ตอนที่ 210 – บทที่ 194 โปรดตั้งชื่อให้ข้า ข้าอยากเป็นมนุษย์
เย่ว์หยางตามองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่ไปที่โรงพยาบาลประจำเมืองไป๋ฉือ
เขาต้องพบกับความแปลกใจว่า บริวารลึกลับนั้นกลับกลายเป็นหญิงสาวทรงโตประจำร้านสุราจากร้านสุราตะวันตก… ตอนนี้ ร่างกายครึ่งร่างของนางแหลกยับเยินและนางใกล้ตายเต็มที นอนอยู่บนเตียงในสถานพยาบาล แม้ว่าทุกคนในสถานพยาบาลจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือนาง แต่อาการบาดเจ็บของนางเกินกว่าจะเยียวยาได้ เย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องสัมผัสนางก็รู้สึกได้ว่าชีวิตของนางมาถึงที่สุดแล้ว ไม่มีหวังที่จะเยียวยานางได้อีก
หญิงสาวทรงโตผู้ทำงานอยู่ร้านสุราผู้นี้ นอกจากนางช่วยเขาจำนำรางวัลหลังจากที่ัสังหารเถี่ยขวงแล้ว เย่ว์หยางไม่ได้ติดต่อนางอีกเลย
หลังจากนั้น เย่ว์หยางเดินทางไปตามหาเย่ว์ปิงที่หอทงเทียน จากนั้นพาแม่สี่กลับไปปราสาทตระกูลเย่ว์ และทำเรื่องราวต่างๆ มากมาย เขาไม่เคยได้เห็นนางอีก เขาไม่มีเวลากลับมายังเมืองไป๋ฉืออีก
ทำไมนางถึงปลอมตัวเป็นบริวารของเขาและช่วยเหลือแม่สี่?
นางรู้ได้อย่างไรว่าแม่สี่ตกอยู่ในอันตราย?
แม้ว่าแม่สี่จะตกอยู่ในอันตราย แต่นางรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่สี่ได้อย่างไร? เรื่องนี้ประหลาดเกินไป
ความจริงเย่ว์หยางไม่อาจเข้าใจเรื่องได้ทั้งหมด…. สิ่งเดียวที่เขาสามารถเข้าใจได้ในตอนนี้ก็คือ หญิงร้านเหล้าผู้นี้ไม่น่ามีแรงจูงใจซ่อนเร้น นางยอมเสียสละชีวิตตนเองเพื่อช่วยเหลือแม่สี่
“พวกนางมีคนรวม 13 คน นอกจากเด็กหญิงผู้ปลอมตัวเป็นซวงเอ๋อรอดตายหวุดหวิด ส่วนคนอื่นๆ ต่างเสียสละชีวิตกันหมด เหลือเพียงแต่นาง นางดิ้นรนมีชีวิตอยู่ เพราะนางมุ่งมั่นจะเห็นเจ้าก่อนที่นางจะตาย!” เสียงของเย่ว์หวี่สะอึกอย่างมีอารมณ์ขณะที่นางเรียกลูกกลมเรืองแสงสีขาวออกมา ค่อยๆ วางลงบนร่างของหญิงสาวร้านเหล้า แต่ว่า ไม่มีผลต่อนางมากนัก แม้ว่าร่างของหญิงสาวร้านเหล้าจะดีขึ้นมาเพียงเล็กน้อย สำหรับคนที่ใกล้ตายแล้ว การฟื้นตัวนิดหน่อยไม่ค่อยมีผลอะไรมากนัก หญิงสาวร้านเหล้ายังไม่สามารถลืมตาได้
“ถึงขีดจำกัดของนางแล้ว!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกล่าวอย่างหนักใจ
“พี่สาม เร็วเข้า, ลองคิดหาทางดู..” เย่ว์ปิงกอดแขนเย่ว์หยางพลางปาดน้ำตาตัวเอง ไม่ใช่แค่นางเท่านั้น แม้แต่เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ต่างก็ส่ายหน้าถอนหายใจอย่างสังเวชใจ หญิงร้านสุรานี้เป็นผู้รอดชีวิตที่พวกเขาพากลับมาหลังจากที่บุกเทือกเขาสุนัขโหยสู้กับนิกายพันปีศาจตามคำสั่งของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและอาจารย์ตาเหยี่ยว คนอื่นๆ ตายหมดเหลือนางอยู่เพียงคนเดียว แต่นางได้รับบาดเจ็บสาหัส
“อย่างนั้นก็ลองพยายามดู!” ถ้าเป็นเย่ว์หยางเมื่อก่อนนี้ เขาคงไม่มีทาง แต่เขาเพิ่งเรียนรู้ทักษะการควบคุมปราณก่อกำเนิดจากพี่สาวคนสวยในความฝัน หนึ่งในนั้นก็คือทักษะเกี่ยวกับการรักษา
