ตอนที่ 8-25 เมื่อยอดฝีมือผนึกพลังกัน
เสียงตะโกนลั่นของบุรุษชุดดำผู้นี้ไม่เพียงแต่ทำให้ลินลี่ย์และหัวหน้าจอมเวทพ่อมดตกใจเท่านั้นยังทำให้แลมพ์สันและยอดฝีมือระดับเก้าอีกสามคนที่อยู่ชั้นสองสะดุ้งไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมคอแซ็ตหายไป?” แลมพ์สันผลักเปิดประตูทันทีและเดินออกมาที่ระเบียงชั้นสองและตะคอกด้วยความโกรธ
ถึงตอนนี้นักสู้ระดับเก้าอีกสามคนออกมาจากห้องของพวกเขาด้วยเช่นกัน
ภายในห้องของซาสเลอร์
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนสีหน้าของซาสเลอร์เปลี่ยน เขาสั่งลินลี่ย์ที่อยู่ใกล้ๆ “เจ้าฆ่านักสู้ระดับเก้าคนหนึ่ง แต่ยังมีเหลืออีกห้าคน ข้าจะรับมือพวกเขาสามคน เจ้ารับมือสองคน อย่าบอกข้านะว่าเจ้าทำไม่ได้”
ซาสเลอร์มั่นใจในความสามารถของเขามากว่าสามารถจัดการนักสู้ระดับเก้าได้สามคน
“ท่านต้องฆ่าเพียงหนึ่งคน” ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็นขณะเดียวกันลินลี่ย์รอคู่ต่อสู้มารวมตัวกันด้านนอก เมื่อพวกเขาทำเช่นนั้น บีบีและแฮรุจะลอบโจมตีพวกเขาจากด้านหลัง ขณะที่เขาและหัวหน้าพ่อมดจอมเวทจะโจมตีจากด้านหน้า การโจมตีขนาบแบบนี้จะทำให้ศัตรูของพวกเขายากจะหนีไปได้
เมื่อได้ยินคำพูดของลินลี่ย์ ซาสเลอร์อดแค่นเสียงไม่ได้ “เจ้าช่างกล้าทำอวดโอ่ป่าเถื่อนจริงนะ”
“พี่ใหญ่!”ในตอนนี้เอง บุรุษชุดดำก็เห็นศพของคอแซ็ต เขาร้องออกมาอย่างเศร้าโศกทันที ขณะที่สังเกตว่าตอนนี้มีคนสองคนอยู่ภายในห้อง
นักสู้ระดับเก้าอีกสี่คนลงมาจากชั้นบนราวกับลมพัด
แลมพ์สันและคนอื่นจ้องมองซาสเลอร์จากนั้นก็เป็นลินลี่ย์ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป
“สวัสดี, ทุกคนครั้งสุดท้ายที่เราสู้กัน มันยังไม่สะใจพอ เรามาเล่นกันอีกเถอะ” หัวหน้าพ่อมดจอมเวทซาสเลอร์มีความสุขที่ได้เห็นนักสู้ระดับเก้าอยู่ต่อหน้าเขา
“กุญแจต้านเวทพังไปแล้ว” ยอดฝีมือชราผมเงินนักสู้ระดับเก้าพูดอย่างตกใจ
แต่แลมพ์สันกำลังจ้องมองลินลี่ย์
“คาร์ดินัลแลมพ์สันไม่เจอกันนานเลยนะ” ลินลี่ย์ถือดาบหนักอดาแมนเทียมไว้ในมือ ดวงตาสีทองเข้มเป็นประกายเย็นชา ไร้ความปราณีจ้องมองดูคนพวกนี้
นักสู้ระดับสูงเกือบทุกคนของศาสนจักรเจิดจรัสรู้เรื่องรูปลักษณ์ที่น่ากลัวของลินลี่ย์ยามเมื่อแปลงกาย
“ลินลี่ย์!”
