ตอนที่ 8-26 ความไว้วางใจ
ราตรีนี้ไม่มีทั้งดวงดาว ไม่มีทั้งดวงจันทร์
ลินลี่ย์และพ่อมดจอมเวทซาสเลอร์,เสือดำเมฆาแฮรุและบีบีผ่านไปตามตรอกซอยที่เงียบสงบตอนนี้ลินลี่ย์กลับคืนร่างมนุษย์แล้ว
“ฟู่...”
กางเกงที่ฉีกขาดของลินลี่ย์ถูกเพลิงเผาทันทีและจากนั้นเพียงพลิกมือลินลี่ย์ก็มีกางเกงอีกตัวหนึ่งและเสื้อสีดำขนาดพอดีตัว ในพริบตาลินลี่ย์ก็แต่งตัวเสร็จ
“โอว, เจ้าเด็กลินลี่ย์ผู้นี้พิเศษมากกว่าที่ข้าคิดเสียอีก” ดวงตาเขียวของซาสเลอร์เพ่งมองลินลี่ย์ซาสเลอร์จะไม่รู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น? เห็นได้ชัดว่าลินลี่ย์มีแหวนมิติเก็บสมบัติ
ซาสเลอร์เองก็มีแหวนมิติเก็บสมบัติเป็นของตนเองเช่นกัน
สี่ร้อยกว่าปีมาแล้ว ในเทือกเขาอสูรวิเศษ เมื่อเขากำลังเลือกหาทาสภูตผีอมตะ บังเอิญเขายกโครงกระดูกที่หักสลายไปครึ่งหนึ่งซึ่งไม่มีผู้ใดทราบว่าตายมาแล้วกี่ปี บนนิ้วของโครงกระดูกนั้นมีแหวนมิติเก็บสมบัติอยู่หนึ่งวง
ตอนนั้นซาสเลอร์ดีใจแทบคลั่ง
เมื่อสังเกตดูจากสภาพแวดล้อมของเขาซาสเลอร์คาดว่าโครงกระดูกนี้มีแนวโน้มว่าจะร่วมต่อสู้กับอสูรเวทเมื่อหลายพันปีจนนับไม่ได้ และจากนั้นตะเกียกตะกายเข้ามาในหุบเขาลึกและใช้เป็นที่ตายเนื่องจากอาการบาดเจ็บหนัก แต่หลังจากผ่านไปหลายพันปีภูมิศาสตร์ท้องถิ่นเปลี่ยนไป หุบเขาจึงถูกปิดผนึกไว้
ในฐานะพ่อมดจอมเวทอายุเกินแปดร้อยปี ถือเป็นเรื่องเข้าใจได้สำหรับเขาที่ได้ครอบครองแหวนมิติเก็บสมบัติ แต่ชายหนุ่มผู้นี้ที่อยู่ต่อหน้าเขาเห็นได้ชัดว่ายังอายุเยาว์มาก เขาไปได้แหวนนี้มาจากไหน?
“รีบไปกันเถอะ” ลินลี่ย์แต่งตัวเสร็จก็ออกคำสั่งเบาๆ
“ลินลี่ย์, ข้าพบว่าตัวข้าเองสนใจเรื่องของเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ” เสียงหัวเราะของซาสเลอร์น่ากลัวมาก
ลินลี่ย์ชำเลืองมองเขาจากด้านข้าง “ซาสเลอร์, จำไว้ด้วยว่าต่อไปในอนาคต เมื่อข้าไม่อนุญาตอย่าเรียกชื่อจริงของข้า ให้เรียกข้าว่าลีย์”
ซาสเลอร์ขมวดคิ้ว “ข้าเข้าใจเจ้ากลัวว่าสถานะของเจ้าจะถูกเปิดเผย”
ความจริงชื่อจริงของลินลี่ย์มีชื่อเสียงมากจริงในจักรวรรดิโอเบรียนเช่นกัน แต่ชื่อนี้จะรู้จักกันในวงการประติมากรเป็นหลัก ผู้สนใจงานประติมากรรมจะรู้เรื่องลินลี่ย์ดีอัจฉริยะอายุสิบหกปีผู้สามารถแกะสลักงานได้ในระดับเดียวกับสิบงานชิ้นโบว์แดงในประวัติศาสตร์?และพวกเขาจะไม่ชื่นชมยินดีต่อเขาได้ยังไง?
