ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 15 การก่อค่ายกลห้าธาตุขนาดย่อม, ตาข่ายไหมพันวิญญาณ
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 15 ติดตั้งค่ายกลห้าธาตุขนาดย่อม, ตาข่ายไหมพันวิญญาณ
เนื่องจากผู้อาวุโสตระกูลฉู่ถูกปิดล้อมสังหาร สายเลือดหลักของตระกูลฉู่ส่วนใหญ่จึงกลับมายังจวนบรรพชน
เพื่อป้องกันไม่ให้ลัทธิมารซื้อข้อมูลเพิ่มจากหอจันทร์ทมิฬและสังหารสายเลือดหลักของตระกูลฉู่
ในเวลาเดียวกัน ราชวงศ์ฉินพร้อมด้วยตระกูลสามขุนนางใหญ่ก็ได้เจรจากับหอจันทร์ทมิฬเพื่อขอให้ระงับการขายข้อมูลแก่ลัทธิมารในระยะสั้นๆ
แน่นอนว่าลูกค้าหลักของหอจันทร์ทมิฬก็คือราชวงศ์ฉินกับตระกูลสามขุนนางใหญ่ พวกเขาจึงตอบตกลง แต่หากกล่าวตามตรงหากลัทธิมารยอมจ่ายหนักพอ หอจันทร์ทมิฬก็ยังคงขายข้อมูลให้แก่ลัทธิมารอยู่ดี
การกวาดล้างลัทธิมารยังคงดำเนินต่อไป
ฉู่เซวียนรู้สึกกังวลเกี่ยวกับท่าทีของจักรวรรดิต้าเซี่ย
ข่าวที่เขาได้รับมาก็คือแคว้นฉินวางใจให้หอจันทร์ทมิฬจับตามองการเคลื่อนไหวของจักรวรรดิต้าเซี่ย เมื่อจักรวรรดิต้าเซี่ยส่งยอดฝีมือออกมา หอจันทร์ทมิฬจะต้องแจ้งให้แก่แคว้นฉินทราบทันที
เนื่องจากแคว้นฉินมีแผนรับมือกับจักรวรรดิต้าเซี่ยแล้ว ฉู่เซวียนจึงไม่ต้องกังวลกับการบุกโจมตีสายฟ้าแลบของจักรวรรดิต้าเซี่ย
จักรวรรดิต้าเซี่ยเองก็มีศัตรูมากมาย เมื่อส่งยอดฝีมือออกไป แม้ว่าแคว้นฉินจะรับมือไม่ได้ แคว้นฉินก็ยังสามารถขอความช่วยเหลือได้
สิ่งที่ฉู่เซวียนกังวลมากกว่านั้นก็คือหอจันทร์ทมิฬเป็นพวกเห็นแก่ตัว หลังจากรับเงินของแคว้นฉินแล้ว พวกเขามักเข้าหาจักรวรรดิต้าเซี่ยเพื่อรับผลประโยชน์ให้ได้มากกว่าเดิม
พี่เจ็ดกลับไปยังจวนบรรพชนแล้ว
ฉู่เซวียนพักผ่อนอยู่ในเรือนสี่ประสานต่อไป
ฉู่เทียนหมิงเหมือนจะลืมเขาไปแล้ว
ไม่มีใครมาอีกนอกจากข้ารับใช้ที่มาส่งอาหารประจำทุกวัน
เมื่อถึงเดือนที่เจ็ด ฐานพลังยุทธ์ของฉู่เซวียนก็ได้เพิ่มเป็นขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่สาม
ด้วยการกินโอสถวิญญาณทุกวัน ความเร็วในการฝึกฝนพลังฐานจึงพุ่งทะยาน
แมววิญญาณสวรรค์มีความแข็งแกร่งในขอบเขตวิญญาณขั้นที่เก้าแล้ว
ฐานพลังยุทธ์ของมันไม่ได้ช้าลงแม้แต่น้อย ต้องไม่ลืมว่า แมววิญญาณสวรรค์คือสัตว์ลึกลับแห่งฟ้าดิน แถมมันไม่ได้ขาดโอสถวิญญาณ ฐานพลังยุทธ์ของมันจึงรุกหน้าอย่างรวดเร็วตามธรรมชาติ
“โฮสต์ได้เก็บตัวอยู่บ้านเจ็ดเดือน โฮสต์ได้รับรางวัลคือค่ายกลห้าธาตุขนาดย่อมและแผ่นจานค่ายกล”
คราวนี้ค่ายกล?