เขายื่นมือไปวางบนหน้าผากของหญิงสาวร้านเหล้าเบาๆ
ปราณก่อกำเนิดซึมเข้าไปในหน้าผากของนางอย่างเบาและกระตุ้นสมองที่ัยังอยู่ในสภาพหมดสติ
ด้วยความรู้ในการรักษาปัจจุบันของเย่ว์หยาง เขาสามารถปลุกผู้ป่วยที่หมดสติได้ เว้นแต่ความรู้ในการรักษาของเขาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า เขาคงไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บหนักของนางได้ แม้แต่หมอหลวงที่จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ทรงส่งมา ก็ยังถอดใจยอมแพ้ไม่รักษานางต่อ… อสูรของเย่ว์หวี่เป็นประเภทรักษาเยียวยา ดังนั้น นางรู้ว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่เย่ว์หยางสามารถกระตุ้นผู้ป่วยที่หมดสติได้
เวลาผ่านไปช้ามาก
สีหน้าซีดขาวของหญิงสาวเริ่มมีสีสัน ขณะที่ขนตานางเริ่มสั่นช้าๆ
ภายใต้กลุ่มคนที่จ้องมองดูอย่างมีความสุข นางค่อยๆ เผยอเปลือกตา มองดูหน้าทุกคนชั่วขณะ ก่อนที่สายตาของนางจะมาหยุดลงที่เย่ว์หยาง
นางจำเขาได้ทันที น่าแปลกที่นัยน์ตาของหญิงสาวร้านสุรา เริ่มมีประกายและมีชีวิตชีวามากขึ้น ริมฝีปากนางสั่น เหมือนกับว่านางพยายามจะพูด พอเห็นว่าทักษะของเขาใช้ได้ผล เย่ว์หยางปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดเข้าไปในหน้าผากของหญิงสาวมากขึ้นกว่าเดิม
“จริงๆ ด้วย เป็นท่านจริงๆ ข้าคิดว่าข้าจะไม่มีทางได้เห็นท่านอีกแล้ว” เสียงของหญิงสาวร้านสุราอ่อนล้า และเบาจนแทบจะฟังไม่ได้ยิน
แต่เย่ว์หยางได้ยินชัด เขาพยักหน้าปลอบโยนนาง “เป็นข้าเอง อย่าห่วง อาการบาดเจ็บของเจ้าจะต้องดีขึ้นแน่นอน เราจะหาทางรักษาบาดแผลให้เจ้า ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยแม่สี่และน้องสาวคนเล็กของข้า! ตอนนี้เจ้าไม่ต้องคิดถึงเรื่องอะไรอื่น แค่ตั้งใจรักษาตัว เจ้าก็จะอาการดีขึ้นอย่างแน่นอน!”
หญิงสาวร้านสุราเผยรอยยิ้มขมขื่น อ่อนล้าขณะที่นางกล่าวอย่างอ่อนแรงว่า “ข้ารู้ตัวว่า อาการข้าคงจะไม่ดีขึ้น มันเป็นร่างกายของข้า ข้าจะไม่เข้าใจอาการตัวเองได้อย่างไร… แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าไม่เสียใจกับเรื่องนี้ ข้ากลับรู้สึกเป็นเกียรติมากกว่า.. ที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่มีความสำคัญอย่างข้าผู้ไม่เคยทำเรื่องใหญ่หรือช่วยคนด้วยชีวิตของข้ามาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าเป็นความปรารถนาจากใจจริงของข้า สำหรับคนอย่างข้า ถือเป็นเรื่องอัปยศที่ข้ามีชีวิตอยู่ เป็นบาปที่ข้ามีชีวิตอยู่ แต่ข้ายังทนมีชีวิตอยู่ เพื่อที่ข้าจะแก้แค้นให้ตัวเองได้ ตอนนี้ข้าแก้แค้นได้แล้ว และความปรารถนาเต็มเปี่ยมแล้ว ข้าไม่มีความเสียใจอีกต่อไปแล้ว
ขณะที่นางพูดอย่างนั้น หน้าของนางกระจ่างสดใส
นางดูมีน้ำมีนวล
เหมือนกับว่าบาดแผลของนางมีอาการดีขึ้น นัยน์ตาของนางมีประกายสดใสตามปกติ ริมฝีปากแดงระเรื่อ แม้กระทั่งลมหายใจของนางยังหายใจเข้าออกได้ลึกยาว
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่รู้ว่านี่คือประกายชีวิตวูบสุดท้ายก่อนตาย อาการจะดีขึ้นกระทันหันก่อนที่นางจะตาย
ชีวิตของหญิงสาวร้านสุราจะมีประกายสดใสเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินทางเข้าสู่จุดสุดท้ายของชีวิต
“ความจริง, ข้า ข้าจำท่านได้ตั้งแต่เราพบกันครั้งแรก ท่านมักจะพาน้องสาวคนเล็กออกมาเล่น ข้ามักจะแอบมองท่านจากทางหน้าต่าง แม้ว่าท่านมักกะสวมหน้ากากตอนท่านออกไปกำจัดเหล่าร้ายยามค่ำคืน ตาของท่านเป็นดวงตาของคนใจดี ข้าจำท่านได้ทันที ความลับนี้ข้าไม่เคยบอกพี่น้องสาวข้ามาก่อน จนกระทั่งฉางเตามาถึง เขาและพวกโจรร้ายของเขาพยายามหาตัวท่าน เมื่อข้าได้ยินข่าว ข้ารีบรวมตัวกับพี่น้องสาวของข้าทันที หลังจากปรึกษากันนาน ในที่สุดก็รู้ว่าผู้มีพระคุณที่ช่วยพวกเราล้างแค้นก็คือท่าน เราตัดสินใจปลอมตัวเป็นบริวารของท่านและช่วยคุณนายกับคุณหนู เราคิดว่าตราบใดที่เราไปจากเมืองไป๋ฉือ โจรพวกนั้นก็จะหาเราไม่พบ เราไม่รู้ว่าพวกเขามีความสามารถมาก เราแบ่งกันเดินทางเป็นสองกลุ่ม ยิ่งไปกว่านั้น เรายังหนีไปได้ไกล แต่พวกเขาก็ยังไล่ตามทันพวกเรา นี่เป็นความผิดพลาดในส่วนของพวกเรา โชคดีที่สวรรค์เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ปกป้องและอำนวยพรให้คุณนายและคุณหนูทั้งสองปลอดภัย..” ความสดชื่นในใบหน้าของหญิงสาวร้านสุราชัดขึ้นกว่าเดิม ชัดเจนมากแม้ขณะที่นางยังพูด
“ไม่..เจ้าทำเรื่องนี้ได้ดีเลยทีเดียว ถ้าไม่มีพวกเจ้า แม่สี่กับซวงเอ๋ออาจตายไปแล้ว ข้าอยากจะขอบคุณพวกเจ้าแทนพวกนางด้วย” เย่ว์หยางเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจและนับถือหญิงสาวร้านสุรานางนี้
ก่อนหน้านั้น เย่ว์หยางดูแคลนผู้หญิงเหล่านี้
หลังจากนั้น เมื่อเขารู้ว่าพวกนางความจริงแล้วถูกเถี่ยขวงบังคับ เขาถึงได้เห็นอกเห็นใจพวกนาง อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคิดจะพยายามเปลี่ยนวิถีชีวิตของพวกนาง
ใครจะรู้ได้ว่าพระคุณที่เขาทำให้พวกนางในตอนนั้นโดยการฆ่าเถี่ยขวงจะได้รับการตอบสนองที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ หญิงร้านเหล้าผู้อ่อนน้อมเหล่านี้ถูกคนอื่นดูถูกดูหมิ่นถึงกับต้องสละชีวิตของพวกตนถึง 12 คนแสดงให้เห็นถึงความงดงามและซื่อสัตย์ทั้งที่ครอบครัวไม่ได้สนิทกันและกัน พวกนางเสียสละชีวิตตนเองและหลบหนีไปกับแม่สี่เป็นพันไมล์ พวกนางใช้กระทั่งลูกของตนเองปลอมเป็นซวงเอ๋อเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรู
เมื่อเย่ว์หยางฆ่าเถี่ยขวงตอนนั้น เขาแค่ต้องการหาปุ๋ยเลี้ยงต้นดอกหนามเท่านั้น ไม่เคยคิดจะช่วยสาวร้านสุราเหล่านี้เลย
แต่..การกระทำที่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญเลยกลับได้รับความกตัญญูและความจริงใจตอบแทน
“คุณชาย ท่านไม่ต้องเศร้า ข้าต้องการทำบางอย่างเพื่อตอบแทนท่านเสมอมา แต่ข้าไม่มีความสามารถจะทำเช่นนั้นได้ ข้าเสียใจมากจริงๆ พอมีโอกาสได้ช่วยท่าน แม้จะแค่เพียงเล็กน้อยก็ทำให้ข้าดีใจมาก ข้าไม่เป็นไร ความจริงข้าไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ต่อก็คงเป็นเรื่องน่าอาย ข้าไม่รู้ว่าข้ามีความสุขมากแค่ไหนที่สามารถตายได้อย่างนี้… สามารถเห็นท่านได้สักครั้งก่อนตาย ข้าไม่มีความเสียใจอีกต่อไปแล้ว!” หญิงร้านสุรายิ้มอีกครั้ง นางยิ้มอย่างมีความสุข แม้แต่ดวงตาของนางก็ยิ้ม เหมือนกับว่านางได้ทำบางอย่างที่ทำให้นางปลาบปลื้มที่สุดในชีวิต นางยิ้มจากก้นบึ้งหัวใจ
น้ำตาเย่ว์ปิงยังไหลไม่ขาดสาย จนหยดรดเปียกแขนเสื้อเย่ว์หยาง
เย่ว์หวี่ก็ร้องไห้ไม่หยุด
แม้แต่ผู้หญิงที่เข้มแข็งอย่างองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังลอบปาดน้ำตาเป็นครั้งคราว
เจ้าอ้วนไห่ต้องการฝืนตนเองไม่ให้ร้องไห้ แต่หน้าของเขาบิดเบี้ยวเหยเกในขณะที่เขากลั้นน้ำตาต่อไปไม่ได้ เขาพยายามกัดฟันกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
เย่คงต้องหันไปทางอื่นไม่สามารถจะมองต่อไปได้ พี่น้องตระกูลหลี่กำหมัดตนเองแน่น พวกเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการแสดงสีหน้าและอารมณ์ พวกเขาต้องการที่พูดบางอย่างเพื่อปลอบโยน แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรถึงจะดีที่สุด
เย่ว์หยางสูดลมหายใจลึกๆ พยายามควบคุมอารมณ์ตนเองไว้ เขามองดูหญิงสาวร้านสุราที่มีผิวเริ่มซีดลง และเขารู้ว่าเวลาของนางใกล้จะหมดแล้ว เขาโน้มตัวไปใกล้ๆ และถามอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้ามีความปรารถนาอื่นอีกไหม? มีอะไรที่ข้าช่วยเจ้าได้บ้าง?”
“อย่างนั้น, ได้โปรดตั้งชื่อให้ข้า… ข้าไม่มีชื่อ” เสียงของสาวร้านสุราอ่อนลงทุกที
“อะไรนะ?” เย่ว์หยางแปลกใจ เป็นไปได้อย่างไรกันที่ยังมีคนที่ไม่มีชื่ออยู่ในโลกนี้?
“ข้าเป็นลูกสาวของเชลยศึก เป็นทาส ข้าไม่มีชื่อตั้งแต่เล็กแล้ว ข้ามีแต่เพียงหมายเลขบ่งบอกสถานะของตนเอง เป็นแค่ทาสชั้นต่ำคนหนึ่ง.. ตั้งแต่ข้ายังเด็ก ข้าถูกขายไปที่นี่บ้าง ที่โน่นบ้าง และในที่สุด เมื่อข้าโตขึ้น ข้ากลายเป็นเครื่องระบายความใคร่ของพวกเขา ข้าเป็นแค่ก้อนเนื้อให้คนได้ระบายความใคร่ตามอารมณ์พวกเขา เป็นทาสที่ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีอิสระ เป็นทางให้คนนับพันได้ก้าวผ่านไป ไม่เคยมีใครปฏิบัติกับข้าเหมือนว่าเป็นคนมาก่อน มีแต่เพียงท่านเท่านั้น คุณชาย ท่านมองเหมือนกับข้าเป็นคน…คุณชาย, ถ้าข้าสามารถพบท่านได้เร็วกว่านี้ จะเป็นเรื่องดีสักขนาดไหน? ข้าฝันว่าจะสามารถมีชีวิตได้อีกครั้ง และได้มีโอกาสเป็นคนรับใช้ท่านได้ตลอดชีวิต ข้าไม่ต้องการถูกขายไปที่นั่นที่นี่เหมือนกับที่ผ่านมา ข้าไม่ต้องการเป็นเหมือนของเล่นของคนอื่น ข้าอยากเป็นคน! ในชาติหน้า… คุณชาย, ถ้าชาติหน้ามี ขอให้ข้าได้เป็นผู้รับใช้ท่าน ท่านเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่ทำกับข้าเหมือนว่าข้าเป็นคน
“คุณชาย! ถ้าชาติหน้ามีจริง… ถ้าชาติหน้ามี….”
