม้ในสถานการณ์ที่น่ากระวนกระวายมากที่สุด ความจริงเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ เขามักเยือกเย็นและมั่นคงอยู่เสมอ
พยัคฆ์ฟ้าเตรียมใช้เงาทำลายล้างออกมาเป็นชุด คิงคองยังคงโจมตีเป็นพายุ ทั้งสองฝ่ายเดี๋ยวเข้าหา เดี๋ยวแยกจากกัน
เผียะ เผียะ เผียะ!
การโจมตีของพยัคฆ์ฟ้ากระทบใส่ร่างของคิงคองได้ทั้งหมดทำให้ขนของมันร่วงหมด แต่หลิ่วย่าจือกัดฟันและอดทน เขาตัดสินใจเรียบร้อยแล้วจะยืมพลังป้องกันที่แข็งแกร่งของคิงคองเสียสละตนเองขณะยึดจับฝ่ายตรงข้ามไว้
ปิงมองทะลุถึงเจตนาของหลิ่วย่าจือ ประสบการณ์การรบของทั้งสองฝ่ายอยู่กันคนละระดับ
คิงคองมีความหนาซ่อนเร้นอยู่และมีระดับพลังป้องกันที่น่าทึ่ง กล้ามเนื้อของมันแข็งแกร่งทนทานมากกว่าโลหะธรรมดานัก
โดยไม่ต้องคิดอะไรปิงเปลี่ยนจากหมัดเป็นฝ่ามือและฟันสันมือที่เหมือนดาบลงไป
ฉัวะ!
แสงสีฟ้าแว่บพาดผ่าน ร่างของคิงคองมีบาดแผลดาบและเลือดพุ่งกระฉูดทันที
ในที่สุดปิงก็ประหลาดใจ ระดับพลังป้องกันของคิงคองทำให้ให้เขาตกใจ พลังโจมตีฟาดฟันของพยัคฆ์ฟ้าทรงพลังมากและสามารถทำลายอสูรดวงดาวที่มีผิวหนาและหยาบ แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าทำได้แค่เพียงทิ้งรอยแผลให้กับคิงคองเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะประหลาดใจ แต่ปิงก็ไม่ยอมหยุด และขณะที่คิงคองคำรามเขาวนไปรอบๆ ตัวๆ และไปปรากฏอยู่ที่มุมอับของคิงคอง
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
ลำแสงสีฟ้าเหมือนดาบเปล่งประกายวับขึ้น ทุกๆครั้งที่แสงส่องประกายจะตามมาด้วยรอยเลือดฉีดพุ่ง
ปิงเป็นเหมือนนักสู้ที่อดทนค่อยๆ เพิ่มบาดแผลตามร่างกายของคิงคอง
ในพริบตาคิงคองที่ดูเหมือนรูปสลักขนาดภูเขาย่อมๆ ก็เต็มไปด้วยบาดแผลน้อยใหญ่เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกแห่ง มองดูน่ากลัว
เมื่อสหายของหลิ่วย่าจือมาถึงที่เกิดเหตุและได้เห็นภาพพวกเขาตกตะลึงสุดขีด
ทางองค์การสิ้นเปลืองพลังงานมากมายกับอาวุธพลังสายเลือดตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้ว องค์การได้เริ่มกวาดหานักสู้สายจักรกล หลังจากใช้เงินและพลังไปนับไม่ถ้วน ในที่สุดพวกเขาก็กวาดนักสู้สายอาวุธจักรกลที่แข็งแกร่งทรงพลังมาได้
สองสามปีมาแล้ว นักสู้สายจักรกลไม่มีพลังที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อองค์การสุ่มเลือกหนึ่งในพวกเขาออกมา พวกเขาถือได้ว่ามีมาตรฐานระดับสูงแน่นอน และหลิ่วย่าจือสามารถใช้คิงคองพิสูจน์ได้ว่าเป็นอัจฉริยะในองค์การ เขามีความโดดเด่นมาก