ฉู่เซวียนรู้สึกประหลาดใจ
เขารู้ว่าค่ายกลหายากอย่างมากในแผ่นดินหนานโจว คนที่ติดตั้งค่ายกลได้ล้วนเป็นยอดฝีมือขอบเขตจริงแท้
ไม่ต้องพูดถึงว่าแผ่นจานค่ายกลนั้นจำเป็นต้องหลอมสร้างจากยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิ
ตามความเข้าใจของฉู่เซวียน อาจจะเป็นเพราะแผ่นดินหนานโจวล้าหลังเกินไป
หลังจากได้รับค่ายกลและแผ่นจานค่ายกล ฉู่เซวียนก็เชี่ยวชาญการติดตั้งค่ายกลห้าธาตุขนาดย่อมและหลอมสร้างแผ่นจานค่ายกล
ฉู่เซวียนพบว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ในขอบเขตจริงแท้ก็ได้ เขาสามารถก่อตั้งค่ายกลและหลอมสร้างแผ่นจานค่ายกลด้วยฐานพลังยุทธ์ในปัจจุบัน
แน่นอนว่ายิ่งระดับฐานพลังยุทธ์ต่ำเท่าใด การติดตั้งค่ายกลหรือการหลอมสร้างแผ่นจานค่ายกลก็ยิ่งอ่อนแอลงเท่านั้น
ส่วนหนึ่งสาเหตุที่แผ่นดินหนานโจวไม่มีเต๋าแห่งค่ายกลน่าจะเป็นเพราะดินแดนนี้ล้าหลังหรือสูญเสียมรดกในการก่อตั้งค่ายกล?
บนแผ่นจานค่ายกล มีธวัชเล็กๆ อยู่ห้าผืนที่แทนธาตุทั้งห้า คือ ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน
ฉู่เซวียนก็ติดตั้งค่ายกลล้อมรอบเรือนสี่ประสาน
เรือนสี่ประสานยังคงดูเป็นเรือนสี่ประสานเช่นเดิม แต่หากค่ายกลถูกเปิดใช้ ฉู่เซวียนมั่นใจว่าแม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตรวมศูนย์ก็อาจติดอยู่ข้างใน...
หรือแม้แต่ถูกสังหาร
ฉู่เซวียนมีความมั่นใจมากขึ้น ตราบใดที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตรวมศูนย์ขั้นที่สี่ขึ้นไป เขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
ในแคว้นฉิน ดูเหมือนมีเพียงราชวงศ์ที่มีผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตรวมศูนย์
นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดราชวงศ์ฉินถึงกำราบตระกูลสามขุนนางใหญ่ได้
เนื่องจากแคว้นฉินถือได้ว่าอ่อนแอในแผ่นดินหนานโจว ความจริงที่ว่าแคว้นฉินสามารถยืนหยัดได้มาเป็นเวลานาน นั่นก็เพราะแคว้นฉินตั้งอยู่ในผืนดินที่ค่อนข้างแห้งแล้งและรักษาความสมดุลแต่ละแคว้น
เดาว่าจักรวรรดิต้าเซี่ยเองก็ไม่ได้คิดเรื่องแคว้นฉินมากนัก
เดือนที่เจ็ด ใกล้ถึงหนึ่งปีแล้ว
ฉู่เซวียนเต็มไปด้วยความคาดหวัง
รางวัลสำหรับการเก็บตัวอยู่บ้านหนึ่งปีย่อมเหนือกว่าเคล็ดวิชาจักรพรรดิอย่างแน่นอน
เหนือขอบเขตจักรพรรดิคือขอบเขตสวรรค์
ในแผ่นดินหนานโจว ขอบเขตจักรพรรดินั้นมีอยู่แต่ในตำนาน ยิ่งเหนือขอบเขตจักรพรรดิยิ่งกว่าเรื่องในตำนานซะอีก
วิชาที่เหนือกว่าเคล็ดวิชาจักรพรรดิคือเคล็ดวิชาสวรรค์ ซึ่งเป็นวิชาที่สามารถฝึกฝนไปยังขอบเขตสวรรค์ได้
ไม่ต้องพูดถึงแผ่นดินหนานโจว แม้แต่โลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ ยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ก็เป็นตัวตนชั้นยอดอย่างแน่นอน
ฉู่เสวียนประเมินว่ารางวัลขั้นต่ำสำหรับการเก็บตัวอยู่บ้านหนึ่งปี อย่างน้อยก็ต้องเป็นเคล็ดวิชาสวรรค์ใช่ไหม?
เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนถึงเดือนที่แปด ทันใดนั้นข่าวชิ้นหนึ่งที่ทำให้ทั้งตระกูลฉู่ตกใจก็มาถึง
ฉู่ชิงได้ปะทะกับผู้อาวุโสลัทธิมารสามคน หนึ่งในนั้นคือรองจ้าวลัทธิ
แม้ว่าอยู่ภายใต้การคุ้มครองของผู้อาวุโสตระกูลฉู่ แต่เขาก็ยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัส
ผู้อาวุโสขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่สามของตระกูลฉู่ สิ้นชีพ!
“เจ้าพวกสารเลว!” ฉู่เทียนหมิงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
ฉู่เซวียนสามารถได้ยินเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของฉู่เทียนหมิงดังมาถึงเรือนสี่ประสาน
ฉู่ชิงคือคนที่ฉู่เทียนหมิงกำลังฝึกฝนเพื่อให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไป
ฉู่ชิงทำได้อย่างยอดเยี่ยมในระหว่างการกวาดล้างลัทธิมาร
เมื่อฉู่ชิงเติบโตเต็มที่ ไม่เพียงแต่เขาสามารถทำให้ตำแหน่งและสถานะของตระกูลฉู่ มั่นคง แต่เขายังนำตระกูลไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้อีกด้วย
เมื่อฉู่ชิงถูกซุ่มโจมตี สิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงคือข้อมูลถูกขายจากหอจันทร์ทมิฬหรือไม่
เมื่อเกิดเรื่องขึ้น ผู้คนรอบตัวฉู่ชิงก็ถูกสอบสวนทันทีเพื่อหาดูว่ามีสายลับของหอจันทร์ทมิฬแฝงตัวอยู่หรือไม่
แม้ว่าพวกเขาทำอะไรกับหอจันทร์ทมิฬไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถฆ่าสายลับสักสองสามคน?
ฉู่เทียนหมิงออกจากจวนบรรพชนพร้อมกับอาวุธวิญญาณเพื่อไปโจมตีลัทธิมารด้วยตนเอง
เขาไม่ได้นำอาวุธสมบัติของตระกูลออกมา เพราะจำเป็นต้องปกป้องจวนบรรพชนเช่นกัน
หลังจากฉู่เทียนหมิงออกไป ตระกูลฉู่ก็เสริมการป้องกันเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ในความเป็นจริง มีผู้อาวุโสขอบเขตว่างเปล่าคอยตรวจตราอาณาเขตตระกูลอยู่
ฉู่ชิงได้รับบาดเจ็บสาหัส แถมฉู่อวิ๋นผู้มีพรสวรรค์ของตระกูลฉู่และเป็นหลานสุดรักของฉู่เทียนหมิง อาจตกเป็นเป้าหมายรายต่อไปของลัทธิมาร
ฉู่เซวียนอดกังวลเรื่องฉู่อวิ๋นไม่ได้
ฉู่เทียนหมิงลงมือด้วยตนเอง ตอนนี้ในสายตาคนนอก อาณาเขตตระกูลฉู่กำลังอยู่ในช่วงสภาพที่เปราะบางที่สุด
ฉู่เซวียนรู้สึกสงสัยว่าพวกลัทธิมารกำลังล่อพยัคฆ์ลงจากภูหรือไม่
ทว่าฉู่เทียนหมิงใช่ว่าจะโง่ขนาดนั้น เนื่องจากเขากล้าออกจากจวนบรรพชนหมายความว่าตระกูลฉู่มียอดฝีมือในระดับเดียวกับเขาคอยปกป้อง
ตระกูลฉู่ยืนหยัดอยู่ได้มาเป็นเวลานาน ย่อมต้องมีรากฐานของตนเอง แต่ฉู่เซวียน ไม่สามารถเข้าถึงความลับเหล่านี้ก็เท่านั้น
ฉู่เซวียนก็ได้เพิ่มการระวังตัวขึ้น เนื่องจากฉู่เทียนหมิงออกจากอาณาเขตตระกูลฉู่ จึงเปิดโอกาสให้ยอดฝีมือลัทธิมารมาบุกโจมตี
