ตอนที่ 195 สมบัติที่ตกลงมาจากฟากฟ้า
หมิงโหวมองค้อน แม้ว่าเขาจะกลัวพลังของถังเทียน แต่คำพูดเหล่านั้นก็ทำให้เขาอาย
หลังจากนั้นเขากลับคาดไม่ถึงเลยว่า ผู้อาวุโสหลินจะหัวเราะและตอบ “ฮะฮะ, ไม่ไม่ ไม่ได้ลำบากอะไรเลย”
สีหน้าใจดีนั้นทำให้ทุกคนตะลึงในทันที ผู้เฒ่าหลิน ใครๆก็รู้จักกันดีว่าเข้มงวดและดุร้าย เขาสามารถแสดงสีหน้าแบบนั้นได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
ต่อให้พวกเขามอบเงินภาษีให้ถึงร้อยล้านเหรียญดาวก็ตาม ต่อให้พวกเขามอบสมบัติดวงดาวที่หายากก็ตาม ผู้เฒ่าหลินมักจะดูเย็นชาเสมอ อย่าถามถึงรอยยิ้มเลย แค่ให้สีหน้านุ่มนวลผ่อนคลายก็ยากจะเห็นจากเขาได้
“ไอหยา... ท่านคืออู่โหวเหรอ?แต่ว่าเจ้าทั้งสองคนดูไม่เหมือนกันนะ!” ถังเทียนมองดูเด็กหญิงจากนั้นมองดูผู้เฒ่าหลินอีกครั้ง
ผู้เฒ่าหลินยิ้มเหมือนแมวเจ้าเล่ห์ไม่เปลี่ยนท่าทาง แต่อู่โหวที่อยู่อีกด้านกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น
อู่โหวกระแอมเบาๆ “นี่คือผู้เฒ่าหลิน ส่วนข้าคืออู่โหว, อาจารย์ถังมาจากที่ไกลคงจะเหน็ดเหนื่อยแล้ว เรารีบเข้าไปในบ้านกันก่อนเถอะ”
ถังเทียนมองดูอู่โหวจากนั้นก็เข้าใจได้ทันที
ความอึดอัดใจที่มีอยู่ก่อนหน้านั้นสลายหายไปในลักษณะนี้ และทุกคนไม่ติดใจถือสาแต่อย่างใด
ทั่วทั้งรัฐบาลอู่โหวถึงกับโกลาหลทันที
อู่โหวที่ตอนแรกไม่ค่อยพอใจถังเทียนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวยงทำให้สภาพจิตใจของเขาตึงเครียด ผู้เฒ่าทั้งสองตามพวกเขาเข้ามาด้วยและพวกเขาต่างปล่อยวางนิสัยเดิมอย่างสิ้นเชิงด้วยสีหน้าและรอยยิ้มที่อบอุ่นทำให้อู่โหวกังวลใจมากขึ้นกว่าเดิม
จนถึงตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นก็คือหมิงโหวโชคร้ายมากขึ้น เซี่ยอันตายด้วยสาเหตุไม่สมควร และถ้าถังเทียนมีเหตุผลในการมาแล้วอย่างนั้นคนที่โชคร้ายที่สุดเห็นจะเป็นหมิงโหวนั่นเอง อู่โหวลอบยินดีในใจ และตัวเขาเองไม่ได้แสดงอาการอะไรที่ไม่พอใจถังเทียน
เมื่อเข้ามาในห้องโถงใหญ่ทุกคนนั่งลง
จากนั้นผู้เฒ่าหลินยิ้มอย่างอารมณ์ดีพูดกับถังเทียน “ดูเหมือนน้อถังจะไม่ใช่เป็นคนท้องถิ่นใช่ไหม?”
“อืม..ข้าไม่ใช่จริงๆ นั่นแหละ” ถังเทียนนั่งลง และความสนใจของเขาถูกดึงดูดไปที่ขนมเค้กบนโต๊ะเขาค่อยๆหยิบขนมเค้กสีเขียวอย่างระมัดระวังแล้วยัดใส่ปาก รอบตัวเขาล้อมรอบด้วยอาหารโอชะ ในพริบตาเขาจัดการส่งขนมเหล่านั้นเข้าปากหมดสิ้น ปากของเขาเต็มไปด้วยขนมทำให้พูดได้ไม่ชัดเจน
“น้องถังมาจากที่ไหน?” ผู้เฒ่าหลินยิ้มแย้มแจ่มใสกว่าเดิม
“ฮาวฟิงฟง” ถังเทียนไม่อาจพูดคำว่า “เมืองซิงฟงได้ชัดเจนเพราะขนมยังยัดอยู่เต็มปาก
เป็นดินแดนไกลโพ้นที่ไม่คุ้นเคย
ผู้เฒ่าหลินและผู้เฒ่าหวินมองหน้ากันเอง แววระมัดระวังในดวงตาพวกเขาเพิ่มมากขึ้น
“ข้าสงสัยว่าปีนี้น้องชายอายุเท่าใด?” ผู้เฒ่าหวินยิ้มแย้มและถามเขา
“สิบเจ็ดปี!” ถังเทียนสำลักเล็กน้อยทำให้เขาดูตาเหลือกขาว
สิบเจ็ดปี ครั้งนี้ผู้เฒ่าทั้งสองได้ยินแล้วก็เข้าใจ
“เจ้านับเป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์แท้จริง!” ผู้เฒ่าหลินชมเชย “เข้าถึงพลังนักรบระดับหกได้ในขณะอายุสิบเจ็ดปี นี่หาได้ยากจริงๆ อย่างนั้นเจ้าซึมซับพลังสายเลือดแบบไหน?”
ทุกคนสะดุ้งจนใจสั่นจริงๆ เขาเป็นอัจฉริยะจริงๆ
ถังเทียนรับชาคุณภาพดีที่สุดราคาเกินหลักหมื่นจากเด็กหญิงน้อย พอซดเข้าปากจนหมดถ้วย เขาค่อยรู้สึกดีขึ้น
เมื่อเห็นเช่นนั้นอู่โหวรู้สึกเจ็บปวดใจ อาหารทั้งหมดเป็นอาหารที่จัดอยู่ในระดับสุดยอดและปกติจะแอบซ่อนเก็บไว้ไม่ยินดีจะกิน วันนี้เขานำออกมาเป็นพิเศษ ไม่เคยคิดว่าถังเทียนจะกวาดทั้งหมดจนเรียบนับเป็นการสูญเปล่าจริงๆ
หลังจากรู้สึกสบายขึ้นแล้ว ถังเทียนกล่าว “โอว, ข้าซึมซับกลมกลืนกับสายเลือดคู่” สายตาของเขาจดจ่ออยู่กับขนมบนอีกโต๊ะตัวหนึ่ง
สายเลือดคู่!
ทุกคนสะดุ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น และแววตื่นเต้นฉายผ่านดวงตาของหมิงโหว ขณะที่ผู้เฒ่าทั้งสองมองกันเองเงียบๆ ทั้งสองเชื่อมั่นแล้วว่าภูมิหลังของถังเทียนต้องโดดเด่นอย่างแน่นอน
มาตรฐานระดับนี้ไม่ใช่คนที่มาจากสถานที่ไร้หัวนอนปลายเท้าแน่ เนื่องจากเป็นเช่นนั้นก็คงพอจะอธิบายได้ถึงขุนพลวิญญาณทั้งสามที่ทรงพลังซึ่งอยู่กับถังเทียน
เมื่อเห็นว่าถังเทียนเพลิดเพลินกับการกินขนมอบ เด็กหญิงสั่งคนใช้ของเธอให้เอาขนมอบมาให้เขาอีก
พอถึงตอนนี้ถังเทียนยังไม่มีโอกาสได้พักปาก ทำให้เด็กหญิงเริ่มจะอายขึ้นมาบ้าง
คนอื่นๆอาจรู้สึกรังเกียจมารยาทในการกินของถังเทียน แต่ผู้เฒ่าทั้งสองคนชินเสียแล้ว ในตระกูลที่มีอิทธิพลทั้งหมดซึ่งมีนักสู้ประหลาดอยู่มากมาย ก็มีแต่คนประเภทนี้ที่โดดเด่นและสำเร็จในวิชาต่อสู้
เมื่อรู้ว่าเบื้องหลังของถังเทียนพิเศษผู้เฒ่าทั้งสองรู้ว่าพวกเขาจะต้องทำอะไร ทั้งสองคนเป็นทหารเก่าที่อยู่ในโลกมานานมากและอยู่ในที่สูงมองลงมาในระดับต่ำทุกคนโดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องกิจการต่างๆ แต่เวลานี้ทั้งสองคนกลับรังเกียจของเย้ายวนทุกอย่างและยังไม่หยุดตั้งข้อสังเกตและชื่นชมถังเทียนจนกระทั่งเขามีความรู้สึกที่ดีกับพวกเขา
ทั้งสองคนนี้เป็นคนดีมาก!
