ตอนที่ 8-31 แฝงตัวในราตรี
ไม่มีร่องรอยของลินลี่ย์มาเกินกว่าสามปีแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ไฮเดนส์จะโยงเรื่องนี้เข้ากับลินลี่ย์ นอกจากนี้ แม้ว่าเขาจะคิดถึงลินลี่ย์เขาไม่คิดว่าลินลี่ย์จะมีความสามารถพอฆ่ายอดฝีมือระดับเก้าถึงหกคน
น่าเสียดาย....
ไฮเดนส์ไม่รู้ว่าลินลี่ย์เติบโตแล้วเติบโตเร็วกว่าที่เขากลัวเสียอีก
ภายในร้านอาหารที่เงียบสงบในเมืองเอกเบซิล
ลินลี่ย์นั่งอยู่คนเดียวมีแต่บีบีอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาดื่มกินเป็นครั้งคราว
“มาทางนี้หน่อยซิ” ลินลี่ย์เรียกบริกร
“ท่านต้องการอะไรหรือขอรับ?”บริกรผู้นั้นสุภาพมาก
ลินลี่ย์โยนเหรียญทองออกมาสามเหรียญ “ข้าขอถามเจ้าคำถามหนึ่ง ถ้าข้าพอใจกับคำตอบเจ้า สามเหรียญทองนี้จะเป็นของเจ้า” เงินเดือนทั้งปีของบริกรผู้นี้ราวๆสี่เหรียญทองเท่านั้น นัยน์ตาเขาเป็นประกายโลภทันที
“ขอรับ ได้โปรดถามได้เลย ข้ารู้เรื่องราวในเมืองนี้ไม่มากนัก” บริกรพูดอย่างพอใจ
ในที่อย่างร้านอาหารนี้ผู้คนทุกประเภทจะแวะเวียนมาเยี่ยมเยือน บริกรที่ได้ยินได้ฟังมามากจะรู้เรื่องดีเช่นกัน
“ข้าอยากจะถามเจ้าว่ามีคนแก่ชื่อเพอร์รี่ในเมืองเบซิลอยู่บ้างไหม? ผมของเขาขาวโพลนและเขามีลักษณะที่สง่างาม” ลินลี่ย์กระซิบข้างหูของบริกร
บริกรหัวเราะอย่างมั่นใจทันทีจากนั้นลดเสียงตอบอย่างมั่นใจ “ท่านต้องหมายถึงเคานท์เพอร์รี่แน่นอน”
“เคานท์เพอร์รี่?”
ลินลี่ย์นัยน์ตาเป็นประกาย
บริกรพยักหน้า “ในเมืองเอกเบซิลนี้ มีชนชั้นสูงคนเดียวที่ชื่อว่าเพอร์รี่ เขาเป็นคนมีชื่อเสียง และท่านเพอร์รี่ผู้นี้เป็นคนแก่ แก่จนผมหงอกแล้ว ไม่ผิดแน่”
“โอว” ลินลี่ย์พยักหน้า “เจ้ารู้ไหมว่าคฤหาสน์ของเคานท์เพอร์รี่อยู่ที่ไหน?”
บริกรพยักหน้า “แน่นอน เคานท์เพอร์รี่อยู่ที่ถนนฮัวติง หลังที่สามทางด้านขวา
“ถ้าเจ้ามากับข้าด้วย ข้าจะเพิ่มให้อีกสามเหรียญ” ลินลี่ย์กล่าว
ที่สำคัญลินลี่ย์กลัวว่าเขาอาจจะหลงทาง คงจะดีกว่าถ้าพาบริกรนี้ไปกับเขา วิธีนี้อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับหลง
เมื่อเห็นลินลี่ย์ควักออกมาอีกสามเหรียญทอง บริการตื่นเต้นทันที “ตกลงขอรับ, โปรดรอสักเดี๋ยว ข้าจะไปบอกเถ้าแก่ก่อน”
ถ้าเขาไม่ทำอะไรวันนั้น อย่างแย่สุดเขาจะถูกหักค่าแรงประจำวัน แต่ถ้าติดตามลินลี่ย์ไป เขาจะได้ทองอีกสามเหรียญทอง
ถนนฮัวติงเมืองเอกเบซิล
ลินลี่ย์จ้องมองคฤหาสน์ที่ดูเก่าแก่แต่ไกล ดูจากกำแพงที่มีเถาไอวี่เลื้อยคลุม คฤหาสน์หลังนี้อายุเจ็ดร้อยปีเป็นอย่างน้อย
“เคานท์เพอร์รี่ ใจดีมากใช่ไหม?”
ลินลี่ย์แค่นเสียง
คนใจดีมากผู้นี้ซึ่งบริกรอธิบายไว้เป็นหัวหน้าดูแลกิจการให้ศาสนจักรเจิดจรัสในมณฑลพายัพ จักรวรรดิโอเบรียนเป็นศัตรูต่างศาสนา ถ้าเพอร์รี่ถูกจับได้ เขาจะถูกตัดสินว่ามีความผิดร้ายแรงและลงโทษด้วยการริบทรัพย์สินและกำจัดตระกูลออกไปก็ได้
เมื่อจำที่อยู่ได้แล้วลินลี่ย์ก็หันกลับและจากไปทันที
แต่สิ่งที่ลินลี่ย์ไม่ทันสังเกตก็คือมีบุรุษคนหนึ่งกำลังจ้องมองเขาแต่ไกลอย่างประหลาดใจ“อยู่นี่เองหรือ? เขาปรากฏตัวที่นี่จริงๆหรือนี่?” บุรุษคนนั้นประหลาดใจ
“อืมม สามปีแล้วสินะ นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นเขาที่นี่ ดูเหมือนว่าข้าจะได้รับรางวัลห้าพันเหรียญทองก็คราวนี้” บุรุษคนนั้นดีใจมาก
ขณะเดินไปตามถนน ลินลี่ย์ไม่ทันสังเกตคนทั่วไปที่ไม่มีความแข็งแกร่งอะไร ตามธรรมดาเขาไม่ได้ให้ความระมัดระวังนักรบธรรมดาซึ่งมีระดับสามเท่านั้น
ภายในลานบ้านพักเดี่ยวหลังโรงแรมที่เขาพัก
ซาสเลอร์นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ลานบ้าน เมื่อเห็นลินลี่ย์เข้ามา เขาหัวเราะ “เป็นไปได้ยังไง? เจ้าพบเพอร์รี่ผู้นั้นแล้วหรือ?”
“พบแล้ว เป็นคนที่มีบรรดาศักดิ์เป็นเคานท์ ฐานะไม่ต่ำต้อยเลยทีเดียว” ลินลี่ย์กล่าว
คนที่สามารถกลายเป็นผู้ดูแลกิจการของเมืองได้ย่อมไม่ใช่ผู้ไร้ความสามารถแน่ เขาอาจจะเป็นคนมั่งคั่งร่ำรวยหรือเป็นขุนนางที่มีอำนาจ
“ฮ่าฮ่า เยี่ยมมาก อย่างนั้นคืนนี้ เราจะ..ไปเยี่ยมกัน” ซาสเลอร์หัวเราะอย่างน่ากลัว ตาของเขาเปล่งประกายสีเขียว
ลินลี่ย์พยักหน้าอย่างใจเย็น
“รีเบ็คกา, ลีนา” ลินลี่ย์เงยหน้ามองดูแฝดสาวทั้งสองคนที่เพิ่งเดินออกมาจากในห้องโถง “คืนนี้เจ้าทั้งสองคนต้องพักอยู่ในนี้ อย่าออกไปไหน”
“เข้าใจแล้วค่ะ” รีเบ็คกาและลีนาพยักหน้ารับคำ
ซาสเลอร์หันมาหัวเราะให้กับสองสาวฝาแฝด “ทำตามที่ข้าสอนพวกเจ้าและเข้าไปฝึกสมาธิซะ ในอีกสองสามวันข้าจะประกอบพิธีสอนเวทมนตร์ขั้นต้น ให้พวกเจ้า”
หลังจากอยู่ด้วยกันกับพวกนางมาระยะหนึ่ง ซาสเลอร์ตัดสินใจได้ว่าพี่น้องฝาแฝดทั้งสองคนนี้เหมาะสมกับการเรียนรู้เวทมนตร์พ่อมด
ในความเป็นจริงเวทธาตุทั้งเจ็ดคือ(ดิน ไฟ น้ำ ลม สายฟ้า แสงและธาตุมืด) ต้องการผู้มีพลังจิตค่อนข้างสูงอยู่แล้ว แต่วิชาระดับสูงของเวททำนายศักดิ์สิทธิ์,เวทแห่งชีวิตและเวทพ่อมดมีความต้องการคุณสมบัติระดับสูงอย่างน่ากลัวเมื่อเกี่ยวข้องกับวิญญาณ
บรรดาเวทชั้นสูงทั้งสามแบบนี้ เวทพ่อมดต้องมีคุณสมบัติสูงสุดในเรื่องความบริสุทธิ์ของพลังจิตและการวิเคราะห์วิญญาณ จะพูดเทียบกันก็ยากไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับธาตุสัมพันธ์
“พิธีสอนเวทมนตร์ขั้นต้น?”
