ตอนที่ 8-24 ซาสเลอร์
ท้องฟ้าค่อยๆมีความมืดปกคลุม ลินลี่ย์ยังคงซ่อนตัวอยู่นอกกำแพงของบ้านพักแห่งนี้ตลอดเวลา แต่จนถึงเดี๋ยวนี้ เขายังไม่สบโอกาสหรือวิธีลอบเข้าไปใกล้ชายชราลึกลับนั้นได้
“เรื่องที่พวกเขาสนทนากันในโรงแรม ดูเหมือนศาสนจักรเจิดจรัสต้องเสียสละยอดฝีมือที่แข็งแกร่งไปหลายคนเพื่อจับคนผู้นี้” ลินลี่ย์ขมวดคิ้วขณะที่เขาไตร่ตรองถึงข้อสงสัย “ชายชราผู้นี้อย่างน้อยต้องมีพลังระดับเก้า”
“แต่เขาไม่น่าจะเป็นระดับเซียน แม้ว่ากลุ่มยอดฝีมือระดับเก้าจะทรงพลังและเป็นกลุ่มใหญ่ก็อาจจะคุกคามให้นักสู้ระดับเซียนหนีไปได้ มีแนวโน้มสูงว่าพวกเขาต้องการจับเป็นเขาให้ได้”
ถึงแม้ว่าลินลี่ย์ไม่ค่อยมั่นใจเท่าใดนักว่าชายชราลึกลับจะมีพลังมากแค่ไหน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายชราลึกลับนั้นมีความสามารถในการจัดการกับยอดฝีมือระดับเก้าได้หลายคน
"ชายชราคนนี้ต้องมีความสำคัญมากสำหรับศาสนจักรเจิดจรัสถึงได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการจับตัวเขา ข้าจะต้องขัดขวางแผนการพวกเขาให้ได้“ ตาของลินลี่ย์เปล่งประกายเยือกเย็น ”แต่การฆ่ายอดฝีมือระดับเก้าทั้งหกนี้และป้องกันไม่ให้พวกเขาหลบหนีไปจากเมืองเซียร์ได้แม้แต่คนเดียวนั้นเป็นงานที่ยากมาก”
ตัวลินลี่ย์เองอยู่อาศัยติดกับเมืองเซียร์จึงเป็นธรรมดาที่เขาไม่ต้องการเคลื่อนไหวและทำให้การปรากฏตัวของเขาถูกเปิดเผย
ถ้าเขาต้องลงมือ เขาจะต้องฆ่าคนทั้งหกให้หมด
“ตัวเรา, บีบี แฮรุ เราอาจจัดการกับนักสู้ระดับเก้าได้สักสามคนรวมกัน แต่กับหกคน... ถ้าเราใช้กลยุทธ ก็ยังไม่ใกล้เคียงพอจะเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามจะดีที่สุดถ้าเราปล่อยชายชราให้ได้ก่อนและให้เขาร่วมมือกับเรา นั่นจะทำให้เรามีโอกาสสำเร็จมากขึ้น”
ลินลี่ย์รู้วิธีจัดการกับกุญแจมือต้านเวท
พลังและคุณค่าของกุญแจมือต้านเวทขึ้นอยู่วงเวทอักษรรูนที่ซับซ้อนซึ่งได้สร้างไว้บนกุญแจ แต่วัสดุซึ่งใช้สร้างกุญแจกันเวทไม่ได้ทนทานขนาดนั้น ถึงแม้ว่ากุญแจต้านเวทใช้ป้องกันนักโทษไม่ใช่ใช้พลังเวทใดๆได้และยังแข็งแรงพอสมควร แต่ลินลี่ย์มั่นใจว่าเขาสามารถทำลายมันได้
ลินลี่ย์ไม่รีบร้อน ในเวลาอย่างนี้เขาสั่งแฮรุให้กลับเข้ามาในเมืองจากที่อยู่ในหุบเขา
มนุษย์และอสูรเวทที่เป็นสหายกันแล้วพวกเขาเชื่อใจผูกพันผ่านพลังจิตวิญญาณ ยิ่งพลังจิตของทั้งสองมาก ต่อให้ระยะทางไกล ทั้งสองก็ยังสนทนทางจิตได้
ตัวอย่างเช่นลินลี่ย์และบีบีสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากระยะไกลหลายร้อยกิโลเมตรได้ แต่ถ้าพวกเขาแยกจากกันมิใช่ว่าจะเป็นไปได้
สำหรับสมาชิกตระกูลขุนนางบางคนที่อ่อนแอซึ่งใช้ม้วนเวทผูกวิญญาณที่ทำให้อสูรเวทเชื่องในตอนแรก พวกมันที่เป็นอสูรระดับสองหรือสามอาจจะไม่สามารถติดต่อกันได้ทั้งที่ระยะแค่สองสามร้อยเมตรเท่านั้น
ปัญหาหลักก็คือพลังจิต
ลินลี่ย์กับแฮรุก็เช่นกันสามารถติดต่อกันทางใจได้จากระยะหลายร้อยกิโลเมตร แต่เมื่อระยะเพิ่มขึ้นพวกเขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงตำแหน่งของกันอย่างเลือนรางและไม่สามารถสื่อสารถึงกันได้ต่อไป
เมื่อความมืดครอบคลุมยามนี้เวลาราว 21.00 น.