เสียงของแลมพ์สันเบามากและสีหน้าเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ
“เจ้าคือลินลี่ย์ผู้ฆ่าสหายทั้งหกของเราหรือ?” บุรุษชุดดำน้องชายของคอแซ็ตจ้องดูลินลี่ย์ด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “เป็นไปได้ยังไง?”
ซาสเลอร์หัวหน้าพ่อมดจอมเวทพลอยจ้องดูลินลี่ย์อย่างประหลาดใจไปด้วย จากอาการสนองตอบของหน่วยงานของศาสนจักรเจิดจรัสมนุษย์มังกรผู้ช่วยเหลือเขาผู้นี้น่ากลัวอย่างเห็นได้ชัด “โอว,เจ้าชื่อลินลี่ย์หรือ? และดูเหมือนว่าเจ้าจะดังมากกว่าข้าเสียอีกใช่ไหม?”
ลินลี่ย์จ้องมองศัตรูอย่างเย็นชา “พูดกันพอแล้ว ลงมือกันเสียที”
“คนของข้าพร้อมแล้ว เราสามารถลงมือเมื่อใดก็ได้” ซาสเลอร์หัวเราะเบาๆ ทันใดนั้นพลธนูร่างกระดูกสีทองปรากฏอยู่ที่ด้านหลังของเขา
ลินลี่ย์ตกใจ
เขาเคยได้ยินว่าเวทพ่อมดหมอผีสามารถเรียกภูตผีปีศาจได้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเห็นกับตา พลธนูกระดูกทองทั้งเหล่านี้มีรัศมีที่ไม่ต่ำทรามกว่านักสู้ระดับเก้าสักนิด
“ลินลี่ย์,ดูเหมือนว่าเจ้าจะแข็งแกร่งมากสินะ มาแข่งกันสักนิดดีกว่าดูว่าใครจะฆ่าได้มากกว่ากัน” ซาสเลอร์หัวเราะพอใจ ขณะที่ทันใดนั้น ผีดิบซอมบี้สีทองเป็นริ้วสูงสามเมตรปรากฏอยู่ที่ประตูซอมบี้ริ้วทองนี้มีนัยน์ตาสีเขียวมรกต
พลธนูโครงกระดูกทองทั้งสองและซอมบี้ริ้วทองทั้งสาม แต่ละตัวมีพลังเท่ากับนักสู้ระดับเก้า
เมื่อรวมพลังกันพวกมันมีพลังของนักสู้ระดับเก้าถึงห้าคน
แลมพ์สันมองดูซาสเลอร์ จากนั้นมองดูลินลี่ย์ เขากัดฟันสั่งด้วยเสียงเบา “ถอย เราจะไปกันเดี๋ยวนี้!” แลมพ์สันไม่ต้องการสั่งจริงๆ
เพื่อจับซาสเลอร์ พวกเขาเสียสละคนไปมาก
แต่ครั้งหนึ่ง พวกเขารู้เรื่องความลับของเวทเรียกภูตผีปีศาจจากซาสเลอร์ ศาสนจักรเจิดจรัสจะสามารถเพิ่มหน่วยงานพ่อมดอย่างลับๆได้
“บีบี แฮรุ ลงมือเดี๋ยวนี้!” ลินลี่ย์สั่งทางใจ
“ฆ่า”
ซาสเลอร์ออกคำสั่งอย่างไม่ปราณี ขณะเดียวกันเขาเริ่มบริกรรมอีกคาถาหนึ่ง แม้ว่าพลธนูโครงกระดูกเหล่านี้และซอมบี้ริ้วทองจะมีพลังเท่ากับนักรบระดับเก้า แต่พวกเขาก็เทียบเท่ากับนักสู้ระดับเก้าชั้นต้น
ซาสเลอร์มีเวทอัญเชิญสองอย่างที่เขาภาคภูมิใจมาก
เพื่อกำราบสัตว์ประหลาดทั้งสองที่เขาได้เผชิญหน้าในดินแดนยมโลก เขาต้องใช้ความพยายามไปอย่างมากมาย ริมฝีปากของซาสเลอร์ยังคงขยับบริกรรมร่ายเวทนี้ความยากของคาถาอัญเชิญสัตว์ประหลาดจากยมโลกเหล่านี้ยากยิ่งกว่าเรียกภูตปีศาจทั้งห้าก่อนนี้
“หนีเดี๋ยวนี้! มังกรอมตะกำลังจะออกมา!” มือปราบพิเศษสองคน,โยคีสองคนและคาร์ดินัลรีบหนีออกไปจากลานบ้าน
แต่ในช่วงเวลานี้...