หญิงร้านสุราไม่อาจรอให้เย่ว์หยางตั้งชื่อให้นางได้ ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายของนางจะขาดห้วง ขณะที่นางยังคงพึมพำคำพูดสุดท้าย
เย่ว์หยางหลับตาเบาๆ พยายามปกปิดความเจ็บปวดและความเศร้าในใจเขาไว้
หยดน้ำตาที่อยู่ตรงตาที่ยังไม่ปิดสนิทของนางไหลมาที่หัวตาและกลิ้งไปตามร่องแก้มนาง
เย่ว์หยางยื่นมือออกไปปิดหน้าของหญิงสาวร้านสุราและปิดเปลือกตาของนางเบาๆ เขาพยักหน้าหนักแน่นตอบว่า “ข้า, ข้าจะตั้งชื่อให้เจ้าแน่นอน เจ้าเคยเป็นทาสผู้ต่ำต้อยต้องถูกขายไปที่นั่นบ้าง ที่นี่บ้าง แต่ว่านับจากวันนี้ไป เจ้าคือบริวารของข้า เจ้าไม่ใช่เครื่องมือ เจ้าเป็นคน เจ้าไม่ใช่เนื้อหนังที่น่าอับอาย เจ้าจะเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีมีอิสระ แม้ว่าเจ้าจะไม่มีชีวิต จะไม่มีใครกล้าดูถูกเจ้า เพราะนายของเจ้าคือข้า! ข้าสาบานจะทำให้คนที่ทำร้ายเจ้าต้องชดใช้เป็นพันเท่า หมื่นเท่า…”
เหมือนกับว่านางได้ยินคำพูดของเย่ว์หยาง มุมปากของหญิงสาวร้านสุราดูเหมือนจะโค้งขึ้นคล้ายกับว่านางกำลังยิ้ม
เย่ว์ปิงกอดพี่ชายนางส่งเสียงร้องไห้ออกมา
เจ้าอ้วนไห่เอาหัวโขกผนังขณะที่น้ำตาไหลพราก
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่กอดกันและกันแน่น นัยน์ตาของเย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่แดง ขณะที่เขามองเย่ว์หยาง… ในใจพวกเขาคิดว่า เย่ว์หยางเป็นผู้มีอำนาจ เป็นผู้ที่สร้างปาฏิหาริย์ได้แม้อยู่ในยามสิ้นหวัง พวกเขาหวังว่าเย่ว์หยางสามารถรักษาหญิงสาวร้านเหล้าที่ไม่มีชื่อผู้นี้ นางควรค่าแก่ความเป็นคน มากกว่าคนบางคนเสียอีก
แต่เย่ว์หยางไม่มีหนทางเลย เขาไม่มีความสามารถชุบชีวิตหญิงสาวร้านเหล้าได้
เจ้าเมืองโล่วฮัวเคยพูดก่อนนั้นว่าผลึกสวรรค์คืนชีพถูกใช้ไปหมดแล้ว ถ้าคนที่อยู่ในโลกนี้ตาย ก็ไม่มีทางจะกอบกู้สถานการณ์ได้
เย่ว์หยางพยายามคิดหาทางอื่น เขาสามารถเก็บร่างนางไว้ในน้ำแข็งได้ไหม?
หรือจะใช้มุกกลืนวิญญาณนั้น ที่เขาเอามาจากเสียนกงและผนึกวิญญาณนางไว้?
แต่เย่ว์หยางไม่รู้วิธีใช้มุกกลืนวิญญาณและไม่รู้ว่าจะมีผลตามมาเช่นไร อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่สามารถลังเลได้ เย่ว์หยางล้วงมุกกลืนวิญญาณออกมาจากแหวนลิชทันที เตรียมจะวางมันลงที่หน้าผากของสาวร้านสุรา แต่ทว่าแสงสีรุ้งปรากฏแว่บทันที ขณะที่เสี่ยวเหวินหลีลอยออกมาจากร่างของเขา มือน้อยๆ ของเธอห้ามเย่ว์หยางอย่างนุ่มนวล
เย่ว์หยางดีใจทันที เป็นไปได้ไหมว่าสุดที่รักตัวน้อยของเขาจะมีความคิดดีๆ?
***************