ลินลี่ย์อยู่ในชุดนักรบสีดำซ่อนตัวอยู่ด้านนอกกำแพงที่พักพร้อมกับหนูเงาบีบีที่คุ้นเคย เสือดำเมฆาแฮรุก็เหมือนกันพวกเขารอคอยโอกาสอยู่เงียบๆ
“บีบี, แฮรุ เจ้าทั้งสองรออยู่ที่นี่ พวกเจ้าจะเคลื่อนไหวได้ต่อเมื่อข้าสั่งทางใจให้พวกเจ้าลงมือ” ลินลี่ย์กำชับ
แฮรุและลินลี่ย์พยักหน้าทั้งคู่
ลินลี่ย์ถอดชุดนักรบดำของเขาออกจากนั้นใช้เกล็ดสีดำคลุมผิวชั้นนอกทั้งหมดมีเขาแหลมงอกออกมาจากหน้าผากและหนามแหลมงอกออกมาตามแนวสันหลัง
หางมังกรค่อยแทงทะลุกางเกงขายาวออกมา
ดวงตาของลินลี่ย์สีทองเข้มเย็นชาและไร้ความปราณี
“จำไว้ รอคำสั่งข้า” ลินลี่ย์กำชับบีบีกับแฮรุอีกครั้งและจากนั้นเขาเป็นเหมือนปีศาจในความมืด ลินลี่ย์ไถลตามลานบ้าน
หลังจากเชี่ยวชาญระดับ‘กำหนด’ตอนนี้ลินลี่ย์เคลื่อนไหวได้โดยไม่ทำให้อากาศรอบตัวปั่นป่วน
อาคารหลักมีสองชั้น ด้านข้างมีห้องสามห้อง ห้องกลางเห็นชัดว่าเป็นที่ใช้ขังชายชราไว้ข้างใน เพราะข้างนอกห้องนี้ มีบุรุษชุดดำสองคนเฝ้าอยู่
ลินลี่ย์คืบคลานไปด้านหลังเขาจำลองและไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อยรอโอกาสอย่างเงียบๆ
“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่ผ่อนคลายแม้แต่วินาทีเดียว” ลินลี่ย์อดทนอย่างมาก
ตอนนี้บุรุษชุดทำทั้งสองคนกำลังสนทนากันอย่างเบื่อหน่าย
“พี่, หลังจากเสร็จภารกิจนี้แล้ว เราทั้งสองคนคงได้พักกันยาวเสียทีสองปีที่ผ่านมานี้ทำเอาเราเหนื่อย ข้ากังวลมาตลอดจนบัดนี้ ไม่กล้าผ่อนคลายแม้แต่น้อย” หนึ่งในคนผมดำกล่าว
“ใช่แล้ว ภารกิจครั้งโยคีระดับเก้าของเราสองคนตายไปและมือปราบพิเศษระดับเก้าก็ตายไปเช่นกัน พวกเราสิบเอ็ดคนทำงานด้วยกัน ถูกพิษตายไปห้าคน ตาแก่นี่สัตว์ประหลาดชัดๆ”
ตอนนี้บุรุษชุดดำทั้งสองคนกำลังผ่อนคลาย
เพื่อกดดันตามไล่จับชายชราผู้นี้ กลุ่มของพวกเขาที่ศาสนจักรเจิดจรัสส่งไปทันทีที่ได้ข่าวที่อยู่ของเขา พวกเขาต้องเดินทางผ่านจักรวรรดิโอเบรียนผ่านแคว้นอิสระอีก 48 แห่งและเข้าไปในทุ่งราบใหญ่ในตะวันออกไกล พวกเขาต้องสู้กับชายชราลึกลับเป็นเวลาหลายเดือนในที่สุดก็จับเขาได้ในดินแดนแคว้นอิสระแห่งหนึ่ง
