ตอนที่แล้วตอนที่ 199 สั่งซื้อชุดใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 201 หมู่ดาวอีกา

ตอนที่ 200 คิงคอง


ซู่ ซู่ ซู่!

เสียงของความเร็วเร็วมากเสียจนฉีกอากาศจนเกิดเสียงดังออกมา ปลายหอกพุ่งตัดผ่านอากาศ ไม่ใช่เสียงหวีดหวิวของวิญญาณไร้รูปโปร่งใส  แต่กลับเป็นเสียงราวกับผ้าที่ฉีกขาดจากกัน  เสียงต่ำเต็มไปด้วยปราณที่อันตรายบีบหัวใจคนที่ได้ยินจนสั่นสะท้าน

สีหน้าของหลิงซิ่วคร่ำเคร่งจริงจังเป็นพิเศษ เหงื่อไหลย้อยลงมาตามโครงรูปหน้าจนถึงคางของเขาและหยดลงบนปลายหอกซึ่งเปลี่ยนเป็นประกายโปร่งใสและแตกกระเซ็นไปเพราะความยุ่งเหยิงของคมหอกและปราณ

เขาไม่ได้ลดทอนการฝึกฝนตนเองเลยตลอดวันนี้

ผมของเขาเปลี่ยนไปเป็นสีเงินโดยสิ้นเชิงสะท้อนแสงอยู่ใต้ไฟ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาสะท้อนอยู่บนปลายหอกเงินทั้งเยือกเย็นและเงียบขรึม  นัยน์ตาสีแดงเพลิงพริ้วคล้ายเปลวไฟ

จู่ๆความเย็นเจ็บปวดเหมือนเข็มแทงแล่นขึ้นไปตามแนวสันหลังของเขาทำให้หน้าและร่างของเขาสั่นอย่างช่วยไม่ได้

การเปลี่ยนเป็นสีเงินทำให้ให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นพุ่งพรวด  แต่ก็เริ่มแสดงผลในด้านร้ายของมันอีกด้วย  กระดูกของเขาไม่สามารถทนรับภาระหนักได้  ภายใต้ปราณยะเยือกซึมผ่าน  ความเย็นและความเจ็บปวดเฉียบพลันแผ่กระจายไปทั่วร่างของเขา

หน้าของหลิงซิ่วซีดขาว  เขากอดเข่าและหอกของเขาไว้ และขดร่างกลม

โธ่เว้ย!

มือทั้งสองของเขากอดขาแน่น  เล็บของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาว  เขารู้สึกเหมือนกับว่าละลิ่วลงนรก

นรก.....

เขาคิดว่าเขาได้ยินเสียงอบอุ่นของอาจารย์ของเขาก้องอยู่ในหู  เมื่อตอนเขายังเด็ก  อาจารย์ของเขามักจะพูดถึงสวรรค์และนรก อาจารย์บอกว่ามีแต่คนที่น่านับถือและมีความจริงใจจึงจะขึ้นสวรรค์ได้

สวรรค์เป็นที่แบบไหนกัน...อบอุ่นไหม?.... ที่นั่นมีความเจ็บปวดทรมานไหม?....

ทันใดนั้นเขาคิดอะไรบางอย่างได้ เขาล้วงสมุดเก่าคร่ำคร่าออกมาจากตู้อาวุธอควาเรียสของเขาทั้งที่ยังสั่นสะท้าน  จากความทรงจำของเขา  อาจารย์ของเขามักพลิกอ่านหนังสือเล่มนี้บ่อยและพลิกดูถี่มากจนหนังสือเก่าคร่ำคร่า อาจารย์ทิ้งของไว้ให้เพียงไม่กี่ชิ้น และนี่เป็นหนึ่งในของนั้น

มือที่สั่นเทาของเขาสุ่มเปิดดูโดยตั้งใจว่าเราน่าจะสามารถลดความเจ็บปวดได้

หลิงซิ่วออกเสียงตะกุกตะกักและอ่านออกเสียงดัง

“....ข้าสาบานว่าจะปฏิบัติต่อคนอ่อนแอด้วยใจกรุณา  สาบานว่าจะปกป้องมิให้เกิดความรุนแรง  สาบานว่าจะต่อต้านคนกระทำผิดทั้งหมด  ข้าสาบานว่าจะต่อสู้เพื่อผู้ที่ปกป้องตนเองไม่ได้และไม่มีอันตราย....”

