ตอนที่แล้วตอนที่ 8-29 สืบสวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8-31 แฝงตัวในราตรี

ตอนที่ 8-30 ข้อตกลงห้าปี


คีนเจ้าเมืองเซียร์เป็นเด็กอายุเพียงสิบสี่ปี  แม้ว่าเขาจะมีเจนน์พี่สาวของเขาคอยช่วย  แต่ในความเป็นจริง เจนน์จะรู้ตัวเองมากแค่ไหน?เวลาส่วนใหญ่ยังคงเป็นบ่าวชราแลมเบิร์ตที่คอยช่วยเหลือ

เสื้อผ้าของแลมพ์เบิร์ตเรียบชัดและมีจีบผมของเขาหวีเรียบเป็นมันขณะเดินตรวจตราภายในปราสาท มีความเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว

“ทำไมคุณหนูต้องคิดถึงท่านลีย์อยู่เสมอ?”แลมเบิร์ตถอนหายใจกับตัวเอง เจนน์ต้องการไปเยี่ยมลินลี่ย์ แต่หลังจากลินลี่ย์บอกนางว่าเขาไม่อยากถูกรบกวนในระหว่างฝึกฝน  เจนน์ไม่มีทางเลือกได้แต่อยู่ในปราสาท  โชคไม่ดีที่เป็นเวลานานแล้ว  ลินลี่ย์ไม่ได้มาเยี่ยมที่ปราสาท

ขณะที่เขามองดูเจนน์ค่อยๆผอมลง แลมเบิร์ตรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

“แลมเบิร์ต”

เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของเขา  เมื่อเขาหันมาเห็นลินลี่ย์กำลังเดินเข้ามาเอง  เขาสวมชุดนักรบสีฟ้า เจนน์กับคีนได้สั่งไว้ก่อนแล้วว่าถ้าทหารรักษาปราสาทพบเห็นลินลี่ย์  ให้พวกเขาอนุญาตให้ลินลี่ย์เข้ามาได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบ

“ท่านลีย์!”  แลมเบิร์ตมีความสุขมาก

“ท่านลีย์เชิญรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่สักครู่ก่อน ข้าจะไปแจ้งคุณชายและคุณหนูให้ทราบก่อน”

ในห้องโถงใหญ่

ลินลี่ย์นั่งอยู่บนเก้าอี้รออยู่เงียบๆการเดินทางไปเมืองเบซิลครั้งนี้ เขาจะต้องพาซาสเลอร์ลีนาและน้องสาวของนางไปด้วยซึ่งพวกเขาอาจจะต้องไปพักรอบๆ เมืองเบซิล

ที่สำคัญลินลี่ย์ต้องระมัดระวังว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะลอบส่งยอดฝีมือระดับเซียนเข้ามา  เนื่องจากเมืองเบซิลมีแม็คเคนซีอยู่ด้วย  ศาสนจักรเจิดจรัสคงไม่กล้าทำอะไรป่าเถื่อน

“พี่ลีย์”

เสียงที่ประหลาดใจและมีความสุขดังขึ้นจากทางเดิน  ลินลี่ย์หันหน้าไปเห็นเจนน์ นางหน้าแดง อยู่ในชุดสีแดงอ่อนกำลังวิ่งมาหา  อกของนางสะท้อนขึ้นลงและนางกำลังหอบหายใจ แทบจะทันทีที่นางได้ยินข่าวว่าลินลี่ย์กลับมา  เจนน์วิ่งมาหาอย่างสุดฝีเท้าทันที

“ทำไมเจ้าต้องรีบเร่งนักเล่า?  ดูสิถึงกับหอบหายใจ  นั่งก่อนเถอะ” ลินลี่ย์หัวเราะ

“ก็ได้” เจนน์นั่งลงอย่างว่าง่าย

หลังจากนั้นไม่นานคีนและแลมเบิร์ตก็เข้ามาสมทบเช่นกัน  คีนบ่น “พี่, พี่วิ่งเร็วมากเลยนะ ข้าตามท่านไม่ทันแล้ว”

เจนน์อายเล็กน้อย  นางค้อนคีน

“พี่ลีย์ ไม่ได้พบท่านเสียนาน ครั้งนี้ท่านตั้งใจจะอยู่นานเท่าใด?”  คีนพูดกับลินลี่ย์

ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ  “ครั้งนี้ ข้าจะมากล่าวคำอำลา ข้าตั้งใจจะไปจากเมืองเซียร์”

“อะไรนะ?”

