ตอนที่ 2 ราชวงศ์สั่นคลอน
คืนนั้นเด็กน้อยฝันว่า ตัวเองอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างที่ไม่มีที่สิ้นสุด มีสัตว์มากมายรอบตัวเขาและพวกนั้นทุกตัวล้วนเป็นมิตรกับเขา
เขาเล่นกับพวกมันทุกตัวพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แล้วก็นั่งพักใต้ร่มไม้ต้นเดียวในทุ่งหญ้านั้น เขาลืมปัญหาทั้งหมดที่อยู่นอกความฝันนั้นไปแล้ว
“นามของเจ้าคือกระไร เด็กน้อย?” เสียงผู้ชายใจดีดังขึ้น
เด็กน้อยสะดุ้งด้วยความระแวดระวัง "เสียงใครน่ะฮะ?"
จู่ๆ ต้นไม้ก็โน้มตัวลงมาเล็กน้อย กิ่งของมันทำดูคล้ายเป็นมือของมัน
“ใช่ ข้าเอง ข้าไม่มีชื่อ ไม่งั้นข้าคงบอกเจ้าไปแล้ว” รุกขชาติกล่าวนำ
“โอเคฮะ คุณต้นไม้ ผมชื่อแม็กนัส” เด็กแนะนำตัวเองอย่างสุภาพ
“เป็นชื่อที่ดีมาก แปลว่ายิ่งใหญ่ที่สุด ในอนาคตเจ้าจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากมาย เหมือนกับที่นายท่านของข้าเคยกลาว เจ้าอยากกินแอปเปิ้ลไหม? แม็กนัสน้อย” รุกขชาติถาม
แม็กนัสตบท้องของเขาอย่างไร้เดียงสา เขาหิวจริงๆ นั่นแหละ "แม่จ๋าบอกว่าอย่ากินอาหารจากคนแปลกหน้า ไม่งั้นพวกเขาจะจับคุณไปและให้คุณทำงานในเหมือง"
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ที่แม่เจ้าพูดก็มิผิดจริงๆ แต่ข้าเป็นแค่ต้นไม้ ขยับตัวไม่ได้ แล้วข้าจะจับเจ้าแล้วพาเจ้าไปไหนได้ยังไงกัน?” รุกขชาติถาม
"อืมมม... งั้นโอเค ผมจะกินแอปเปิ้ลฮะ" แม็กนัสน้อยยืนยันความปลอดภัยแล้ว
ทันใดนั้นกิ่งก้านหนึ่งของรุกขชาติก็ค่อยๆ ผลิบานเป็นดอกไม้แล้วกลายเป็นผลแอปเปิ้ล ต้นไม้ลดกิ่งก้านลงเพื่อให้แม็กนัสสามารถสอยลูกแอปเปิ้ลที่ดูแวววาวและชุ่มฉ่ำน่าทานได้
แม็กนัสน้อยไม่เคยเจอแอปเปิ้ลที่รสชาติอร่อยแบบนี้มาก่อนเลย เขาใช้เวลาไปตั้งมากมายในการตามหาแม่ และได้ดื่มแค่น้ำเพียงเท่านั้น ดังนั้นเขาเลยหิวมากๆ เขาจึงเริ่มกัดกินแอปเปิ้ลอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เคี้ยว เขามองดูต้นไม้ด้วยความขอบคุณ "มันอร่อยจังเลยฮะ"
รุกขชาติผงกต้นเชิงยอมรับคำขอบคุณ ~ แน่นอนมันจะต้องอร่อย ในนั้นมีมรดกของพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดและราชาผู้ยิ่งใหญ่น้อยกว่าอยู่ด้วยนี่~
เห็นได้ชัดว่ารุกขชาติมีลำเอียงไปทางผู้สร้าง
หลังจากกินแอปเปิ้ลเข้าไป แม็กนัสก็เริ่มง่วงนอน “คุณต้นไม้ฮะ ผมจะขอนอนที่นี่ รบกวนปลุกผมท-… คร่อก”
เขาพูดยังไม่ทันจบเขาก็หลับกลางอากาศทันที รุกขชาติรีบจับเขาด้วยกิ่งและใบเพื่อใช้เป็นเบาะ
แต่รุกขชาติก็ตกใจทันทีที่แตะตัวเขาด้วยเห็นผลบางอย่าง "โอ้! เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ แต่ก็น่ายินดี อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็สบายใจได้แล้วว่าข้านั้นเลือกถูกคน"
ในไม่ช้ารุกขชาติก็เริ่มส่องแสงสีทองและหดตัวลง มันหดตัวลงเรื่อย ๆ จนมีขนาดเท่ากับลูกปัดขนาด 1 นิ้ว เส้นด้ายที่ทำจากหญ้ายึดลูกปัดไว้เหมือนล็อคเก็ต จากนั้นมันก็พันรอบคอของแม็กนัส ไม่มีใครมองเห็นมันได้อีกนอกจากแม็กนัสน้อย และมันจะไม่มีวันดับสูญไป เพราะตอนนี้มันถูกผูกไว้กับวิญญาณของแม็กนัสแล้ว
~อา ในที่สุดข้าก็ได้พักสักที กิ่งก้านของรุกขชาติยืนตระหง่านปวดเมื่อยไปหมดจากการยืนต้นเป็นเวลานานหลายร้อยปี โชคดีนะเด็กน้อย~
...