รีเบ็คกาและลีนาตื่นเต้นกันทั้งคู่ ตลอดเวลามานี้พวกนางหวังว่าพวกนางจะสามารถแก้แค้นให้บิดามารดาของพวกนาง แต่พวกนางไม่มีพลังเลย แต่หลังจากเรียนเวทผู้วิเศษแล้วพวกนางจะมีพลังเพียงพอ
คืนนั้น
“แฮรุ คุ้มกันรีเบ็คกาและลีนาไว้” ลินลี่ย์สั่ง
จัดการกับคนอย่างเพอร์รี่เป็นงานที่ง่ายมาก แค่ลินลี่ย์และซาสเลอร์ก็เหลือเฟือ ยิ่งมีบีบีอยู่ด้วยก็แทบไม่มีโอกาสล้มเหลวเลย
“ระตัวตัวด้วยนะ” รีเบ็คกาและลีนากล่าว
ซาสเลอร์กล่าว “ในเมืองเบซิล นอกจากแม็คเคนซีแล้ว ไม่มีใครอื่นที่ข้ากับลินลี่ย์ต้องกังวล
“ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์กล่าวอย่างใจเย็น
ทั้งสองอยู่ในชุดดำลินลี่ย์และซาสเลอร์ออกจากลานบ้านอย่างรวดเร็ว บีบีมีขนสีดำพลางตัวตามทั้งสองคนเข้าไปโดยไม่ต้องคิดอะไร
ราตรีมืดมิด ลินลี่ย์ซาสเลอร์และบีบีผ่านเข้าไปในตรอกแห่งหนึ่ง
“ถนนฮัวติงต้องตรงไป” ความทรงจำของลินลี่ย์ดีมากแม้จะมีเส้นทางซับซ้อน แต่ลินลี่ย์ก็สามารถจำเค้าโครงเส้นทางได้หมดหลังจากที่เดินผ่านมาในเมืองครั้งหนึ่งแล้ว ลินลี่ย์ซาสเลอร์และบีบีผ่านตรงไปตามซอยเล็กๆและมาถึงชายกำแพงด้านนอกของคฤหาสน์เพอร์รี่
ซาสเลอร์จ้องมองอาคารโบราณและลินลี่ย์เปลี่ยนสายตา
“ซาสเลอร์ ท่านต้องแน่ใจนะ” ลินลี่ย์ไม่เคยเห็นเคานท์เพอร์รี่มาก่อน
“ไม่ต้องห่วง” ซาสเลอร์ยิ้มอยู่ในความมืด
ลินลี่ย์พาซาสเลอร์ขณะที่พวกเขาโดดข้ามกำแพงโดยตรงและเกี่ยวกับวิธีวางแบบที่อยู่อาศัยโดยทั่วไปลินลี่ย์กับซาสเลอร์มีความรู้ทั่วไปดี ปกติในด้านหน้าจะเป็นห้องโถงใหญ่ ขณะที่อาคารที่สองในด้านหลังจะเป็นที่พักหลับนอนของเจ้าของ
แต่ซาสเลอร์มาหยุดอยู่หน้าอาคารหลังที่สองขณะที่เขาเริ่มร่ายเวทมนตร์
ในเวลาสั้นๆต่อมา....
ควันสีเทาเริ่มลอยตรงไปที่อาคารในช่วงเวลาสั้นๆ ทั่วทั้งอาคารหลังที่สองก็ปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทา หมอกยังคงกระจายไปจนกระทั่งครอบคลุมซอกทุกมุมในอาคารที่พัก เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นลินลี่ย์งงงวย
ลินลี่ย์สูดหมอกเทา ขณะที่เขาสูด เขารู้สึกว่ามึนงง แต่จากนั้นก็ฟื้นคืนทันที
“ท่านกำลังทำอะไร?” ลินลี่ย์พูดเบาๆ
“ข้าก็แค่ทำให้คนอ่อนแอที่นี่หลับ ถ้าเป็นคนที่ถึงระดับเจ็ดก็สามารถใช้พลังภายในต้านทานหมอกนี้ได้ เพอร์รี่คือนักรบระดับแปดนะ” ซาสเลอร์รู้ว่าเพอร์รี่แข็งแกร่งขนาดไหน
“ใครกัน?”
เสียงคำรามด้วยความโกรธดังจนได้ยินขณะที่ชายชราคนหนึ่งและบุรุษวัยกลางคนสามคนวิ่งออกมาจากห้อง คนที่เป็นหัวหน้าจ้องมองลินลี่ย์และซาสเลอร์อย่างเย็นชา แต่เพราะหมอกสีเทากับความจริงที่ว่าเป็นเวลาดึกแล้ว พวกเขาไม่สามารถเห็นลักษณะของลินลี่ย์หรือซาสเลอร์ได้ชัดเจน
“ท่านเคานท์”เสียงคนมากกว่าสามคนดังขึ้นมาจากลานบ้าน ขณะที่บุรุษวัยกลางคนอีกสองคนและบุรุษหนุ่มอีกคนหนึ่งวิ่งเข้ามา
ที่อยู่ของท่านเคานท์มียอดฝีมืออยู่เจ็ดคน ห้าคนเป็นนักรบระดับเจ็ด อีกสองคนเป็นนักรบระดับแปด
“พวกเจ้าเป็นใคร?” เคานท์เพอร์รี่ตะคอก
“หึหึหึ โอว เพอร์รี่ เจ้าลืมข้าเสียแล้วหรือ?” ซาสเลอร์ค่อยๆ เดินเข้ามา ขณะที่ซอมบี้ริ้วทองที่แข็งแกร่งสองตนโผล่ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
หมอกเริ่มเบาบาง และตอนนี้เคานท์เพอร์รี่สามารถเห็นได้ชัด
“เป็นเจ้านั่นเอง” ตาของเคานท์เพอร์รี่แทบถลนจากเบ้า เขารู้ว่าซาสเลอร์แข็งแกร่งมากมายเพียงไหน ต่อให้มียอดฝีมือระดับเก้า 5-6คนก็ยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้
เมื่อเห็นซาสเลอร์ปรากฏตัว เพอร์รี่เข้าใจได้เกือบทั้งหมด แลมพ์สันและคนของเขาคงพบจุดจบอย่างร้ายแรงแน่
“และเจ้าล่ะ?” เคานท์เพอร์รี่มองดูลินลี่ย์ เขาจ้องมองทันที
ลักษณะของลินลี่ย์ได้รับการแจกจ่ายประกาศให้ผู้ดูแลกิจการในที่ต่างๆของศาสนจักรเจิดจรัสไปนานแล้ว เทียบกับสามปีที่แล้ว ผมของลินลี่ย์ในตอนนี้ยาวขึ้นเล็กน้อย ใช่แล้วแต่หน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปเท่าใดนัก
“เจ้าคือลินลี่ย์หรือ?” เพอร์รี่ตกตะลึงไปแล้ว
ลินลี่ย์ยิ้มและพยักหน้า “เคานท์เพอร์รี่ ท่านมีสายตาดีจริงๆ ซาสเลอร์และข้ามีเรื่องอยู่สองสามเรื่องที่อยากจะคุยกับท่านในราตรีหรรษาเช่นนี้ ซาสเลอร์ ลงมือเถอะ”
“ฆ่า” ซาสเลอร์ตวาดทันที
ซอมบี้ริ้วทองทั้งสองเปล่งรัศมีสีทองทันทีและพุ่งเข้าใส่บุรุษอีกหกคน เสียงร้องโหยหวนครวญครางดังขึ้นทันทีเพราะซอมบี้ฆ่าพวกเขาไปสามคนในพริบตา ทำให้อีกสามคนหน้าซีดขาวด้วยความกลัว
“แคล้ง”บุรุษหนุ่มคนนั้นใช้ดาบฟันใส่ร่างของซอมบี้ริ้วทอง แต่เขากลับมือหักเพราะแรงสะท้อน ซอมบี้ริ้วทองหยิ่งในพลังป้องกันของพวกมันยิ่งนัก
“โกรวววว” ซอมบี้ริ้วทองคำรามเบาๆ มันต่อยใส่ศีรษะบุรุษหนุ่มคนนั้นจนทะลุเป็นรู
ปัง!
บุรุษวัยกลางคนเตะใส่ก้อนหินใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆอย่างรุนแรง ส่งชิ้นหินที่แตกกระจายพุ่งเข้าใส่ซอมบี้ริ้วทอง แต่ซอมบี้เพียงแต่พุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็วราวประกายไฟ เศษหินพุ่งเข้าใส่ซอมบี้ด้วยความเร็วสูง “ปังปัง ปัง!” หินก้อนแล้วก้อนเล่ากระแทกใส่ร่างของซอมบี้ริ้วทอง แต่ไม่สามารถขัดขวางมันได้เลย
หินแต่ละก้อนมีพลังหนักเป็นพันปอนด์ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถทำอันตรายซอมบี้ริ้วทองได้เลย
“ฉัวะ”
ร่างสีดำเลือนรางวาบผ่านและบุรุษวัยกลางคนล้มลงกับพื้นอย่างน่าประหลาดใจ
“เจ้าช้าเกินไป เจ้าตัวใหญ่อุ้ยอ้าย” บีบีคำรามใส่ซอมบี้ริ้วทอง จากนั้นกระโดดกลับไปอยู่บนไหล่ลินลี่ย์
ความเร็วของซอมบี้ริ้วทองนับว่าเทียบเท่ากับนักสู้ระดับเก้าธรรมดา แต่ถ้าเทียบกับบีบีแล้วยังแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวง ที่สำคัญบีบีกับแฮรุคืออสูรเวทระดับเก้าที่เชี่ยวชาญด้านความเร็ว
คนทั้งหกถูกฆ่าตายโดยซอมบี้ริ้วทองและบีบีในพริบตาเดียว ที่สำคัญซอมบี้พวกนั้นเป็นผีดิบระดับเก้าคนพวกนั้นไม่มีโอกาสต่อต้านพวกมันได้เลย
เพอร์รี่ยังคงเงียบอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเขาถูกเลือกมาให้เป็นหัวหน้าผู้ดูแลภูมิภาคนี้จากศาสนจักรเจิดจรัส เขาเตรียมใจสำหรับวันเวลาเช่นนั้น เพียงแต่สิ่งที่เขาคาดไว้ก็คือเขาอาจถูกคนของจักรวรรดิโอเบรียนฆ่าได้ เขาไม่คาดเลยว่าจะเป็นลินลี่ย์และซาสเลอร์ที่ฆ่าเขา
“ลินลี่ย์ เป็นเจ้าสินะที่ฆ่าคนของแลมพ์สันและช่วยซาสเลอร์ไป?” เพอร์รี่ถาม ก่อนตายเพอร์รี่ยังต้องการคลายความสงสัยของเขา
“แน่นอน” ลินลี่ย์ตอบอย่างชัดเจน
เพอร์รี่ผงกศีรษะและหัวเราะ “เจ้ามีชีวิตสมกับเป็นหนึ่งในลูกหลานตระกูลนักรบเลือดมังกรจริงๆ ในเวลาสามปี พลังของเจ้าเพิ่มพูนขึ้นมาก ข้าหวังว่าเจ้าคงไม่ได้อะไรจากข้าแน่ อย่างไรก็ตาม ข้าจะไม่ตอบคำถามเจ้า”ร่องรอยแสงศักดิ์สิทธิ์ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเพอร์รี่
“เจ้าคิดว่าเจ้าทำได้ดีแล้วหรือ?” ซาสเลอร์แค่นเสียง
“จับเขาไว้” ซาสเลอร์ออกคำสั่งเย็นชา
ซอมบี้ริ้วทองพุ่งเข้าหาเพอร์รี่ด้วยความเร็วสูงและจับเขาไว้โดยไม่ให้โอกาสเขาหนี
“ลินลี่ย์ ช่วยข้าหน่อย คอยยืนดูอยู่เฉยๆ ข้าเตรียมจะใช้คาถาเซาะวิญญาณกับเขาซาสเลอร์สั่งลินลี่ย์
ลินลี่ย์สะดุ้ง
เซาะวิญญาณ?ลินลี่ย์ไม่เคยได้ยินว่าใครสามารถเซาะวิญญาณใครได้ แม้แต่ศาสนจักรเจิดจรัสก็ไม่มีความสามารถค้นคว้าและเซาะวิญญาณของคน แต่พ่อมดที่ฝึกฝนมาทางเวทที่เกี่ยวกับวิญญาณเป็นส่วนใหญ่ ปกติจะรู้เรื่องวิญญาณมากกว่านักเวททั่วไป
“เซาะวิญญาณ?” เมื่อได้ยินคำนี้ เพอร์รี่ตกตะลึงเช่นกัน “เป็นไปไม่ได้” เขาไม่เคยได้ยินวิชาเซาะวิญญาณมาก่อน
“ฮะฮะ ต่อให้เจ้าตายตอนนี้ ก็ยังสายเกินไปแล้ว”
ซาสเลอร์เดินมาอยู่ต่อหน้าเพอร์รี่ นิ้วทั้งห้าของเขาเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นงองุ้มเหมือนอุ้งเท้าไก่คว้าศีรษะของเพอร์รี่ไว้ ขณะเดียวกันตาของซาสเลอร์เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม
“อืออออ..อาาาาา...” ร่างของเพอร์รี่เริ่มสั่นอย่างรุนแรง ขณะเดียวกัน เขาเริ่มส่งเสียงครวญครางออกมา