ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 14 เกมอันน่าตื่นเต้น
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 14 เกมอันน่าตื่นเต้น
“ข้าก็ไม่มีประสบการณ์ แต่ไม่คิดว่ามันน่าตื่นเต้นดีหรือ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของพี่เจ็ดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นชั่วร้าย
เขาโบกมือแล้วผ้าไหมสีแดงก็คลี่ออกมาห่อตัวทั้งคู่จนเป็นรังไหมขนาดใหญ่ไว้เพื่อเล่นเกมอันน่าตื่นเต้น
ฉู่เซวียนทนไม่ได้อีกต่อไป
เขาไม่มีแม้แต่สาวใช้ แต่พี่เจ็ดกลับอยากทำสิ่งนั้นใต้จมูกของเขา นี่จงใจยั่วเขาไม่ใช่หรือ?
เมื่อคิดถึงการอยู่ในบ้านเพียงลำพังโดยไม่มีแม้แต่สาวใช้ ฉู่เซวียนได้แต่ถอนหายใจ ต้องไม่ลืมว่า เขาคือนายน้อยของตระกูลขุนนาง
การดูแลนายน้อยย่ำแย่เกินไปแล้ว
ขอสาวใช้หุ่นดีสักคนมาอยู่ข้างกายก็พอ ไม่ต้องรับใช้เขาก็ได้ อย่างน้อยก็ให้นางช่วยดูเจริญหูเจริญตาของเขา
ฉู่เซวียนใช้เจตจำนงวิญญาณยกกิ่งไม้ขึ้นมาจากพื้นดิน
เพี้ยะ!
และหวดเข้าตบก้นของพี่เจ็ดอย่างแรง
ฐานพลังยุทธ์ของพี่เจ็ดอยู่แค่ขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่สอง เขาจะค้นพบเจตจำนงวิญญาณของฉู่เซวียนได้ยังไง?
“อ๊าก!”
มืออันซุกซนของพี่เจ็ดรีบเอาลงมาจับก้นของตนเองทันที เขาตกใจกลัวจนตัวสั่นพร้อมกับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ?”
เหอเว่ยเว่ยถามอย่างประหม่า
“มีคนตีข้า!”
พี่เจ็ดกัดฟันเอ่ย
“ไม่เห็นมีใครเลย”
เหอเว่ยเว่ยกล่าวด้วยความงงงวย
พี่เจ็ดลูบก้นของตนเองแล้วกระจายจิตสัมผัสออกไป แต่ก็ไม่พบใคร
ทันใดนั้น เขาคิดถึงบางอย่างได้ก่อนจะมองไปยังเหอเว่ยเว่ยด้วยรอยยิ้มแปลกๆ “เช่นนั้นเองหรือ? เจ้านี่มันร้ายกาจจริงๆ มาดูกันว่าสามีของเจ้าจะลงโทษเจ้ายังไง!”
พี่เจ็ดได้แยกเขี้ยวแล้วผลักเหอเว่ยเว่ยลงกับพื้น
ฉู่เซวียนมีสีหน้าดำคล้ำและยกกิ่งไม้ขึ้นมาอีกรอบ
เพี้ยะ!
เขาหวดก้นพี่เจ็ดอย่างแรงอีกครั้ง
พี่เจ็ดคำรามออกมา “การตีคือจูบ การด่าคือรัก เหอเว่ยเว่ยสามีของเจ้าจะไม่ยอมแพ้”
เจ้าสารเลวนี่ ในตัวมันยังมียางอายเหลืออยู่ไหมเนี้ย?
ฉู่เซวียนถึงกับพูดไม่ออก
อ๊ากกกกกกก!
ฉู่เซวียนจึงหวดก้นพี่เจ็ดอย่างรัวๆ ชายหนุ่มก็ได้กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดขณะในมือยังคงกำเสื้อผ้าของเหอเว่ยเว่ยอยู่เพื่อเตรียมจะถอด
ใบหน้าอันงดงามของเหอเว่ยเว่ยพลันแดงก่ำ นางรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก
นางเห็นไม้เรียวที่ตีก้นพี่เจ็ด
อาวุโสของตระกูลฉู่ต้องเห็นมันแน่
ข้าตายแน่! ข้าตายแน่!
นางเป็นเด็กสาวผู้ไร้เดียงสา เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ นางจะต่อต้านได้ยังไง
ไม่อย่างนั้น นางจะทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีให้แก่ผู้อาวุโสของตระกูลฉู่ไม่ใช่หรือ?
เหอเว่ยเว่ยเริ่มดิ้น
“ไม่ พี่เจ็ด อย่าทำเช่นนี้ ปล่อยข้านะ!”
“กรีดร้องไปเถอะ ต่อให้เจ้ากรีดร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครได้ยินเจ้า”
เลือดของพี่เจ็ดกำลังเดือดพล่าน ช่างน่าตื่นเต้นเกินไปแล้ว
เหอเว่ยเว่ยคือคู่ขาอันยอดเยี่ยมสำหรับเขาเลย นางให้ความร่วมมือเกินไปแล้ว!