ถ้าไม่อย่างนั้นทางองค์การคงไม่ยอมให้เขาเป็นผู้ควบคุมคิงคองและยอมเสียอาวุธจักรกลที่ทรงประสิทธิภาพให้กับวิศวะจักรกลที่ไม่ได้ความเป็นแน่
แต่นี่คือยอดฝีมือที่ได้รับการยอมรับจากองค์การและเขาก็ถูกกดดันแทบตายโดยนักสู้จักรกลคนอื่นๆ
ถ้าศัตรูเป็นนักสู้คนหนึ่ง ทุกคนคงไม่ประหลาดใจ แต่สิ่งที่เขาประหลาดใจก็คือศัตรูเป็นนักสู้สายจักรกลคนหนึ่ง
ทุกๆหมู่ดาวมียอดฝีมือกันทั้งนั้น และไม่ว่าหลิ่วย่าจือจะแข็งแกร่งสำหรับพวกเขาเพียงไหน ต่อให้พวกเขาคิดว่าอาวุธพลังสายเลือดของพวกเขาเป็นอาวุธจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุดในเวลานี้ พวกเขาก็จะไม่สู้กับยอดฝีมือพวกนั้นแน่นอน
นักสู้สายจักรกลเป็นเพียงสาขาย่อยของกลุ่มนักสู้ทั้งหมดและพวกเขายังมีความรู้นี้อยู่
แต่ฝ่ายตรงข้ามเป็นนักสู้สายจักรกลคนหนึ่งจริงๆ
ในโลกของนักสู้สายจักรกล, ในการต่อสู้นี้ หลิ่วย่าจือถือว่าแพ้ไปแล้ว
หลิ่วย่าจือเป็นยอดฝีมืออยู่ในองค์การ และคิงคองก็เป็นอาวุธจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุด
แต่...
เมื่อเห็นคิงคองหลั่งเลือดโทรมทั่วตัว ไม่มีใครในพวกเขาอยากเชื่อสายตาตนเอง
นักสู้ผู้แข็งแกร่งขนาดนั้น! และอาวุธจักรกลที่แข็งแกร่งขนาดนั้น!
ฝีเท้าของคิงคองเริ่มงุ่มง่ามแล้ว อาวุธพลังสายเลือดและพลังสายเลือดเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด หลังจากสูญเสียเลือดไปเป็นจำนวนมาก นั่นเป็นสาเหตุให้พลังของคิงคองลดลงฮวบฮาบ
โธ่เว้ย!
หลิ่วย่าจือไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกเล่นงานจนอยู่ในสภาพนี้ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่าเขามาก แต่ในฐานะของคนที่มีความภาคภูมิใจเขารู้สึกอับอาย
“หยุดเขาไว้!”
เสียงตะโกนกราดเกรี้ยวของหลิ่วย่าจือก้องไปทั้งพื้นที่ และสหายเหล่านั้นทั้งหมดที่วิ่งเข้ามาช่วยสนับสนุนต่างก็ตื่นจากความมึนงง และเข้าร่วมต่อสู้กันทั้งหมด
ปิงมองหลังคนที่อยู่ต่อหน้าเขาซึ่งมีรอยบาดแผลเป็นรูปกางเขน จนถึงตอนนี้นี่เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของหลิ่วย่าจือ
ตราบใดที่เขาลงอีกหนึ่งดาบ เขาจะสามารถฆ่าเจ้าผู้นี้ได้อย่างสมบูรณ์
แต่ปิงไม่กระตือรือร้นสนใจเท่าใดนัก ปีกที่หลังของพยัคฆ์ฟ้ากางออก และในท่ามกลางวงล้อมรอบตัวเขามันทะยานขึ้นในอากาศและทรงตัวอยู่กลางอากาศดับความคิดของคนที่จะโอบล้อมเขา เดิมทีเขาติดอยู่ในวงล้อม แต่ปิงทำลายกับดักของพวกเขาและออกมาจากวงล้อมได้สบาย เขาสะบัดแขนเสื้อได้ก็จากออกมา
ทุกคนตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก
มีนักสู้สายจักรกลผู้แข็งแกร่งขนาดนั้นอยู่ในโลกนี้ด้วยหรือ?
