ตอนที่ 11 เสียงที่เป็นประโยชน์ (อ่านฟรี)
ณ พระราชวังบักกิงแฮม,
ดัมเบิลดอร์มาถึงนอกวังพร้อมกับตัวแทนจากฝ่ายราชินี ทางพระราชวังบัคกิงแฮมเริ่มจ้างพ่อมดบางคนแล้ว เนื่องจากราชินีรู้เรื่องคำสาป คนเหล่านี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยส่วนตัว อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงลึกเกินไปในวังในของราชินี เพราะคนเหล่านี้ไม่มีใครเป็นพันธมิตร พวกเขาอาจฆ่าเธอด้วยซ้ำหากมีคนจ่ายเงินให้พวกเขาในจำนวนที่ดี ก
ดัมเบิลดอร์ได้รับเชิญเข้าไปในปราสาทด้วยความเคารพ ควีนรู้ด้วยว่าชายคนนี้ถือเป็นพ่อมดที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างน้อยก็ในชุมชนเวทมนตร์ของอังกฤษ
เธอทักทายชายชราด้วยความเคารพ "คุณดัมเบิลดอร์ ยินดีต้อนรับสู่บ้านของฉัน เชิญนั่งค่ะ"
"ขอบพระทัยฝ่าบาท" ดัมเบิลดอร์นั่งลงในขณะที่มองไปรอบๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ แต่ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร อันที่จริง มันน่าเบื่อเมื่อเทียบกับฮอกวอตส์
ไม่นานนัก ชาก็มาเสิร์ฟและการสนทนาอย่างจริงจังก็เริ่มขึ้น
"กระหม่อมได้ยินเกี่ยวกับปัญหาของพระองค์จากอดีตรัฐมนตรีน็อบบี้" ดัมเบิลดอร์เป็นคนเริ่ม
ควีนเอลิซาเบธที่ 2 มีพระชนมายุ 43 พรรษา และดัมเบิลดอร์มีอายุ 88 ปีแล้ว เธอจึงต้องพูดอย่างสุภาพ ปราศจากท่าทางโอ่อ่า
“ใช่ค่ะ เขาแนะนำวิธีบางอย่างในการตามหาองค์รัชทายาทองค์นี้ ฉันได้ยินมาว่ามีหนังสือที่บันทึกชื่อเด็กทุกคนในฮอกวอตส์ ฉันขอร้องอย่างนอบน้อมให้คุณช่วยดูสักครั้ง จะเป็นประโยชน์แก่ราชวงศ์และตัวฉันอย่างยิ่ง เราจะไม่มีวันลืมบุญคุณนี้เลย” ราชินีตรัสเสียยืดยาว
ดัมเบิลดอร์ลูบเครายาวของเขา “อืม ฝ่าบาท พระองค์รู้เรื่องกฎของเวทมนตร์มากแค่ไหนหรือ?”
"แทบจะไม่ทราบอะไรเลย" ราชินีตอบตามตรงแม้ว่าพระองค์จะรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่
“ไม่เหมือนกับมักเกิ้ล... กระหม่อมหมายถึงกฎของผู้ที่ไม่ใช่ผู้วิเศษ กฎเวทมนตร์นั้นอันตรายกว่ามาก หากฝ่าฝืนแล้วอาจก่อให้เกิดโทษร้ายแรงได้ เวทมนตจำพวกร์นี้ล้วนได้รับการพิสูจน์มาหมดแล้ว หนังสืออนุญาตเป็นสิ่งที่แม้แต่กระหม่อมยังไม่กล้าเปิด มันจะถูกอ่านได้ก็ต่อเมื่อทำการส่งจดหมายตอบรับเด็กใหม่ก่อนเปิดภาคเรียนในแต่ละปีเท่านั้น” เขาอธิบายแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เปิดเผยทุกอย่าง อันที่จริงสมุดตอบรับเข้าเรียนสามารถเปิดได้ แต่เขาไม่อยากทำเพราะไม่มีความจำเป็น