คีนและแลมเบิร์ตตกใจทั้งคู่  ทั้งสองคนหันหน้าไปมองเจนน์พร้อมกัน  แต่ก่อนนั้นเจนน์มีสีหน้าที่แดงด้วยความตื่นเต้นและเขินอายแต่ตอนนี้นางมีสีหน้าตกตะลึง

“พี่ลีย์ ท่านจะไปที่ไหนหรือ?” เจนน์ถามขึ้นก่อน

“สำหรับตอนนี้ ข้าตั้งใจจะไปเมืองเอกเบซิลก่อน”  ลินลี่ย์ตอบ

เมืองเอกเบซิลและเมืองปกครองเซียร์ค่อนข้างห่างไกลกัน คนธรรมดาต้องใช้เวลาสองสามวันนั่งรถม้ากว่าจะไปถึงที่นั่นได้

“พี่ลีย์ ข้าจะไปกับท่านดวย” เจนน์รวบรวมความกล้าของนางและกล่าว

ลินลี่ย์ถอนหายใจกับตัวเอง  เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเจนน์คิดอะไรกับเขา?  แต่สำหรับเจนน์ลินลี่ย์ไม่ได้รู้สึกอะไรมากกว่าคนรัก เขาแค่รู้สึกเหมือนน้องสาว นี่เป็นความคุ้นเคยความรักฉันท์เพื่อน

“พอเถอะ, เจนน์ ข้ากำลังไปงานธุระของตัวเอง อาจต้องเผชิญกับอันตราย เจ้าไม่จำเป็นต้องติดตามข้าไป” ลินลี่ย์ปฏิเสธ

เจนน์ส่ายศีรษะอย่างแน่วแน่  “ข้าไม่กลัว”

เมื่อเห็นเจนน์ลินลี่ย์รู้ว่าถ้าเขาไม่ปฏิเสธนางอย่างเปิดเผยและแน่วแน่  นางคงไม่ยอมแพ้  ลินลี่ย์ถอนหายใจยาว  “เจนน์, ทั้งหมดที่ข้าใส่ใจตอนนี้คือการฝึกฝน,ไม่มีอย่างอื่น  เจนน์,  ไม่มีทางที่ข้าจะดูแลเจ้าได้”

ลินลี่ย์พูดอ้อมค้อม  แต่เจนน์จะไม่เข้าใจความหมายของเขาได้อย่างไร?

หน้าของเจนน์ซีดขาว  ตั้งแต่นางอายุแปดปี  นางอาศัยอยู่ที่ชนบทชีวิตที่นางอยู่มีทั้งความสงบและความโหดร้ายพอกัน การเดินทางสู่เมืองเซียร์นี้ ลินลี่ย์ปกป้องพวกเขาตลอดเวลาซึ่งเป็นเหตุผลให้น้องชายของนางรอดชีวิตระหว่างเดินทางและได้รับตำแหน่งเจ้าเมือง

“พี่ลีย์, ข้าไม่ต้องการหักห้ามความรู้สึกของข้า  พี่ลีย์,ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบข้าในทำนองอย่างนั้น ข้าไม่ต้องการขออะไรมากเกินไป  ทั้งหมดที่ข้าต้องการก็คือขอให้ท่านยอมให้ข้าติดตามท่าน  พี่ลีย์, ข้ายินดีเป็นหญิงรับใช้ของท่าน  ตราบใดที่ได้อยู่ข้างๆ ท่าน ข้าจะมีความสุข”  เจนน์พูดอย่างมีความหวัง

คีนและแลมเบิร์ตเงียบทั้งสองคน

ลินลี่ย์รู้สึกกังวลใจเช่นกันเจนน์เป็นเด็กสาวที่ดีมากจริงๆ...แต่..

