ตอนที่ 17 : ดาบเล่มแรก
หลินมู่รวบรวมสติได้ในที่สุดและเลือกที่จะเมินปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชาญฉลาด เขาไม่ถามชายชราหรือสตรีที่อยู่ตรงนี้ เขารู้ว่าจะต้องมีความลับที่ไม่ควรถูกเปิดเผยออกมาแน่
ถ้าเป็นหลินมู่ในอดีตเขาจะต้องถามชายแก่ออกไปอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขาได้ผ่านประสบการณ์ในความสงสัยแหวนประหลาดในมือมาแล้ว เขาไม่อยากจะทำให้เกิดโอกาสที่จะสร้างความขัดแย้งอย่างไม่จำเป็นอีก
หลังจากปรากฏการณ์ได้หายไป ชายชราได้มองดูหลินมู่แต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติเว้นเสียแต่สายตาที่ไม่จับจ้องสิ่งใด เมื่อแน่ใจว่าหลินมู่น่าจะไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น จิงเหว่ยจึงเลิกระแวง
“มาลองเล่มนี้สิ ลองดูว่าเป็นเช่นใด”
ชายชราพูดด้วยสายตาคาดหวัง
สตรีที่ยืนหลังจิงเหว่ยมองพร้อมกับลดลมหายใจลง นางพร้อมที่จะลงมือในทุกเมื่อที่เกิดเหตุไม่คาดคิด แต่มันก็เสียเปล่าเพราะหลินมู่เพียงแค่ถือดาบสั้นขึ้นมา เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลินมู่ถือดาบในมือ เขารู้สึกราวกับว่ามันเป็นดาบอันสมบูรณ์แบบสำหรับเขา ดาบเล่มอื่นก่อนหน้าที่เขาลองมานั้นมักจะขาดคุณสมบัติในด้านในด้านหนึ่งไป แต่ดาบเล่มนี้สมบูรณ์แบบอย่างมาก แม้แต่มือใหม่ที่ไม่เคยจับดาบอย่างหลินมู่ยังบอกได้ว่าดาบเล่มนี้นั้นไม่ธรรมดา ราวกับว่ามียอดนักตีดาบตีมันขึ้นมา
ชายชราสังเกตทุกการกระทำของหลินมู่อย่างใกล้ชิด ด้วยประสบการณ์นานหลายปีนั้นทำให้เขาบอกได้ว่าหลินมู่ชอบดาบเล่มนี้
“ลองฟันดูแล้วบอกข้าว่าเจ้ารู้สึกอย่างไร”
จิงเหว่ยพูด
หลินมู่พยักหน้า ทั้งชายชราและสตรีก้าวถอยหลังเพิ่มพื้นที่ให้กับเขา หลินมู่ผู้ไม่เคยใช้ดาบมาก่อนนั้นกวัดแกว่งดาบอย่างงุ่มง่ามและเต็มไปด้วยความผิดพลาด ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้จิงเหว่ยมองด้วยความยอมรับ
การได้ลองฟันดาบสั้นเล่มนี้เพียงไม่กี่ครั้งทำให้หลินมู่ชอบมันยิ่งกว่าเดิมและตัดสินใจซื้อ
“ข้าอยากซื้อดาบเล่มนี้”
หลินมู่มั่นใจ
“ข้าขายสิบห้…”
สตรีพูดยังไม่ทันจบ ชายชราก็พูดแทรกขึ้นมา
“เล่มนี้ 30 เหรียญเงิน”
ชายแก่ยิ้มแหย่ตอนที่พูด
หลินมู่ตกใจเมื่อได้ฟังราคา เขายืนกราน
“ตะ-แต่ว่าข้ามีงบแค่ 15 เงินนะ”
“ราคารวมกับของอย่างอื่น แล้วก็ค่าประเมินดาบที่เหมาะสมกับเจ้าด้วย”
“เจ้ามีมากกว่า 30 เงินติดตัวไม่ใช่รึ?”