แต่ตราบใดที่พวกเขาควบคุมจับกุมชายชราผู้นี้ได้ ความเสียสละของพวกเขาทั้งปวงนับว่าคุ้มค่า
พวกเขาระมัดระวังตามเส้นทางที่พวกเขาเดินทางกลับด้วยเช่นกัน พวกเขากลัวว่ายอดฝีมือของจักรวรรดิโอเบรียนจะตรวจพบพวกเขา แต่ตอนนี้พวกเขากลับมาได้ครึ่งทางแล้วและเมืองที่พวกเขาจะผ่านไปในอนาคตจะมีแต่เมืองเล็กทั้งนั้นซึ่งไม่ค่อยมียอดฝีมือ พวกเขาไม่น่าจะมีอันตรายมาก
เป็นธรรมดาที่แลมพ์สันและคนอื่นจะรู้สึกผ่อนคลายลงบ้างในตอนนี้
“พี่, ข้าจะไปเข้าห้องน้ำก่อน เจ้ายืนเฝ้าอยู่ที่นี่ข้าจะกลับมาภายในหนึ่งนาที” บุรุษชุดดำคนหนึ่งกล่าว
บุรุษชุดดำอีกคนหัวเราะ “ข้าไม่เป็นไรก่อนที่เจ้าจะพูดอะไรออกมาเสียอีก แต่ตอนนี้เจ้าบอกว่าเจ้าจะไปห้องน้ำ ข้าก็อยากไปเหมือนกัน ก็ได้ เจ้าไปก่อน และข้าจะไปทีหลัง” แม้ว่าพวกเขาจะผ่อนคลายลงบ้าง แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าทิ้งหน้าที่ยืนยามพร้อมกัน
ที่สำคัญถ้าพวกเขาปล่อยให้ชายชราหนีไปได้ พวกเขาจะต้องรับบาปอย่างร้ายแรง
ลินลี่ย์ที่ซ่อนตัวอยู่หลังภูเขาจำลองเห็นว่าบุรุษชุดดำจากไปคนหนึ่ง เขารู้สึกประหลาดใจมาก “จากไปแค่คนเดียว ฆ่าเขาไปก็ไม่มีปัญหา...ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาได้ส่งเสียง”
ลินลี่ย์หรี่ตาขณะที่เขาเริ่มร่ายเวทความเร็วเสียง
…..
เวลานี้ คอแซ็ตยืนอยู่ที่หน้าห้องน้ำของเขาและกวาดตามองรอบๆตามปกติ ในเมืองเขตปกครองนี้ คอแซ็ตยอดฝีมือระดับเก้ายังคงมั่นใจในตัวเองดี
แต่ในทันใดนั้นคอแซ็ตเหลือบไปเห็นประกายสีดำ
“อะไรกันนั่น?” คอแซ็ตหันหน้าไปมอง
ดาบสีดำน้ำเงินขนาดใหญ่ปรากฏในสายตาของเขาทันที สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือดาบยักษ์สีดำเคลือบน้ำเงินนี้ดูเหมือนสร้างแรงกดรอบพื้นที่และบังคับเขาให้ติดอยู่กับที่
อากาศรอบด้านถูกตรึงไว้
คอแซ็ตต้องการร้องเตือน แต่เขาไม่สามารถส่งเสียงได้ ความจริง แม้ว่าเขาพยายามตะโกนแต่เสียงไม่ก็เล็ดรอดผ่านออกมาจากพื้นที่แช่แข็ง
ตาของคอแซ็ตกลอกถลึงไปมาทันใดนั้นเขากระแทกฝ่ามือที่มีปราณยุทธเรืองแสงใส่ที่ตำแหน่งดาบ
“ปัง!”