โลกยังไม่สิ้น ท้องฟ้ายังไม่ถล่ม เพราะแบบนั้นหากไม่มีเหตุผลจำเป็นใดๆ เขาก็ไม่ต้องการแหกกฎห้ามอ่านชื่อเด็กก่อนที่มีการส่งจดหมาย
“แล้วเปิดไม่ได้หรือไง” เธอถามด้วยใบหน้าบึ้งตึง
"ไม่ กระหม่อมทำไม่ได้ แต่บางทีกระหม่อมอาจช่วยพระองค์ได้พระองค์จะให้กระหม่อมดูแผ่นศิลา" เขาแนะนำ อันที่จริงเขาแค่ต้องการเห็นมันเพื่อสัมผัสกับเวทมนตร์ของเมอร์ลิน
ราชินีตกลงและบอกให้ผู้ช่วยของเธอนำมันมา ในไม่ช้ามันก็อยู่ในมือของดัมเบิลดอร์ เขาตรวจสอบศิลาดังกล่าวทุกซอกมุมสัมผัสได้ถึงเวทมนตร์ที่ใช้ในนั้น มันยังคงสว่างจ้า
“อืม มันเป็นเวทมนตร์เก่าที่แข็งแกร่งจริงๆ แน่นอนว่าร่ายโดยเมอร์ลิน กระหม่อมแน่ใจว่าแผ่นหินนี้จะไม่หยุดเรืองแสงจนกว่ากษัตริย์ผู้ถูกเลือกจะขึ้นนั่งบนบัลลังก์ และใช่ สิ่งนี้จะสาปพระองค์และครอบครัวของพระองค์ให้ดับสูญหากเพิกเฉยต่อการตัดสินใจของมัน”
“อย่างไรก็ตาม มันจะไม่ฆ่าพระองค์ทันที จะเกิดก็ต่อเมื่อพระองค์พยายามที่จะทำร้ายกษัตริย์ที่ถูกเลือกเท่านั้น ดังนั้นพระองค์จึงยังไม่เจอกับภัยคุกคามในทันที นอกจากนี้ หากชื่อนี้ปรากฏขึ้นขณะส่งจดหมายตอบรับจากฮอกวอตส์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า กระหม่อมจะแจ้งให้พระองค์ทราบ นั่นคือทั้งหมดที่กระหม่อมสามารถช่วยพระองค์ได้” ดัมเบิลดอร์กล่าวยาวเหยียด
ราชินีมีความโล่งใจอยู่บ้างแล้ว “ขอบคุณ คุณดัมเบิลดอร์ เราจะไม่ลืมความช่วยเหลือนี้อย่างแน่นอน”
“หาเป็นไรมิได้ฝ่าบาท ตอนนี้กระหม่อมควรกลับไปที่โรงเรียนได้แล้ว กระหม่อมมีงานต้องทำ..” ดัมเบิลดอร์ออกจากอาคารด้วยความเคารพและหายตัวกลับไปที่ฮอกวอตส์
เขาตามตัวมักกอนนากัลให้ไปที่ห้องของเขาทันทีที่มาถึง "มิเนอร์วา ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป เมื่อจดหมายตอบรับถูกส่งออกไป ผมอยากให้คุณตรวจสอบชื่อสกุลที่มีคำว่าเพนดรากอนอยู่ในนั้น ถ้าปรากฏขึ้นมา รบกวนคุณแจ้งให้ผมทราบ ผมจะไปรับนักเรียนเป็นการส่วนตัว"
มักกอนนากัลรู้สึกสับสนกับคำขอนี้ แต่เธอก็ไม่ถามอะไรมันไม่ใช่เรื่องยาก
...
บ้านเลขที่ 10 ซอยพรีเว็ต
แม็กนัสเพิ่งกลับมาจากโรงเรียน ผ่านไปไม่กี่วันหลังโรงเรียนเปิด เขาลงจากรถของพ่อและถูกนักข่าวพุ่งใส่ แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็คือมีมากกว่าเดิมอีก
~ทำไมพวกเขาถึงไม่ปล่อยฉันไปสักที~ เขาสงสัย
"แม็กนัส"
“แม็กนัสครับ/คะ” พวกเขาตะโกนเรียกชื่อเขา
ในไม่ช้าพ่อของเขาก็มายืนอยู่ข้างหลังเขาเช่นกัน “ทำไมพวกคุณยังอยู่ที่นี่อีกล่ะ?”