จิงเหว่ยถามด้วยเสียงเย้ยหยัน แต่ใบหน้านั้นไร้ความรู้สึก
ฟังจากน้ำเสียงชายแก่ หลินมู่อยากจะโต้แย้งแต่ก็ต้องกลืนคำูดลงไปเมื่อได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย เขารู้แล้วว่าเขาได้เห็นบางอย่างที่ไม่ควรเห็น นั่นคือรังสีของชายแก่ และนั่นคือราคาที่เขาต้องจ่าย เมื่อคิดถึงคุณภาพของดาบแล้วนั้น มันก็นับว่าไม่แพงเกินไปเช่นกัน ดังนั้นหลินมู่จึงต้องกัดฟันจ่ายไป
เช่นเคย หลินมู่ทำเป็นล้วงมือหยิบเงินและยื่นให้สตรี นางคืน 30 ทองแดงให้หลินมู่เป็นเงินทอนซึ่งทำให้เขารู้สึกแย่อยู่หน่อย ๆ หลังจากเก็บเงินไปแล้วนางก็ให้ฝักดาบกับหลินมู่ด้วย ฝักดาบนั้นมีขนาดเท่ากับดาบ แต่ลวดลายนั้นไม่เข้ากันเอาเสียเลย
“ทำไมฝักดาบถึงไม่เข้ากับดาบล่ะ?”
หลินมู่ถามนาง ซึ่งชายชราเป็นคนตอบเขา
“ดาบสั้นเล่มนี้ไม่มีฝักของมันหรอก มันไม่ได้ถูกทำมาให้อยู่ในฝัก”
เมื่อเห็นหลินมู่กำลังจะเอ่ยปากอีกครั้ง ชายชราเลยพูดต่อ
“และฝักดาบนั่นก็มีไว้เก็บซ่อนตัวดาบ เจ้าคงไม่อยากให้มีคนทีแกร่งกว่าหรือโจรมาชิงไปใช่หรือไม่?”
“ใช่ ที่ท่านพูดก็จริง ขอบคุณที่คิดล่วงหน้าแทนข้า”
หลินมู่ตอบหลังจากเข้าใจความตั้งใจของจิงเหว่ย
“ขอบคุณท่านด้วยนะแม่นาง…”
หลินมู่ตอบเชิงถาม
“ข้าชื่อต๋วนเค่อ”
นางตอบห้วน ๆ
“ขอบคุณแม่นางต๋วนเค่อ”
หลินมู่ตอบ
หลินมู่ใส่ดาบเข้าฝึกและผูกไว้กับเอว ด้วยน้ำหนักที่เบาและความสั้นของดาบ ทำให้ง่ายที่หลินมู่จะคาดเอวพกไว้ เมื่อซื้อขายเสร็จสิ้นแล้ว หลินมู่จึงรับถุงและกระเป๋าก่อนจะเดินออกจากร้านและมุ่งหน้าไปยังที่ที่เขาจะซื้อเสื้อผ้าและวัตถุดิบทำอาหารเพิ่มเติม เพราะตอนนี้เขามีเงินแล้ว
หลังจากหลินมู่ออกมาจากร้านเก่าที่เต็มไปด้วยฝุ่น ชายแก่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นพลางใช้ความคิด และนางต๋วนเค่อก็ได้พูดขึ้นมา
“ท่านปู่ ใยท่านให้ดาบเก่าของท่านกับเด็กนั่นเล่า?”
“แล้วยังตั้งใจประเมินให้เขาด้วย ใช้ดาบทดสอบตั้งเจ็ดเล่ม”
ต๋วนเค่อดูจะสับสนเล็กน้อยและกังวลอยู่ในแววตาขณะที่ถามจิงเหว่ย ชายชราเงียบอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ต๋วนเค่อรอฟังคำตอบอย่างอดทน หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป จิงเหว่ยก็ถอนหายใจก่อนตอบ
“เจ้าบอกว่าเด็กคนนั้นไม่ได้พกเงินมากับตัวในตอนที่เดินเข้ามา แต่ก็เรียกเงินออกมาได้ในตอนทีเ่จ้าถาม ข้าคิดว่าเจ้าคงเข้าใจผิด แต่ข้าเองก็สัมผัสไม่ได้เช่นกัน”
ต๋วนเค่อตกตะลึงเมื่อได้ฟังคำตอบ แม้ว่าปู่นางจะผนึกพลังบ่มเพาะไปแล้ว สัมผัสของเขาก็มิใช่สิ่งที่จะมองข้ามได้ จิงเหว่ยพูดต่อเมื่อเห็นต๋วนเค่อตกใจ
“เด็กคนนั้นทนรับเสี้ยวพลังของข้าได้โดยที่ไม่สลบ”
“ทีแรก ข้าคิดจะทดสอบเขาสักหน่อยและจะเลิกถ้าเด็กคนนั้นรับไม่ไหว แต่เด็กนั่นกลับทนได้และพลังยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย”
ต๋วนเค่องุนงงยิ่งขึ้นไปอีก นางถาม
“แต่ท่านปู่ แค่นี้ก็ยังไม่ใช่เหตุผลมากพอที่ท่านจะขายดาบเก่าที่ท่านปู่ใช้ตอนยังหนุ่มในราคาถูกเช่นนั้นนะ”
ชายชรายิ้มเล็กน้อยเมื่อหลานสาวถาม เขาพูดขึ้นอีกครั้ง
“ข้าผนึกพลังมาเกินสิบปีแล้ว แต่วิถีดาบของข้ายังเล็ดรอดออกไป คนธรรมดาคงมิอาจสัมผัสได้ มีแต่ผู้บ่มเพาะพลังที่ทำได้”
นางผงะเล็กน้อย แต่ความสงสัยของนางก็มิได้จางหายไป
“ใช่ ท่านปู่ เด็กคนนั้นไม่ได้รับผลกระทบอะไร แล้วก็ไม่ได้ตอบสนองอะไรตอนที่วิถีดาบท่านเล็ดรอดออกมาด้วย”
“ไม่เลย เด็กนั่นไม่ใช่แค่สัมผัสวิถีดาบข้าได้ แต่เขายังเห็นรูปร่างของมันด้วย แสร้งทำเป็นไม่รับรู้ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่ข้ารู้ว่าเขาเห็น หัวใจมันทรยศใบหน้าเสียแล้ว”
“ส่วนเรื่องที่เด็กคนนั้นเรียกเงินออกมาจากความว่างเปล่าได้ ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน เด็กนั่นไม่มีแหวนเก็บของหรือไม่มีสมบัติที่ใช้เก็บของติดตัวเลย”
ต๋วนเค่อพูดไม่ออกในคราวนี้ และนางไม่รู้ว่าจะใช้ความคิดเช่นใด เมื่อเห็นว่าหลานสาวที่รักตกอยู่ในภวังค์ความคิด จิงเหว่ยหันกลับไปพักแต่ก็หยุดที่ประตูและพูดออกมา
“จับตาดูเด็กนั่นไว้ เค่อเอ๋อ สิ่งเดียวที่ข้ามั่นใจก็คือเด็กนั่นมีความลับ และเราไม่รู้ว่ามีใครแอบช่วยเหลือเขาอยู่ข้างหลังหรือไม่”
ชายชราจากไปหลังจากพูดกับต๋วนเค่อที่หลุดออกจากความคิดตัวเองเมื่อได้ฟังคำพูดของปู่
หลินมู่เดินไปยังร้านเสื้อผ้า เขาไม่รู้เลยว่าคู่ปู่และหลานสาวพูดคุยเรื่องน่าตกใจเช่นใดต่อกัน หลินมู่เองก็ไม่รู้ด้วยว่าทั้งจิงเหว่ยและต๋วนเค่อนั้นมิอาจมองเห็นแหวนลึกลับในมือเขาได้
หลินมู่กำลังคิดถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในร้านและปรากฏการณ์ที่เขาได้เห็น ประการแรกคือสายตาของชายแก่ที่ทำให้เขาหายใจไม่ออก และต่อมาคือรูปร่างของดาบ กับยักษ์เหนือจินตนาการที่เขาได้เห็น
‘ข้าต้องเจอแต่เรื่องตกใจหลังจากได้เจอแหวนวงนี้ และมันดูจะมีแต่เรื่องรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ’
หลินมู่คิดในใจ
‘ชายแก่คนนั้นไม่ธรรมดา เขาจะต้องเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งกว่าพวกที่ข้าเคยเจออย่างมาก’
กว่าหลินมู่จะคิดจบ เขาก็พบว่าตัวเองอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยร้านขายเสื้อผ้าแล้ว เขาเลือกร้านแบบสุ่มและเดินเข้าไปร้านแห่งหนึ่ง เขาเห็นคนจำนวนมากในร้านแต่ก็ไม่ได้แน่นนัก คนขายเห็นเขาและถามว่าเขากำลังมองหาอะไร หลินมู่เพียงตอบไปว่าหาชุดสี่ชุดที่ทนทานแต่มิได้บอกรายละเอียดมากไปกว่านั้น