*เอิ่ม*
*แค่กๆ*
“หนูๆ มานอนอะไรตรงนี้เนี่ย? ใช้พื้นที่สาธารณะเป็นของส่วนตัวมันผิดกฏหมายนะ”
แม็กนัสซึ่งกำลังหลับอยู่บนทางเดินคอนกรีตในสวนสาธารณะค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขามองไปรอบๆ ไม่มีต้นไม้ต้นไหนเลย เขารู้สึกเวียนหัวผสมกับหนักหัวอยู่หน่อยๆ
"แม่จ๋าหรอฮะ?" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสับสน แล้วเพิ่งนึกได้ว่าเขายังหลงทางอยู่
นายตำรวจรับรู้ได้ทันทีว่านี่คือเด็กหลง ดูจากเสื้อผ้าหน้าผมแล้ว เขาดูเหมือนเป็นเด็กจากครอบครัวที่ดีด้วย
“ดีขึ้นยังหนู?” เขาเอ่ยถามอย่างสุภาพ
ในตอนนี้แม็กนัสคงไม่สามารถคิดมากเกี่ยวกับความฝันของเขากับต้นไม้ได้ สิ่งที่เขาควรคิดถึงตอนนี้คือหาบ้านตัวเองให้เจอ เขาพอจะจำได้ว่าแม่ของเขาเคยบอกว่าหากเขาหลงทางให้ตามหาคุณลุงที่ใส่หมวกทรงแปลกๆ และชุดสีน้ำเงินเข้ม
เขาพยักหน้า “คุณลุงรู้ไหมฮะว่าบ้านของผมอยู่ที่ไหน?”
ตำรวจเกาเคราของตัวเอง “ไม่รู้หรอกหนู แต่ลุงพาเธอไปที่สถานีได้นะ ลุงมั่นใจว่าแม่ของเธอต้องไปแจ้งความเรื่องเธอไว้ที่นั่นแล้วแน่”
แม็กนัสพยักหน้าและเดินตามตำรวจไป ขณะเดินเขาก็จะหันกลับมามองทางต้นไม้ต้นใหญ่ๆ ที่น่าจะอยู่ตลอดทาง
“ว่าแต่หลงกับคุณแม่ตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ?” ตำรวจอ้วนถาม
“เมื่อวานฮะ ที่งานขบวนพาเหรด” แม็กนัสตอบโดยไม่ต้องคิด
"อะไรนะ?! ขบวนพาเหรดที่ใกล้สุดอยู่ไกลจากที่นี่มากนะ เธอมาถึงที่นี่ได้ไงเนี่ย?" ตำรวจถาม
ตอนนี้แม็กนัสรู้สึกอับอายเล็กน้อย “ผมแค่วิ่งหาแม่ไปเรื่อยๆ..”