“ควับ!” “ควั่บ!”
ธนูทองตัดฝ่าอากาศใส่ร่างโยคีทั้งสอง ขณะเดียวกันเงาร่างสีดำสองสายปรากฏตัวอยู่ด้านนอกลานบ้านทันที
“แลมพ์สันพวกเจ้าไม่มีใครหลบหนีได้ทั้งนั้น” เสียงอำมหิตของลินลี่ย์ดังขึ้น ขณะเดียวกันลินลี่ย์พุ่งตรงเข้าใส่พวกเขาราวกับสายฟ้า
ความเร็วในการเคลื่อนไหวของลินลี่ย์รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ ในฐานะนักรบระดับเก้าชั้นสูงผู้ได้รับตกทอดความเร็วของมังกรเกราะหนามและได้เวทความเร็วเสียงช่วยเหลืออีกแรงและยังใช้พลัง ‘กำหนด’ ของธาตุดิน.. ความเร็วของลินลี่ย์จึงเหนือกว่ามือปราบศาสนจักรทั้งสองคนไม่ต้องพูดถึงโยคีและคาร์ดินัล
“โฮกกกก!”
เสือดำเมฆาแฮรุพุ่งโจมตีใส่มือปราบคนหนึ่งอย่างมิได้ระมัดระวังตัว ทั้งตะปบและกัดเขา มือปราบผู้นั้นใช้ดาบฟันใส่เสือดำเมฆาอย่างดุดันทันที
“อ๊า!”กะโหลกของมือปราบพิเศษกลายเป็นรูจากพลังอุ้งเท้าของเสือดำ ขณะที่ดาบของเขาไม่ได้ระคายเคืองแฮรุแม้แต่น้อย
“ฮึ่มม” เสือดำเมฆาสบประมาท
ในอดีตลินลี่ย์ใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมขณะที่อยู่ในร่างแปลงมังกรเทียบเท่านักสู้ระดับเก้าชั้นสูง ก็ยังไม่สามารถทำอะไรมันได้ ในที่สุด มันถูกบังคับเพราะเวทสนามพลังโน้มถ่วงพร้อมกับเวทปีกอากาศก่อนที่มันจะยอมรับความพ่ายแพ้ต่อลินลี่ย์
ในเรื่องพลังป้องกันเสือดำเมฆายังน่ากลัวมากกว่าลินลี่ย์และด้อยกว่าบีบีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ควั่บ ควั่บ!”
พอได้โอกาสที่มือปราบพิเศษเปิดช่องว่างบีบีแทงผ่านการป้องกันของเขาทะลวงกรงเล็บเข้าไปในอกของมือปราบนั้นและควักหัวใจออกมา
ในพริบตาเดียวอสูรเวททั้งสองฆ่านักสู้ระดับเก้าไปสองคน
“โกรววววว!”เสือดำเมฆาหันมาโจมตีใส่โยคีที่อยู่ใกล้ๆ โยคีตกตะลึงอยู่ ที่จู่ๆก็มีอสูรเวทสองตัว ไม่ทราบว่าโผล่มาจากไหนแล้วฆ่ามือปราบไปสองคน
บีบีบุกโจมตีใส่โยคีอีกคนหนึ่งเช่นกัน
โยคีทั้งสองและแลมพ์สันตกอยู่ในสภาพตะลึงอย่างสิ้นเชิง พวกเขาเชี่ยวชาญในเวทรูปแบบพิเศษ แต่เวททั้งหมดต้องใช้เวลา เวทที่พวกเขาสามารถร่ายใช้ได้กลับใช้ต่อต้านอสูรเวททั้งสองไม่ได้
“แลมพ์สัน!”