อู่โหวและหมิงโหวมีสีหน้ามึนงง คำเยินยอของสองผู้อาวุโสทำให้พวกเขาประหลาดใจจริง มิน่าเล่าพวกเขาถึงสามารถอยู่ในสภาผู้อาวุโสได้ ขณะที่อู่โหวและหมิงโหวเป็นเพียงผู้นำรัฐบาลซึ่งแตกต่างจากพวกเขา
กรอบความคิดของพวกเขาช่างแตกต่างราวกับฟ้าและดิน
อู่โหวสงบใจอยู่ได้แม้ว่าสถานการณ์จะตึงเครียด สถานการณ์คลี่คลายเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขา ขณะที่หมิงโหวได้แต่เพียงลอบเสียใจ และยังคงเค้นสมองว่าจะหาทางฟื้นสัมพันธ์กับถังเทียนได้อย่างไร
หลิงซิ่วฟังอยู่ด้านข้างจนรู้สึกระอา ความสำเร็จของถังเทียนที่ได้นำมาแสดงตัดหน้าความรุดหน้าของเขาอีกครั้ง จนความรู้สึกมีความสุขในการบรรลุขอบเขตฝีมือใหม่ของเขาลดลงไปมาก เมื่อได้ยินแต่ทุกคนพูดเหลวไหล เขารู้สึกเหลืออด เขาได้แต่คิดว่าจะต้องฝึกฝีมือให้มากขึ้นไปอีกและคิดจะเอาชนะถังเทียนให้ได้
เขายืนขึ้นทันทีกล่าวว่า“ข้าขอตัวไปฝึกก่อน” และเดินออกไป
“ซิ่วซิ่วน้อย พยายามเต็มที่นะ” ถังเทียนไม่ลืมตะโกนบอก
ผู้เฒ่าทั้งสองชำเลืองมองหลิงซิ่ว แม้ว่าหลิงซิ่วจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังไม่มีค่าพอเรียกความสนใจพวกเขาได้ เป้าหมายหลักของพวกเขายังคงเป็นถังเทียน
“น้องเทียนตั้งใจจะพักอยู่ที่นี่นานเท่าใด?” ผู้เฒ่าหลินรู้สึกว่าเขากับถังเทียนสนิทกันมาก และชื่อที่เรียกกันก็มีความสนิทสนมมากขึ้น
“ข้าคงไม่อยู่” ถังเทียนส่ายศีรษะ และโยนเค้กในมือออกไป และกล่าวจริงจัง“ข้ามีธุระรีบด่วนต้องไปจัดการ”
“โอว, ธุระอะไรหรือ? เราพอจะช่วยได้ไหม?” ผู้เฒ่าหวินถามทันที
ผู้อาวุโสทั้งสองคนเคยเห็นคุ้นเคยกับกิจกรรมต่างๆมามากแล้ว หลังจากผ่านไปได้พักหนึ่ง พวกเขาก็ทราบอัธยาศัยของถังเทียนได้ แม้ว่าถังเทียนจะชอบเอะอะเสียงดังแต่นิสัยของเขาค่อนข้างเรียบง่าย ซื่อสัตย์และจิตใจอ่อนโยน คนประเภทนี้ไม่มีใครเกลียดเขา และคนแบบนี้แหละที่จะมีอนาคตสดใส ใครๆ ก็ยินดีคบหาเขา
หมิงโหวที่อยู่ข้างๆลอบยินดี นั่นเป็นเรื่องดีแล้ว เจ้าเด็กนี่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มดาวน้อยเทียนซิง
“ข้าต้องการไปหมู่ดาวกางเขนใต้” ถังเทียนอธิบาย
ผู้อาวุโสทั้งสองมึนงงชั่วขณะ หลังจากผู้เฒ่าหลินถาม “น้องชายรู้ไหมว่าหมู่ดาวกางเขนใต้ไกลจากนี่เท่าใด?”
“ข้าเคยเห็นแผนที่แล้ว มันอยู่ไกลมากๆ” ถังเทียนตอบตามความเป็นจริงและกำหมัดแน่นและพูดอย่างจริงจัง “แต่ข้ากำหนดวิธีแก้ปัญหาไว้แล้ว ไม่ว่าไกลเพียงไหน หรือลำบากเพียงใดก็ตามข้าจะต้องไปให้ได้”
คำพูดของถังเทียนเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาดทำให้สองผู้เฒ่าอดตื่นเต้นไม่ได้
หลังจากนั้นชั่วขณะผู้เฒ่าหลินถอนหายใจ แววชื่นชมปรากฏอยู่ในดวงตาเขา “การเดินทางของเจ้าครั้งนี้มีอันตรายที่ไม่รู้จักอีกมาก แต่ว่าเสี่ยวเทียน!เป้าหมายของเจ้าทำให้ผู้คนนึกอิจฉาจริงๆ ถ้าข้ายังหนุ่มๆ ข้าคงจะร่วมเดินทางกับเจ้าแน่นอน”
เมื่อพูดจบเขาล้วงจี้หยกออกมาและยื่นให้ถังเทียน “เสี่ยวเทียนต้องการเดินทางไปหมู่ดาวกางเขนใต้ อย่างนั้นเจ้าก็ต้องผ่านหมู่ดาวปลาวาฬ ตระกูลหลินของเรามีถิ่นพำนักอยู่ที่นั่นไม่ใช่ตระกูลที่ใหญ่เท่าใดนัก แต่ก็อยู่ที่นั่นมานานปีมาก พวกเขาอาจจะช่วยอะไรได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่พวกเขาก็ยังมีการติดต่อไม่ขาด ถ้าเสี่ยวเทียนมีปัญหาอะไร เอาจี้หยกนี้ไปแสดงที่ตระกูลหลิน พวกเขาจะจำได้ และจะช่วยเจ้าอย่างดีที่สุดที่ทำได้”
ถังเทียนรับจี้หยกมาด้วยสีหน้าจริงจังและกล่าวอย่างจริงใจ“ขอบคุณท่านมาก พี่หลิน!”
จากนั้นผู้เฒ่าหวินล้วงสมบัติชั้นเงินชิ้นหนึ่งออกมาและถอนหายใจ “พวกเราเหล่าผู้ชรารู้สึกอิจฉาคนหนุ่มอย่างพวกเจ้าจริงๆ เสี่ยวถัง, เครื่องวัดระยะสมบัติชั้นเงินนี้ข้าให้เจ้า ข้าเคยใช้มันเมื่อตอนข้ายังหนุ่มอยู่ และมันติดตามข้ามาหลายสถานที่แล้ว สามารถบ่งบอกตำแหน่งต่างๆ ในสวรรค์วิถีได้ดี และในนั้นก็ยังมีบันทึกการเดินทางครั้งก่อนๆของข้าอยู่ด้วย ตอนนี้ข้าชราแล้ว ไม่สามารถวิ่งเต้นไปมาได้มากเหมือนเมื่อก่อน ข้าขอมอบสิ่งนี้ให้เจ้า และหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้า”
สีหน้าของผู้เฒ่าหวินดูไม่สบายใจเมื่อนึกถึงคืนวันเก่าก่อนครั้งเยาว์วัยเขาอดหดหู่เศร้าใจมิได้ ผู้เฒ่าหลินต้องแตะไหล่ปลอบใจเขา
ถังเทียนซาบซึ้งใจอย่างมาก สำหรับคนที่จิตใจไม่อ่อนไหวอย่างเขา เขายอมรับเครื่องบอกระยะชั้นเงินไว้และพูดเสียงดัง“พี่หวินไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำให้ของสิ่งนี้ต้องมัวหมองเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน”
ผู้เฒ่าหวินรู้สึกทึ่งกับคำตอบของถังเทียน เขาหัวเราะเสียงดัง ความรู้สึกเจ็บปวดใจของเขาลดลงทันที
หมิงโหวอ้าปากพูดทันที“เนื่องจากเป็นการเดินทางที่ยาวนานและยากลำบาก เจ้าจะเดินทางไปโดยไม่มียานโดยสารได้ยังไง? ในที่นี้ข้ามีอยู่ ยานอาชาฟ้าชั้นเงินนี้รวดเร็วและทรงพลังมีความสะดวกสบายมาก ภายในโอ่โถงกว้างขวางพร้อมอุปกรณ์ฝึกฝนและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดข้าไม่ค่อยได้ออกเดินทางไกล เก็บไว้กับตัวก็เสียเปล่า ดังนั้นข้าขอให้เป็นของขวัญน้องถัง เจ้ามีโอกาสได้ใช้ประโยชน์จากมันมากกว่า หวังว่าน้องถังคงจะเห็นแก่หน้าข้าบ้างนะ”
ถังเทียนมองดูท่าทีอ้อนวอนของหมิงโหวแล้วรู้สึกประหลาดใจ โลกนี้มีคนวิงวอนขอให้คนอื่นรับของขวัญของพวกเขาด้วยหรือ?