“คุณไม่รู้เหรอคุณแกรนท์” นักข่าวคนหนึ่งถามว่า
"ไม่รู้อะไร?" อดัมถาม
"แมกนัสจะได้รับรางวัลเหรียญจอร์จ ครอส มีการประกาศในวันนี้ อยู่ในหนังสือพิมพ์ภาคค่ำด้วย" นักข่าวกล่าวว่า
~ อะไรนะ? แม็กนัส... จอร์จ ครอส?~ อดัมตกตะลึง เขามองลงไปที่แม็กนัส
แม็กนัสก็มองหน้าเขาเช่นกัน "จอร์จคือใครฮะ?"
"แม็กนัส แม็กนัส... คุณรู้สึกอย่างไรครับกับข่าวนี้" ผู้ชายคนหนึ่งถามเขา
จากนั้นแม็กนัสก็ตอบเพียงคำเดียว มันเป็นคำที่เขาเพิ่งเรียนรู้ในโรงเรียน "อึ้งไปเลย.."
จากนั้นอดัมก็พาเขาเข้าไปในบ้าน เกรซอยู่ที่นั่นแล้ว เธอนั่งอยู่บนโซฟาดูโทรทัศน์ ใบหน้าของเธอมีสีหน้าตกใจไม่ต่างจากหน้าของอดัมเมื่อตะกี้เปี๊ยบ
ในทีวีมีการออกอากาศข่าวและยังแสดงรายงานเกี่ยวกับ แม็กนัสที่ได้รับเหรียญกล้าหาญจอร์จ ครอส
"จอร์จ ครอส คืออะไรหรอฮะ?" แม็กนัสถาม
เกรซมองดูเขาและเงียบไปสองสามวินาที ทันใดนั้นเธอก็มาหาเขาและยกเขาขึ้นในอากาศและหมุนวนไปรอบๆ อย่างมีความสุข
"เจ้าตัวแสบ ลูกไม่รู้หรอกว่าข่าวนี้ใหญ่โตแค่ไหน.. จอร์จ ครอส ก็เหมือน วิกตอเรียครอส แต่มีไว้สำหรับพลเรือนจ่ะ ยากมากเลยนะจ๊ะที่จะได้รับเหรียญกล้าหาญนี้ เห็นในข่าวเขาบอกว่าราชินีจะมอบเหรียญกล้าหาญให้ลูกเป็นการส่วนพระองค์และจะมีการถ่ายทอดสดด้วยนะจ๊ะ"
เกรซเผย
“จริงเหรอฮะ ดีจังเลย พ่อฮะได้ถามเรื่องสัมภาษณ์หรือเปล่าฮะ” แม็กนัสถามทันทีที่เขาจำเรื่องบ็อบบี้ได้ เขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากกว่าพวกเหรียญรางวัล
อดัมพยักหน้าพลางบอกเขา “ช่าย พ่อมีเพื่อนที่ทำงานกรมประชาสัมพันธ์ เขาว่าจะช่วยพ่อเตรียมการสัมภาษณ์ รวมถึงบทสัมภาษณ์ทาง BBC1 แล้วก็มีสำหรับหนังสือพิมพ์ด้วย”
"ขอบคุณฮะ... ผมจะไปที่ห้องของผมและต้องเตรียมตัวสำหรับสิ่งที่ผมจะพูดล่ะ" แม็กนัสวิ่งไปที่ห้องของเขาอย่างมีความสุข
เมื่อเขาจากไปแล้ว เกรซมีสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย “อดัม คุณแน่ใจหรือคะว่าการให้เขาออกทีวีเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”
อดัมกอดเธอ “อย่ากังวลไปเลยเกรซ พวกเขาจะไม่กล้าสืบหาประวัติครอบครัวของเราหรอก บันทึกของเรายังเป็นความลับ ถึงยังไงเราทั้งคู่ต่างก็เป็นบุคลากรทางทหาร”
"อืม ฉันหวังว่าคุณจะพูดถูก *เฮ่อ* เอาล่ะ วันนี้เป็นวันพิเศษ คืนนี้เรามาฉลองด้วยมื้ออาหารดีๆ กันดีกว่า" แล้วเธอก็มุ่งหน้าไปที่ห้องครัวอย่างมีความสุข
แต่แล้วเธอก็หยุดชะงักแล้วหันกลับมาทันที "คุณคิดจะไปไหนคะ อดัม มาช่วยฉันหน่อยสิ"
อดัมเกาเคราของเขา “อ่ะ เอ่อ..เฮ้ ผมกำลังจะไปห้องน้ำ จะออกแล้วๆ”
“หยุดสูบซะ ไม่งั้นฉันจะฆ่าคุณแน่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ” เธอพูดอย่างเคร่งขรึมขณะชี้มีดสั้นไปที่เขา
...