"แล้วเธอก็หลงเหรอ? ฮ่าๆ ไม่ต้องห่วงนะเจ้าหนู ฉันก็เคยหลงทางตอนอายุเท่าเธอ เราจะพบคุณแม่ของเธอเร็ว ๆ นี้ล่ะ เรียกลุงว่าลุงทอมก็ได้นะ ลุงเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้ไม่กี่วันก่อน และในอนาคตลุงจะเป็นตำรวจที่เก่งที่สุดในเมือง สักวันลุงจะได้รับเหรียญกล้าหาญจากพระหัตถ์ราชินี” ลุงตำรวจแนะนำตัวเองอย่างสุภาพรวมถึงให้ข้อมูลบางอย่างที่ไม่ได้จำเป็นเลย
เขามีบรรยากาศของลุงฮาๆ ที่ชอบเล่าเรื่องตลกไร้สาระแล้วดันขำมุกของตัวเอง
"ผมชื่อแม็กนัส แกรนท์ฮะลุงทอม" แม็กนัสยังแนะนำชื่อของเขา ตอนนี้เขากังวลนิดหน่อย เขาเลยกำเสื้อยืดของเขาตรงหน้าอก
[A/N: อย่าสับสนกับ เด็กบ้านก๊อนท์นะครับ ซึ่งเป็นนามสกุลของลูกหลานของ ซัลลาซาร์ สลิธีรีน ต้นตระกูลของโวลเดอมอร์]
จากนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ใต้เสื้อ เขารีบหยิบมันออกมาดูและเห็นลูกปัดไม้ผูกรอบคอของเขา
"เรามาถึงแล้ว เข้าไปกันเถอะ" ทอมขัดจังหวะระหว่างที่เขากำลังสำรวจล็อกเก็ตแปลกๆ ที่คอ
ตอนที่พวกเขาเข้าไป ตำรวจอีกคนซึ่งดูเหมือนจะเป็นรุ่นพี่ของทอมจู่ๆ ก็ตะโกนขึ้นมา
“ทอมหรอ!? ฉันบอกให้แกลาดตระเวนไปตามท้องถนน เพราะแกมันอ้วนเลยจำเป็นต้องลดน้ำหนัก เอาจริงนะเฮ้ย ถ้าไม่ใช่เพราะแม่แกป่วยอยู่ล่ะก็ ฉันคงไม่ให้งานนี้กับแกแล้ว” ตำรวจรุ่นพี่คนนั้นเหวใส่ทอม
แม็กนัสไม่ชอบการถูกบูลลี่ แต่เขารู้ดีตัวเองตัวเล็กเกินกว่าจะทำอะไรได้ แต่เขาก็ยังอารมณ์เสียกับผู้ชายเสียงดังคนนั้นอยู่ดี เพราะทอมดูนิสัยดีกับเขามาก
ทอมเพียงแค่ยิ้มอย่างเขินอาย เมื่อครู่เขากำลังพูดถึงการเป็นตำรวจเจ๋งสุด พอมาที่นี่เขาก็ถูกตะโกนใส่
“สารวัตร ผมก็กำลังเดินตรวจตราอยู่นะครับ แต่ผมพบเด็กหลงทางครับ” ทอมอธิบายสถานการณ์
"แล้วกะ..." สารวัตรหยุดตะโกนทันทีเมื่อเขารู้สึกว่ากระเป๋ากางเกงด้านซ้ายร้อนเกินไปด้วยเหตุผลบางประการ
"เฮ้ย ไฟไหม้!!" จ่าที่อยู่ใกล้เคียงตะโกนและนำถังดับเพลิงมา เขารีบหยิบถังดับเพลิงมาฉีดใส่สารวัตรนิสัยไม่ดี อันที่จริง ก็ทำเกินกว่าเหตุไปหน่อย เพราะดูเหมือนตำรวจยศจ่าคนนั้นจะมันมือจัดฉีดซะเพลินไปแล้ว
“สารวัตรครับ มันต้องเป็นเพราะที่จุดบุหรี่ของคุณแน่เลย” จ่าพูด เขาพยายามเบี่ยงความสนใจของทุกคนจากสิ่งที่เขาเพิ่งทำไป
สารวัตรมองทุกคนที่ตรงนั้นด้วยความโกรธและเผ่นแนบกลับไปที่ห้องทำงานของเขา
“แม็กนัส!”