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของหมิงโหว ถังเทียนรู้สึกว่าเขาต้องการยานเดินทางจริงๆ เขาและหลิงซิ่วชอบฝึกเป็นบ้าเป็นหลังอยู่แล้ว ถ้าไม่มีที่สำหรับฝึกฝนก็คงเป็นเรื่องน่ากลัว
ยานเดินทางชั้นเงินจากหมู่ดาวอาชาฟ้าฟังดูน่าจะรวดเร็วมาก
“ขอบคุณ!” ถังเทียนรีบตอบ
หมิงหวงค่อยรู้สึกสบายใจ เขาแอบถอนหายใจโล่งอก พลางตบอกกล่าว“สามารถช่วยเหลือลูกผู้ชายตัวจริงอย่างน้องถังได้ นับเป็นเกียรติของผู้แซ่หมิงนัก”
อู่โหวตกใจเพราะยานโดยสารชั้นเงินจากกลุ่มดาวอาชาฟ้า หมิงโหวต้องใช้วิธีการนับไม่ถ้วนกว่าจะได้สมบัติล้ำค่านี้มา คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะใจใหญ่นักยอมมอบให้ออกมาในวันนี้
คนผู้นี้ตัดสินใจได้รวดเร็วนัก
อู่โหวถึงกับโกรธมาก ทุกคนต่างก็ให้สมบัติกันทั้งนั้น เขาก็ต้องให้ด้วยเช่นกัน ถ้าเขาไม่ให้ สายสัมพันธ์ที่ดีแต่เดิมก็คงเปลี่ยนเป็นย่ำแย่
ว่าแต่...จะให้อะไรดี?
สิ่งที่ผู้เฒ่าหลินมอบให้เป็นมิตรภาพที่ดี, ผู้เฒ่าหวินและหมิงโหวให้สมบัติที่มีประโยชน์ แล้วเขาล่ะ ควรให้อะไรดี?
ถึงตอนนี้เด็กหญิงน้อยวิ่งเข้ามาใกล้ๆ และกระซิบข้างหูอู่โหวสองคำทำให้อู่โหวตกใจ
เขาตรองดูอยู่ชั่วขณะถึงกับหัวเราะลั่น“รัฐบาลอู่โหวของข้ายากจนสมบัติมีไม่มาก ไม่อาจเทียบกับคนอื่นได้ สัมพันธ์ของธิดาน้อยของข้ากับอาจารย์ถังนับเป็นโชคชะตาลิขิต อาจารย์ถังเองก็มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ และทำเรื่องหลายเรื่องที่ข้ายังไม่กล้าทำทำให้ข้าทั้งอิจฉาและเลื่อมใสนัก รัฐบาลอู่โหวของข้าต้องการจะสนับสนุนอาจารย์ถังให้เดินทางได้เร็วขึ้นด้วยหินดวงดาวระดับหกจำนวนพันก้อน ข้าหวังว่าอาจารย์ถังจะไม่ปฏิเสธและเห็นแก่ธิดาน้อยของข้าซึ่งเป็นศิษย์ของท่านและในอนาคตข้างหน้าหวังว่าท่านจะได้ดูแลสั่งสอนเธอ”
ทุกคนรู้สึกทึ่งตะลึงไปตามๆ กัน
หินดวงดาวระดับหกหนึ่งก้อนราคาราวๆสองหมื่นเหรียญดาว หนึ่งพันก้อนนั่นก็หมายความว่ามีมูลค่ารวมยี่สิบล้านเหรียญดาว
เงินจำนวนมหาศาลขนาดนั้นทำให้ทุกคนตะลึง ยี่สิบล้านเหรียญดาว ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็นับว่าเป็นจำนวนเงินมหาศาล
ถังเทียนตะลึงเพราะคำพูดนั้น วันนี้ฝันอย่างหนึ่งของเขากลายเป็นจริงแล้ว
ทำไมทุกคนถึงได้พยายามให้ของขวัญที่ดีที่สุดกับเรา?
แปลกมาก....
โอว...ถ้าเป็นอย่างได้ทุกวันก็คงดี!