ตอนที่ 198 หวีชิง
อู่โหวมองดูทหารระห่ำที่อยู่ข้างหน้าของเขาด้วยสีหน้าท่าทางสนใจ
เด็กหญิงตาเบิกกว้างเดินวนรอบๆทหารระห่ำอยู่สองสามรอบ “อาจารย์นึกยังไง ถึงได้ส่งอาวุธจักรกลที่น่าเกลียดนั้นมา”
ในสายตาของเด็กหญิงมันดูน่าเกลียดมากเหมือนกับกระป๋องโลหะดำ ถ้าไม่ใช่ลายเส้นที่บ่งบอกถึงตา จมูกและปาก มันค่อยดูงี่เง่าแต่น่ารักอยู่บ้าง ดูแล้วไม่มีดีสักอย่าง
แต่อู่โหวรู้สึกว่ามันดูดีภาพลักษณ์ดูห้าวหาญ ลักษณะอย่างหนึ่งที่บอกได้คือมันสร้างจากหนังชั้นดี ข้างๆเขาก็คือเหล่งฟงที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นภารกิจเร่งด่วนของเขา
“ใครเป็นนักสู้สายเครื่องจักรกลบ้าง?” อู่โหวถาม
เหล่งฟงคิดอยู่ชั่วขณะ “ข้าคิดว่ามีอยู่คนหนึ่ง ชื่อว่าหวีชิงแต่พลังของเขายังแข็งแกร่งไม่เท่าไหร่ อยู่ราวๆ นักสู้ระดับสี่”
มาตรฐานนักสู้สายเครื่องจักรกลจะไม่สูงนัก เนื่องจากตั้งแต่เริ่มแรกมาตรฐานอาวุธจักรกลยังไม่ก้าวหน้า สำหรับหลายๆ คน เส้นทางของนักสู้สายจักรกลดูไม่มีอนาคต คนที่ยินดีเสียเวลาเป็นนักสู้สายจักรกลยอมทำเพราะใจรักมากกว่า
“เรียกเขามาทดลองดู” อู่โหวหาที่นั่งเองแล้วจิบน้ำชากล่าว“เรามาดูกันว่าอาวุธจักรกลที่อาจารย์น้อยถังให้พวกเรามาจะเป็นเช่นไร เขาเองก็มียอดฝีมือนักสู้สายจักรกลอยู่ข้างตัวเขาเหมือนกันและเขายังใช้อาวุธจักรกลจากกองทัพดาวกางเขนใต้เสียด้วย”
“อาวุธจักรกลจากกองทัพดาวกางเขนใต้น่ะหรือ?” เหล่งฟงประหลาดใจ “นั่นหามาไม่ได้ง่ายๆเลยนะขอรับ”
“เขาบอกว่าเขาต้องการจะไปหมู่ดาวกางเขนใต้ไม่ใช่หรือ? อย่าบอกข้านะว่าเขาตั้งใจไปหาวิทยายุทธของอาวุธจักรกลจากกองทัพดาวกางเขนใต้?” อู่โหวพึมพำกับตนเอง “คนผู้นั้นมีใจทะเยอทะยานดีจริง”
เด็กหญิงเถียงอย่างไม่พอใจ “ท่านพ่อ, นั่นไม่ใช่ความทะเยอทะยาน เป็นความใฝ่ฝันต่างหาก”
อู่โหวค่อยรู้สึกตัวมองดูหน้าบึ้งของธิดาน้อยของเขา เขาหัวเราะดังๆ “ลูกสาวของพ่อฉลาดมาก ถูกแล้ว ความใฝ่ฝัน นั่นคือความใฝ่ฝัน”
เหล่งฟงไม่พูดอะไร ได้แต่ส่งคำแนะนำลงไป
หลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มหุ่นผอมสะโอดสะองเดินเข้ามาในพื้นที่ เขามองดูอู่โหว ใบหน้าแข็งและสงวนท่าที
“ท่านโหว!” หวีชิงคำนับ
อู่โหวโบกมือ“ไม่ต้องมากมารยาท ข้าเรียกเจ้ามาเพราะต้องการให้เจ้าทดสอบอาวุธจักรกลตัวนี้
เมื่อหวีชิงเข้ามา เขาเห็นอาวุธจักรกลที่อยู่ต่อหน้าทุกคนและเขารู้ว่าเป็นเรื่องอะไร ดังนั้นเมื่อท่านโหวพูดเช่นนั้น เขาสูดลมหายใจลึกกล่าวรับคำ “ขอรับ!”
หวีชิงกำเนิดจากครอบครัวฐานะร่ำรวยปานกลางเขามีครอบครัวเป็นฐานการเงินที่สำคัญ แต่ก็ยังไม่เพียงพอสนองให้กับความหลงใหลในอาวุธจักรกลของเขา เขาคุ้นเคยกับอาวุธจักรกลมาก อาวุธจักรกลทั้งหมดในตลาดเขาเคยเล่นมาทั้งหมดแล้วอย่างน้อยก็ครั้งหนึ่ง
แต่หัวใจของเขาเต้นแรงเมื่อเห็นอาวุธจักรกลที่อยู่ต่อหน้าเขา อาวุธจักรกลที่หน้าตาอัปลักษณ์ขนาดนั้นเขาเพิ่งได้เห็นเป็นครั้งแรก
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะคำสั่งท่านโหว,เขาคงไม่เหลียวมองอาวุธจักรกลนี้แม้แต่น้อยอย่างแน่นอน พระเจ้า เมื่อได้เห็นหนามโลหะบนข้อต่ออาวุธจักรกลที่มีจำนวนมหาศาล งานชุ่ยห่วยแตกเสียขนาดนั้น ใครจะรู้กันว่ามาตรฐานอาวุธขยะแบบนั้นเป็นเช่นไร ด้านข้างของหัวเกราะก็คดเคี้ยวไม่สม่ำเสมอ แต่สิ่งที่เขาไม่สามารถยอมรับได้มากที่สุดก็คือเขาเห็นรอยปะรอยใหญ่
รอยปะ!
บ้าหรือเปล่านี่มันอาวุธจักรกลหรือนี่?
นี่มันรุ่นพัฒนาของขอทานหรือนี่?
จะใช้รอยปะ อย่างน้อยก็ควรใช้สีที่ดูคล้ายโลหะสิ ใช้สีนี้ทุกคนจะคิดว่าเป็นจุดสำคัญ ต้องเป็นความจงใจ
จงใจแน่นอน!
หวีชิงข่มความรังเกียจและความโกรธในใจของเขาและเริ่มตรวจสอบทหารระห่ำ เขาเริ่มวาดภาพในใจว่า คนสร้างมันไม่ได้ทิ้งร่องรอยของการโจมตีใดๆไว้บนอาวุธจักรกลห่วยแตกนี้
มันคือความอัปยศสำหรับโลกของอาวุธจักรกล!
ไม่มีความสวยงามแม้แต่น้อยบนเจ้าของสิ่งนี้
หวีชิงยังคงแอบด่าและดูถูกอาวุธจักรกลนี่ต่อไป แต่ท่าทางมือของเขามิได้หยุดตรวจสอบมัน ตอนนี้เขาอยู่ใต้การตรวจสอบของท่านโหวเช่นกัน เขารู้สึกว่าถ้าเขาแสดงท่าทีไม่เป็นมืออาชีพออกไป เขาจะถูกท่านโหวเปลี่ยนเขาให้เป็นไอ้เศษสวะหรือไม่?
เมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวที่ชำนาญของหวีชิง อู่โหวผงกศีรษะเบาๆ เขาเห็นว่าหวีชิงคุ้นเคยกับสิ่งที่เขากำลังทำ เขาเป็นคนแปลกประหลาดสำหรับนักสู้สายจักรกล แต่เขาก็ไม่ถูกตำหนิต่อว่า ในรัฐบาลอู่โหว แม้แต่ในบรรดายอดฝีมือของหมู่ดาวน้อยเทียนซิง ไม่มีนักสู้สายจักรกลเลยสักคน
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อใด แต่นักสู้สายจักรกลกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับต่ำไปได้
ในสายตาของคนธรรมดา แม้ว่านักสู้สายจักรกลและช่างเครื่องกลพูดว่าพวกเขาต้องการฟื้นฟูยุคจักรกลแต่ในสายตาคนอื่นคิดว่า นั่นเป็นการเพ้อเจ้อเหลวไหล
ไม่มีใครสนใจเรื่องของพวกเขานั่นเป็นแค่เพียงกลุ่มคนรวย หนอนช่างฝันที่น่าสงสาร
ในยุคปัจจุบันซึ่งให้ความสำคัญกับพลังความเข้มแข็งวลีที่แพร่หลายโด่งดังและชัดก็คือ หมัดใครแข็งกว่ากัน ตราบใดที่ท่านยังมีพลัง ท่านก็ทำให้คนอื่นอิจฉาได้ ไม่มีพลังใดๆและความทรงจำเกี่ยวกับความรุ่งเรืองในอดีต นั่นเป็นแค่เพียงคำปลอบใจตนเองและหลักฐานความล้มเหลว
นักสู้สายจักรกลกลายเป็นกลุ่มสังคมขนาดเล็ก
พลังฝีมือของหวีชิงไม่สูง แต่ในเขตปกครองของรัฐบาลอู่โหว เขาเป็นคนมีชื่อเสียงคนหนึ่ง ชื่อของเขาไม่เกี่ยวกับพลังความแข็งแกร่งของเขา แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับบทบาทอีกครึ่งหนึ่งของเขา ในฐานะนักสู้สายจักรกล เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญครึ่งหนึ่ง และเป็นช่างจักรกลอีกครึ่งหนึ่ง คนที่รู้ดีเชี่ยวชาญทั้งสองอย่างเป็นเรื่องที่เห็นได้ในวงการยากเหลือกเกิน
มาตรฐานของเขาไม่สูงแต่เขามีความรู้และประสบการณ์แน่นอน
แม้ว่าจะมีความรังเกียจมากอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่กล้าหลอกอู่โหว
น่าเกลียดมาก, น่าเกลียดมาก, อัปลักษณ์สุดๆ....
ทุกพื้นที่งานคุณภาพไม่น่าสนใจเลย ทำให้เขากลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในทันใดนั้น เขาหยุดตะลึง
“เอ๋...!”
เสียงของเขาได้ยินอย่างชัดเจนในลานฝึกที่เงียบสงบ อู่โหวที่หลับตาตลอด ลืมตาขึ้นทันที อู่โหวเองก็มีประสบการณ์ หวีชิงเชื่อว่าเขาเก็บอาการของเขาได้ดีแล้ว แต่อู่โหวเหมือนอ่านความคิดของเขาได้ทั้งหมด
แม้ว่าอู่โหวจะผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาไม่สนใจมันมากนักและหลับตาพักอย่างไม่อนาทร ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าอาวุธจักรกลนั้นถังเทียนเป็นคนให้มา เขาคงโยนลงถังขยะไปนานแล้ว ไม่ว่ามันจะทรงพลังมากขนาดไหน ก็ไม่มีความหมายต่อเขา สิ่งที่สำคัญก็คือท่าทางที่ถังเทียนพยายามมอบมันให้กับเขา
เมื่อได้ยินเสียงแหลมของหวีชิง เขาประหลาดใจ และถามตามปกติ “มีปัญหาอะไรไหม?”
“ไม่, ไม่มีปัญหา!” หวีชิงอย่างหวาดหวั่นและตื่นเต้น
“เหรอ! อย่างนั้นเชิญตรวจต่อไป” อู่โหวสามารถเห็นได้ว่าหน้าของหวีชิงไม่ปกติ แต่เขาไม่พูดอะไร และยังคงหลับตาพักผ่อน
เมื่อเห็นอู่โหวหลับตา หวีชิงผ่อนลมหายใจ สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่แบบสายเดินพลังแท้ที่อยู่ภายในอาวุธจักรกล สีหน้าอารมณ์ของเขาซับซ้อน ด้านนอกสร้างขึ้นมาอย่างน่าเกลียดไม่ใส่ใจถึงคุณภาพ แต่การออกแบบวงจรภายในของสายเดินพลังแท้เป็นผลงานศิลปะที่งดงามโดยแท้ เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้เห็นวงจรพลังแท้ที่เปี่ยมไปด้วยพลังและสวยงามขนาดนี้ เส้นสายวงจรสีน้ำเงินช่างงดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา
แต่สิ่งที่เขาพบยิ่งเหลือเชื่อมากกว่าทำให้เขาไม่เข้าใจมันเลย!
นั่นทำให้เขากลัว
จำนวนอาวุธจักรกลที่เขามีอยู่ในมือนั้นมีมากกว่าร้อย ในแต่ละวันพออาวุธจักรกลของใครก็ตามมีการทำงานผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ พวกเขาก็จะวิ่งแจ้นมาหาเขาเพื่อให้ช่วยซ่อม และมีแม้กระทั่งนักสู้สายจักรกลจากดาวอื่นก็มาเยี่ยมเขาเป็นพิเศษเพื่อขอความช่วยเหลือในวงการอาวุธจักรกล ตัวเขาเองนับได้ว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์และความรู้ดีคนหนึ่ง
แต่,เขากล้าสาบานได้เลยว่าเขาไม่เคยเห็นวงจรพลังแท้ที่ซับซ้อนอย่างนี้มาก่อน
เมื่อเขาเห็นสายไฟเดินพลังครั้งแรกเขาจึงได้ตะลึง ความแตกต่างสุดขั้วทั้งสองอย่างทำให้เขาอุทานเสียงแหลมออกมา เมื่อเขารู้ตัวในที่สุด หน้าของเขาเปลี่ยนไปมาก
แต่ท่านโหวยังจับพิรุธเขาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงซ่อนความกระวนกระวายใจไว้และเริ่มศึกษาชุดอาวุธจักรกลต่อไป หวีชิงเริ่มหลั่งเหงื่อกาฬ ท่านโหวปกติจะอารมณ์ผันผวนรุนแรง ถ้าเขาไม่สามารถอธิบายการทำงานของเจ้าสิ่งอัปลักษณ์นี้ เขาคงไม่มีชีวิตดีๆ อย่างแน่นอน
เนื่องจากเขาไม่สามารถเข้าใจวงจรของพลังแท้ได้ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากทดสอบมันดู
หวีชิงปาดเหงื่อออกไปขณะที่เขาเริ่มรู้สึกกดดัน การสบตาท่านโหวตรงๆ และพูดโกหก เขายังไม่มีความกล้าขนาดนั้น
หลังจากนั้นเขาเห็นภาพช่องใส่การ์ด นี่ไม่เคยปรากฏในอาวุธจักรกลมาก่อนและนี่ยิ่งทำให้เขารู้สึกกดดันมากยิ่งขึ้น
เม็ดเหงื่อไหลย้อยถึงหลังของเขา หวีชิงกดดันทวีคูณ อาวุธจักรกลมีช่องใส่การ์ดตั้งแต่เมื่อใด?
ช่องใส่การ์ดนี้คงสร้างมาเป็นเครื่องประดับ...
ทันใดนั้นหวีชิงมือสั่น จู่ๆ เขาก็นึกถึงข่าวเล็กน้อยที่เขาเคยได้ยินมาก่อน วิศวกรจักรกลผู้ยิ่งใหญ่ในองค์การวิญญาณมืดเริ่มศึกษาวิจัยการร่วมกันทำงานของอาวุธจักรกลกับการ์ดวิญญาณ
อย่าบอกข้านะว่า...
นี่มันไม่จริง.....
หวี่ชิงกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัวเนื่องจากเคล็ดลับเครื่องกลดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างค้นคว้าและวิจัย อย่างนั้นก็ต้องหมายความว่าพวกมันเป็นผลผลิตรุ่นแรกของการวิจัย เป็นไปได้ยังไงที่จะมาปรากฏในตัวอาวุธจักรกลกระป๋องตัวนี้?
ช่างเป็นคนที่น่ากลัว น่ากลัวเหลือเกิน!
เมื่อคิดเรื่องนี้แล้วเขาตัดสินใจทดสอบด้วยตนเอง เขาใส่การ์ดวิญญาณระดับสี่เข้าไปในช่องเสียบการ์ด การ์ดวิญญาณระดับสี่คุณภาพก็ธรรมดาๆวิชาหมัดค้อนเหล็ก
วี้......
การ์ดวิญญาณเปล่งแสงทันทีหลังจากนั้นการ์ดวิญญาณและช่องเสียบการ์ดก็หายไปทันที
แครก!
อาวุธจักรกลที่เหมือนหม้อดำน่าเกลียดตั้งท่าทันทีมือเหล็กขนาดใหญ่ที่ดูน่าเกลียดกำหมัดแน่นทันที ภายใต้สีหน้าตกตะลึงของหวีชิง หมัดทั้งสองกลายเป็นเหมือนค้อนคู่และหวดลงกับพื้นอย่างหนักหน่วง
บึ้ม!
พื้นที่รอบๆหมัดค้อนคู่เป็นรอยร้าวขยายออกไปเหมือนใยแมงมุม
“หมัดค้อนเหล็กระดับสี่เปิดการใช้งานแล้ว จำนวนวิทยายุทธที่ยังเหลือให้ใช้งาน : 2”
เมื่อได้ยินเสียงที่อู้อี้แข็งๆ สมองของหวีชิงเหมือนกับถูกเคาะจนตื่นตัว
เปิดการใช้งานหมัดค้อนเหล็ก..จำนวนวิทยายุทธที่ยังเหลือให้ใช้งาน : 2
ช่องการ์ดนั่นเป็นของจริง...
หวีชิงยืนงงตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก ทันใดนั้น เขาสั่นสะท้าน หน้าซีดราวกับคนตาย
เดี๋ยวก่อน!
เสียงนั่น....ทำไมถึงมีเสียงได้
เว้นแต่...เว้นแต่...มันคือจิตวิญญาณพลังยุทธ?
จู่ๆหวีชิงก็นึกถึงข่าวลืออีกเรื่องขึ้นมาได้ เท่านั้นเองเลือดถึงกับขึ้นหน้าเขาทันที
ตาของอู่โหวแทบถลนออกจากเบ้า หมัดค้อนเหล็กระดับสี่!หมัดเจ้าหุ่นกระป๋องดำดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นค้อนได้ นั่นคือหมัดค้อนเหล็ก!อู่โหวจ้องมองค้อนเหล็กและรอยแตกแยกสลับกัน เขานิ่งงันจนพูดไม่ออกหมัดนั้นถูกมองว่าอยู่ในระดับกลางๆ แต่เขาเห็นหวีชิงเพิ่งให้ความสนใจการ์ดวิญญาณ เมื่อเห็นว่ายังมีช่องเสียบการ์ดเหลืออยู่อีกสองช่อง ก็หมายความว่ามันยังสามารถเรียนรู้ทักษะต่อสู้ได้อีกสองวิชา
นักสู้ไม่ว่าคนใดก็ตาม ถ้าพวกเขามีวิทยายุทธระดับกลางสามวิชา รูปแบบการต่อสู้ของพวกเขาจะก้าวหน้าดูดีเป็นอย่างมาก
อู่โหวเห็นคุณค่าของมันได้ทันที
ทันใดนั้นเขาลุกขึ้นยืนทันที จิตวิญญาณพลังยุทธผันแปร!
อาวุธจักรกลชุดนี้ความจริงมีความผันแปรเทียบเท่ากับจิตวิญญาณพลังยุทธของสมบัติดวงดาว
อู่โหวมีสีหน้าประหลาดใจขณะที่หวีชิงที่ดูแล้วเกินกว่าประหลาดใจ นัยน์ตาเขาเหลือกกลับทันทีเหมือนกับคนเสียสติเป็นลมร่วงลงกับพื้นทันที