แม็กนัสนั่งข้างโต๊ะหนังสือเล็กๆ ของเขา เขามีกระดาษอยู่ข้างหน้าเขาพลางเขียนสิ่งที่เขากำลังจะสัมภาษณ์กับกระดาษ
~โอเค ฉันอยากให้พวกเขาอยากรู้เกี่ยวกับการกระทำของฉันมากกว่านี้ในภายหลัง เลยไม่สามารถบอกตรงๆ ได้ทั้งหมด พอได้เหรียญแล้วพวกเขาน่าจะมาหาฉันอีกแน่นอน แต่ฉันไม่ต้องการให้เราถูกมองว่าเป็นครอบครัวจอมโลภ เพราะงั้นฉันจึงไม่สามารถขอเงินมากเกินไปได้ เพื่อให้ได้เงินเยอะๆ ฉันต้องให้สัมภาษณ์ให้เยอะที่สุดที่เป็นไปได้~ แม็กนัสตัดสินใจ
ตอนที่เขาเขียนเกี่ยวกับเหตุการณ์บนรถบัส เขาจำพลังของเขาได้ เขายังไม่สามารถเข้าใจวิธีการควบคุมมัน เขารู้ว่าเขาสามารถสร้างความร้อนได้ แต่เขายังไม่รู้วิธีสร้างไฟ
“อืม มือฉันน่าจะพอทนไฟไหว บางทีฉันควรจะตั้งใจกับมันดู ได้โปรด ออกมาเถอะนะ ไฟ” เขาจ้องมองที่ฝ่ามือของเขาพลางร้องขอให้ไฟออกมา
เขารอไป 5 นาที ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น
แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของเขา “เจ้าเป็นนายแห่งเวทมนตร์ แม็กนัส มิต้องสงสัยเลย เวทมนตร์เป็นเพียงเครื่องมือ ใช้มันดุจเครื่องมือ อย่าปล่อยให้มันควบคุมเจ้า ยิ่งจิตใจของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด เวทมนตร์ของเจ้าก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นฉันใดก็ฉันนั้น”
มันเป็นเสียงแหบแห้งแต่ใจดี มันพูดกับแม็กนัสเบาๆ
แม็กนัสถอยลงจากเก้าอี้ด้วยความตกใจ
"ค-ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ" แม็กนัสถาม แต่คราวนี้ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา เขาถามอีกสองสามครั้งแต่ก็ยังเงียบอยู่
ในที่สุด เขาก็สูดหายใจเข้าออกยาวๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ เขามองไปที่ฝ่ามือของเขาอีกครั้ง "หืม... ฉันเป็นนายงั้นเหรอ? แล้วนี่เป็นเครื่องมือ? เหมือนค้อนเหรอ? งั้นก็ขยับตามที่ฉันต้องการสิ"
เขาเพ่งไปที่ฝ่ามืออีกครั้ง คราวนี้ไม่เรียกร้องแล้ว เขาสั่งมันอย่างหนักแน่น ตั้งใจและจินตนาการให้ไฟออกมา
“ช่าย” แม็กนัสรู้สึกว่าฝ่ามือของเขาร้อนขึ้น ความคาดหวังเกิดขึ้นในใจของเขา
เขาตั้งสมาธิเงียบๆ จากนั้นไม่นานก็เกิดควันขึ้นเล็กน้อย "ช่ายยย"
*ปู๊ด*
"ม่ายยย..." เหมือนเสียงตด มันส่งเสียงแล้วหายไป มันไม่ประสบความสำเร็จ
“วันนี้มีควัน พรุ่งนี้มีไฟ ใช่แล้ว ฉันจะฝึกทำทุกวัน” แม็กนัสพยายามปลอบใจตัวเอง
แต่ทันใดนั้นเอง แม็กนัสก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมา “ฉันน่าจะควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้ถ้ามันเป็นแค่เครื่องมือล่ะก็นะ ไม่น่าจะยาก”
จากนั้นแมกนัสก็หลับตาและพยายามทำให้อุณหภูมิร่างกายลดลง ไม่นานเขาก็เริ่มรู้สึกหนาว เขาจึงยกมันขึ้นเล็กน้อยเพื่อไม่ให้รู้สึกหนาว แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าอุณหภูมิของเขาลดลงหรือเปล่า
เขารีบลงไปชั้นล่างไปที่ห้องของพ่อแม่ในซึ่งตอนนี้พวกเขาอยู่ในครัวและหยิบเทอร์โมมิเตอร์ เขาวางไว้ใต้รักแร้และรอ
[ผู้แปลขออนุญาติเปลี่ยนจากฟาเรนไฮต์ เป็น เซสเซียสนะครับ เผื่อความสะดวกในการอ่าน]
~ อืม... 43 องศา สูงนะแม่จ๋าบอก ฉันควรจะลดมันลงให้ต่ำกว่า 38 องศา~ เขาคิด
หลังจากผ่านไป 5 นาที เขาก็หยิบเทอร์โมมิเตอร์ออกมาตรวจสอบ มันอยู่ที่ 37 องศา "นี่น่าจะดีนะ"
เขาจึงรีบวิ่งไปบอกแม่ของเขา เห็นได้ชัดว่าเธอกังวลอยู่ตลอดเวลา คิดถึงสุขภาพของเขา คิดว่าเขามีโรคบางอย่างที่ไม่รู้จัก
“แม่จ๋า ดูสิฮะ อุณหภูมิผมลดลงแล้ว” แม็กนัสเกือบจะตะโกน
เกรซหันขวับมาหาเขาทันที เธอรีบสัมผัสหน้าผากของเขาทันที รู้สึกมีความสุขมาก “ลูกพูดถูก ลองตรวจสอบอีกครั้งดูนะจ๊ะ”
แม็กนัสให้เทอร์โมมิเตอร์ตรวจสอบอีกครั้ง ในไม่ช้าก็ได้รับการยืนยันว่าอุณหภูมิของเขาลดลงจนเกือบเป็นปกติ เธอกอดเขาและรู้สึกผ่อนคลาย
“วันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับแม่จริงๆ ไปล้างมือซะนะจ๊ะ อาหารเย็นพร้อมแล้ว แม่จะป้อนหนูเอง” เธอพูดอย่างมีความสุข
“ไม่เอาอ่ะ ผมจะกินเองฮะ” เขาตอบอย่างเขินอายและรีบเดินไปที่ห้องน้ำ เขามองดูตัวเองในกระจก เขายังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า การได้เห็นแม่มีความสุขเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข
แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นล็อกเก็ตไม้ที่คอ เขาแน่ใจว่ามันเป็นของวิเศษ เขาถือมันไว้ด้วยมือเดียว
“ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ขอบคุณฮะ ตอนนี้แม่จ๋ามีความสุขแล้ว” เขาขอบคุณเสียงที่ไม่รู้จักที่ช่วยเขา
*ปิ๊ง ปิ๊ง*
เขาตกใจสะดุ้งเฮือก ล็อกเก็ตก็กะพริบเป็นแสงสีน้ำเงินราวกับว่ายอมรับคำพูดของเขา กรามของแม็กนัสค้าง วันเวลาของเขาชักจะแปลกขึ้นทุกวัน
_____________________________
…