แม็กนัสยิ้มร่าเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากแม่ของเขา
เขาหันกลับมาและเห็นแม่ของเขายืนอยู่ที่ทางเข้ากับพ่อของเขา ทั้งคู่ดูเหมือนไม่ได้นอนทั้งคืน ผมเผ้าและเสื้อผ้าของพวกเขายุ่งเหยิงไปหมด
"แม่จ๋าา!" แม็กนัสตะโกนและโผลไปหาเธอ เขากระโดดเข้าสู่อ้อมกอดอุ่น
มีน้ำตาเอ่อล้นขึ้นในดวงตาสีฟ้าใสของแม่ เธอดูดีปรกอไปด้วยรูปหน้าที่ดูใจดีและส่วนสูงที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย อีกทั้งเธอยังมีผมสีบลอนด์ทองสวยด้วยด้วย
“แม็กนัสของแม่ แม่ขอโทษนะจ๊ะที่ไม่ได้จับมือลูกแน่นๆ กว่านี้” เธอร้องไห้ขณะสวมกอดเขา
แม็กนัสเองก็มีอารมณ์ร่วมมากเช่นกัน แต่เขาต้องห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้เพราะเขารู้ว่าถ้าเขาร้องไห้ แม่ของเขาจะร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม
เขาตบไหล่เธอแปะๆ พลางพูดเสียงสั่น “ผ-ผมไม่เป็นไรฮะแม่ ผม-ผมสบายดี ดูสิฮะ”
เธอมองดูใบหน้าของเขาที่มีสิ่งสกปรกติดอยู่เล็กน้อย บวกกับผมเผ้าที่ดูยุ่งเหยิงของเขา เขาดูไม่เหมือนว่าเขาจะมีช่วงเวลาที่ง่ายดายเลย และนั่นส่งผลตรงกันข้ามกับเธอทันที ทำให้เธอยิ่งร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม
ในที่สุดพ่อก็ต้องมาช่วยเขา เขาลูบหลังปลอบเธอและคอยปลอบว่าทุกอย่างโอเคแล้ว
พ่อของแม็กนัสเป็นหนุ่มรูปร่างผอมสูง มีผมสีบลอนแดง เขาสวมแว่นตาทรงกลมมีหนวดเคราแซมขึ้นมาหลอมแหลม แน่นอนว่าหน้าตาก็ดูดีเหมาะสมกับแม่เขา
แม็กนัสมองพ่อด้วยสายตาขอบคุณ “แม่จ๋า กลับบ้านกันเถอะฮะ ผมหิวแล้ว”
“ใช่ จริงด้วยสิจ๊ะ… อดัม เอารถมาที่นี่สิคะ แม็กนัสคงต้องหนาวมากแน่ๆ” เธอเหวใส่สามี
“เกรซ คุณเว่อร์เกินไปแล้ว” อดัมพยายามโต้แย้ง
แต่เมื่อเห็นสายตาเกรี้ยวกราดของเกรซแล้วทำให้เขายอมแพ้และออกไป เขารู้ว่าถ้าไม่ทำคืนนี้เขาคงจะต้องนอนบนโซฟาแน่
หลังจากที่เธอเซ็นใบลงบันทึกประจําวันที่สถานีตำรวจแล้วพวกเขาก็พากันกลับบ้าน
...
ช่วงเวลาเช้าตรู่ในวันเดียวกันนั้น ณ โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์,
ในห้องๆ หนึ่ง ปากกาขนนกวิเศษเริ่มเคลื่อนไหว ในขณะที่หนังสือดูเก่าแก่มากๆ เล่มหนึ่งกำลังพลิกหน้าหนังสือย้อนหน้ากลับไปจากหน้าล่าสุดอยู่หลายหน้า ก่อนที่ปากกาจะบรรจงเขียนเติมชื่อที่ค่อนข้างยาวต่อท้ายชื่อๆ นึงที่น่าจะมีอยู่ก่อนนี้นานแล้ว
...