ฉู่เซวียนกำลังอาเจียนเป็นเลือด
เจ้าสารเลวพี่เจ็ดชั่วช้าอย่างแท้จริง! ไอ้หมอนี่ต้องเลวมาตั้งแต่เกิดแน่ ๆ
ยิ่งกว่านั้น เมื่อมองดูจากท่าทางของเขาแล้ว น่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งคู่เล่นเกมกันลักษณะนี้!
มารดาเจ้าเถอะ ช่างเป็นคู่ขาที่สมบูรณ์แบบกันจริงๆ !
หากฉู่เซวียนไม่หยุด ในไม่ช้าเขาต้องเห็นเหตุการณ์บาดตาบาดใจ
ฉู่เสวียนใช้เจตจำนงวิญญาณยกกิ่งไม้อันหนาขึ้นมาและทิ่มก้นของพี่เจ็ด!
“อ๊าก!”
พี่เจ็ดกระโดดโย้งเกือบสามเมตรพร้อมกับจับก้นของตนเอง ก่อนจ้องเขม็งไปยังเหอเว่ยเว่ย
“เว่ยเว่ยเจ้าล้ำเล้นเกินไปแล้วนะ เจ้าทิ่มตรงนั้นของข้า ข้าหวาดกลัวแทบตาย!”
เหอเว่ยเว่ยรีบจัดเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของตนเอง แววตาของนางเศร้าหมองและมองเขาอย่างอ่อนแรง
“ไม่ใช่ข้านะ มันคือ...ผู้อาวุโสของตระกูลฉู่!”
สีหน้าของพี่เจ็ดพลันแข็งค้าง เขากลืนน้ำลายดังฮึกก่อนกล่าวอย่างกระวนกระวายว่า “เว่ยเว่ย ไม่ใช่เจ้าจริงๆ หรือ”
“ไม่ใช่ข้า!”
เหอเว่ยเว่ยงุดหน้าลง
พี่เจ็ดหัวเราะแห้งๆ แล้วมองไปรอบๆ “ท่านลุงคนไหนขอรับ? ข้าเพียงแค่หยอกล้อกับเหอเว่ยเว่ยขอรับ”
น่าอายเกินไปแล้ว!
“ข้า...ข้าจะกลับแล้ว”
เหอเว่ยเว่ยรีบวิ่งจากไปด้วยสีหน้าแดงก่ำ
เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้อาวุโสปรากฏตัว พี่เจ็ดก็ยิ้มอย่างเคอะเขินและเตรียมจะจากไป
บ้าเอ้ย! น่าอายไหมละที่ทำสิ่งนั้นต่อหน้าต่อหน้าผู้อาวุโส
โชคดีที่เขาหน้าหนาพอ
เมื่อพี่เจ็ดออกจากป่า เขาก็เห็นบ้านหลังเล็กในระยะไกล
เขาวิ่งเข้าไปถามว่า “เจ้าสิบสาม เจ้าอยู่ไหม”
เมื่อพี่เจ็ดผลักประตู เขาก็เห็นฉู่เซวียนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสบาย ๆ
“เจ้าสิบสาม เจ้าอยากกลับไปยังจวนบรรพชนไหม? ข้าจะไปอ้อนวอนท่านปู่ให้”
“ไม่จำเป็น ข้าอยู่ที่นี่สบายกว่า”
“เจ้าต้องขยันฝึกฝนพลังยุทธ์ ตราบใดที่เจ้าบรรลุขอบเขตห้วงลี้ลับ ท่านปู่จะหายโกรธเจ้าแน่”
ในขณะที่พูด เขาก็สอดส่องไปทั่วเรือนสี่ประสานก่อนถามด้วยเสียงเบาหวิวว่า “เจ้าสิบสาม เมื่อกี้ท่านลุงคนไหนมาเยี่ยมหรือ”
เขาไม่สงสัยฉู่เซวียนแต่อย่างใด เนื่องจากในสายตาของเขา ฉู่เซวียนน่าจะอยู่ในขอบเขตมนุษย์ ซึ่งไม่มีทางสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวในป่าได้
“ไม่เห็น”
ฉู่เซวียนส่ายหัว
พี่เจ็ดเดินรอบสวนกลางบ้านและถอนหายใจ “เจ้าสิบสาม เจ้าไม่เหงาหรือ?”
“การอยู่คนเดียวในบ้านคงยากมากสำหรับเจ้า เหตุใดไม่ให้ข้าหาสาวใช้แก่เจ้าสักสองคนล่ะ”
ฉู่เซวียนถูกล่อลวงทันทีที่ได้ยินข้อเสนอ แต่เขาส่ายหัวปฏิเสธ
“ไม่ต้องหรอก ข้าใช้ชีวิตได้อย่างอิสระมากกว่าหากอยู่คนเดียว”
“เฮ้อ เจ้าสิบสาม เจ้าไม่รู้จักวิธีเพลิดเพลินเลยจริงๆ มองดูสภาพแวดล้อมรอบตัวสิ มีแต่ต้นไม้เขียวชอุ่ม พอตกกลางคืนก็ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว”
พี่เจ็ดเดาะลิ้น
“พี่เจ็ด ท่านมีประสบการณ์แล้วหรือ?”
“นิดหน่อย นิดหน่อยเอง ข้ามีประสบการณ์ไม่มากหรอก แค่เพียงไม่กี่สิบครั้ง”
“คนเดียว?”
ฉู่เซวียนถามหลังจากอดกลั้นมานาน
“ทำคนเดียวนะน่าเบื่อ”
นี่คือราชาแห่งน้ำนอง!
เหอเว่ยเว่ยคงไม่เป็นราชินีแห่งน้ำนองด้วยใช่ไหม? หากใช่ ทั้งสองคงเป็นคู่ขาที่สมบูรณ์แบบ
หลังจากพูดคุยกันสักพัก ฉู่เซวียนก็ถามเกี่ยวกับลัทธิมาร
โดยปกติ คนส่งอาหารไม่ค่อยรู้ข้อมูลอะไรมากนัก แต่ในฐานะสายเลือดหลักอย่างพี่เจ็ดย่อมรู้เรื่องราวมากกว่า
หลังจากที่ลัทธิมารได้รับความพ่ายแพ้อย่างหนักและพากันหลบหลบซ่อน ลัทธิมารก็ทำสงครามแบบกองโจร ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่ตระกูลฉู่ได้ไม่น้อย
โดยเฉพาะเมื่อครึ่งเดือนก่อน ผู้อาวุโสขอบเขตว่างเปล่าของตระกูลฉู่ถูกปิดล้อมสังหาร
สาเหตุที่การปิดล้อมสำเร็จ นั่นเป็นเพราะลัทธิมารจ่ายอย่างหนักเพื่อซื้อร่องรอยของผู้อาวุโสตระกูลฉู่จากหอจันทร์ทมิฬ แล้วเตรียมการซุ่มโจมตีไว้ล่วงหน้า
หอจันทร์ทมิฬเป็นขุมอำนาจที่ลึกลับที่สุดในแผ่นดินหนานโจว ตราบใดที่สามารถให้พวกเขาได้ก็สามารถซื้อข้อมูล ตั้งรางวัลนำจับ หรือซื้อสมบัติจากหอจันทร์ทมิฬ
แม้ว่าตระกูลฉู่จะรู้ว่าหอจันทร์ทมิฬปล่อยข้อมูลตำแหน่งของผู้อาวุโสในตระกูล ทำให้เขาถูกยอดฝีมือของลัทธิมารปิดล้อมสังหาร แต่ตระกูลฉู่ก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวเพื่อเปิดศึกกับหอจันทร์ทมิฬ
หอจันทร์ทมิฬนั้นทรงพลังและลึกลับมากเกินไป
อีกอย่างตระกูลฉู่ยังต้องอาศัยทรัพยากรบางอย่างจากหอจันทร์ทมิฬเป็นครั้งคราวด้วยเช่นกัน
ทว่าการซื้อข้อมูลร่องรอยของผู้อาวุโสตระกูลฉู่ ลัทธิมารเองก็ต้องจ่ายอย่างหนัก เนื่องจากหอจันทร์ทมิฬมักใจเหี้ยม พวกมันมักจะขายในราคามหาศาล
ตระกูลฉู่เองก็อยากซื้อข้อมูลของลัทธิมารเช่นกัน แต่ราคาแพงเกินไป หากไม่เช่นนั้น ลัทธิมารคงถูกกำจัดหมดไปนานแล้ว
หอจันทร์ทมิฬดูเหมือนจงใจขึ้นราคาเพื่อรักษาสมดุลระหว่างฝ่ายต่างๆ
หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ หอจันทร์ทมิฬจะทำกำไรต่อไปได้ยังไง
อันที่จริง ในสถานที่อันวุ่นวายหรือสนามรบบางแห่งก็มีเงาของหอจันทร์ทมิฬที่คอยเติมเชื้อไฟอยู่ทุกที่
ทุกคนรู้กันดีว่าหอจันทร์ทมิฬนั้นเห็นแก่ตัว แต่เนื่องจากมันทั้งลึกลับและทรงพลังมากเกินไป หอจันทร์ทมิฬจึงสามารถสยายปีกไปทั่วแผ่นดินหนานโจวและไม่มีใครรู้ว่าสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ไหน
ไม่มีขุมอำนาจหรือราชวงศ์ใดกล้าทำลายหอจันทร์ทมิฬ
ในประวัติศาสตร์ เคยมีราชวงศ์ทรงอำนาจทำลายเงาของหอจันทร์ทมิฬในดินแดนของตน แต่ในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนราชวงศ์ทรงอำนาจก็ได้ถูกลบหายไปจากแผ่นดินหนานโจว
และหอจันทร์ทมิฬยังถูกสร้างขึ้นใหม่