ลินลี่ย์คำรามลั่น กวัดแกว่งดาบหนักอดาแมนเทียมเหมือนกับเทพปีศาจ เขาฟันดาบหนักอดาแมนเทียมสีดำทำให้อากาศสั่นสะเทือนจากพลังฟาดฟัน
แลมพ์สันพบกับความกลัวที่ว่าพื้นที่เหนือหัวเขาถูกตรึงไว้สิ้นเชิง
“ลิน-”
ในทันทีที่เขาจะตายแลมพ์สันหวนนึกถึงครั้งแรกที่เขาได้พบกับลินลี่ย์ นั่นคือวันประมูลรูปสลักหิน ‘ตื่นจากฝัน’เวลานั้นลินลี่ย์เป็นเด็กอัจฉริยะมองโลกแง่ดี ร่าเริง แต่เพียงสองสามปีผ่านมาลินลี่ย์กลับกลายเป็นคนที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก และวันนี้ลินลี่ย์กำลังจะเอาชีวิตของเขา
“ปัง”
ก่อนที่แลมพ์สันจะใช้ดวงตาวิงวอน ดาบหนักอดาแมนเทียมของลินลี่ย์ก็ฟันลงที่ร่างเขาแล้ว ช่วงเวลานี้ลินลี่ย์พยายามเชื่อมโยงความรู้ที่กระจัดกระจายที่เขามีเข้าด้วยกันเกี่ยวกับระดับใหม่ที่เขาพยายามเข้าถึง
มันเหมือนกับชีพจรโลกในตัวมันเอง
แรงสั่นสะเทือนลึกเหล่านั้น พลังสั่นสะเทือนที่มิอาจต้านทานได้เหล่านั้นพลังที่น่ากลัวซึ่งดาบหนักอดาแมนเทียมใช้เปลี่ยนสภาพเหมือนกับจังหวะชีพจรซึ่งเข้าไปในร่างของแลมพ์สัน
ทั่วร่างของแลมพ์สันสั่นสะท้านทันทีและจากนั้นเขาล้มลงกับพื้น ไม่มีรอยแผลให้เห็นบนร่างของแลมพ์สันแม้แต่แผลเดียว... แต่โลหิตไหลออกจากหูและจมูกของแลมพ์สัน
ถ้าใครบางคนเฉือนเปิดหนังของแลมพ์สัน พวกเขาอาจพบว่าอวัยวะภายในของแลมพ์สันแหลกสลายไปหมด
ในเวลาเดียวกันนี้บีบีและแฮรุจัดการโยคีทั้งสองที่เหลืออยู่เสร็จสิ้นทันที การฆ่าครั้งนี้สำเร็จสมบูรณ์เกินไปด้วยซ้ำ สัตว์ประหลาดจากยมโลกซึ่งซาสเลอร์อัญเชิญมาพร้อมกับการปรากฏตัวของลินลี่ย์ก็ทำให้กลุ่มของแลมพ์สันกลัวมากจนพวกเขาต้องการหนีไปตรงๆแต่ขณะที่ไปถึงกำแพง พวกเขาไม่ทันระวังตัวก็ถูกอสูรเวทที่น่ากลัวจนบอกไม่ถูกบีบีกับแฮรุเล่นงาน
ผลลงเอยเป็นที่ประจักษ์กับทุกคนที่เห็น
บีบี แฮรุและลินลี่ย์ฆ่านักสู้ระดับเก้าไปห้าคน! พวกเขานับคนที่ลินลี่ย์ฆ่าไปตั้งแต่แรกพวกเขาฆ่าไปแล้วหกคน
“โกรวววว”
ในเวลานี้ในกลางลานบ้านพื้นที่เริ่มมีรอยแตกขณะที่มิติปรากฏรอยแยกขึ้น หัวมังกรดำขนาดมหึมาเริ่มแทรกผ่านมิติออกมา
เวทปลุกภูต-ปีศาจ – มังกรอมตะ!