ในตอนกลางคืน ฉู่เซวียนเปิดใช้งานค่ายกลห้าธาตุขนาดย่อม ดูจากภายนอกเรือนสี่ประสานนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ แต่หากมีคนก้าวเข้ามา พวกเขาจะติดอยู่ข้างในค่ายกล
ด้วยค่ายกลห้าธาตุขนาดย่อม ต่อให้เกิดการสู้รบเขาก็มั่นใจว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ หลุดไปยังภายนอก
ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลายจนความแข็งแกร่งของเขาถูกเปิดเผย
หลังจากฉู่เทียนหมิงจากไป ข้ารับใช้ก็ไม่มีทางรับรู้ว่าลัทธิมารมุ่งเป้าไปที่ไหนต่อ ฉู่เซวียนจึงไม่รู้ความคืบหน้าของสถานการณ์
“โฮสต์ได้เก็บตัวอยู่บ้านแปดเดือน โฮสต์ได้รับรางวัลคือตาข่ายไหมพันวิญญาณ”
ในที่สุดรางวัลสำหรับการเก็บตัวอยู่บ้านแปดเดือนก็มา แม้ว่าเป็นอาวุธจักรพรรดิขั้นต่ำ แต่ก็ห่างไกลเกินกว่าอาวุธสมบัติจะเทียบเคียง
ตาข่ายไหมพันวิญญาณไม่ใช่อาวุธจักรพรรดิสายโจมตีหรือสายป้องกัน แต่เป็นสายพันธนาการและปิดผนึก
ด้วยอาวุธจักรพรรดิในมือ ฉู่เซวียนก็มีความมั่นใจมากขึ้น ต่อให้ยอดฝีมือขอบเขตรวมศูนย์ขั้นที่เจ็ดมาโจมตีด้วยตนเอง อาศัยค่ายกลห้าธาตุขนาดย่อมบวกกับตาข่ายไหมพันวิญญาณก็เพียงพอทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้อย่างหนัก
แม้ว่าการใช้อาวุธจักรพรรดิจะสิ้นเปลืองพลังยุทธ์มหาศาล แต่ฉู่เซวียนก็ฝึกฝนเคล็ดวิชาจักรพรรดิและเจตจำนงวิญญาณของเขาก็ก้าวข้ามขอบเขตว่างเปล่าไปแล้ว ซึ่งเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตรวมศูนย์ขั้นที่หนึ่งหรือขั้นที่สอง ไม่ใช่ปัญหาหากเปิดใช้งานตาข่ายไหมพันวิญญาณแค่หนึ่งครั้ง
ตราบเท่าที่ดึงศัตรูเข้าสู่ตาข่ายไหมพันวิญญาณได้ เว้นแต่อีกฝ่ายจะมีอาวุธจักรพรรดิเช่นกัน ไม่อย่างนั้น ก็ไม่มีทางหลบหนีไปได้
ซึ่งช่วยสร้างเวลาให้มากพอที่จะฟื้นฟูพลังยุทธ์ การสังหารศัตรูจึงย่อมไม่เป็นปัญหา
เวลาไม่กี่วันผ่านไปอย่างสงบสุข
ในคืนนี้ เงาสองร่างที่เกือบผสานเข้ากับความมืดได้เข้าสู่อาณาเขตตระกูลฉู่โดยไร้ซุ่มเสียง
เงาสองร่างนี้คือชายหนุ่มกับหญิงสาว ฐานพลังยุทธ์ของทั้งคู่อยู่ในขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่สอง แถมทั้งคู่ยังเป็นยอดฝีมือระดับผู้อาวุโสของลัทธิมาร
รูปร่างของหญิงสาวช่างชวนน่าหลงใหล แต่ใบหน้ากลับแต่งแต้มอย่างฉูดฉาด
จู้เฉียงกับซูเหยียนได้รับคำสั่งให้สวมอาภรณ์ซ่อนเร้นที่ลัทธิมารจ่ายอย่างหนักในการให้ได้มาเพื่อแฝงตัวเข้าไปในอาณาเขตตระกูลฉู่
ในไม่ช้าทั้งคู่ก็เข้าไปใกล้เรือนสี่ประสานของฉู่เซวียน
“บุตรชายของฉู่ชิวหลัวอยู่ที่นั่นหรือ?”
“ใช่”
ซูเหยียนมองไปยังบ้านหลังเล็กและทันใดนั้นก็เกิดความคิดชั่วร้าย...