อ่านแล้วอ่านอีก  เสียงตะกุกตะกักของหลิงซิ่วค่อยๆมั่นคงยิ่งขึ้น และเขาอ่านเสียงดังมากยิ่งขึ้น

“...ข้าสาบานว่าจะช่วยคนผู้ต้องการความช่วยเหลือ  สาบานว่าจะไม่มีทางทำร้ายสตรีที่แต่งงานแล้ว”

“...ข้าสาบานว่าจะช่วยพี่น้องข้าอยู่เสมอ  สาบานว่าจะปฏิบัติต่อสหายของข้าอย่างซื่อสัตย์สาบานว่าจะไม่มีทางขโมยของรัก....”

เสียงของเขาดังขึ้นและดังยิ่งขึ้น  แม้ว่าความเจ็บปวดและความเย็นจะลดลงหายไปและปราณอบอุ่น จากในส่วนลึกของร่างกายค่อยแผ่ขึ้นมา  ร่างของเขาค่อยๆ ผ่อนคลายและเสียงของเขาสะท้อนก้องอยู่ในห้อง

ตาสีแดงเพลิงของเขาเป็นประกายเหมือนเปลวเพลิง

เหมือนกับแสงสุริยาส่องผ่านท้องฟ้าขจัดความมืดมิดและความสิ้นหวังออกไป ใจของเขาฟูและมีกำลังใจอีกครั้ง

อาจารย์  นี่คือของขวัญสุดท้ายที่ท่านให้ข้า

※※※

ยานอาชาสวรรค์ชั้นเงินลอยตัวอยู่ในอากาศและไปตามแผนที่ดวงดาว  พวกเขามาถึงหมู่ดาวอีกาเป็นแห่งแรก

ความประทับใจของถังเทียนที่มีต่อหมู่ดาวอีกาก็คือท่านอู๋ผู้ที่เขาเคยพบที่เมืองซิงฟง นอกจากนั้น เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหมู่ดาวนี้

แต่ตอนนี้เขามีแผนที่ดวงดาวอยู่ในมือเขา

หมู่ดาวอีกาเป็นกลุ่มดาวเล็กและเมื่อเทียบกับหมู่ดาวอื่นๆ นับว่ายังไม่สะดุดตา แต่ตามแผนที่บอกว่ามือกระบี่จากหมู่ดาวอีกานั้นมีชื่อเสียง  และคนพื้นเมืองจะภูมิใจกับการฝึกวิชากระบี่

อู่โหวส่งสารถีสองสามคนมาช่วยถังเทียนควบคุมอาชาสวรรค์

ถังเทียนยังคงฝึกฝนอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีปิงแหกปากอยู่ข้างๆและขลุ่ยวิเศษออกไปช่วยงาน กรงเล็บภูตพรายนั่งสังเกตดูอยู่ที่นั่นเงียบๆ สายตาของเขาไม่เคยคลาดจากถังเทียนแม้แต่เล็กน้อย  ได้แต่มองดูเขาเงียบๆ

※※※

ยี่สิบวันผ่านไปหลังจากปิงได้เข้ามาในภูมิภาคล่าวิญญาณ

หลังจากอยู่ในเมืองสามวิญญาณแล้ว  เขาไม่ได้คาดเลยว่า เขาจะต้องเดินทางล่วงลึกเข้าไปมาก ภูมิภาคล่าพลังวิญญาณอยู่ไกลจากเมืองสามวิญญาณมาก  และต้องเดินทางผ่านเมืองอื่นอีกสองเมือง คือเมืองกงหวี่และเมืองมั่วเป่า

สองเมืองนี้เป็นเมืองขนาดเล็กมาก  เล็กกว่าเมืองสามวิญญาณเป็นอย่างมาก  ปิงกำหนดเครื่องหมายไว้บนแผนที่ด้วยตัวเขาเองและเดินทางไปโดยแทบจะเป็นเส้นตรง

ตามรายทางเขาพบอสูรดวงดาวดุร้ายนับไม่ถ้วนและทันใดนั้น เหมือนกับว่าเขาหวนย้อนยุคกลับไปในยุคกองทัพ  เดินทางตามลำพังเป็นหมื่นไมล์

เขาภูมิใจในประสบการณ์นั้น  ในทั้งกองทัพมีแต่เพียงเขาที่ทำได้สำเร็จ  จนกระทั่งตอนนี้เขาสามารถจำได้ชัดเจนเมื่อปรากฏอยู่ข้างหน้ากองทหารทั้งหมดที่มีคราบเขม่าเทาคลุมและท่าทีที่ตกตะลึงของใบหน้าของหัวหน้าหมู่

เพราะเรื่องนั้นทำให้เขาภูมิใจตนเองเป็นเวลานานมาก

เทียบกับในเวลานั้นความอันตรายในปัจจุบันยากที่จะเปรียบเทียบกันได้ แต่ก็ยังทำให้เขาดีใจเกิดความกระตือรือร้น

ตลอดการเดินทางความเร็วของพยัคฆ์ฟ้านั้นหลุดโลกจริงๆ และในยี่สิบวัน ระยะทางที่เขาพบน่าประหลาดใจ

ปิงและพยัคฆ์ฟ้าเชื่อมโยงกันในระดับลึก  ตั้งแต่เริ่มต้นเขาเริ่มใช้อาวุธจักรกลต่อสู้ในแนวใหม่ เขารู้สึกตื่นเต้นอีกครา พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เขาตั้งชื่อจิตวิญญาณพลังยุทธในตัวพยัคฆ์ฟ้าว่า“หู่”

อาหู่พอใจกับชื่อของมันมาก

“พักกันสักครู่เถอะ อาหู่”  ปิงพึมพำและหยุด

อาหู่เป็นผู้ฟังที่ดีมันอาจให้ข้อมูลท่าน และไม่ปฏิเสธท่านทั้งไม่ได้ผิดหวังกับการบ่นจู้จี้ของปิง

ปิงเริ่มพอใจกับการบ่นและพูดกับตนเองมากขึ้นทุกที  แม้แต่กรงเล็บภูตพรายที่น่าสะพรึงกลัวก็ยังไม่สามารถทนรับได้  ปิงเริ่มรู้สึกเบื่อตนเองไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอิทธิพลของถังเทียน หรือเหตุผลอื่นบางอย่างปิงเริ่มจะแขวะและถากถาง

“ว้า..ทำไมข้าเหมือนยัยแก่ขึ้นไปทุกทีและข้าพูดมากไปหรือเปล่า?” ปิงพูดตามปกติ  เขาตระหนักว่าวันนี้เขาเริ่มพูดกับอาหู่

“เป็นเพราะเจ้าเหงา”

เสียงตอบประหลาดดังขึ้นทันที

เหงา....

ปิงชะงักค้างเหมือนกับโดยฟ้าผ่า เหงา... งั้นก็เป็นความเหงาสินะ.... ใช่แล้ว  มีแต่เพียงเขา...

หลังจากนั้นชั่วขณะ  เขาก็ตระหนักได้และแทบไม่อยากเชื่อ “จะ จะจะ...เจ้า คือ อาหู่เหรอ?”

“ถูกแล้ว” อาหู่ตอบด้วยเสียงถูกต้องชัดเจน

“อ๊า อ๊า อ๊า อ๊า อ๊า.. เจ้า เจ้า เจ้า...เจ้าพูดได้ยังไง?” ปิงเป็นเหมือนกับเห็นผี หน้าไพ่ของเขาดูกระตือรือร้น

“ข้าลองดู แล้วก็ทำได้”  อาหู่ตอบ

ปิงหายตกตะลึงอย่างรวดเร็ว  และตื่นเต้นมาก “หวา หวา หวาเจ้ามีพลังมากขึ้นทุกที!  ฮ่า ฮ่า ฮ่าข้าเป็นคนแรกที่คุยกับอาวุธจักรกลได้”

“เจ้าเป็นขุนพลวิญญาณ”  อาหู่เตือนปิงไม่ให้เข้าใจผิด

ปิงชะงักค้าง

แม้คำพูดของอาหู่จะทำร้ายจิตใจอยู่บ้าง  แต่ยังเป็นเพื่อนคุยได้ ปิงมีความสุขมากและอุทานเสียงดัง

ทันใดนั้นปิงหยุดและตั้งท่าระมัดระวัง

“มีใครบางคนอยู่แถวๆ นี้!”  ปิงพูดเบาๆ

อาหู่ไม่ตอบ  แต่พยัคฆ์ฟ้าเข้าสู่สภาพพร้อมรบทันที ความเข้ากันได้และพร้อมเพรียงของพวกเขานับว่าโดดเด่น

ศัตรูมีความเร็วมาก

ขณะที่ปิงเตรียมพร้อมฝ่ายตรงข้ามก็ปรากฏเข้ามาในสายตา

พื้นที่ตรงที่พวกเขาอยู่เป็นที่โล่งว่างไม่มีอะไรปิดบังสายตา และในไม่ช้าเมื่อปิงเห็นคนที่มาถึง  เขาถึงกับตกตะลึง

ยอดฝีมือสายจักรกล!

ฝ่ายตรงข้ามความจริงเป็นยอดฝีมือสายจักรกลอีกคนหนึ่ง!

สายตาของปิงจับจ้องมองดูอาวุธจักรกลม่านตาของเขาหดแคบลง

อาวุธจักรกลที่แปลกประหลาด!

เขาไม่สามารถเข้าใจว่าอาวุธจักรกลของฝ่ายตรงข้ามทำจากโลหะใด  มันเหมือนกับอสูรดวงดาวแปลก  เหมือนกับสัตว์มีชีวิต

ถ้าไม่ใช่เพราะปิงคุ้นเคยกับอาวุธจักรกลและคลุกคลีกับมันมาหลายปี เขาคงไม่เชื่อมโยงสิ่งมีชีวิตประหลาดข้างหน้าเขาเข้ากับอาวุธจักรกลเป็นแน่

สัตว์ประหลาดที่อยู่ต่อหน้าเขาเหมือนกับลิงที่มีผิวเหล็ก  แต่มือและขาของมันล่ำสันแข็งแรง  ทั้งร่างกายมีลายแดงเหมือนเปลวเพลิง  และมีแต่เพียงตาสีเทาที่ดูเหมือนไร้ประกายชีวิต

มันวิ่งด้วยความเร็วมากเหมือนเนินเขาย่อมๆ  แต่ขณะวิ่งกลับไม่ก่อให้เกิดเสียง

คนที่อยู่ต่อหน้าเขาไม่มีปราณของอสูรดวงดาวและมันกำลังวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อดูใกล้ๆ ท่านก็จะหนักได้ว่าความเคลื่อนไหวของมันแข็งกระด้างต่างจากวานรผิวเหล็กที่มีปัญญาตัวจริง