น่าเสียดาย ซาสเลอร์ชายชราจากเผ่าอนารยชนไม่สนใจเรื่องงานประติมากรรม
พวกเขารีบเร่งตลอดทาง
“เรากำลังจะไปไหนกัน?” ซาสเลอร์ถามเบาๆ ขณะที่รักษาการเคลื่อนที่ในระดับสูง
“นอกเมือง” ลินลี่ย์กล่าวอย่างใจเย็น
“แต่นี่ไม่ใช่ตำแหน่งของประตูเมืองนี่?” ซาสเลอร์ถามอย่างประหลาดใจ
“นี่เราต้องออกจากเมืองโดยใช้ประตูเมืองด้วยหรือ?” ลินลี่ย์ชำเลืองมองซาสเลอร์ซึ่งตอนนี้เข้าใจความหมายของลินลี่ย์
“แต่นี่มัน 10.00 น. ประตูเมืองยังไม่ทันปิดเราสามารถออกจากประตูเมืองได้ถ้าเราต้องการ” ซาสเลอร์คัดค้าน
“ข้าไม่แน่ใจว่ากองกำลังไหนที่ศาสนจักรเจิดจรัสได้วางไว้ในเมืองเซียร์บ้าง บางทีพวกเขาอาจมีคนปะปนอยู่ในกลุ่มทหารเฝ้าประตูเมืองก็ได้ ถ้าท่านไปตามถนนนั้น...เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะจำท่านได้ ที่สำคัญนอกจากยอดฝีมือทั้งหกจากสำนักงานใหญ่ของศาสนจักรเจิดจรัสแล้ว ยังมีคนอื่นที่พบเห็นท่านและรู้ว่าท่านมุ่งหน้าไปยังที่พักนั้นในวันนี้” ลินลี่ย์ตอบอย่างใจเย็น
ซาสเลอร์ผงกศีรษะ
ในระหว่างทางที่ถูกคุมขังไว้ในที่พักต้องมีคนกลุ่มอื่นที่อยู่ในที่พักแน่นอน เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนั้นเป็นคนของศาสนจักรเจิดจรัสที่อยู่ในเมืองเซียร์ เดิมทีมีคนรับใช้หลายคนคอยรับใช้แลมพ์สันและคนอื่นด้วยเช่นกัน
แต่แลมพ์สันเป็นคนที่ระมัดระวังตัวอย่างที่สุด เขาเกรงถึงความเป็นไปได้ว่าคนเหล่านี้อาจมีการแทรกซึมดังนั้นจึงส่งคนรับใช้ทุกคนออกไปข้างนอก
….
ลินลี่ย์และซาสเลอร์มาถึงกำแพงเมืองสูงอย่างรวดเร็ว กำแพงเหล่านั้นสูงราวยี่สิบเมตรสูงเสียจนซาสเลอร์พูดไม่ออก
“ไม่มีทางที่ข้าจะปีนข้ามได้” ซาสเลอร์พูดตรงๆ
เขาเป็นพ่อมดจอมเวท สภาพร่างกายของเขาเทียบเท่ากับนักสู้ระดับสามธรรมดา แต่จะให้เขากระโจนกำแพงสูง 20-30เมตรเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“แฮรุ” ลินลี่ย์มองดูเสือดำเมฆาของเขา
“โกรววว” แฮรุเสือดำตัวนี้สูงสองเมตรและยาวสี่เมตรดูสง่างามจ้องมองซาสเลอร์พ่อมดจอมเวทด้วยสายตาเย็นชา
“ขี่หลังแฮรุ” ลินลี่ย์สั่ง
ซาสเลอร์ไม่ลังเลต่อไป เขากระโจนขึ้นหลังแฮรุทันที บีบียืนอยู่บนคอของแฮรุอยู่แล้วยังคงมีท่าทีท้าทายซาสเลอร์ อย่างไรก็ตามซาสเลอร์ไม่กล้าสู้กับอสูรเวททั้งสองตัวนี้แน่
เขาได้เห็นผลการต่อสู้ตอนนั้นชัดเจนแล้ว ถ้าให้เขาตัดสินเขาสามารถบอกได้ว่าทั้งหนูเงาสีดำและเสือดำทั้งสองนี้ต้องเป็นอสูรเวทระดับเก้าเมื่อไม่มีลูกน้องภูตผีอมตะของเขาแล้วเขาในฐานะพ่อมดจอมคาถาไม่กล้าท้าทายอสูรเวทระดับเก้าแน่นอน
“ไปกันเถอะ”
เพียงกระโจนครั้งเดียวลินลี่ย์ก็บินขึ้นไปในอากาศเหมือนลูกธนูพลิกตัวข้ามกำแพงและลงไปยืนอยู่ที่ด้านตรงข้ามอย่างง่ายดาย
“ควั่บ” ด้วยพลังกระโจนทีเดียว แฮรุกลายเป็นเงาดำเลือนรางพุ่งผ่านกำแพงเมืองสูงยี่สิบเมตรไปได้อย่างง่ายดาย
บนทุ่งหญ้านอกเมือง
“โว้ว.. เสือดำตัวนี้ว่องไวมาก” ซาสเลอร์กอดอกระบายลมหายใจ ขณะที่พูดเขาเตรียมลงจากหลังของมัน
“ขี่ต่อไป” ลินลี่ย์พูดต่อทันที “แฮรุ กลับกันเดี๋ยวนี้”
ลินลี่ย์ร่ายเวทความเร็วเสียงทันทีลินลี่ย์รีบกลับไปยังหุบเขาที่พักของพวเขาอย่างรวดเร็วราวกับสายลม แต่แฮรุยังคงรักษาระยะห่างจากเขาได้อย่างง่ายดาย
ไม่กี่นาทีต่อมา ซาสเลอร์และลินลี่ย์ก็มาถึงหุบเขา
“ตั้งแต่วันนี้ไป ท่านจะพักอยู่ที่นี่ ถ้าท่านต้องการจากไปจะดีที่สุดท่านควรแปลงโฉมเสียก่อน” ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น เมื่อมองดูรอบตัว ซาสเลอร์พยักหน้าด้วยความพอใจ “ข้าชอบพื้นที่เงียบสงบ สถานที่เช่นนี้เหมาะกับการฝึกของข้ามาก”
ยามดึกคืนนั้นลินลี่ย์สร้างห้องไม้ให้ซาสเลอร์ด้วยเช่นกัน
ในเวลาดึก เมื่อลินลี่ย์นั่งอยู่บนพื้นหญ้าเตรียมฝึกอย่างเงียบงันเขารู้สึกได้ทันทีว่าจากห้องไม้ของซาสเลอร์มีกลิ่นอายความตายหนาแน่นเต็มอยู่ภายใน มิน่าเล่าซาสเลอร์ถึงได้ชอบพื้นที่เงียบสงบ ในที่ซึ่งมีคนอยู่มากมาย ซาสเลอร์คงไม่กล้าฝึกอย่างเปิดเผยอย่างไม่เกรงใจใครนัก
