ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 13 วิชาดาบเต๋าสวรรค์, วิชามหาเต๋า
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 13 วิชาดาบเต๋าสวรรค์, วิชามหาเต๋า
ตระกูลเหอได้ถอนยอดฝีมือกลับไปช่วยกำจัดหมอกพิษและเพลิงพิษในอาณาเขตตระกูล แต่แม้ว่าจะกำจัดได้หมด ทว่าอาณาเขตส่วนหนึ่งก็ต้องได้รับผลกระทบในระดับหนึ่งอยู่ดี
เมื่อข่าวเรื่องนี้หลุดไป ตระกูลจ้าวก็ถอนยอดฝีมือกลับไปปกป้องอาณาเขตของตนเองเช่นกัน
แม้แต่ราชวงศ์ฉินก็ยังส่งยอดฝีมือหลายคนไปปกป้องสถานที่สำคัญของตน
ตระกูลฉู่เองก็ส่งยอดฝีมือบางส่วนไปเสริมการป้องกันรอบๆ อาณาเขตตระกูลอีกครั้ง
ในฐานะผู้เริ่มต้นกวาดล้างลัทธิมาร รวมถึงผู้ทำลายแผนการที่วางไว้นานนับหลายปีของลัทธิมาร ฉู่เทียนหมิงรู้ดีว่าตระกูลฉู่ต้องกลายเป็นหนามยอกอกของลัทธิมารไปแล้ว
ที่เขาสงสัยก็คือเหตุใดลัทธิมารถึงเลือกลงมือกับตระกูลเหอก่อน?
หลังจากที่ตระกูลเหอเผชิญกับหายนะ การบุกโจมตีสายฟ้าแลบใส่ตระกูลฉู่คงยากขึ้นหลายเท่า
พวกลัทธิมารบ้าไปแล้วหรือ?
ฉู่เซวียนอดไว้อาลัยตระกูลเหอไม่ได้ ลัทธิมารโจมตีตระกูลฉู่ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ถูกเขาขัดขวางไว้ได้ทุกครั้ง ลัทธิมารจึงหันไปโจมตีตระกูลเหอแทน
ทว่าตระกูลเหอยังคงกวาดล้างลัทธิมารต่อไป แม้ว่าเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้
แม้ว่าตระกูลเหอจะต้องถอนยอดฝีมือส่วนหนึ่งกลับไปปกป้องอาณาเขต แต่พวกเขาก็ยังคงส่งยอดฝีมือขอบเขตว่างเปล่าขั้นเจ็ดออกไปไล่ยอดฝีมือของลัทธิมาร
ยอดฝีมือขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่เจ็ดถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือชั้นสูงสุดของแคว้นฉิน
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ก็ไม่เหลือสาวกมารที่แฝงตัวอยู่ในอาณาเขตอีกต่อไป
ฉู่เซวียนได้ยินข่าวลัทธิมารจากข้ารับใช้ในทุกวัน
ลัทธิมารในเมืองฉู่สูญเสียขุมกำลังไปอย่างน้อยหกในสิบ
ลัทธิมารประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
ฉู่เทียนหมิงรู้สึกพึ่งพอใจฉู่ชิงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเกือบแน่นอนแล้วว่าเขาจะต้องกลายเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปของตระกูลฉู่
ครึ่งปี!
ฉู่เซวียนได้อยู่ในบ้านมาครึ่งปีแล้ว
เขาไม่ได้ออกจากบ้านครึ่งปีแล้ว ทุกวันเขาไม่อ่านหนังสือ ก็เล่นกับแมวน้อย หรือนอนหลับ วันเวลาของเขาผ่านไปอย่างสงบสุข
น่าเบื่อ?
ไม่มีคำนี้ในพจนานุกรมของเขา
ตราบใดที่คิดถึงอันตรายในโลกภายนอก เขาก็สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ด้วยการอยู่บ้าน ซึ่งไม่มีทางที่เรื่องวิเศษเช่นนี้จะน่าเบื่อ
ฐานพลังยุทธ์ของเขาทะลวงไปยังขอบเขตว่างเปล่า
ฉู่เสวียนเริ่มแปลงเจตจำนงวิญญาณและพลังวิญญาณให้กลายเป็นความว่างเปล่าก่อนแผ่กระจายออกไปทั่วเรือนสี่ประสานในระยะร้อยเมตร
ภายในระยะนี้ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ หลุดรอดสายตาของเขาไปได้
ยิ่งกว่านั้น เขาสามารถโจมตีใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาในระยะนี้ได้โดยไม่รู้ตัว
จุดเด่นของยอดฝีมือขอบเขตว่างเปล่าคือการแปลงเจตจำนงวิญญาณและพลังวิญญาณให้กลายเป็นความว่างเปล่า ราวกับว่าคนทั้งคนหลอมรวมกลายเป็นความว่างเปล่า
ในทางกลับกัน จุดเด่นของขอบเขตรวมศูนย์คือการผนึกรวมเจตจำนงวิญญาณและพลังวิญญาณที่เคยแปลงเป็นความว่างเปล่าผสานเข้ากับโลกจริง เมื่อผนึกรวมกันเป็นหนึ่งเดียวและสิ้นสุดการยกระดับก็จะถือว่าบรรลุขอบเขตรวมศูนย์
ในช่วงเวลาครึ่งปี เขาได้ฝึกฝนจากขอบเขตมนุษย์ไปยังขอบเขตว่างเปล่าด้วยความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน
เมื่อฉู่เซวียนบรรลุขอบเขตว่างเปล่า เขาก็รู้สึกว่ามีพลังในการปกป้องตนเองในแคว้นฉินแล้ว
บวกกับรางวัลต่างๆ ที่เคยได้รับ ฉู่เซวียนก็ไม่หลาดกลัวต่อให้เผชิญหน้ากับยอดฝีมือขอบเขตว่างเปล่าขั้นสูงสุด
เนื่องจากเขาฝึกเคล็ดวิชาจักรพรรดิ!
“โฮสต์ได้เก็บตัวอยู่บ้านครึ่งปี รางวัลของโฮสต์คือวิชาดาบเต๋าสวรรค์ จงทุ่มเทและแสวงหาความสุขของการเก็บตัวอยู่บ้านต่อไป”
รางวัลสำหรับการเก็บตัวอยู่บ้านครึ่งปีของเขามาแล้ว
วิชาดาบเต๋าสวรรค์เป็นวิชามหาเต๋า
ในแง่ของระดับ มันเหนือกว่าเคล็ดวิชาจักรพรรดิ
ทว่าเนื่องจากเป็นวิชามหาเต๋า ระดับของมันจึงค่อนข้างคลุมเครือ
วิชามหาเต๋านั้นมุ่งเน้นไปที่การฝึกเต๋าของตนให้ถึงขีดจำกัดหรือกล่าวคือให้สุดโต่ง
วิชามหาเต๋ามักแทนด้วยคำว่า 'สูงสุด' อยู่ในชื่อ!
หากต้องการฝึกวิชามหาเต๋าถือว่าเป็นเรื่องท้าทายสวรค์ มันไม่ใช่สิ่งที่จะฝึกได้สำเร็จเพียงมีพรสวรรค์
ฉู่เซวียนไม่ใช่คนที่จะสามารถฝึกวิชามหาเต๋าได้ แต่หลังจากที่เขาได้รับวิชาดาบเต๋าสวรรค์ เขาก็เชี่ยวชาญมันได้อย่างเป็นธรรมชาติด้วยความช่วยเหลือของระบบ
ทว่าเขาไม่ถือว่าเป็นผู้ฝึกวิชามหาเต๋า
วิชาดาบเต๋าสวรรค์คือวิชามหาเต๋าที่มุ่งไปยังเต๋าแห่งดาบ!
วิชามหาเต๋าคือเต๋าอันไร้ขอบเขต มีเพียงบุตรแห่งสวรรค์ที่มีคุณสมบัติฝึก!