“เจนน์,ไม่มีความจำเป็นที่เจ้าต้องติดตามข้าและพาตัวเข้าไปอยู่ในอันตรายก็ได้ ตอนนี้เจ้าเป็นสตรีสูงศักดิ์แล้ว ในเมืองปกครองเซียร์ มีบุรุษหนุ่มที่โดดเด่นติดตามสนใจเจ้าอยู่”  ลินลี่ย์กล่าว

เจนน์กัดริมฝีปากจากนั้นส่ายศีรษะยืนยัน ดวงตานางเริ่มมีน้ำตาคลอ

“พี่ลีย์” คีนกล่าว  “โปรดยอมรับคำขอร้องของพี่สาวข้าเถอะ  ช่วงเวลาเหล่านี้เมื่อท่านไม่อยู่ที่นี่   นางแทบไม่มีแก่ใจทำอะไร ผ่ายผอมขึ้นทุกวัน”

ดวงตานางมีน้ำตาเจนน์มองลินลี่ย์ด้วยสายตาอ้อนวอน

“เจนน์...”

ในที่สุดลินลี่ย์ก็ใจอ่อน  “ห้าปี  ข้าจะให้เวลาเจ้าห้าปีและเจ้าก็ต้องให้เวลาข้าห้าปีเช่นกัน ห้าปีจากนี้ไป ข้าจะกลับมาพบเจ้า ถ้าถึงเวลานั้นเจ้ายังตัดสินใจได้เด็ดเดี่ยว  ข้าจะยอมให้เจ้ามากับข้าด้วย”

เวลาคือยารักษาที่ดีที่สุด

ห้าปีจากนี้ไปเจนน์จะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและความคิดของนางและความเชื่อจะเปลี่ยนไปเช่นกัน ลินลี่ย์เชื่อว่าบางทีเพราะเจนน์ไม่มีบิดามารดาคอยดูแลนางเมื่อนางยังเล็ก  จิตใจนางคงจะเปลี่ยน  ถึงเวลานั้นลินลี่ย์คงไม่ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันใดๆ

“ห้าปี ก็ได้” ความหวังปรากฏอยู่ในดวงตาของเจนน์อีกครั้ง

“เจนน์”

ลินลี่ย์มองดูเจนน์  “ก่อนที่ข้าจะไป  ข้าต้องบอกอะไรบางอย่างกับเจ้า  ชื่อจริงของข้าไม่ใช่ชื่อ ลีย์  ข้าชื่อลินลี่ย์ บาลุค”

“ลินลี่ย์ บาลุค?”  เจนน์พึมพำ

“ลินลี่ย์? ท่านลีย์ ท่านคือยอดประติมากรอัจฉริยะหรือนี่?” แลมเบิร์ดประหลาดใจ  ก่อนนั้นแลมเบิร์ตเคยอาศัยอยู่ในสหภาพศักดิ์สิทธิ์  ในสหภาพศักดิ์สิทธิ์  ลินลี่ย์มีชื่อเสียงมาก

“หวังว่าพวกท่านจะไม่เปิดเผยสถานะหรือที่อยู่ของข้านะ  ลาก่อน”

ลินลี่ย์เค้นรอยยิ้มเล็กน้อย จากนั้นหมุนตัวก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องโถงทันที

ขณะที่นางมองด้านหลังของลินลี่ย์  น้ำตาเริ่มไหลรินจากดวงตาของเจนน์ในที่สุด  นางกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือนาง

บนถนนของเมืองเซียร์

รีเบ็คกาและลีนานั่งอยู่บนหลังของเสือดำแฮรุ  บีบีพักอย่างสบายอยู่ในอ้อมกอดของลีนา ขณะที่ลินลี่ย์อยู่ในชุดนักรบเดินเคียงคู่กับซาสเลอร์ซึ่งสวมชุดยาวของจอมเวท

พวกเขาเดินทางตรงไปยังเมืองเบซิลด้วยความเร็วสูง

เบซิลเมืองหลวงของมณฑลเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้แต่ไกล

และเช่นเดียวกันกลุ่มของลินลี่ย์เข้ามาใกล้และเข้าไปในเมืองเบซิล

“ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งหาเพอร์รี่ผู้นั้นในตอนนี้ไปหาที่พักกันก่อน”  ลินลี่ย์กล่าว

ซาสเลอร์พยักหน้าเช่นกัน

ในเมืองเบซิลมีคนค่อนข้างน้อยที่ใช้ชื่อว่าเพอร์รี่ มีแนวโน้มว่าจะหาได้แน่เพียงแต่ต้องใช้เวลา ดังนั้นลินลี่ย์และซาสเลอร์จึงไปหาที่พักค้างและได้บ้านเดี่ยวสำหรับให้กลุ่มของเขาได้พักในเวลานี้

สองวันหลังจากกลุ่มของลินลี่ย์มาถึงเมืองเบซิล เหยี่ยววายุฟ้าของเคานท์เพอร์รี่ก็ถูกส่งมาถึงเกาะศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรเจิดจรัส

เกาะศักดิ์สิทธิ์คือสถานที่โดดเดี่ยวตั้งอยู่นอกทวีปยูลาน

ทั่วเกาะศักดิ์สิทธิ์มีความยาวไม่กี่สิบกิโลเมตร  ความจริงในอดีตนี่คือฐานทัพลับของศาสนจักรเจิดจรัส ตอนนี้ถูกใช้เป็นที่ทำการใหญ่

มีวิหารเจิดจรัสซึ่งสูงถึงเก้าชั้น

วิหารเจิดจรัสนี้ไม่มีขนาดมหึมาเท่ากับวิหารเจิดจรัสในเฟนไล  แต่ก็ได้รับการก่อสร้างอย่างละเอียดประณีตโดยศาสนจักรเจิดจรัส  ซึ่งใช้ค่าใช้จ่ายและความพยายามอย่างมาก

บนชั้นเก้าของวิหารเจิดจรัส

ไฮเดนส์นั่งอยู่ที่หน้าต่าง  มองผ่านหน้าต่างไป  เขาสามารถเห็นพื้นมหาสมุทรสีครามไร้ขอบเขตไกลออกไปจากเกาะ

เร็วๆนี้ไฮเดนส์ยังคงมีอารมณ์ที่ดีอยู่หน่วยงานยอดฝีมือระดับเก้าที่เขาส่งไปทำงานได้จับพ่อมดจอมเวทซาสเลอร์สำเร็จแล้ว  และอีกสองวันต่อมาเขาได้รับข่าวดีเพิ่มอีกในดินแดนแปดแคว้นอิสระ  กองกำลังของเขามีการค้นพบยิ่งใหญ่ร่างประทับระดับแปดที่มีศักยภาพห้าร่าง

กล่าวโดยทั่วไปคนธรรมดาคนหนึ่งสามารถฝึกร่างภายนอกพวกเขาได้ถึงระดับหก   นั่นเป็นขีดจำกัดระดับสูงแล้ว

อัจฉริยะบางคนสามารถเข้าถึงระดับเจ็ดได้โดยเน้นที่การฝึกร่างกายของพวกเขา

แต่ในแปดแคว้นอิสระภาคเหนือ  กองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสพบห้าพี่น้องทุกคนมีความแข็งแกร่งและอดทนยอดเยี่ยม ไม่มีใครในพวกเขาที่มีปราณยุทธ แต่พวกเขาทุกคนมีพลังเทียบเท่านักรบระดับแปด  เฉพาะพลังภายนอกเท่านั้น

“ร่างประทับระดับแปด  นั่นเพียงพอให้ทูตสวรรค์หกปีกแสดงพลังของพวกเขาได้”  ไฮเดนส์อดตื่นเต้นไม่ได้  “ร่างระดับแปดห้าร่างเมื่อทูตสวรรค์ประทับร่างพวกเขา พวกเขาก็สามารถเปลี่ยนเป็นนักสู้ระดับเซียนชั้นสูงถึงห้าคนเลยทีเดียว”

นักสู้ระดับเซียนชั้นต้น,ชั้นกลางและชั้นสูงคือความแตกต่างกันของระดับพลัง

ปัจจุบันศาสนจักรเจิดจรัสทั้งหมดมีนักสู้ระดับเซียนชั้นสูงห้าคน  แต่เมื่อจัดส่งมนุษย์ที่มีร่างระดับแปดมา ยอดฝีมือระดับเซียนชั้นสูงภายใต้การดูแลของศาสนจักรเจิดจรัสจะมีเพิ่มเป็นทวีคูณ!

“เมื่อเป็นเช่นนั้นลัทธิเงาจะต่อต้านเราได้หรือ?”  หน้าของไฮเดนส์มีรอยยิ้ม

“ฝ่าบาท”

“เข้ามา” ไฮเดนส์มีสีหน้ากลับคืนเป็นปกติ

ไวคาร์(ผู้ช่วยบิช็อพ) เดินเข้ามาส่งจดหมายให้จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเคารพ  “ฝ่าบาทนี่คือสาส์นลับจากหัวหน้าผู้ดูแลกิจการในมณฑลพายัพของจักรวรรดิโอเบรียน”

“โอว?” ไฮเดนส์เลิกคิ้ว

ผู้ดูแลกิจการในพื้นที่ภายนอก นอกจากรายงานประจำปีก็แทบจะไม่เคยส่งสาส์นลับเลย  ถ้าสาส์นลับถูกส่งออกมาอย่างนั้นก็หมายความว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น

“เป็นไปได้หรือ..?”  ทันใดนั้นไฮเดนส์จำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ แลมพ์สันและคนของเขาเพิ่งจะคุ้มกันพ่อมดจอมเวทไปยังเมืองของมณฑลพายัพ

ไฮเดนส์รับจดหมายมาเปิดซองทันที

ทันทีที่เขาเห็นเนื้อความในจดหมาย  หน้าของไฮเดนส์สลด  “เรียกท่านสเตลห์มาพบข้า”

“ใต้เท้าสเตลห์?”  ไวคาร์ประหลาดใจ

ในศาสนจักรเจิดจรัส  หัวหน้าของโยคีก็คือท่านใบไม้ร่วง  ขณะที่หัวหน้าของมือปราบพิเศษของศาลศาสนจักร  หัวหน้าของพวกเขาก็คือสเตลห์

ท่านสเตลห์เป็นเพียงมือปราบพิเศษคนหนึ่ง

แต่ในเรื่องของพลัง  เขาเทียบเท่ากับหัวหน้าตุลาการศาลศาสนจักรแพรตเตอร์ โอเซนโน ทั้งสองคนเป็นนักสู้ชั้นเซียนระดับสูง ในช่วงเวลาที่สงบ  ศาสนจักรเจิดจรัสยากจะยอมส่งนักสู้ระดับเซียนชั้นสูงออกไปทำภารกิจ

“เร็วเข้า” ไฮเดนส์สำทับ

ไวคาร์รู้สึกตัวทันทีและรีบกล่าว  “พระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท”

เมื่อเห็นไวคาร์แยกออกไป  ไฮเดนส์เริ่มขมวดคิ้ว  “ดูเหมือนว่าหน่วยของแลมพ์สันจะมาถึงมณฑลพายัพเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว แต่ไม่มีข่าวจากชายแดนของเราแจ้งข้าถึงการกลับมายังสหภาพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา  ดูเหมือนว่า...พวกเขาจะถูกสังหารจริงๆ”

แลมพ์สันและยอดฝีมือระดับเก้าคนอื่นๆอีกสิบคนตายหมด

ความสูญเสียครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก  แต่ไฮเดนส์ยังคงรักษาความสงบไว้ได้

ที่สำคัญ  สิ่งที่ศาสนจักรเจิดจรัสต้องพึ่งพาอาศัยก็คือนักสู้ระดับเซียนตราบใดที่นักสู้ระดับเซียนยังคงเหลืออยู่ ศาสนจักรเจิดจรัสจะไม่ถูกคุกคามถึงแก่นกลาง

“แลมพ์สันและผู้คุ้มกันซาสเลอร์อีกห้าคนด้วยความสามารถของพวกเขา ด้วยนักสู้ระดับเก้าคนหรือสองคนไม่สามารถจัดการพวกเขาได้”  ไฮเดนส์ขมวดคิ้ว  “หรือว่าจะเป็นนักสู้ระดับเซียน?  แม็คเคนซีแห่งมณฑลพายัพ?”

ไฮเดนส์ไม่คิดถึงความเป็นไปได้อย่างอื่นนอกจากแม็คเคนซี

“แม็คเคนซี!”  ไฮเดนส์เต็มไปด้วยรังสีอำมหิต

สำหรับไฮเดนส์นักสู้ระดับเก้าสิบเอ็ดคนรวมกันยังไม่มีค่าเท่ากับซาสเลอร์คนเดียว  คุณค่าที่แท้จริงของซาสเลอร์ไม่ใช่อยู่ที่ตัวเขาเอง  แต่เป็นการฝึกฝนวิถีเวทพ่อมด  เวทแบบนั้นเทียบเท่ากับเวทศักดิ์สิทธิ์มีพลังมาก

ยังรวมถึงเวทคำสาปแก๊สพิษ  คาถาโรคระบาดทาสผีดิบและความสามารถในการเรียกภูตผี เวทเหล่านี้ล้วนทรงพลังทั้งนั้น

ศาสนจักรเจิดจรัสไม่ปฏิเสธพ่อมดในเรื่องระดับยศของพวกเขา

ตราบใดที่พ่อมดยินดีรับใช้พวกเขาพวกเขายินดีจะมอบตำแหน่งพ่อมดของหน่วยมือปราบพิเศษงานด้านมืดของศาสนจักรเจิดจรัสก็คือศาลศาสนจักรที่มียอดฝีมือประเภทนั้นอยู่ประจำ

ไฮเดนส์ไม่รู้ว่าคนที่ฆ่าแลมพ์สันและคนของเขาก็คือลินลี่ย์  ถ้าเขารู้ ไฮเดนส์คงโกรธจัดจนเต้นแน่นอน

“ฝ่าบาท” เสียงเยือกเย็นดุจน้ำแข็งดังขึ้น

“สเตลห์ เข้ามา”  ไฮเดนส์พูดอย่างเป็นกันเอง

สเตลห์สูง 1.7 เมตรในทวีปยูลาน  เขานับว่าเป็นคนตัวผอมเล็กเขาไว้ผมหงอกสั้น และตาของเขาคมดุจใบมีดตัดสินจากลักษณะของเขาดูเหมือนเขาเป็นบุรุษวัยกลางคน

“ฝ่าบาท มีบัญชาเรียกหาข้าหรือ?”  สเตลห์ถามโดยตรง

ไฮเดนส์พูดโดยตรงเช่นกัน  “ตามที่เราได้รับรายงานแลมพ์สันและคนของเขามีแนวโน้มว่าจะตายกันทั้งหมด มีโอกาสสูงที่คนฆ่าก็คือนักสู้ระดับเซียนของจักรวรรดิโอเบรียน”

สเตลห์ยังคงเงียบ

“ข้าจะส่งเจ้าไปมณฑลพายัพของจักรวรรดิโอเบรียน  เมื่อเจ้าไปถึงที่นั่นเจ้าจะต้องไปพบอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังคุ้มกันนักโทษจำนวนหนึ่งมาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เจ้าต้องแน่ใจว่าพี่น้องทั้งห้าคนจะถูกส่งกลับมายังเกาะศักดิ์สิทธิ์”

“แล้วถ้าข้าเผชิญกับนักสู้ระดับเซียนของจักรวรรดิโอเบรียนเล่า?” สเตลห์ถาม

“ฆ่าพวกมันและบินกลับมาพร้อมกับคนทั้งห้าด้วยความเร็วสูงสุด”ไฮเดนส์พูดเฉื่อยชา

เมื่อพวกเขาใช้ร่างประทับระดับแปดทั้งห้าคนนั้นเพื่อให้เทวทูตประทับ ศาสนจักรเจิดจรัสจะสร้างนักสู้ระดับเซียนชั้นสูงออกมาได้อีกห้าคน  เพื่อประโยชน์เช่นนั้น  ถือว่าคุ้มค่าแม้ต้องรุกรานจักรวรรดิโอเบรียนอยู่บ้าง  ที่สำคัญต่อให้พวกเขารุกรานจักรวรรดิโอเบรียน อย่างแย่ที่สุดสหภาพศักดิ์สิทธิ์ก็แค่ชดเชยให้กับจักรวรรดิโอเบรียน

“ขอรับบัญชา,  ข้าจะออกไปคืนนี้เลย” สเตลห์พูดเฉื่อยชา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด