ตอนที่ 197 งานที่ผลาญเงิน
วิธีการควบคุมอาวุธจักรกลของปิงผิดจริงๆ หรือ?
ถังเทียนได้ยินและคิดว่าเขากำลังฝันไป ปิงเป็นยอดฝีมือผู้ชำนาญการใช้อาวุธจักรกลอย่างแท้จริง ถังเทียนสงสัย ไม่มีใครอื่นในโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการควบคุมอาวุธจักรกลได้ เว้นแต่กองทัพดาวกางเขนใต้ยังมีผู้รอดที่โชคดีคนอื่นอีก
ปิงก็ตะลึงเช่นกัน และเขาก็ค่อยๆ สงบสติอารมณ์
วิธีการใช้ของเขาผิดหรือ?
“เจ้าอย่าใช้วิธีเดิมของเจ้าเพื่อควบคุมพยัคฆ์ฟ้า” น้ำเสียงของเซรีนไม่มีการลดราวาศอก“มันไม่ใช่อาวุธจักรกลเหมือนที่เจ้าเคยใช้ในอดีต เพราะมันมีจิตวิญญาณพลังยุทธอยู่ด้วย”
“จิตวิญญาณพลังยุทธ?” ปิงยิ่งตะลึงหนักกว่าเดิม
“ใช่แล้ว!”เซรีนพูดจริงจัง “เจ้ายังจำลูกปัดวิญญาณนั้นได้ใช่ไหม มันกลายเป็นจิตวิญญาณพลังยุทธของพยัคฆ์ฟ้าไปแล้ว มันมีความคุ้นเคยกับเกราะนี้มากกว่าเจ้า ดังนั้นเจ้าลองพยายามสื่อสารกับมันดูเพื่อควบคุมอาวุธจักรกลนี้ แล้วเจ้าจะรู้ว่ามันแข็งแกร่งกว่าที่คิด
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ปิงตกใจ “เจ้าทำสำเร็จแล้วหรือ?”
“ใช่แล้ว,ข้าทำสำเร็จแล้ว!” เซรีนพูดด้วยความภูมิใจ “เจ้านึกว่าข้าแยกชิ้นส่วนอาวุธจักรกลเหล่านั้นไปอย่างสูญเปล่าอย่างนั้นหรือ? คุณภาพของลูกปัดวิญญาณนี้ดีมาก มันไม่ได้สร้างความเสียหายให้อาวุธจักรกลแต่อย่างใด ตอนนี้จิตวิญญาณพลังยุทธและอาวุธจักรกลรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วแล้วอีกอย่างมันได้กลายเป็นสิ่งของที่เหมือนกับอาวุธสมบัติไปแล้ว”
“ข้าจะสื่อสารกับจิตวิญญาณพลังยุทธได้อย่างไร?” ปิงสับสน
“ข้าสร้างชุดฝึกฝนพิเศษให้กับเจ้าแล้ว” เซรีนเตรียมไว้อย่างพอเพียง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หน้าของปิงหมองทันที ประโยคนั้นเขามักเป็นฝ่ายพูดกับคนอื่นไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เซรีนกลับเอามาใช้กับเขา...
“อย่าคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะปลดปล่อยศักยภาพที่แท้จริงของพยัคฆ์ฟ้าได้ เจ้าจำเป็นต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจกับวิธีการต่อสู้แบบใหม่” เซรีนอธิบาย “พยัคฆ์ฟ้าจะเปลี่ยนสถานะไปเป็นนักสู้จักรกลอย่างมิต้องสงสัย และยุคของนักสู้จักรกลจะต้องมาถึงอย่างมิต้องสงสัย แต่ยุคของเจ้าจะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง จิตวิญญาณพลังยุทธจะทำให้อาวุธจักรกลแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ถังเทียนมองดูปิง เขารู้สึกว่าปิงคงไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เขาเป็นคนที่ดื้อรั้น คนที่ยึดมั่นในคำสอนของกองทัพดาวกางเขนใต้ แล้วเขาจะยอมเห็นด้วยได้ยังไง?
แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่า ปิงตอบรับอย่างไม่ลังเล “ตกลง”
ตาของถังเทียนเบิกกว้างขึ้น เขาไม่กล้าจะเชื่อเรื่องนั้น
“เลือกได้ดี!” เซรีนลูบคางอย่างมีความสุข จ้องมองถังเทียน “หนุ่มน้อย ต่อให้เจ้าอิจฉา แต่เจ้าไม่มีโอกาส มีวัสดุเพียงพอจะสร้างได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น ค่าใช้จ่ายของมัน บางทีอาจมีราคามากกว่าอาวุธจักรกลบรอนซ์เหล่านั้นทั้งหมด”
ถังเทียนเถียง “ข้าคิดว่าข้าควรเอาจริงเอาจังกับวิทยายุทธของข้าเสียที ถ้าเจ้าไม่เป็นไรแล้วอย่างนั้นข้าจะกลับไปฝึกต่อ”
“เฮ้, อย่าเพิ่งไปสิ” เซรีนรีบตะโกนเรียกถังเทียน
หน้าของถังเทียนเขียวคล้ำ ขณะมองดูเซรีน “มีอะไรอีกเล่า?”
เซรีนขึ้นเสียง “มีแน่นอนแล้วก็หลายอย่างเสียด้วย! ของดีๆทั้งหมดในค่ายถูกใช้ไปเกือบหมดแล้ว อาวุธจักรกลถูกนำมาแยกชิ้นส่วนทั้งหมด แม้แต่ชิ้นส่วนต่างๆก็ถูกจับแยกออกมานับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นนอกจากที่นี่เป็นคลังเก็บของแล้ว ก็ไม่มีคุณค่าอะไรอีกต่อไปแล้ว
ถังเทียนกับปิงมองหน้านางด้วยความสับสน
เซรีนมองดูสีหน้างงงวยของพวกเขา แต่นางอดโกรธไม่ได้ ดังนั้นนางรีบขึ้นเสียงทันที “ได้โปรด,อาวุธจักรกลเป็นงานที่ล้างผลาญเงินได้มหาศาล คำว่าเราเงินหมดแล้วนั้น หมายความถึงเราจะต้องหาเงินเพิ่ม ขอเพียงมีเงินเราก็สามารถทำการค้นคว้าต่อได้ และสร้างอาวุธจักรกลดีๆ เพิ่มมากขึ้น!”
“เจ้าต้องการเงินมากน้อยเท่าใด?” ปิงถามอย่างระมัดระวัง
“ไม่ใช่ข้าที่เป็นฝ่ายต้องการเงินนะจริงไหม?” นางเบิกตากว้างสีหน้าไม่พอใจ “เฮ้,ข้าให้อาวุธจักรกลที่ข้าสร้างไปแล้วกับพวกเจ้าไม่ใช่หรือ?”
ปิงตระหนักได้ทันทีถึงความเข้าใจผิดของเขา เขารีบเปลี่ยนคำพูดโดยเร็ว “เราจำเป็นต้องใช้เงินมากเท่าไหร่?”
เซรีนแค่นเสียง “ราคาก่อสร้างพยัคฆ์ฟ้าแค่วัสดุอย่างเดียวก็ราคาเกินสามสิบล้านเหรียญดาวแล้วและนั่นยังไม่รวมค่าฝีมือของข้า”
ถังเทียนกับปิงรู้สึกเหมือนกับถูกเซรีนยิง พวกเขายืนตะลึงงันอยู่กับที่
หลังจากผ่านไปชั่วขณะ ถังเทียนก็รู้สึกตัวและพูดติดอ่าง “สะ สาม..สิบล้านเหรียญดาวเหรอ?”
เหตุผลก็คือว่า ตอนนี้ถังเทียนนับว่ารวยแล้ว หินดวงดาวพันก้อนที่จู่ๆเขาก็ได้มาสร้างความมั่งคั่งให้เขาด้วยมูลค่าราวยี่สิบล้านเหรียญดาวนี่เป็นสถานะที่รวยที่สุดในชีวิตของเขา
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่สามารถจ่ายเพื่อซื้อพยัคฆ์ฟ้าได้
“ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าฐานทัพแห่งนี้เหลือวัสดุดีๆไว้มาก บอกตามตรงเลยนะ วันนี้พวกเจ้าอาจจะยังไม่ได้เห็นพยัคฆ์ฟ้าก็ได้” เซรีนโบกมือของนาง “ดังนั้น ข้ารู้สึกว่าเราจำเป็นต้องปรึกษากันเรื่องเงิน”
ถังเทียนพูด “สำหรับข้าข้ามีประมาณยี่สิบล้านเหรียญดาว เป็นมูลค่าของหินดวงดาว”
เซรีนตกใจกระโดดตัวลอย “ว้าว, เจ้ามีเงินมากขนาดนั้นเมื่อไหร่? ยี่สิบล้านเหรียญดาว!”
“มีคนให้ข้า”
เซรีนประหลาดใจเพิ่มขึ้น, นางจ้องหน้าถังเทียนอย่างสงสัย “ข้าว่า,เจ้าขายตัวมาใช่ไหม ไม่นะ... กล้ามเล็กๆ อย่างนั้นข้าว่าเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะทำเงินได้มาก”
ถังเทียนไม่รู้จะตอบนางยังไง, บอกตามตรงเขาเองก็ไม่ทราบเช่นกันถึงเหตุผลที่ผู้คนพากันให้เงินเขามากมาย
เซรีนกอดมือตนเองใบหน้ามีแววตื่นเต้น “นั่นเยี่ยมเลย! เนื่องจากเรามียี่สิบล้านเหรียญดาว นั่นนับเป็นข่าวดี!”
ถังเทียนเตือนนาง “ยี่สิบล้านยังไม่พอสร้างพยัคฆ์ฟ้าไม่ใช่หรือ!”
เซรีนมองเขาอย่างดูแคลน “แน่อยู่แล้วว่ามันไม่พอ แต่สำหรับเอาไว้ให้เราลงทุน นั่นก็เพียงพอแล้ว”
ถังเทียนสับสน “ลงทุนอะไร?”
แต่ปิงรู้ตัวก่อน “เจ้าต้องการขายอาวุธจักรกลใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว” เห็นได้ชัดว่าเซรีนวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว “ข้าวางแผนจะสร้างอาวุธจักรกลระดับคุณภาพต่ำ ในด้านหนึ่ง ข้าจะได้ฝึกฝีมือเพิ่มเติม อีกทางหนึ่งเราสามารถหาเงินไว้สำหรับการค้นคว้า ตราบใดที่เราสามารถสร้างอาวุธจักรกลได้สักสองสามชิ้นตราบใดที่ของเหล่านั้นไม่ด้อยไปกว่าสมบัติชั้นบรอนซ์ตามปกติ อย่างนั้นนักสู้จักรกลจะให้ความสนใจอย่างแน่นอน”
“นั่นเป็นแผนที่ไม่เลวเลยทีเดียว” ปิงถาม “เจ้าตั้งใจจะเปิดร้านที่ไหน?”
“เมืองสามวิญญาณ”สีหน้าเซรีนบ่งบอกว่า “เจ้าไม่ต้องคัดค้าน” แค่เปลี่ยนชื่อร้านเดิมของข้าเท่านั้น”
ปิงขมวดคิ้ว “เมืองสามวิญญาณยังไม่คึกคักมากพอ”
“นั่นเป็นเพราะเมืองสามวิญญาณไม่มีผลิตภัณฑ์ดีๆหรือสินค้าพิเศษ ดังนั้นจึงไม่มีไฟที่จะเริ่มต้น” เซรีนอธิบาย แต่ว่ามันมีประตูทางเข้าที่เชื่อมกับหมู่ดาวหลายแห่ง และสิ่งที่สำคัญมากกว่าก็คือ มีชิ้นส่วนจิตวิญญาณพลังยุทธโบราณที่แตกหักอยู่มากมาย แก่นพลังวิญญาณทั้งหมดเหล่านี้ มีความบริสุทธิ์ไม่เพียงพอ ราคาของมันต่ำมาก แต่ถ้าเพื่อสร้างอาวุธจักรกลแก่นพลังวิญญาณเหล่านี้ทั้งหมดใช้งานได้ ดังนั้น ข้ารู้สึกว่า จะมีผลที่ไม่คาดคิดตามมา โอวพระเจ้า นี่ทำให้ข้าคาดหวังเสียเหลือเกิน”
“อืม..ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ฟังดูดีจริงๆ” ปิงพยักหน้า
ถังเทียนรู้สึกว่าเซรีนพูดถูกดังนั้นเขาเอาหินดวงดาวของเขาเองออกมาและมอบให้เซรีน “นี่,หินดวงดาวเหล่านี้สำหรับเจ้า”
เซรีนไม่ได้เถียงอะไร หลังจากรับไว้แล้วดูเหมือนนางจะกระตือรือร้นจริงๆ “ก่อนนั้นข้าได้เตรียมออกแบบอาวุธระดับต่ำไว้สองสามแบบแล้ว โอว,ใครจะรู้ว่าสามารถสร้างช่วยให้สร้างได้ดีขึ้นกว่าเดิมบ้าง”
ถังเทียนมีนัยน์ตาเป็นประกายทันที “ข้ามีความคิดดีๆ อย่างหนึ่ง!”
“ความคิดอะไร?” เซรีนยังไม่ค่อยเชื่อเขา
“เจ้าสร้างสักสี่ชุดก่อน จากนั้นข้าจะได้เอาไปให้ผู้เฒ่าหลิน,ผู้เฒ่าหวิน, อู่โหวและหมิงโหว คนละหนึ่งชุด” ถังเทียนตื่นเต้น “ตอนนี้ข้ากังวลอยู่ว่าข้าจะไม่มีอะไรให้พวกเขาบ้าง ดีล่ะ ข้ายังสามารถเอาไปขายให้สมาพันธ์ชาวยุทธได้ พวกเขามีเงินมาก”
เซรีนเองก็รู้สึกว่าความคิดของถังเทียนเข้าท่า นางใช้นิ้วนับดู “สี่คนสี่ชุด, สำหรับสมาพันธ์ชาวยุทธ งั้นอย่างน้อยที่สุดก็ต้องออกแบบอย่างละหนึ่ง”
ถังเทียนพูดต่อ “สี่ชุดแรกด่วนมากกว่า ข้าต้องการไปจากพวกเขาให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้
“อย่างนั้นเราไปเมืองสามวิญญาณเอาวัสดุเพิ่มสองสามอย่าง เราจะได้สร้างทันในวันนี้เลย” เซรีนรีบดำเนินการดุจสายลม
แผนทำเงินมหาศาล ทำให้ทั้งสามไม่กล้าชักช้าแม้แต่น้อย พวกเขาใช้พลังและวิ่งตรงกลับไปที่เมืองสามวิญญาณทันที
แต่สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือสามสหายจากก๊กโจรแพนด้ายังคงอยู่ที่นั่นตามปกติดูแลร้านการ์ดให้อย่างดีทำให้เซรีนตื่นเต้นมาก นางเริ่มใช้ประโยชน์จากพวกเขา
ตอนนี้หมดปัญหาเรื่องกำลังคน
การจัดซื้อวัสดุ การเริ่มต้นผลิต ตอนนี้เซรีนเข้าสู่สภาวะคลั่งงานทันที
ถังเทียนและปิงคอยอยู่เงียบๆ อีกมุมหนึ่ง
“ข้าจะอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่ง”ปิงเตือนถังเทียน “แต่เพราะข้าไม่อยู่ใกล้ๆด้วย เจ้าอย่าขี้เกียจจะดีกว่า”
ถังเทียนเหลือกตา “เฮ้ลุง! อย่ายกความสำคัญของตัวเองจะดีกว่าเห็นกันอยู่แล้วว่าผู้อาวุโสกรงเล็บภูตพรายควบคุมได้เป็นอย่างดี”
ปิงหน้าแดงทันที “กรงเล็บภูตพรายกับพลังบ้านนอกของเขาถ้าไม่มีข้าคอยดูแล เขาจะรักษาควบคุมพลังไว้ได้อย่างไร?ข้าเองก็คิดว่าแม้แต่จิตใจของเขาเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน”
ถังเทียนมองดูเขาอย่างเยาะเย้ย “ถ้าลุงเป็นลูกผู้ชายตัวจริงก็พูดต่อหน้าเขาเลย”
ปิงคำราม “ข้าไม่มีทางทะเลาะคนบ้านนอกแน่”
“ลุงไม่กล้าก็บอกมาเถอะ!” ถังเทียนหัวเราะเย็นชา
“ก็เพราะช่วงนี้ข้าจะต้องศึกษาและค้นคว้าก่อน”สีหน้าปิงกลายเป็นจริงจัง “ข้ามีความรู้สึกว่าเซรีนพูดถูกยุคใหม่ของอาวุธจักรกลเริ่มจากตรงนี้ เมื่อข้าได้ขัดเกลาทักษะของข้าเองแล้วจากนั้นข้าจึงค่อยมาสอนให้เจ้า สบายใจได้น่า, ในฐานะเจ้ากรมศึกษาของกองทัพ ปล่อยเรื่องกลยุทธการรบให้ข้าดูแลเอง ไม่ว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง ข้าจะใช้เวลาสั้นๆเพื่อเข้าใจแก่นสาระของมันให้ได้”
พูดจบปิงเริ่มยกตัวเองอย่างพอใจด้วยท่าทางสีหน้าที่หยิ่งผยอง
“ดี”ถังเทียนยกย่อง “ม้าแก่ที่ก้าวเข้ามาในคอกยังคงมุ่งมั่นที่จะควบให้ได้พันไมล์”
“เจ้ายังฝึกฝนมาไม่มากก็น่ากลัวมากแล้ว! ถึงเป็นม้าแก่ในคอกก็ยังมุ่งมั่นควบให้ได้พันไมล์!” ปิงทวนคำควั่บทันที “ฮึ.. เจ้าว่าใครแก่”
ถังเทียนทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินเขาและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ลุงคิดว่าเราจำเป็นต้องให้ของขวัญซิ่วซิ่วน้อยสักชุดไหม?”
“ไม่” ปิงเปลี่ยนหัวข้อพูดตามคาด “หัวใจของหลิงซิ่วมักจดจ่ออยู่ที่หอกและคุณธรรมของเขา เจ้าเด็กนั่นหัวแข็งมาก”
“นั่นก็จริง” ถังเทียนเห็นด้วย “แต่เขาเป็นอย่างนั้น ก็ดีเหมือนกัน”
“อืม” ปิงผงกศีรษะ
พอตกเย็น เซรีนก็ผลิตชุดอาวุธจักรกลสี่ชุดเสร็จ ชุดทั้งสี่ดูน่ากลัวมากในสายตาถังเทียน เนื่องจากเขาเคยเห็นพยัคฆ์ฟ้ามาแล้ว มีความแตกต่างกันในเรื่องของระดับคุณภาพของทั้งสองอย่างใหญ่หลวง
“นี่เรียกว่า ‘ทหารระห่ำ’ หน้าของเซรีนเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย แต่นางอดทนแนะนำมันจนได้ ”ระบบทำงานของมันปกติมาก และสามารถเข้ากันได้ดีกับนักสู้ระดับสี่ เจ้าสามารถใส่การ์ดวิทยายุทธระดับสี่ได้สามใบในนั้นระบบการทำงานอื่นๆ พวกเขาจะรู้เมื่อพวกเขาได้ใช้งานมัน
ถังเทียนเก็บทหารระห่ำทั้งสี่ชุดไว้ในตู้อาวุธอควาเรียสของเขาเองจากนั้นกลับไปที่ตำหนักจิตวิญญาณพลังยุทธ
แต่ถึงจะดึกมากแล้วแต่ถังเทียนยืนยันจะให้ชุดทหารระห่ำทั้งสี่ชุดกับคนทั้งสี่คน
เมื่อเขากลับเข้าไปหลังประตูดวงดาว หน้าของกรงเล็บภูตพรายดูน่ากลัวมาก
ถังเทียนแลบลิ้นและรีบไปฝึกต่อทันที