“พ่อมดหมอผี” เมื่อคิดถึงข้อมูลที่เขาได้อ่านเกี่ยวกับเรื่องพ่อมด ลินลี่ย์อดนึกกลัวไม่ได้
กล่าวโดยทั่วไปก็คือพ่อมดที่อาวุโสจะมีพลังจิตที่ทรงกำลังมากและมีพลังน่ากลัวมาก เพราะเมื่อมีเวลาเพียงพอ พวกเขาจะสามารถรวบรวมบริวารภูตผีปีศาจได้เป็นจำนวนมาก
“ที่ลานบ้านปีศาจอมตะของซาสเลอร์ล้วนเป็นระดับเก้าทั้งหมด มีแนวโน้มว่าเขายังคงมีบริวารภูตผีอมตะที่มีระดับกลางด้วยเช่นกัน”ลินลี่ย์เคยได้ยินว่าหัวหน้าพ่อมดจอมเวทถูกมองว่าสามารถนำกองทัพที่น่ากลัวด้วยตนเองได้
พ่อมดจอมเวทมีความสามารถในการอัญเชิญกองทัพขนาดมหึมาจำนวนเป็นแสนมารบได้
และในสงคราม ตราบใดที่เขาสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ของเขาได้พ่อมดก็สามารถสร้างทาสผีดิบจากซากศพพวกเขาได้ ควบคุมนักรบฝ่ายตรงข้ามที่ตายแล้วก็ได้ ศพของคู่ต่อสู้ของเขาจะถูกสั่งให้รบกับศัตรูของเขา
ทหารของพ่อมดมีแต่จะเพิ่มขึ้นในการรบแต่ละครั้ง
แต่แน่นอนว่า สิ่งที่จำเป็นก่อนนั้นก็คือพ่อมดจะต้องมีพลังจิตอย่างพอเพียง
“นอกจากนี้ ข้ายังเคยได้ว่าเขาพูดกันว่า พวกพ่อมดไม่ใช่มีแค่คาถาเรียกภูตผีหรือสร้างทาสผีดิบเท่านั้น ข้าได้ยินมาว่ายังมีคาถาพ่อมดที่น่ากลัวบางอย่างอยู่ด้วย”
พ่อมดมีชื่อมากที่สุดในเรื่องการสร้างโรคระบาด
จากบันทึกในประวัติศาสตร์ มีกรณีนี้แน่นอน เพราะเคยมีพ่อมดคนหนึ่งสร้างโรคระบาดครั้งใหญ่ต้องเซ่นชีวิตผู้คนไปเป็นสิบๆ ล้านนี่ยังเป็นเหตุผลที่เมื่อลินลี่ย์เห็นว่าโฮลเมอร์ใช้พิษแล้วเขาสงสัยว่าโฮลเมอร์อาจเป็นพ่อมด
………..
เช้าตรู่ ท้องฟ้าค่อยๆ สางและสว่างสดใส
พ่อมดซาสเลอร์รั้งพลังจิตที่ส่งไปในแดนแห่งความตายกลับเข้ามายังร่างของตน เขาลืมตา ใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อย “เมื่อวานนี้เป็นวันที่ข้าโชคดีจริงๆ”
“ไม่เพียงแต่ข้าได้รับเสรีภาพเท่านั้น แต่ในแดนปีศาจอมตะ ข้ายังสามารถปราบแม่ทัพอัศวินดำได้ แม้ว่าจะต้องทุ่มเทเสียสละซอมบี้ริ้วทองไปหนึ่งตนก็ตาม แต่ก็นับว่าคุ้มค่า” ซาสเลอร์มีความสุขมาก
แม้ว่าซอมบี้ริ้วทองจะเป็นภูตผีระดับเก้า เมื่อเทียบกับแม่ทัพอัศวินดำแล้วพวกมันอ่อนแอกว่ามาก แม่ทัพอัศวินดำมีระดับพลังเท่ากับปีศาจมังกรอมตะอาจมองได้ว่าเป็นอสูรระดับเก้าชั้นสูงก็ได้
ตอนนี้ ภายใต้การควบคุมของซาสเลอร์เขามีบริวารปีศาจอมตะระดับเก้าชั้นสูงถึงสามตนคือ มังกรอมตะ ผีดิบโบราณและนายกองอัศวินดำ ขณะเดียวกันเขายังคงเรียกใช้ซอมบี้ริ้วทองและพลธนูโครงกระดูกทองได้