เมื่อดาบยักษ์กระทบกับมือของคอแซ็ต คอแซ็ตรู้สึกเหมือนกับว่าเขากระแทกใส่แรงที่ทับโถมลงมาไม่มีที่สุดเขาไม่สามารถข่มมันได้เลย
“บึ้ม” มือและแขนของเขาสลายแหลกเหลว กระดูกแหลก
และจากนั้นดาบหนักอดาแมนเทียมค่อยๆกระทบใส่อกของเขา คอแซ็ตรู้สึกแต่เพียงว่าอกสั่น รู้สึกว่าบางอย่างแหลกสลายและจากนั้นเขาไม่รู้สึกอะไรอีก
ในพริบตาเดียวศัตรูก็ถูกฆ่า
เขาไม่มีโอกาสหลังจากอยู่ในร่างมังกรแปลง ลินลี่ย์เป็นนักรบระดับเก้าชั้นสูงและมีดาบหนักอดาแมนเทียมเป็นอาวุธคู่มือ ขณะเดียวกันเขาบรรลุถึงระดับเข้าใจและเชี่ยวชาญพลัง ‘กำหนด’ทั้งสองจึงมีระดับที่ห่างกันสิ้นเชิง
“เร็วเข้า” ลินลี่ย์ผลักเปิดประตู ขณะที่เขาเปิดประตูเขาเห็นชายชราร่างผอมผมยาวคิ้วยาวนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น เมื่อได้ยินเสียงลินลี่ย์เข้ามาชายชราลืมตาขณะกล่าวตามปกติ “ทำไมเจ้าถึงมา.....”
แต่เมื่อเห็นลินลี่ย์คำพูดของชายชราชะงักค้างทันที
เมื่อเห็นลินลี่ย์ในร่างมังกรแปลงชายชราจ้องลินลี่ย์ เขาลดเสียงขณะกล่าว “เจ้ามีแผนการอะไร เจ้ามาจากเผ่ามนุษย์มังกรใช่ไหม?”
“มนุษย์มังกร?” ลินลี่ย์สะดุ้ง
เป็นไปได้ว่าในสถานที่อื่นยังมีเผ่าพันธุ์หนึ่งเรียกว่ามนุษย์มังกรซึ่งดูคล้ายกับเขากระมัง?
“ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?” ชายชราพูดเบาๆ อีกครั้ง
“ช่วยท่าน”
ลินลี่ย์ควงดาบหนักอดาแมนเทียมของเขา “ยื่นแขนท่านออกมา ข้าจะทำลายกุญแจต้านเวทให้ท่าน”
แม้ว่าชายชรายังสงสัยว่าลินลี่ย์เป็นใครแต่เขายอมยื่นแขนออกมาแต่โดยดี ขณะจ้องดูกุญแจต้านเวทสีดำสนิทลินลี่ย์ใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมฟันลงตรงๆ
กวัดแกว่งอาวุธหนักเหมือนเป็นอาวุธเบา– สายฟ้าฟาด
ดาบหนักอดาแมนเทียมเลื่อนระดับลงมาช้าแต่สง่าเหมือนกับใบไม้ร่วง รอยแตกปรากฏอยู่ในกุญแจต้านเวท ชิ้นส่วนของมันกระเด็นไปทั่วทั้งห้อง
ชายชราเพียงแต่สลัดมือตามปกติกุญแจที่ถูกทำลายอีกครึ่งหนึ่งกระเด็นไปยังทิศตรงข้าม
“ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าช่วยข้า ดังนั้นถือว่าข้าไม่ได้เป็นหนี้เจ้า” ชายชราร่างผอมหน้าซีดยืนอยู่ที่เดิมจ้องมองลินลี่ย์อย่างเย็นชา
ลินลี่ย์ก็จ้องมองเขา แต่ดวงตาสีทองเข้มของลินลี่ย์ดูเหมือนไม่มีความกลัวในชายชราผู้นี้แม้แต่น้อย
“ท่านเป็นศัตรูกับศาสนจักรเจิดจรัสใช่ไหม?” ลินลี่ย์ถามเบาๆ
ทั้งสองพูดกันเบามากและคณะของแลมพ์สันอยู่ในอาคารสองชั้นไม่สามารถได้ยินคำสนทนาของพวกเขาได้เลยแม้แต่น้อย
“เป็นศัตรูน่ะหรือ? ข้าจะไม่หยุดจนกว่าพวกเราฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะพังกันไปข้างหนึ่ง” ชายชราพูดอย่างมีโมโห
“นั่นแหละที่ข้าต้องการ” ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น “แม้ว่าข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร ข้าต้องบอกท่านไว้ก่อนว่า คืนนี้ต้องไม่มีคนของศาสนจักรเจิดจรัสรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ ข้าไม่ต้องการเปิดเผยตัวข้าเองต่อพวกเขา”
“เปิดเผยตัวเจ้าเอง?” ชายชราสงสัย “เจ้ามาจากเผ่าพันธุ์มังกรแถบไหนกันแน่? หรือว่าเจ้าเป็นมนุษย์มังกรจากหนึ่งในแผ่นดินชั้นสูง? แดนนรกหรือเปล่า?”
ลินลี่ย์จ้องเขา “ไม่”
ชายชราเริ่มหัวเราอย่างชั่วร้าย “งั้นข้าจะบอกให้เจ้าทราบไว้ก่อนว่าข้าเป็นใคร ข้าชื่อซาสเลอร์ ข้าเป็นผู้นำจอมเวท พ่อมดระดับเก้าแล้วเจ้าล่ะ?”
ลินลี่ย์ตกใจอย่างแท้จริง
ในฐานะจอมเวทลินลี่ย์รู้ดีว่ามีเวทอยู่สามรูปแบบซึ่งอยู่เหนือเวทธาตุดิน ไฟ ลม น้ำ สายฟ้าแสงสว่างและความมืด เดลิน โคเวิร์ทก็ได้คุยเรื่องนี้ให้เขาฟังมาก่อนเช่นกัน
เวทสามรูปแบบนี้ก็คือเวทพยากรณ์ซึ่งศาสนจักรเจิดจรัสชำนาญ เวทแห่งชีวิตซึ่งถูกใช้โดยนักพรตระดับสูงในตำนานของจักรวรรดิยูลานและเวทภูตผีซึ่งหาได้ยากมาก
เวททั้งสามแบบนี้หาได้ยากมากในทวีปยูลาน
เมื่อลินลี่ย์ตระหนักได้ว่าโฮลเมอร์ลอบทำร้ายเขา เพราะโฮลเมอร์ใช้แก๊สพิษ ลินลี่ย์จึงถามเขาว่าใช่พ่อมดหรือไม่ ถ้าเขาเป็น บางทีลินลี่ย์คงไม่หักใจฆ่าเขาก็เป็นได้
ที่สำคัญ!
สี่ดินแดนชั้นสูงถูกสร้างขึ้นมาโดยจอมเทพ จอมเทพทั้งสี่ได้แก่ จอมเทพแห่งชะตา, จอมเทพแห่งชีวิตจอมเทพแห่งความตาย และจอมเทพแห่งการทำลายล้าง
จอมเทพแห่งชะตาได้ตกทอดเวทพยากรณ์
จอมเทพแห่งชีวิตได้ตกทอดเวทแห่งชีวิต
จอมเทพแห่งความตายตกทอดเวทแห่งพ่อมดหมอผี
เวททั้งสามแขนงนี้มีพลังอย่างน่าทึ่ง เพราะเดิมเกิดมาจากจอมเทพทั้งสี่ สำหรับจอมเทพทำลายล้าง เขาไม่ได้ตกทอดเวทแต่อย่างใด บริวารของจอมเทพทำลายล้างถือพลังไว้กับตนเองและได้รับความเคารพ
ตัวอย่างเช่นเทพสงครามโอเบรียนก็เป็นหนึ่งในผู้ติดตามของจอมเทพทำลายล้าง
“หัวหน้าพ่อมดจอมเวท?” อาการตกใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของลินลี่ย์
“และเจ้าล่ะ?” พ่อมดซาสเลอร์จ้องมองลินลี่ย์
“ทำไมข้าต้องบอกเรื่องของข้าด้วย? ข้าไม่ได้ขอให้ท่านบอกเรื่องตัวท่านสักหน่อย” ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น หัวหน้าพ่อมดจอมเวทตะลึงทันทีไม่รู้จะพูดอะไรดี
ในตอนนี้ บุรุษชุดดำอีกคนกลับมาจากห้องพัก
“พี่ใหญ่.. เจ้าหายหัวไปไหนกัน?” เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอกหน้าของบุรุษชุดดำเปลี่ยนทันที เขาตะโกนด้วยความโกรธ
งานของพวกเขาคือเฝ้าดูพ่อมดจอมเวทซึ่งเป็นบุคคลสำคัญมากแล้วจะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไรเมื่อเขาเห็นว่าพี่ใหญ่ของเขาหายไปโดยไม่บอกอะไรสักคำ?