อาวุธจักรกลที่ประหลาด

※※※

หลิ่วย่าจือตกใจที่ได้เห็นอาวุธจักรกลสีฟ้าต่อหน้าเขา

สายตาแดงอิจฉาร้อนแรงแทบจะหลอมอาวุธจักรกลที่อยู่ต่อหน้าของเขาให้ละลายทันใด นับเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นอาวุธจักรกลที่งดงามซึ่งทำให้คนหิวกระหายทะเยอทะยาน

เห็นได้ชัดว่าอาวุธจักรกลสีฟ้าสร้างมาในรูปแบบอาวุธจักรกลของกองทัพดาวกางเขนใต้  และแน่นอนที่สุดว่าเป็นผลงานสร้างสรรค์ดีที่สุดจากงานเหล่านั้น  ไม่, นี่มันมาตรฐานของกองทัพดาวกางเขนใต้!

หลิ่วย่าจือมีความรู้เรื่องอาวุธจักรกลอย่างลึกซึ้งมองเพียงครั้งเดียวเขาสามารถรู้ถึงมาตรฐานของอาวุธจักรกลได้ทุกอย่าง!  ขนหางโลหะสีฟ้าด้านหลังดึงดูดใจยิ่งนัก  และในสายตาของหลิ่วย่าจือมันสวยงามมากยิ่งกว่าผิวสาวงามทุกคนเสียอีก โครงสร้างงดงามสมบูรณ์แบบ ที่สำคัญคือ มันมีปีกด้วย

นั่นคือผลงานสร้างสรรค์ของผู้ใด?

มีวิศกรจักรกลที่โดดเด่นขนาดนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใดกัน?

เทียบกับอาวุธจักรกลของเราเองแล้วเหมือนกับกระเบื้องน่าเกลียด

สายตาของหลิ่วย่าจือยิ่งแหลมคม อาวุธจักรกลที่อยู่ต่อหน้าเขาโดดเด่นที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาถ้าวิศวกรจักรกลผู้นี้สามารถร่วมมือทำงานกับเขาได้  พวกเขาจะสามารถสร้างอาวุธจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุดและสมบูรณ์แบบที่สุดในโลกได้

เขามั่นใจเช่นนั้น

ตาของหลิ่วย่าจือเป็นประกายด้วยความหลงใหล  แต่ในใจเขายังคงระมัดระวัง เขาทุ่มเทเวลาและพลังงานไปมากเพื่อสร้างอาวุธจักรกลใหม่และเตรียมจะส่งมันลงทำการตลาด ซึ่งเขาและหุ้นส่วนของเขาเชื่อมั่นหนักแน่นว่าจะไม่มีคู่แข่ง พวกเขาจะเป็นเหมือนกับพายุหมุนที่กวาดไปทั่วสารทิศและเริ่มต้นยุคใหม่

หลิ่วย่าจือเชื่อมั่นในจุดนั้น

เขาออกมาข้างนอกวันนี้เพื่อทดสอบเจ้าคิงคองผลงานสร้างสรรค์ล่าสุดของเขาเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อการทดสอบครั้งนี้สำเร็จ ชุดสายเลือดนักรบของเขาจะถูกผลักดันออกสู่ตลาดทันที

เขาไม่คิดเลยว่าเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว เขาจะได้มีโอกาสพบกับอาวุธจักรกลที่อย่างน้อยไม่ด้อยไปกว่าคิงคองของเขาเลย

โชคดีที่เขาเองก็เป็นนักสู้สายจักรกลผู้น่ากลัว

สายตาของหลิ่วย่าจือเป็นประกายวับจับจ้องอยู่ที่อาวุธจักรกลสีฟ้า เขามั่นใจมากว่า แม้แต่สวรรค์ก็เข้าข้างเขาโดยส่งเจ้าสิ่งนั้นเข้าปากเขาเองแท้ๆ

จับฝ่ายตรงข้ามให้ได้

ชั่วเวลาต่อมา หลิ่วย่าจือตัดสินใจทันที

คิงคองเริ่มวิ่งทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด