ตอนที่ 8-23 คาร์ดินัล
บุรุษอ้วนพูดอย่างสงสัย “เฮ้ ตามคำที่พวกเจ้าทั้งสองคนพูด คนอย่างวอร์ตันผู้นี้ควรเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมานานแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมไม่มีใครได้ยินชื่อของเขาจนบัดนี้เล่า?”
บุรุษโล้นพยักหน้า “ข้าก็สังสัยคำถามนี้เหมือนกัน ดังนั้นข้าก็เลยสืบเรื่องราวบางอย่างได้ วอร์ตันผู้นี้ตลอดเวลาที่อยู่ในจักรวรรดิโอเบรียนไม่เคยเข้าร่วมแข่งขันประจำปีเลย ทั้งไม่เคยประลองฝีมือกับยอดฝีมือคนใดนั่นคือเหตุผลที่เขาไม่มีชื่อเสียงมาโดยตลอด”
“มีพลังแต่ไม่อวดฝีมือ” บุรุษผมเขียวและบุรุษอ้วนถอนหายใจด้วยความเลื่อมใส
“อย่าว่าแต่ในอดีตเลย” บุรุษโล้นมั่นใจมาก“หลังจากการแข่งขันนักเรียนปีเจ็ดที่สถาบันโอเบรียน วอร์ตันผู้นี้กลายเป็นจุดสนใจทันที”
ภายในโรงแรมเล็กที่เงียบสงบนั้น ลินลี่ย์ยังคงนั่งจิบไวน์ต่อไป มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเขา
“วอร์ตันน้อยสูงถึงสองเมตรเชียวหรือนั่น? นั่นสูงกว่าข้าเล็กน้อย”
เมื่อวอร์ตันออกจากเมืองอู่ซัน เขาอายุเพียงหกขวบ ตอนนั้นเขายังเป็นเด็กนี่น่ารักมากยังมีฟันน้ำนมเต็มปาก ในพริบตาเดียว ผ่านไปสิบเอ็ดปีแล้ว
“น้องวอร์ตัน!”
ความรู้สึกอบอุ่นผุดขึ้นในหัวใจของลินลี่ย์ นี่เป็นความรักความผูกพันระหว่างพี่น้อง
“น้องวอร์ตันมีเลือดมังกรที่เข้มข้นอยู่ในสายเลือดสูงยิ่งกว่าเราเสียอีก พรสวรรค์ตามธรรมชาติของเขาในฐานะเป็นนักรบก็คงสูงมากกว่าเช่นกัน เขาเอาชนะนักรบระดับแปดตอนอายุสิบเจ็ดปีได้เชียวหรือนี่? อืมม...ข้าคาดว่าวอร์ตันน่าจะถึงระดับเจ็ดอย่างน้อยเมื่อสองหรือสามปีที่แล้ว”
ลินลี่ย์คาดเดาได้ถูกต้อง
ปีนั้นตอนอายุหกขวบวอร์ตันติดตามพ่อบ้านแอชลี่ย์ไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยวมุ่งหน้าสู่จักรวรรดิโอเบรียนวอร์ตันมีพรสวรรค์โดยธรรมชาติอยู่แล้ว การเข้าสถาบันโอเบรียนจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
แต่พ่อบ้านแอชลี่ย์เข้าใจว่าตระกูลบาลุคยังเป็นคนของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาต้องตอกย้ำวอร์ตันไม่ให้เปิดเผยพลังที่แท้จริงและปกปิดเอาไว้ ถ้าวอร์ตันเปล่งประกายมากเกินไป หลังจากจบการศึกษาสถาบันโอเบรียนจะไม่ยอมปล่อยให้เขากลับสหภาพศักดิ์สิทธิ์ได้ง่ายๆ
ดังนั้นตามคำแนะนำของพ่อบ้านแอชลี่ย์ในช่วงตลอดเวลาที่ผ่านมานี้วอร์ตันปกปิดพลังของเขาเอาไว้ แม้ว่าเขาจะเปิดเผยออกมาบ้างเมื่อตอนเขายังเด็กตอนนั้นเขายังเด็กเกินไปและไม่ทันระวังตัว เมื่อเขาโตขึ้นและรู้ความ เขาจึงเข้าใจความสำคัญของการปกปิดตนเองโดยธรรมชาติ
หลายปีฝึกฝนอย่างยากลำบาก
ที่สถาบันโอเบรียนสถาบันนักรบชั้นยอดของจักรวรรดิที่ทรงอำนาจทางทหารที่สุดในโลก ระดับความก้าวหน้าของวอร์ตันรวดเร็วมาก
เมื่อวอร์ตันอายุสิบสี่ปีฮิลแมนรับคำสั่งจากลินลี่ย์เดินทางมาถึงสถาบันโอเบรียน
ความจริงช่วงเวลาที่ฮิลแมนเดินทางมาถึงสถาบันโอเบรียนวันมหาวิบัติได้เกิดขึ้นนานแล้วพวกราชวงศ์และตระกูลขุนนางใหญ่ของจักรวรรดิโอเบรียนทั้งหมดจะมีระบบการสื่อสารของตนเองโดยเฉพาะได้รู้เรื่องนี้นานแล้วขณะที่สถาบันทหารชั้นสูงของจักรวรรดิโอเบรียน สถาบันโอเบรียนย่อมรู้ข่าวนี้เช่นกันเป็นธรรมดา
เมื่อฮิลแมนไปถึงจักรวรรดิ วอร์ตันก็รู้เรื่องวันมหาวิบัติเกิดขึ้นแล้ว
ฮิลแมนแจ้งข่าวการเสียชีวิตของฮ็อกให้วอร์ตันทราบและการตัดสินใจแก้แค้นของลินลี่ย์ วอร์ตันได้แต่ตะลึง เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะทำยังไง
มีฮิลแมนและแอชลี่ย์อยู่ข้างๆและด้วยดาบศึกประหารปรปักษ์ในมือของเขาที่ลินลี่ย์ยกให้เขา วอร์ตันตั้งใจอย่างเต็มที่ว่าเขาจะรับผิดชอบตระกูล แต่ในใจของเขาวอร์ตันยังคงห่วงใยลินลี่ย์พี่ชายของเขา วอร์ตันไม่รู้ว่าสถานการณ์ของลินลี่ย์เป็นเช่นไร
ระยะทางจากสหภาพศักดิ์สิทธิ์ไปจักรวรรดิโอเบรียนนั้นห่างไกลกันมากเดินทางเที่ยวหนึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปี
โชคดีที่หลังจากนั้นหอการค้าดอว์สันติดต่อวอร์ตันและส่งจดหมายลับให้เขา
จดหมายลับนั้นเขียนโดยเยลอธิบายถึงความเป็นปรปักษ์ระหว่างลินลี่ย์กับเคลย์ รวมทั้งศาสนจักรเจิดจรัสด้วยทั้งยังแจ้งวอร์ตันให้ทราบว่าลินลี่ย์ไม่เป็นไรแล้ว แต่เขาตะลุยเดี่ยวฝึกฝีมือระยะยาว
หลังจากได้ทราบข่าวนี้วอร์ตันรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นบ้าง
วอร์ตันรู้สึกภูมิใจพี่ชายของเขาและทำให้เขามุ่งมั่นพากเพียร เพื่อที่ว่าในอนาคต เขาจะได้ยืนต่อสู้เคียงข้างกับพี่ชาย ในอดีตวอร์ตันก็ฝึกหนักมากอยู่แล้ว แต่สามปีหลังจากนั้น วอร์ตันฝึกหนักยิ่งขึ้น เมื่อเขาอายุสิบห้าปี วอร์ตันก็เป็นนักรบระดับเจ็ดแล้ว
เมื่อวอร์ตันกลายเป็นนักรบระดับเจ็ด เขาเชื่อว่าเขามีระดับสูงพอจะใช้ดาบศึกประหารปรปักษ์ได้ ในเวลานั้น เขาตั้งใจจะร่วมแข่งขันประจำปี ผลของการแข่งขันวอร์ตันสร้างความตื่นตะลึงทั่วทั้งจักรวรรดิและกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในเมืองหลวง จักรพรรดิเองพระราชทานศักดินาตำแหน่งเคานท์ให้กับเขา
………
ลินลี่ย์นั่งอยู่ในมุมหนึ่งของโรงแรม เขามีความสุขมากกว่าที่เคยมีมานานแล้ว
“เจ้านาย, วอร์ตัน?นั่นคือน้องชายของเจ้านายใช่ไหม?” บีบีขดตัวอยู่บนเก้าอี้จ้องมองลินลี่ย์ด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย
ลินลี่ย์หัวเราะพยักหน้า
“เจ้าหนูน้อยนั่นเอาชนะนักรบระดับแปดได้จริงหรือนั่น?”บีบีถอนหายใจอย่างประหลาดใจ “เจ้านายน้องชายของเจ้านายน่าจะแปลงร่างเป็นนักรบเลือดมังกรได้ใช่ไหม?”
“เรื่องธรรมดา”
ลินลี่ย์ภูมิใจในวอร์ตันน้องชายของเขามาก “บีบี,ข้าแปลงเป็นนักรับเลือดมังกรได้ด้วยการดื่มเลือดของมังกรเกราะหนามและปลุกเลือดมังกรในสายเลือดของข้า ส่วนน้องชายข้ามีเลือดมังกรความเข้มข้นอยู่ในสายเลือดสูงอยู่แล้ว เขาสามารถเป็นนักรบเลือดมังกรได้โดยตรง แต่ร่างแปลงมังกรของเขาไม่เหมือนกับข้า”
ลินลี่ย์จำได้ชัดถึงคำอธิบายร่างมังกรแปลงในบันทึกของตระกูลของเขา
เมื่อเลือดมังกรที่เข้มข้นในสายเลือดของคนผู้นั้นมีเพียงพอ หลังจากฝึกฝนไปตามคัมภีร์ลับเลือดมังกร เขาสามารถแปลงเป็นนักรบเลือดมังกรได้ ปกติร่างกายของนักรบเลือดมังกรจะปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรสีฟ้าและมีเขามังกรเดี่ยวงอกออกมาจากหน้าผาก
อย่างไรก็ตามร่างแปลงมังกรของลินลี่ย์ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำและมีเขาแหลมงอกออกมาจากหน้าผากมีหนามสีดำที่ศอก และเข่าและหางสีดำด้วยเช่นกัน
“ขอหยกเขียวขวดหนึ่งให้อีกคน” เสียงซึ่งลินลี่ย์คุ้นเคยดังออกมาจากในโรงแรม
“นี่คือ....”
ดูเหมือนลินลี่ย์สะดุ้งเหมือนถูกฟ้าผ่า ทั่วทั้งตัวของเขาเกร็งและจากนั้นเขาพูดในใจกับบีบีทันที “บีบี, มาหาข้า, อย่าเผยตัวให้ใครเห็น” ลินลี่ย์วางบีบีบนเก้าอี้ในมุมหนึ่งของรองเท้าเขา
นี่คือโรงแรมที่มืดสลัวมาก
ยิ่งกว่านั้น ทุกๆโต๊ะจะมีฉากไม้กั้นไว้ ร่างของลินลี่ย์แทบถูกฉากไม้กันไว้ทั้งหมดเพื่อที่ว่าคนที่คุ้นเคยกันจะได้มองไม่เห็นลินลี่ย์
ลินลี่ย์หันศีรษะชะเง้อขึ้นเล็กน้อย
ร่างอ้วนเตี้ยนั่นนัยน์ตาของเขาที่สลัวเปลี่ยนเป็นมีประกายเจิดจ้าทันที
“เขานั่นเอง”
ลินลี่ย์หดหัวกลับ “คาร์ดินัลแลมพ์สัน ทำไมเขามาอยู่ในจักรวรรดิโอเบรียน? และพวกที่นั่งอยู่ข้างเขาก็ไม่อ่อนแอแต่อย่างใด ยิ่งกว่านั้นหนึ่งในพวกนี้เป็นโยคีที่เคยปรากฏตัวที่ชั้นบนสุดของวิหารเจิดจรัสในปีนั้น”
ความจริงโยคีนั้นคือหนึ่งในคนที่ทำงานให้กับไฮเดนส์ในการสร้างวงเวท เขาเป็นนักสู้ที่ทรงพลังคนหนึ่ง
ที่นี่มีนักสู้ระดับเก้าอย่างน้อยสองคน แลมพ์สันกับโยคี
“ข้าจำคนอื่นๆ ไม่ได้ แต่ตัดสินจากกลิ่นอายพลังของพวกเขา พวกเขาไม่ได้อ่อนแอกว่าแลมพ์สันมากนัก บางทีพวกเขาอาจเป็นยอดฝีมือระดับเก้า”
ลินลี่ย์เริ่มใจสั่น
“ในที่อย่างเมืองปกครองเซียร์ ทำไมถึงมียอดฝีมือของศาสนจักรเจิดจรัสปรากฏตัวอย่างมากมาย?เป็นไปได้ไหมว่า เป็นไปได้ไหมว่า....”จิตใจของลินลี่ย์ตึงเครียด “เป็นไปได้ไหมว่าสถานะของเราถูกเปิดเผย?”
ลินลี่ย์รู้ว่าองค์กรขนาดใหญ่อย่างสหภาพศักดิ์สิทธิ์มีเครือข่ายข่าวกรองอยู่ในอาณาจักรและจักรวรรดิอื่นๆมากมาย แต่เครือข่ายข่าวกรองของพวกเขาจะมีการเจาะลึกแม้แต่ในหัวเมืองเซียร์ด้วยหรือไม่?
“เจ้านาย เกิดอะไรขึ้น?” บีบียังคงสงสัย หลังจากได้รับคำสั่งจากลินลี่ย์ให้หลบมุม บีบีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ลินลี่ย์มองดูบีบีและยิ้มให้ “บีบียอดฝีมือจากศาสนจักรเจิดจรัสมาถึงแล้ว น่าจะมีนักสู้ระดับเก้าอยู่หลายคน”
“ศาสนจักรเจิดจรัส?” ตาของบีบีมีแววอำมหิต
“ถ้าพวกเขาวางแผนลงมือกับข้า ข้าจะต้องแน่ใจว่าไม่มีใครในพวกเขาหนีไปจากเมืองเซียร์ได้” ใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันด้วยเช่นกัน ระดับพลังของลินลี่ย์ในปัจจุบันนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่เคยมีในอดีต
เมื่ออยู่ในร่างมังกรแปลง พลังของเขาเทียบเท่านักรบระดับเก้าขั้นสูง และยิ่งกว่านั้นเกี่ยวกับการใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมลินลี่ย์บรรลุถึงระดับสูงสุดขั้น ‘กำหนด’ แล้วและอีกเพียงเล็กน้อยก็จะเริ่มเข้าสู่การบรรลุระดับสูงกว่านั้น
ลินลี่ย์ฟังอย่างระมัดระวัง
พวกที่มาจากศาสนจักรเจิดจรัสยังไม่พบการปรากฏตัวของลินลี่ย์
“เพื่อให้ได้คนผู้นี้มา เราใช้เวลาสองปี ในที่สุดอีกสิบวันหรือราวๆครึ่งเดือนเราจะได้กลับกันเสียที” เสียงของแลมพ์สันเบามาก
แลมพ์สันระมัดระวังมากเมื่อเขาพูดไม่ยอมให้ร่องรอยอะไรที่เป็นการระบุถึงสถานะของคนผู้นี้ปรากฏ
“สองปี”บุรุษชุดดำอีกคนซึ่งหันหลังให้ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “เพื่อจัดการกับเจ้าแก่นั่น สหายที่ดีของข้าต้องตายไปหลายคน”
“ตราบใดที่เราจับเขาได้ ทั้งหมดก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว” แลมพ์สันกล่าว
…..
ลินลี่ย์ขมวดคิ้วขณะฟังคำสนทนาของพวกเขา
“พวกเขาหมายความว่ายังไง?”
เขาได้ฆ่ามือปราบพิเศษทั้งหกของศาลศาสนจักร แต่เขาไม่ใช่เจ้าแก่แน่นอน
“คนแก่? และพวกเขาจะกลับไปในไม่ช้า?” ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจแล้วว่าคนพวกนี้อยู่ที่นี่ มีแนวโน้มว่ามุ่งจัดการกับคนผู้นั้น
ลินลี่ย์เริ่มสงสัยมากขึ้น ใครกันถึงมีค่าคู่ควรให้ศาสนจักรเจิดจรัสต้องทุ่มเทความพยายามมากขนาดนี้?
“เจ้าแก่, เจ้ากำลังจ้องอะไร?” หนึ่งในบุรุษชุดดำตะคอกเบาๆ
“ทำไมต้องโอหังด้วยเล่า?” เสียงชราภาพเสียงหนึ่งดังขึ้น “ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงว่าพวกเจ้าถือดีที่จำนวนคนมากกว่าข้าและยังใช้กลอุบาย ข้าจะตกไปอยู่ในมือของพวกเจ้าได้ยังไง? ตลกชัดๆ”
ลินลี่ย์หนังตากระตุก
ดูเหมือนว่าเจ้าของเสียงชรานี้เองเป็นคนที่ศาสนจักรเจิดจรัสต้องการตัว
“ศาสนจักรเจิดจรัสไม่ส่งยอดฝีมือจำนวนมากขนาดนั้นไปยังประเทศอื่นเพื่อไล่ล่าและฆ่าข้า แต่พวกเขาทำเพื่อชายชราผู้นี้...เขาเป็นใครกันแน่?”
ลินลี่ย์สงสัย
“อะไรก็ช่างและไม่ว่าผู้เฒ่านี้จะเป็นใครก็ตามข้าจะช่วยเขาแน่นอน” ลินลี่ย์หัวเราะกับตัวเองอย่างเยือกเย็น “สามารถขัดขวางแผนการสำคัญของศาสนจักรเจิดจรัสได้ทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้น”
การทำลายศาสนจักรเจิดจรัสให้สิ้นซากแบบถอนรากถอนโคนเป็นเรื่องที่ยากมาก
ตอนนี้เขาสามารถทำได้เพียงดำเนินไปทีละขั้น
หลังจากรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง แลมพ์สันและคนกลุ่มนี้ก็ออกจากโรงแรมในที่สุดและพาชายชราผู้นี้ไปกับพวกเขาด้วย ตั้งแต่เริ่มจนจบ แลมพ์สันและคนที่มากับเขาไม่ชำเลืองมองมาที่ลินลี่ย์ที่ซ่อนตัวอยู่หลังฉากไม้แม้แต่น้อย
ลินลี่ย์เดินออกมาจากซุ้มของเขา
“บีบีไปกันเถอะ” ลินลี่ย์โยนเหรียญทองสองสามเหรียญไว้และพาบีบีออกจากโรงแรมทันที ติดตามกลุ่มของแลมพ์สันไปข้างหลัง
ความเข้าใจของลินลี่ย์ในเรื่องระดับ‘กำหนด’ถึงระดับสุดยอดฝีมือแล้ว แค่ใช้ความรู้เรื่องระดับ‘กำหนด’ ของเขา ลินลี่ย์สามารถยืนอยู่บนผิวน้ำโดยไม่จมลง บางอย่างที่นักสู้ระดับเก้าส่วนใหญ่ทำไม่ได้ นี่คือความเข้าใจระดับสูงกว่าซึ่งไม่สามารถทำได้โดยใช้พลังภายนอก หรือพลังปราณภายใน