สมุนปีศาจระดับเก้าชั้นสูงสามตน สมุนปีศาจระดับเก้าชั้นธรรมดาอีกสี่
นี่คือกองกำลังที่ทรงพลังมากที่สุดของซาสเลอร์ ขณะที่สมุนภูตผีระดับแปดและระดับเจ็ดเขามีอยู่มาก ที่สำคัญคือในแดนยมโลกภูตผีระดับสูงสามารถมีบริวารภูตผีระดับต่ำกว่าได้มากมาย
ตัวอย่างเช่น มือธนูโครงกระดูกทองทั้งสองตนสามารถคุมกองทัพภูตผีโครงกระดูกได้ห้าแสน
ขณะที่แม่ทัพอัศวินดำ มีอัศวินดำระดับแปดอยู่ภายใต้บังคับบัญชาอยู่จำนวนหนึ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อมดที่อายุเกินแปดร้อยปีขึ้นไปอาจนับได้ว่าเป็นกองทัพในตัวคนเดียวที่น่ากลัว นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
“หืม?” ขณะที่เขาเดินออกมาจากห้องไม้ ตาของซาสเลอร์เบิกกว้าง
เพราะตอนนี้ลินลี่ย์กำลังยืนเงียบอยู่บนบ่อ เขาหลับตา ร่างของเขาเบาเหมือนขนนกและเขาไม่จมลงไปในน้ำแม้แต่น้อย
“นี่มัน....” ซาสเลอร์ทึ่งอย่างมาก
ซาสเลอร์รู้ดีว่าลินลี่ย์ไม่ใช่นักสู้ระดับเซียน หลังจากแปลงร่างลินลี่ย์จะอยู่ในระดับเก้าชั้นสูง ขณะที่อยู่ในร่างมนุษย์เขาจะดูอ่อนแอกว่า แต่ตอนนี้ลินลี่ย์กำลังยืนอยู่ราวกับว่าไม่มีน้ำหนักตัวเลย
“ท่านซาสเลอร์” ลินลี่ย์ลืมตาทันที ใบหน้ามีรอยยิ้มที่พบเห็นได้ยาก ขณะเดียวกันเขาเดินบนผิวน้ำของบ่อได้ เหมือนกับว่ากำลังเดินบนพื้นแข็ง
“ตอนนี้ถือว่าเราเป็นพันธมิตรกัน ข้าต้องการรู้สองสามเรื่องเกี่ยวกับศาสนจักรเจิดจรัส” ลินลี่ย์พูดตรงๆ
ซาสเลอร์พูดเบาๆ จากนั้นพยักหน้า “ต่อให้เจ้าไม่ถามข้า ข้าก็จะบอกเจ้าเอง ก็ได้ แต่ก่อนอื่นเราน่าจะแสดงความไว้วางใจกัน ข้าไม่รู้เรื่องของเจ้าเท่าใดนัก”
“ลินลี่ย์, ชื่อเต็มข้าคือ ลินลี่ย์ บาลุค อายุยี่สิบเอ็ดปีนักสู้ที่ต่ำกว่าระดับเซียน ไม่มีใครในโลกนี้สู้ข้าได้” ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น แต่คำพูดของเขาเป็นไปด้วยความมั่นใจมาก
ในฐานะนักรบเลือดมังกรระดับเก้าชั้นสูงเขาอาจมองได้ว่าเอาตัวรอดจากนักสู้ระดับเซียนได้ เมื่อผสานกับดาบหนักอดาแมนเทียมซึ่งเขาสามารถใช้เคล็ด ‘กำหนด’ขั้นสูงได้ในตอนนี้และที่สำคัญยิ่งกว่าลินลี่ย์ยังมีความสามารถที่สนับสนุนเขาในฐานะจอมเวทสองสายธาตุระดับแปด...พลังของลินลี่ย์จึงอยู่ในระดับที่น่าตื่นตะลึง
“นักรบเลือดมังกร มิน่าเล่า” ตอนนี้ซาสเลอร์เข้าใจแล้วว่าลินลี่ย์ไม่ใช่เผ่ามนุษย์มังกร ทันใดนั้นซาสเลอร์จ้องทันที “เจ้าว่าไงนะ? อายุยี่สิบเอ็ดเหรอ?”
“แล้วไง?” ลินลี่ย์มองดูซาสเลอร์
ลินลี่ย์รู้ดีว่าพ่อมดจอมเวทผู้นี้มีความภูมิใจส่วนตัวแน่นอน ถ้าลินลี่ย์ไม่สามารถข่มเขาอย่างสิ้นเชิงก็มีแนวโน้มว่าการร่วมมือจะเป็นไปอย่างยากลำบาก
“เป็นไปได้อย่างไร?” ซาสเลอร์ตกใจ แต่จากนั้น เขาหัวเราะ “ฮ่าฮ่าข้าต่างกัน เราเหล่าพ่อมดอาวุโสมีอายุมาก เราย่อมได้เปรียบกว่า ปีนี้ข้าจะอายุ 866 ปี”
“ลินลี่ย์ เจ้าพูดว่านอกจากพวกระดับเซียนแล้วเจ้าไร้เทียมทาน ข้าไม่อยากเชื่อจริงๆ” ซาสเลอร์พูดอย่างใจเย็น “ทหารของข้าปีศาจอมตะมีเป็นล้านและข้าก็มีบริวารระดับเก้าชั้นสูงถึงสามตน”
ถึงเวลานี้ทั้งสองฝ่ายพยายามข่มกันและกัน นอกจากนี้ยังบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งขนาดไหน เพื่อที่ว่าพวกเขาจะสามารถร่วมมือกันได้ดียิ่งขึ้น
“ซาสเลอร์” ลินลี่ย์จ้องเขาอย่างใจเย็น “ข้ายอมรับว่าถ้าข้าสู้กับทหารภูตผีทั้งหมดของท่าน ข้าคงไม่สามารถสู้ได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม นอกจากข้ามีอสูรเวทระดับสูงเป็นของตนเอง และข้าลืมบอกท่านไปอย่างหนึ่ง ข้าไม่ได้เป็นแค่นักรบเลือดมังกรเท่านั้น ข้าเป็นจอมเวทสองสายธาตุระดับแปด กลยุทธคลื่นมนุษย์ของท่านใช้กับข้าไม่ได้”
ตอนนี้ซาสเลอร์ตะลึงไปแล้ว
เขาสามารถยอมรับว่าในฐานะนักรบเลือดมังกรลินลี่ย์สามารถบรรลุเป็นนักรบระดับเก้าชั้นสูงได้ในวัยยี่สิบเอ็ดปี
แต่วัยยี่สิบเอ็ดปีกลับเป็นจอมเวทสองสายธาตุระดับแปดด้วย นับว่าน่ากลัวจริงๆ
ที่สำคัญ ส่วนที่ยากที่สุดของการฝึกเป็นจอมเวทก็คือการฝึกพลังจิต ไม่มีทางอื่นหลีกเลี่ยงได้ สำหรับเด็กอายุยี่สิบเอ็ดปีมีปริมาณพลังจิตที่น่ากลัวขนาดนั้นเป็นเรื่องที่ซาสเลอร์ไม่กล้าคิดเลย
“จอมเวทสองสายธาตุระดับแปด อายุยี่สิบเอ็ดปีนี่นะ?” ซาสเลอร์พึมพำ “นี่คืออัจฉริยะจอมเวทอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ใช่ไหม?”
เมื่อลินลี่ย์อายุสิบเจ็ดปี เขาบรรลุเป็นจอมเวทระดับเจ็ด นี่คือจอมเวทที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์
แต่อายุยี่สิบเอ็ดปีเป็นจอมเวทสองสายธาตุระดับแปด?นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์
“เมื่อตอนข้าบรรลุเป็นพ่อมดระดับแปด ข้าเชื่อว่าข้าอายุราวๆ สี่ร้อยปี” เมื่อซาสเลอร์คิดถึงอายุของเขา ก็พบว่าเขาไม่มีอะไรจะพูด