ณ พระราชวังบักกิงแฮม,
ในขณะที่แม็กนัสได้พบกับแม่ของเขาอีกครั้ง ราวกับว่าพายุได้โหมกระหน่ำเขย่าฐานรากของพระราชวังบักกิงแฮมและเหล่าราชวงศ์ที่อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้
แผ่นศิลาจารึกเริ่มส่องแสง จนถึงตอนนี้มันเคยถูกมองว่าเป็นเพียงวัตถุโบราณที่เป็นของปฐมกษัตริย์ที่รวมแผ่นอังกฤษและปกป้องแอกซอน ซึ่งเป็นเจตจำนงสุดท้ายจากกษัตริย์อาเธอร์ เพนดรากอน มหาราช
มันเป็นแค่หินที่มีคำบางคำจารึกไว้ แต่ตอนนี้มันดูเหมือนจะมีความหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น
พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงทราบเรื่อง พระองค์รู้ว่านี่เป็นเรื่องร้ายแรง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แผ่นศิลากล่าวนั้นชัดเจน และตอนนี้ที่มันส่องแสงก็หมายความว่ามันเป็นเรื่องจริง
"ผู้ใดก็ตามที่ได้รับมรดกจากข้า ย่อมสมควรจักได้เป็นกษัตริย์โดยชอบธรรมแห่งอังกฤษและอาณาจักรในเครือ ยามใดที่แสงส่องลงบนศิลาที่ไร้ชีวิตนี้ กษัตริย์ผู้ชอบธรรมก็จักถือกำเนิด จงเคารพกฤษฎีกาหาไม่จักถูกสาปด้วยเวทมนตร์นิรันดร์จากเจ้าชายแห่งมวลผู้วิเศษ"
คำพูดเหล่านี้ดังขึ้นในใจของราชินี แน่นอนว่ามันเป็นความยากลำบากครั้งใหญ่ที่สุดที่ราชวงศ์ต้องเผชิญ และหากครั้งนี้พวกเขาไม่ชนะ ก็จะไม่มีสายเลือดใดเหลือจากราชวงศ์ของเธอ
“ฝ่าบาทฯ พวกพ่อมดมาถึงแล้วพะย่ะค่ะ” ราชเลขาของราชินีแจ้งให้พระองค์ทราบ
ราชินีสูดลมหายใจยาวรวบรวมพระทัยแล้วเสด็จไปพบพวกเขา ในฐานะราชินี ชีวิตของพระองค์มีความสำคัญสูงสุดต่อประเทศ แม้ว่าพระองค์และครอบครัวจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกผู้วิเศษ แต่กระทรวงเวทมนตร์ก็ยังคงส่งพ่อมดแม่มดมาคอยปกป้องพระองค์จากเหล่าพ่อมดแม่มดที่เป็นศัตรู
พระองค์รู้สึกขอบคุณสำหรับเรื่องนี้เพราะพระองค์รู้ว่าพวกพ่อมดส่วนใหญ่ไม่ได้ให้เกียรติเหล่าราชวงศ์มากนัก เพราะไม่เคยมีชนผู้วิเศษแม้แต่คนเดียวที่ปรากฏขึ้นในสายตระกูลของพวกเขา
พวกเขาเป็นแค่พวกมักเกิ้ลสำหรับโลกพ่อมดแม่มด มักเกิ้ลที่มีอำนาจพิเศษในการบริหารนิดๆ หน่อยๆ พระองค์ยังต้องยับยั้งเหล่าราชวงศ์ของพระองค์ไม่ให้ไปรุกรานพวกพ่อมดแม่มดเหล่านี้ด้วย เพราะทรงรู้ว่าผู้วิเศษเหล่านี้หลายคนเป็นคนของตระกูลเก่าแก่กว่าประเทศอังกฤษเสียอีก
____________________________
[T/L: ขออธิบายฉากปากกาวิเศษและสมุดบันทึกของโรงเรียนฮอกวอตส์เพิ่มเติมสักหน่อยนะครับ เนื่องจากตอนแรกนักแปลเข้าใจผิดว่าปากกามันเพิ่งจะเขียนชื่อแม็กนัสน้อยลงไปจึงเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน]
สถานที่ในฝันของแม็กนัส
ปากกาขนนกรับรองและหนังสืออนุญาตบนหอคอยโรงเรียนฮอกวอตส์
พระราชวังบักกิงแฮม