ขณะที่มองหลังสีฟ้าของพยัคฆ์ฟ้า ไม่มีใครกล้าไล่ตามไป
※※※
สารถีเรียกถังเทียนให้ออกมา
“นายท่าน เราย่างเข้าสู่ดินแดนของหมู่ดาวอีกาแล้ว” สารถีรายงานด้วยความเคารพ
“ไวมาก” ถังเทียนงงงวย เขาถูกเคี่ยวกรำจนถึงจุดที่อยากตายจากการฝึกให้รู้แล้วรู้รอด ศีรษะของเขาเต็มไปด้วยเศษทั่งซึ่งเกาะสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก
เขากำลังก้าวหน้าอยู่เสมอจนกระทั่งฝนทำลายทั่งได้วันละยี่สิบแท่ง
ความก้าวหน้ามีมากก็จริง แต่ระดับความเพลียก็มีควบคู่ไปกับความก้าวหน้า ทุกวันถังเทียนเหมือนกับตื่นเพียงครึ่งเดียวเขาได้แต่กัดฟันอดทนผ่านไปให้ได้
การล้มทรุดเป็นลมหมดสติเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา
แต่ภายใต้ความบากบั่นดื้อด้านของถังเทียน เขาไม่ยอมเสียเวลาสักวัน ความอดทนและพลังใจเช่นนั้นแม้แต่กรงเล็บภูตพรายก็ยังทึ่ง
การบดฝนทั่งวันละยี่สิบแท่งเพิ่มความล่าช้าของประตูดวงดาวออกไปอีก ในหนึ่งวันข้างนอก ถังเทียนสามารถบดทั่งได้แปดสิบแท่ง และภายในหนึ่งเดือนบดทั่งได้ถึงสองพันสี่ร้อยแท่ง
ความเร็วระดับนี้น่าทึ่งมากแล้ว
กรงเล็บเพลิงภูตพรายดูเหมือนจะฝึกให้สำเร็จได้ทันที
สารถีลังเลชั่วขณะและกล่าวว่า “นายท่าน,หมู่ดาวอีกาไม่ค่อยสงบเท่าใดนัก...”
“ไม่สงบเท่าใดนักเหรอ?” ถังเทียนยังคงมึนหัว
“ขอรับ, นายท่าน” สารถีอธิบาย “หมู่ดาวอีกามีมือกระบี่มากมาย แต่สถานที่นี้ไม่มีผู้ปกครองที่เข้มแข็ง ดังนั้นจึงเกิดยอดฝีมือกระบี่พเนจรจำนวนมาก คนพเนจรเหล่านี้ยากจนมาก และไม่มีที่พำนักเป็นหลักแหล่ง ในตอนกลางวันพวกเขาจะเป็นมือกระบี่รับจ้าง พอตกค่ำพวกเขาจะกลายเป็นโจรขโมยและทำเรื่องชั่วได้ทุกอย่าง ชื่อเสียงของมือกระบี่หมู่ดาวอีกาไม่ค่อยดี”
ถังเทียนค่อยๆเรียกสติกลับคืนมา และแปลกใจเล็กน้อย “ก็หมายความว่าหมู่ดาวอีกาวุ่นวายสับสนมากใช่ไหม?”
“ขอรับ นายท่าน” สารถีเตือน “แม้ว่าพวกคนพเนจรจะไม่กล้ามีความคิดอะไรกับยานเงินลำนี้ แต่พวกมือกระบี่พเนจรที่แข็งแกร่งอาจเห็นเราเป็นเหยี่อโอชะก็ได้...”ถังเทียนตัดบทคำพูดของสารถี เนื่องจากสายตาของเขาจ้องมองไปข้างหน้าและกล่าว“ดูเหมือนว่ามีบางคนเห็นเราเป็นเหยื่อโอชะไปแล้ว!”