ตอนที่ 8-30 ข้อตกลงห้าปี
คีนเจ้าเมืองเซียร์เป็นเด็กอายุเพียงสิบสี่ปี แม้ว่าเขาจะมีเจนน์พี่สาวของเขาคอยช่วย แต่ในความเป็นจริง เจนน์จะรู้ตัวเองมากแค่ไหน?เวลาส่วนใหญ่ยังคงเป็นบ่าวชราแลมเบิร์ตที่คอยช่วยเหลือ
เสื้อผ้าของแลมพ์เบิร์ตเรียบชัดและมีจีบผมของเขาหวีเรียบเป็นมันขณะเดินตรวจตราภายในปราสาท มีความเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว
“ทำไมคุณหนูต้องคิดถึงท่านลีย์อยู่เสมอ?”แลมเบิร์ตถอนหายใจกับตัวเอง เจนน์ต้องการไปเยี่ยมลินลี่ย์ แต่หลังจากลินลี่ย์บอกนางว่าเขาไม่อยากถูกรบกวนในระหว่างฝึกฝน เจนน์ไม่มีทางเลือกได้แต่อยู่ในปราสาท โชคไม่ดีที่เป็นเวลานานแล้ว ลินลี่ย์ไม่ได้มาเยี่ยมที่ปราสาท
ขณะที่เขามองดูเจนน์ค่อยๆผอมลง แลมเบิร์ตรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
“แลมเบิร์ต”
เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของเขา เมื่อเขาหันมาเห็นลินลี่ย์กำลังเดินเข้ามาเอง เขาสวมชุดนักรบสีฟ้า เจนน์กับคีนได้สั่งไว้ก่อนแล้วว่าถ้าทหารรักษาปราสาทพบเห็นลินลี่ย์ ให้พวกเขาอนุญาตให้ลินลี่ย์เข้ามาได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบ
“ท่านลีย์!” แลมเบิร์ตมีความสุขมาก
“ท่านลีย์เชิญรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่สักครู่ก่อน ข้าจะไปแจ้งคุณชายและคุณหนูให้ทราบก่อน”
ในห้องโถงใหญ่
ลินลี่ย์นั่งอยู่บนเก้าอี้รออยู่เงียบๆการเดินทางไปเมืองเบซิลครั้งนี้ เขาจะต้องพาซาสเลอร์ลีนาและน้องสาวของนางไปด้วยซึ่งพวกเขาอาจจะต้องไปพักรอบๆ เมืองเบซิล
ที่สำคัญลินลี่ย์ต้องระมัดระวังว่าศาสนจักรเจิดจรัสจะลอบส่งยอดฝีมือระดับเซียนเข้ามา เนื่องจากเมืองเบซิลมีแม็คเคนซีอยู่ด้วย ศาสนจักรเจิดจรัสคงไม่กล้าทำอะไรป่าเถื่อน
“พี่ลีย์”
เสียงที่ประหลาดใจและมีความสุขดังขึ้นจากทางเดิน ลินลี่ย์หันหน้าไปเห็นเจนน์ นางหน้าแดง อยู่ในชุดสีแดงอ่อนกำลังวิ่งมาหา อกของนางสะท้อนขึ้นลงและนางกำลังหอบหายใจ แทบจะทันทีที่นางได้ยินข่าวว่าลินลี่ย์กลับมา เจนน์วิ่งมาหาอย่างสุดฝีเท้าทันที
“ทำไมเจ้าต้องรีบเร่งนักเล่า? ดูสิถึงกับหอบหายใจ นั่งก่อนเถอะ” ลินลี่ย์หัวเราะ
“ก็ได้” เจนน์นั่งลงอย่างว่าง่าย
หลังจากนั้นไม่นานคีนและแลมเบิร์ตก็เข้ามาสมทบเช่นกัน คีนบ่น “พี่, พี่วิ่งเร็วมากเลยนะ ข้าตามท่านไม่ทันแล้ว”
เจนน์อายเล็กน้อย นางค้อนคีน
“พี่ลีย์ ไม่ได้พบท่านเสียนาน ครั้งนี้ท่านตั้งใจจะอยู่นานเท่าใด?” คีนพูดกับลินลี่ย์
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “ครั้งนี้ ข้าจะมากล่าวคำอำลา ข้าตั้งใจจะไปจากเมืองเซียร์”
“อะไรนะ?”
คีนและแลมเบิร์ตตกใจทั้งคู่ ทั้งสองคนหันหน้าไปมองเจนน์พร้อมกัน แต่ก่อนนั้นเจนน์มีสีหน้าที่แดงด้วยความตื่นเต้นและเขินอายแต่ตอนนี้นางมีสีหน้าตกตะลึง
“พี่ลีย์ ท่านจะไปที่ไหนหรือ?” เจนน์ถามขึ้นก่อน
“สำหรับตอนนี้ ข้าตั้งใจจะไปเมืองเอกเบซิลก่อน” ลินลี่ย์ตอบ
เมืองเอกเบซิลและเมืองปกครองเซียร์ค่อนข้างห่างไกลกัน คนธรรมดาต้องใช้เวลาสองสามวันนั่งรถม้ากว่าจะไปถึงที่นั่นได้
“พี่ลีย์ ข้าจะไปกับท่านดวย” เจนน์รวบรวมความกล้าของนางและกล่าว
ลินลี่ย์ถอนหายใจกับตัวเอง เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเจนน์คิดอะไรกับเขา? แต่สำหรับเจนน์ลินลี่ย์ไม่ได้รู้สึกอะไรมากกว่าคนรัก เขาแค่รู้สึกเหมือนน้องสาว นี่เป็นความคุ้นเคยความรักฉันท์เพื่อน
“พอเถอะ, เจนน์ ข้ากำลังไปงานธุระของตัวเอง อาจต้องเผชิญกับอันตราย เจ้าไม่จำเป็นต้องติดตามข้าไป” ลินลี่ย์ปฏิเสธ
เจนน์ส่ายศีรษะอย่างแน่วแน่ “ข้าไม่กลัว”
เมื่อเห็นเจนน์ลินลี่ย์รู้ว่าถ้าเขาไม่ปฏิเสธนางอย่างเปิดเผยและแน่วแน่ นางคงไม่ยอมแพ้ ลินลี่ย์ถอนหายใจยาว “เจนน์, ทั้งหมดที่ข้าใส่ใจตอนนี้คือการฝึกฝน,ไม่มีอย่างอื่น เจนน์, ไม่มีทางที่ข้าจะดูแลเจ้าได้”
ลินลี่ย์พูดอ้อมค้อม แต่เจนน์จะไม่เข้าใจความหมายของเขาได้อย่างไร?
หน้าของเจนน์ซีดขาว ตั้งแต่นางอายุแปดปี นางอาศัยอยู่ที่ชนบทชีวิตที่นางอยู่มีทั้งความสงบและความโหดร้ายพอกัน การเดินทางสู่เมืองเซียร์นี้ ลินลี่ย์ปกป้องพวกเขาตลอดเวลาซึ่งเป็นเหตุผลให้น้องชายของนางรอดชีวิตระหว่างเดินทางและได้รับตำแหน่งเจ้าเมือง
“พี่ลีย์, ข้าไม่ต้องการหักห้ามความรู้สึกของข้า พี่ลีย์,ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบข้าในทำนองอย่างนั้น ข้าไม่ต้องการขออะไรมากเกินไป ทั้งหมดที่ข้าต้องการก็คือขอให้ท่านยอมให้ข้าติดตามท่าน พี่ลีย์, ข้ายินดีเป็นหญิงรับใช้ของท่าน ตราบใดที่ได้อยู่ข้างๆ ท่าน ข้าจะมีความสุข” เจนน์พูดอย่างมีความหวัง
คีนและแลมเบิร์ตเงียบทั้งสองคน
ลินลี่ย์รู้สึกกังวลใจเช่นกันเจนน์เป็นเด็กสาวที่ดีมากจริงๆ...แต่..
“เจนน์,ไม่มีความจำเป็นที่เจ้าต้องติดตามข้าและพาตัวเข้าไปอยู่ในอันตรายก็ได้ ตอนนี้เจ้าเป็นสตรีสูงศักดิ์แล้ว ในเมืองปกครองเซียร์ มีบุรุษหนุ่มที่โดดเด่นติดตามสนใจเจ้าอยู่” ลินลี่ย์กล่าว
เจนน์กัดริมฝีปากจากนั้นส่ายศีรษะยืนยัน ดวงตานางเริ่มมีน้ำตาคลอ
“พี่ลีย์” คีนกล่าว “โปรดยอมรับคำขอร้องของพี่สาวข้าเถอะ ช่วงเวลาเหล่านี้เมื่อท่านไม่อยู่ที่นี่ นางแทบไม่มีแก่ใจทำอะไร ผ่ายผอมขึ้นทุกวัน”
ดวงตานางมีน้ำตาเจนน์มองลินลี่ย์ด้วยสายตาอ้อนวอน
“เจนน์...”
ในที่สุดลินลี่ย์ก็ใจอ่อน “ห้าปี ข้าจะให้เวลาเจ้าห้าปีและเจ้าก็ต้องให้เวลาข้าห้าปีเช่นกัน ห้าปีจากนี้ไป ข้าจะกลับมาพบเจ้า ถ้าถึงเวลานั้นเจ้ายังตัดสินใจได้เด็ดเดี่ยว ข้าจะยอมให้เจ้ามากับข้าด้วย”
เวลาคือยารักษาที่ดีที่สุด
ห้าปีจากนี้ไปเจนน์จะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและความคิดของนางและความเชื่อจะเปลี่ยนไปเช่นกัน ลินลี่ย์เชื่อว่าบางทีเพราะเจนน์ไม่มีบิดามารดาคอยดูแลนางเมื่อนางยังเล็ก จิตใจนางคงจะเปลี่ยน ถึงเวลานั้นลินลี่ย์คงไม่ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันใดๆ
“ห้าปี ก็ได้” ความหวังปรากฏอยู่ในดวงตาของเจนน์อีกครั้ง
“เจนน์”
ลินลี่ย์มองดูเจนน์ “ก่อนที่ข้าจะไป ข้าต้องบอกอะไรบางอย่างกับเจ้า ชื่อจริงของข้าไม่ใช่ชื่อ ลีย์ ข้าชื่อลินลี่ย์ บาลุค”
“ลินลี่ย์ บาลุค?” เจนน์พึมพำ
“ลินลี่ย์? ท่านลีย์ ท่านคือยอดประติมากรอัจฉริยะหรือนี่?” แลมเบิร์ดประหลาดใจ ก่อนนั้นแลมเบิร์ตเคยอาศัยอยู่ในสหภาพศักดิ์สิทธิ์ ในสหภาพศักดิ์สิทธิ์ ลินลี่ย์มีชื่อเสียงมาก
“หวังว่าพวกท่านจะไม่เปิดเผยสถานะหรือที่อยู่ของข้านะ ลาก่อน”
ลินลี่ย์เค้นรอยยิ้มเล็กน้อย จากนั้นหมุนตัวก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องโถงทันที
ขณะที่นางมองด้านหลังของลินลี่ย์ น้ำตาเริ่มไหลรินจากดวงตาของเจนน์ในที่สุด นางกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือนาง
บนถนนของเมืองเซียร์
รีเบ็คกาและลีนานั่งอยู่บนหลังของเสือดำแฮรุ บีบีพักอย่างสบายอยู่ในอ้อมกอดของลีนา ขณะที่ลินลี่ย์อยู่ในชุดนักรบเดินเคียงคู่กับซาสเลอร์ซึ่งสวมชุดยาวของจอมเวท
พวกเขาเดินทางตรงไปยังเมืองเบซิลด้วยความเร็วสูง
เบซิลเมืองหลวงของมณฑลเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้แต่ไกล
และเช่นเดียวกันกลุ่มของลินลี่ย์เข้ามาใกล้และเข้าไปในเมืองเบซิล
“ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งหาเพอร์รี่ผู้นั้นในตอนนี้ไปหาที่พักกันก่อน” ลินลี่ย์กล่าว
ซาสเลอร์พยักหน้าเช่นกัน
ในเมืองเบซิลมีคนค่อนข้างน้อยที่ใช้ชื่อว่าเพอร์รี่ มีแนวโน้มว่าจะหาได้แน่เพียงแต่ต้องใช้เวลา ดังนั้นลินลี่ย์และซาสเลอร์จึงไปหาที่พักค้างและได้บ้านเดี่ยวสำหรับให้กลุ่มของเขาได้พักในเวลานี้
สองวันหลังจากกลุ่มของลินลี่ย์มาถึงเมืองเบซิล เหยี่ยววายุฟ้าของเคานท์เพอร์รี่ก็ถูกส่งมาถึงเกาะศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรเจิดจรัส
เกาะศักดิ์สิทธิ์คือสถานที่โดดเดี่ยวตั้งอยู่นอกทวีปยูลาน
ทั่วเกาะศักดิ์สิทธิ์มีความยาวไม่กี่สิบกิโลเมตร ความจริงในอดีตนี่คือฐานทัพลับของศาสนจักรเจิดจรัส ตอนนี้ถูกใช้เป็นที่ทำการใหญ่
มีวิหารเจิดจรัสซึ่งสูงถึงเก้าชั้น
วิหารเจิดจรัสนี้ไม่มีขนาดมหึมาเท่ากับวิหารเจิดจรัสในเฟนไล แต่ก็ได้รับการก่อสร้างอย่างละเอียดประณีตโดยศาสนจักรเจิดจรัส ซึ่งใช้ค่าใช้จ่ายและความพยายามอย่างมาก
บนชั้นเก้าของวิหารเจิดจรัส
ไฮเดนส์นั่งอยู่ที่หน้าต่าง มองผ่านหน้าต่างไป เขาสามารถเห็นพื้นมหาสมุทรสีครามไร้ขอบเขตไกลออกไปจากเกาะ
เร็วๆนี้ไฮเดนส์ยังคงมีอารมณ์ที่ดีอยู่หน่วยงานยอดฝีมือระดับเก้าที่เขาส่งไปทำงานได้จับพ่อมดจอมเวทซาสเลอร์สำเร็จแล้ว และอีกสองวันต่อมาเขาได้รับข่าวดีเพิ่มอีกในดินแดนแปดแคว้นอิสระ กองกำลังของเขามีการค้นพบยิ่งใหญ่ร่างประทับระดับแปดที่มีศักยภาพห้าร่าง
กล่าวโดยทั่วไปคนธรรมดาคนหนึ่งสามารถฝึกร่างภายนอกพวกเขาได้ถึงระดับหก นั่นเป็นขีดจำกัดระดับสูงแล้ว
อัจฉริยะบางคนสามารถเข้าถึงระดับเจ็ดได้โดยเน้นที่การฝึกร่างกายของพวกเขา
แต่ในแปดแคว้นอิสระภาคเหนือ กองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสพบห้าพี่น้องทุกคนมีความแข็งแกร่งและอดทนยอดเยี่ยม ไม่มีใครในพวกเขาที่มีปราณยุทธ แต่พวกเขาทุกคนมีพลังเทียบเท่านักรบระดับแปด เฉพาะพลังภายนอกเท่านั้น
“ร่างประทับระดับแปด นั่นเพียงพอให้ทูตสวรรค์หกปีกแสดงพลังของพวกเขาได้” ไฮเดนส์อดตื่นเต้นไม่ได้ “ร่างระดับแปดห้าร่างเมื่อทูตสวรรค์ประทับร่างพวกเขา พวกเขาก็สามารถเปลี่ยนเป็นนักสู้ระดับเซียนชั้นสูงถึงห้าคนเลยทีเดียว”
นักสู้ระดับเซียนชั้นต้น,ชั้นกลางและชั้นสูงคือความแตกต่างกันของระดับพลัง
ปัจจุบันศาสนจักรเจิดจรัสทั้งหมดมีนักสู้ระดับเซียนชั้นสูงห้าคน แต่เมื่อจัดส่งมนุษย์ที่มีร่างระดับแปดมา ยอดฝีมือระดับเซียนชั้นสูงภายใต้การดูแลของศาสนจักรเจิดจรัสจะมีเพิ่มเป็นทวีคูณ!
“เมื่อเป็นเช่นนั้นลัทธิเงาจะต่อต้านเราได้หรือ?” หน้าของไฮเดนส์มีรอยยิ้ม
“ฝ่าบาท”
“เข้ามา” ไฮเดนส์มีสีหน้ากลับคืนเป็นปกติ
ไวคาร์(ผู้ช่วยบิช็อพ) เดินเข้ามาส่งจดหมายให้จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเคารพ “ฝ่าบาทนี่คือสาส์นลับจากหัวหน้าผู้ดูแลกิจการในมณฑลพายัพของจักรวรรดิโอเบรียน”
“โอว?” ไฮเดนส์เลิกคิ้ว
ผู้ดูแลกิจการในพื้นที่ภายนอก นอกจากรายงานประจำปีก็แทบจะไม่เคยส่งสาส์นลับเลย ถ้าสาส์นลับถูกส่งออกมาอย่างนั้นก็หมายความว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
“เป็นไปได้หรือ..?” ทันใดนั้นไฮเดนส์จำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ แลมพ์สันและคนของเขาเพิ่งจะคุ้มกันพ่อมดจอมเวทไปยังเมืองของมณฑลพายัพ
ไฮเดนส์รับจดหมายมาเปิดซองทันที
ทันทีที่เขาเห็นเนื้อความในจดหมาย หน้าของไฮเดนส์สลด “เรียกท่านสเตลห์มาพบข้า”
“ใต้เท้าสเตลห์?” ไวคาร์ประหลาดใจ
ในศาสนจักรเจิดจรัส หัวหน้าของโยคีก็คือท่านใบไม้ร่วง ขณะที่หัวหน้าของมือปราบพิเศษของศาลศาสนจักร หัวหน้าของพวกเขาก็คือสเตลห์
ท่านสเตลห์เป็นเพียงมือปราบพิเศษคนหนึ่ง
แต่ในเรื่องของพลัง เขาเทียบเท่ากับหัวหน้าตุลาการศาลศาสนจักรแพรตเตอร์ โอเซนโน ทั้งสองคนเป็นนักสู้ชั้นเซียนระดับสูง ในช่วงเวลาที่สงบ ศาสนจักรเจิดจรัสยากจะยอมส่งนักสู้ระดับเซียนชั้นสูงออกไปทำภารกิจ
“เร็วเข้า” ไฮเดนส์สำทับ
ไวคาร์รู้สึกตัวทันทีและรีบกล่าว “พระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท”
เมื่อเห็นไวคาร์แยกออกไป ไฮเดนส์เริ่มขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าหน่วยของแลมพ์สันจะมาถึงมณฑลพายัพเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว แต่ไม่มีข่าวจากชายแดนของเราแจ้งข้าถึงการกลับมายังสหภาพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ดูเหมือนว่า...พวกเขาจะถูกสังหารจริงๆ”
แลมพ์สันและยอดฝีมือระดับเก้าคนอื่นๆอีกสิบคนตายหมด
ความสูญเสียครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่ไฮเดนส์ยังคงรักษาความสงบไว้ได้
ที่สำคัญ สิ่งที่ศาสนจักรเจิดจรัสต้องพึ่งพาอาศัยก็คือนักสู้ระดับเซียนตราบใดที่นักสู้ระดับเซียนยังคงเหลืออยู่ ศาสนจักรเจิดจรัสจะไม่ถูกคุกคามถึงแก่นกลาง
“แลมพ์สันและผู้คุ้มกันซาสเลอร์อีกห้าคนด้วยความสามารถของพวกเขา ด้วยนักสู้ระดับเก้าคนหรือสองคนไม่สามารถจัดการพวกเขาได้” ไฮเดนส์ขมวดคิ้ว “หรือว่าจะเป็นนักสู้ระดับเซียน? แม็คเคนซีแห่งมณฑลพายัพ?”
ไฮเดนส์ไม่คิดถึงความเป็นไปได้อย่างอื่นนอกจากแม็คเคนซี
“แม็คเคนซี!” ไฮเดนส์เต็มไปด้วยรังสีอำมหิต
สำหรับไฮเดนส์นักสู้ระดับเก้าสิบเอ็ดคนรวมกันยังไม่มีค่าเท่ากับซาสเลอร์คนเดียว คุณค่าที่แท้จริงของซาสเลอร์ไม่ใช่อยู่ที่ตัวเขาเอง แต่เป็นการฝึกฝนวิถีเวทพ่อมด เวทแบบนั้นเทียบเท่ากับเวทศักดิ์สิทธิ์มีพลังมาก
ยังรวมถึงเวทคำสาปแก๊สพิษ คาถาโรคระบาดทาสผีดิบและความสามารถในการเรียกภูตผี เวทเหล่านี้ล้วนทรงพลังทั้งนั้น
ศาสนจักรเจิดจรัสไม่ปฏิเสธพ่อมดในเรื่องระดับยศของพวกเขา
ตราบใดที่พ่อมดยินดีรับใช้พวกเขาพวกเขายินดีจะมอบตำแหน่งพ่อมดของหน่วยมือปราบพิเศษงานด้านมืดของศาสนจักรเจิดจรัสก็คือศาลศาสนจักรที่มียอดฝีมือประเภทนั้นอยู่ประจำ
ไฮเดนส์ไม่รู้ว่าคนที่ฆ่าแลมพ์สันและคนของเขาก็คือลินลี่ย์ ถ้าเขารู้ ไฮเดนส์คงโกรธจัดจนเต้นแน่นอน
“ฝ่าบาท” เสียงเยือกเย็นดุจน้ำแข็งดังขึ้น
“สเตลห์ เข้ามา” ไฮเดนส์พูดอย่างเป็นกันเอง
สเตลห์สูง 1.7 เมตรในทวีปยูลาน เขานับว่าเป็นคนตัวผอมเล็กเขาไว้ผมหงอกสั้น และตาของเขาคมดุจใบมีดตัดสินจากลักษณะของเขาดูเหมือนเขาเป็นบุรุษวัยกลางคน
“ฝ่าบาท มีบัญชาเรียกหาข้าหรือ?” สเตลห์ถามโดยตรง
ไฮเดนส์พูดโดยตรงเช่นกัน “ตามที่เราได้รับรายงานแลมพ์สันและคนของเขามีแนวโน้มว่าจะตายกันทั้งหมด มีโอกาสสูงที่คนฆ่าก็คือนักสู้ระดับเซียนของจักรวรรดิโอเบรียน”
สเตลห์ยังคงเงียบ
“ข้าจะส่งเจ้าไปมณฑลพายัพของจักรวรรดิโอเบรียน เมื่อเจ้าไปถึงที่นั่นเจ้าจะต้องไปพบอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังคุ้มกันนักโทษจำนวนหนึ่งมาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เจ้าต้องแน่ใจว่าพี่น้องทั้งห้าคนจะถูกส่งกลับมายังเกาะศักดิ์สิทธิ์”
“แล้วถ้าข้าเผชิญกับนักสู้ระดับเซียนของจักรวรรดิโอเบรียนเล่า?” สเตลห์ถาม
“ฆ่าพวกมันและบินกลับมาพร้อมกับคนทั้งห้าด้วยความเร็วสูงสุด”ไฮเดนส์พูดเฉื่อยชา
เมื่อพวกเขาใช้ร่างประทับระดับแปดทั้งห้าคนนั้นเพื่อให้เทวทูตประทับ ศาสนจักรเจิดจรัสจะสร้างนักสู้ระดับเซียนชั้นสูงออกมาได้อีกห้าคน เพื่อประโยชน์เช่นนั้น ถือว่าคุ้มค่าแม้ต้องรุกรานจักรวรรดิโอเบรียนอยู่บ้าง ที่สำคัญต่อให้พวกเขารุกรานจักรวรรดิโอเบรียน อย่างแย่ที่สุดสหภาพศักดิ์สิทธิ์ก็แค่ชดเชยให้กับจักรวรรดิโอเบรียน
“ขอรับบัญชา, ข้าจะออกไปคืนนี้เลย” สเตลห์พูดเฉื่อยชา