“แต่..แต่..” ซาสเลอร์จ้องมองลินลี่ย์ขณะที่หนูเงาและเสือดำเมฆาแฮรุของเขาก็อยู่ด้วยเช่นกัน เขาตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
ตอนนี้เขาหยิ่งถือดีมากเกินกว่าจะพูดว่าเขาจะรับมือพวกนี้สามคนถ้าลินลี่ย์สามารถรับมือได้สองคน
แต่ก่อนที่ปีศาจอมตะของเขาจะฆ่าได้สักคน ลินลี่ย์และอสูรเวทของเขาก็ฆ่านักสู้ไปหมดแล้ว
“ท่านซาสเลอร์ ไม่จำเป็นต้องร่ายคาถาอัญเชิญมังกรอมตะให้จบก็ได้ ข้าคิดว่าหรือว่าท่านต้องการจะทดสอบฝีมือบีบีหรือแฮรุดี?” ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น
หน้าของพ่อมดจอมเวทซาสเลอร์กระตุก และจากนั้น เขาไล่ให้มังกรอมตะกลับไปยังดินแดนยมโลก
“ลินลี่ย์ อสูรเวททั้งสองของเจ้าต้องแข็งแกร่งทรงพลังแน่ แต่มังกรอมตะของข้าก็ไม่อ่อนแอหรอกนะ ยิ่งกว่านั้นมังกรอมตะไม่ใช่อสูรปีศาจตัวเดียวที่ข้ามี ข้ายังมีอสูรดึกดำบรรพ์อีก” ซาสเลอร์แค่นเสียง “เจ้าต้องเข้าใจไว้ ตราบใดที่แดนยมโลกยังคงอยู่กองทัพของพ่อมดก็มีให้เรียกใช้อย่างไม่มีหมดสิ้น”
ลินลี่ย์ตกใจกลัวคำพูดของซาสเลอร์จริงๆ
ความจริงในใจของเขาซาสเลอร์รู้ว่าการฝึกอสูรอมตะในดินแดนยมโลกนั้นไม่ใช่งานง่าย พวกมันต้องถูกกำราบให้ทันเวลา ที่สำคัญ ในอดีตเมื่อเขากำราบมังกรอมตะ เขาเสียสละอสูรอมตะอื่นๆ ไปอีกมาก
“รีบเก็บกวาดลานบ้านแห่งนี้กันเถอะ อย่าให้ศาสนจักรเจิดจรัสรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่” ลินลี่ย์พูดทันที
ซาสเลอร์เริ่มสั่งอสูรอมตะของเขาทันที
พลธนูโครงกระดูกทองทั้งสองเหล่านั้นและซอมบี้ริ้วทองเชื่อฟังคำสั่งง่ายๆเริ่มกำจัดซากศพ พวกมันมีประสิทธิภาพมาก ในไม่ช้าศพทั้งหมดก็หายไป
“ลินลี่ย์” ซาสเลอร์มองลินลี่ย์ด้วยความสนใจ “จากที่แลมพ์สันพูดดูเหมือนเจ้าจะมีชื่อเสียงไม่เบา เล่าเรื่องของเจ้าบ้างได้ไหม?”
ลินลี่ย์ชำเลืองมองซาสเลอร์ “หุบปากท่านซะเถอะ เงียบไปเลย”
เมื่อเห็นตาสีทองทองของลินลี่ย์ปราศจากอารมณ์อย่างสิ้นเชิง ซาสเลอร์เริ่มหัวเราะ “ลินลี่ย์ ดูเหมือนว่าเจ้ามีความแค้นยิ่งใหญ่กับศาสนจักรเจิดจรัสใช่ไหม?”