ลินลี่ย์ติดตามไปข้างหลังกลุ่มของแลมพ์สันในที่สุดก็เห็นว่าคนเหล่านี้มีใครบ้าง
“ศาสนจักรเจิดจรัสมีคนหกคน กับทั้งชายชราลึกลับที่พวกเขาอารักขาอยู่” ลินลี่ย์รู้สึกได้ว่าคนทั้งหกเหล่านี้เป็นนักสู้ระดับเก้ากันทั้งหมด
ยอดฝีมือระดับเก้าหกคนคุ้มกันชายชราคนเดียว และมีคาร์ดินัลแลมพ์สันนำทีมด้วยตัวเอง
เมื่อได้ยินคำสนทนาของเขาพวกเขา ดูเหมือนว่าหน่วยของคาร์ดินัลแลมพ์สันใช้เวลาสองปีกับการจับกุมครั้งนี้และสูญเสียคนไปสองสามคนเช่นกัน
“ชายชราผู้นี้เป็นใคร?” จากด้านหลังลินลี่ย์พยายามหาทางชำเลืองมองชายชรานั้นเช่นกัน
เขาตัวผอมมากและคิ้วสีขาวของเขายาวห้อยลงมาถึงอก ที่สำคัญที่สุด ชายชราผู้นี้ถูกพันธนาการที่มือมีผ้าอยู่ชิ้นเดียวที่พันรอบกุญแจมือ คนส่วนใหญ่ก็จะไม่สังเกตมันจนกว่าพวกเขาจะได้ตรวจสอบอย่างรอบคอบแม้แต่ลินลี่ย์ก็เพียงแต่สังเกตเห็นหลังจากติดตามมานานและเพราะแค่เพียงลมกระโชกมาชั่วคราวพัดผ้าที่บังนั้นเปิดครู่หนึ่ง
“หืม? นั่นมัน...” นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์ได้เห็นเครื่องมือในตำนาน “กุญแจต้านเวท?”
ตามบันทึกใครก็ตามที่ถูกสวมกุญแจต้านเวทจะไม่สามารถใช้พลังเวทในร่างได้เลย ต่อให้เป็นนักเวทที่ทรงพลังก็ตามจะกลายเป็นเหมือนกับคนธรรมดา แต่กุญแจต้านเวทราคาแพงมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์ได้เห็นของอย่างนั้น
ลินลี่ย์ไถลเข้าไปในกลุ่มผู้คนในท้องถนน บางครั้งก็หลบ บางครั้งก็ซ่อนตัว ความเคลื่อนไหวของเขาทำได้ยอดเยี่ยม แลมพ์สันและคนของเขาไม่คิดว่าเขาจะสร้างปัญหาอะไรได้
หลังจากนั้นไม่นานแลมพ์สันและคนของเขาก็มาถึงตรอกแห่งหนึ่ง พวกเขาหยุดข้างหน้าที่พักสองชั้น หนึ่งในคนชุดดำเคาะประตู
“ใต้เท้า” ประตูที่พักเปิดออก และบุรุษวัยกลางคนออกมาคำนับ “ทุกอย่างเตรียมไว้แล้ว ใต้เท้า เชิญเข้ามาพักเถิด”
แลมพ์สันและคนอื่นพยักหน้า
“คอแซ็ท! เจ้ากับพี่ของเจ้ายืนเฝ้าเจ้าแก่นี่ไว้ เราจะมาช่วยเจ้าทีหลัง” แลมพ์สันสั่ง
ลินลี่ย์ลอบสะดุ้ง “แม้พันธนาการด้วยกุญแจต้านเวท พวกเขาก็ยังต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดอีกหรือ? ชายชราคนนี้มีความพิเศษจริงๆ” นี่ทำให้ลินลี่ย์ต้องการจะทำลายแผนของศาสนจักรเจิดจรัสมากยิ่งขึ้น