นี่คือประโยคหนึ่งในวิชาดาบเต๋าสวรรค์ วิชาดาบนี้ไม่มีระดับเฉพาะ
เคล็ดวิชาจักรพรรดิ มีเพียงผู้มีพรสวรรค์ระดับจักรพรรดิเท่านั้นถึงจะฝึกฝนและบรรลุขอบเขตจักรพรรดิได้!
ในทำนองเดียวกัน เคล็ดวิชาสวรรค์ มีเพียงผู้มีพรสวรรค์ระดับสวรรค์เท่านั้นถึงจะฝึกฝนและบรรลุขอบเขตสวรรค์ได้!
ทว่าระดับของวิชาดาบเต๋าสวรรค์ขึ้นอยู่กับผู้ฝึก!
หากต้องการฝึกวิชาดาบเต๋าสวรรค์ ใช่ว่าจะขึ้นอยู่กับพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว
มีอีกหนึ่งประโยคในวิชาดาบเต๋าสวรรค์ ซึ่งอธิบายถึงข้อกำหนดในการฝึกวิชานี้คือ “มีแต่เพียงความหลงใหลซึ่งถึงขีดสุด จึงจะบรรลุเต๋า”!
คำว่า “ความหลงใหล” ในที่นี้หาใช่หมายถึงความชมชอบระหว่างชายหญิง มิใช่ความรักใคร่ระหว่างคนในตระกูล แต่หมายถึงความหลงใหลที่มีต่อดาบ
เฉพาะผู้หลงใหลดาบถึงขีดสุดเท่านั้นถึงจะฝึกฝนและเข้าใจความนัยของวิชาดาบเต๋าสวรรค์
ฉู่เซวียนไม่ได้หลงใหลในเต๋าแห่งดาบ เขาจึงไม่เหมาะกับการฝึกฝนวิชาดาบเต๋าสวรรค์
ทว่าโชคดีที่ฉู่เซวียนมีระบบ เขาไม่จำเป็นต้องหลงใหลในเต๋าแห่งดาบเพื่อฝึกฝนและเข้าใจความนัยของวิชาดาบเต๋าสวรรค์
หลังจากที่ฝึกฝนและเข้าใจความนัยของวิชาดาบเต๋าสวรรค์ ฉู่เซวียนก็รู้สึกตกใจกับพลังของวิชามหาเต๋า
ฉู่เซวียนรู้สึกว่าด้วยความแข็งแกร่งในขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่หนึ่ง หากเขาออกแรงเต็มกำลัง เขาสามารถใช้ดาบสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตรวมศูนย์ขั้นที่หนึ่งได้
นี่เป็นวิชาที่สามารถสังหารศัตรูข้ามขอบเขต เป็นวิชาที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง!
แน่นอนว่าเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเขาชักดาบได้สำเร็จ!
ทว่าด้วยการโจมตีด้วยดาบ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าตอนนี้เขาอาจเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลฉู่
ลัทธิมารนี้ได้รับความพ่ายแพ้อย่างหนักในแคว้นฉิน ไม่นานมานี้พวกมันไม่ได้เคลื่อนไหวครั้งใหญ่ใดๆ
เว้นแต่ว่าจักรวรรดิต้าเซี่ยจะเคลื่อนไหว ลัทธิมารนี้ก็ไม่น่าจะก่อคลื่นลมใดๆ ได้แล้ว
ฉู่เซวียนอยู่ในเรือนสี่ประสานต่อไป เขาได้ทะลวงจากขอบเขตมนุษย์ไปยังขอบเขตว่างเปล่าด้วยเวลาครึ่งปี ต่อไปเขากำลังรอรางวัลสำหรับหนึ่งปีอยู่
ฉู่เสวียนไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ในการทะลวงจากขอบเขตมนุษย์ไปยังขอบเขตจริงแท้ด้วยเวลาหนึ่งปี
ในวันนี้ ฉู่เซวียนนอนเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ แมววิญญาณสวรรค์นั่งอยู่บนตักของเขาพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งลูบหัวของมัน ส่วนมืออีกข้างถือหนังสือ
ทันใดนั้นฉู่เซวียนก็ได้ยินเสียงสตรี
“พี่เจ็ด ท่านมันคนชั่วร้าย เอามือออกไปเลยนะ!”
“เรายังไม่ได้แต่งงานกัน อยู่ห่างข้าหน่อยได้ไหม”
ฉู่เซวียนมีสีหน้าแปลกๆ ใครกัน?
พวกเจ้าไม่รู้หรือไงว่ามีคนอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กนี้?
ฉู่เซวียนแผ่จิตสัมผัสของตนเองออกไป ในป่าไม่ไกลจากเรือนสี่ประสาน ชายหนุ่มกำลังกดหญิงสาวไว้กับลำต้นไม้
มือของเขาซุกซนไม่ซื่อสัตย์เป็นอย่างมาก
นั่นพี่เจ็ดหรือ?
ว่ากันว่าพี่เจ็ดของตระกูลฉู่ในรุ่นนี้กำลังจะแต่งงานกับเหอเว่ยเว่ยจากตระกูลเหอ
สาวงามทรงเสน่ห์นางนั้นก็คือเหอเว่ยเว่ยจากตระกูลเหอ?
“เว่ยเว่ย การแต่งงานเป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็วต้องเกิดขึ้นอยู่ดี บางอย่างไม่ต้องรอถึงงานแต่งก็ได้”
เสียงของพี่เจ็ดเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ราวกับว่ากำลังล่อลวงสาวน้อยผู้โง่เขลาให้ตายใจ
“เจ้ายังไม่เข้าใจความรู้สึกข้าอีกหรือ? ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง ต่อให้ข้าทำ แต่ตระกูลฉู่กับตระกูลเหอไม่มีทางยอมปล่อยข้าแน่ ข้าไม่อยากถูกหักขาหรอกนะ”
“แต่ แต่ แต่ว่าอยู่ในป่าทำสิ่งนั้นมันไม่ดีหรือป่าว?”
“เจ้าไม่คิดหรือว่าทำสิ่งนั้นในป่าน่าตื่นเต้นกว่านะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่เซวียนก็มีสีหน้าดำทมิฬ พี่เจ็ดมีศักยภาพในการเป็นสวะจริง ๆ
พี่เจ็ดไม่รู้หรือไงว่าเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก?
เขาถึงกับมาเล่นซนถึงนี่!
ในหมู่คนรุ่นใหม่ พี่เจ็ดค่อนข้างเจ้าอารมณ์ ความสัมพันธ์ของเขากับฉู่เซวียนกล่าวได้ว่าไม่ถึงกับดีมาก แต่ก็ไม่เลวเช่นกัน ถือว่าเป็นความสัมพันธ์แบบลูกพี่ลูกน้องตามปกติ
“แล้วหากมีใครเห็นล่ะ” เหอเว่ยเว่ยกล่าว
เหอเว่ยเว่ยหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย
ฉู่เซวียนถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเห็นท่าทางเชิงปฏิเสธเชิงต้อนรับ
สาวน้อยผู้เต็มไปด้วยความคาดหวัง!
“ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครมาเห็นเราหรอก ข้าได้เตรียมการไว้นานแล้ว”
พี่เจ็ดหยิบม้วนผ้าไหมสีแดงออกมา “ดูสิ เราจะใช้ผ้าไหมแดงนี้ห่อตัวของเราไว้เหมือนรังไหม จึงไม่มีใครมาเห็นเราแน่ อีกอย่างข้าก็ได้สั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามาใกล้สถานที่นี้ด้วย”
“แต่ยังไม่พอ ข้า...ข้าไม่มีประสบการณ์ ข้ากลัว”
ฉู่เซวียนทนดูไม่ได้อีกต่อไป สาวน้อย เจ้ากล่าวว่ากลัว แต่ในแววตาเจ้ากลับเต็มไปด้วยความคาดหวัง?
เขาแทบมั่นใจแล้วว่าสองคนนี้เคยทำสิ่งนี้มามากกว่าหนึ่งครั้ง!