“ถ้ามีแล้วจะเป็นยังไง?” ครั้งนี้ลินลี่ย์ตอบ
“ความแค้นเรื่องอะไร?” ซาสเลอร์ถามทันที
“ข้าจะไม่หยุดจนกว่าระหว่างเราจะพินาศกันไปข้างหนึ่ง” เสียงของลินลี่ย์เบามาก แต่เหมือนกับลมที่น่ากลัวซึ่งพัดมาจากดินแดนแห่งความตายทำให้คนสั่นสะท้านวิญญาณ
ตาของซาสเลอร์เป็นประกาย เขาพูดอย่างตื่นเต้น “ฮ่าฮ่า ดีแล้วลินลี่ย์ดูเหมือนเจ้าก็มีความสามารถ เอาอย่างนี้เป็นไง เจ้ามาช่วยข้า และร่วมมือกัน เราจะจัดการกับศาสนจักรเจิดจรัส”
“ข้า,ช่วยท่านเหรอ? ท่านเป็นผู้นำหรือ?” ลินลี่ย์มองดูซาสเลอร์
ซาสเลอร์ต้องยอมรับตัวเองว่าเขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อลินลี่ย์จ้องมองเขาด้วยดวงตาสีทองเข้ม
“ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกว่าใครจะเป็นผู้นำ สองเราแค่ร่วมมือกัน” ในฐานะพ่อมดทักษะต่อสู้ระยะประชิดของซาสเลอร์อ่อนแอมาก นอกจากนี้อสูรอมตะของเขาต้องใช้เวลาในการอัญเชิญ
ตาสีทองเข้มของลินลี่ย์ยังคงจ้องซาสเลอร์อยู่ชั่วขณะ
“ก็ได้ ข้ายอมรับ” ในที่สุดลินลี่ย์ก็พูด ลินลี่ย์ต้องยอมรับว่าการผนึกกำลังกับพ่อมดจะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน
ซาสเลอร์ดีใจทันที “ฮ่าฮ่า เยี่ยมมาก เราสองคนผนึกพลังกันมีอะไรที่เราต้องกลัว? ไฮเดนส์จะต้องมีสักวันที่ข้าฆ่าเจ้าให้ได้ เจ้าแก่บัดซบ ลินลี่ย์ ในศาสนจักรเจิดจรัสเจ้าต้องการฆ่าใคร?” ซาสเลอร์แน่ใจว่าลินลี่ย์ต้องมีความแค้นยิ่งใหญ่กับใครบางคนในศาสนจักรเจิดจรัส เพราะเขาแสดงความเกลียดชังออกมามาก
“ใคร?”
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “ข้าตั้งใจจะทำลายศาสนจักรเจิดจรัสแบบถอนรากถอนโคน”
“ศาสนจักรเจิดจรัส?” ซาสเลอร์ตะลึงไปครูหนึ่ง จากนั้นหัวเราะลั่น “ฮ่าฮ่า, ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ! เมื่อถึงเวลาเราจะฆ่าไฮเดนส์ด้วยกันและทำลายศาสนจักรเจิดจรัสซะ!”
แต่หน้าของลินลี่ย์ยังคงเย็นชาและเฉยเมย
“ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์พาบีบีและแฮรุตรงไปทางออก
“ไปไหน?” ซาสเลอร์ตามไปทันที
“ท่านไม่มีจุดหมายปลายทางหรือ?” ลินลี่ย์ถาม
“ไม่มี” ซาสเลอร์ส่ายหัว
ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น “งั้นเริ่มแต่วันนี้ ตามข้าไปเรื่อยๆก็แล้วกัน” ขณะที่พูดลินลี่ย์พาบีบีและแฮรุเดินหายเข้าไปในความมืด ซาสเลอร์สะดุ้ง จากนั้นพึมพำกับตัวเอง “ดูเหมือนว่าได้ติดตามลินลี่ย์ผู้นี้ อนาคตจะต้องเจอเรื่องตื่นเต้นแน่ๆ” ดังนั้นพ่อมดจอมเวทอายุแปดร้อยปีผู้นี้จึงติดตามลินลี่ย์ไปในคืนนั้น