ตอนที่ 194 คำตอบของกรงเล็บภูตพราย
ครอก…ฟี้….
ทุกคนเป็นเหมือนรูปสลัก เสียงกรนดังเป็นจังหวะยังได้ยินถึงหูทุกคนต่อเนื่องไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน ในกลางพื้นที่ ถังเทียนนอนหลับอุตุอ้าปากน้ำลายไหลยืด
เซี่ยอันเป็นเหมือนตุ๊กตาไหม้เกรียมไม่ขยับเลยแม้แต่นิ้วเดียว อกของเขามีรูขนาดนิ้วมือห้ารูดูน่ากลัวน่าหวาดหวั่น ตาของเขาเบิกโพลง ปราณว่างเปล่า
กรงเล็บภูตพรายยังยืนอยู่ตรงนั้นนัยน์ตาสีเทาเย็นชาของเขาดูชัดเจนกว่าเมื่อก่อน เหมือนกับมีดที่สนิมจับเต็มเล่มและถูกขัดถูกเคาะเผยให้เห็นเนื้อในที่โดดเด่น
เขาหมุนตัวและเดินไปที่ถังเทียน ตุ้บ,เสียงของเซี่ยอันล้มตามหลังจากเขาเดินออกมา
ฝีเท้าของกรงเล็บภูตพรายไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสักนิด ภายใต้สีหน้าที่สงบแต่ใจของเขากลับปั่นป่วนไม่มีทีท่าสงบ
ภายใต้ท้องฟ้าในปีนั้น เมื่อสีสันของโลกยังไม่จางหายไป... คำสาบานยังดังก้องอยู่ในสายลม เขาพยายามอย่างหนักเพื่อมีชีวิตรอด...เขาต้องเสี่ยงต่อสู้ทุกอย่าง
กรงเล็บภูตพราย, เจ้าพอใจหรือยัง?
ต่อให้เจ้าง่อยเปลี้ย ต่อให้เจ้าแก่ก็ตาม ต่อให้เจ้าไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จหรือห่างเหินจากความเป็นจริง และต่อให้เจ้าสิ้นสุดโดยไม่ได้อะไร?
กรงเล็บภูตพราย, บอกมา เจ้ายินดีหรือไม่?
บอกมา... บอกข้ามา.... พูดออกมาดังๆ....
ใบหน้าแหงนมองฟ้าในความทรงจำของเจ้า โลกในความทรงจำของเจ้าบอกความในใจจากหัวใจที่แหลกสลายและตายด้านของเจ้าออกมา
พูดออกมาดังๆ
กรงเล็บภูตพรายเดินตรงเข้าหาถังเทียน เป็นไปได้หรือที่เขารู้สึกว่าที่อกเขาเหมือนกับมีลูกไฟลุกโพลงทำให้เขาหายใจลำบากไม่ เขายังหายใจได้ยังไง?
กรงเล็บภูตพรายลูบหน้าตนเอง แต่..ความรู้สึกนี้ ช่างดีเหลือเกิน!
ข้ายังมีชีวิตอยู่...
ในที่สุด ก็ยังอยู่จริงๆ....
ทันใดนั้น ทั้งที่เขายังยืนอยู่ มีลมหมุนปะทะใส่หลังของเขาเสียงลมปะทะหลังเขาดังปัง เสียงกู่ร้องแกร่งกร้าวหยาบกร้านเสียงโห่ร้องต่อสู้ที่คุ้นเคย
“มาเลย!”
เขาไม่สนใจสายตาที่ตกตะลึงของทุกคนไม่ได้รำคาญเสียงหวีดหวิวของสายลมที่โหมกระหน่ำในหัวใจเขา เขาสงบจิตใจได้ทันทีและก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง
กรงเล็บภูตพราย การต่อสู้ที่แท้จริงของเจ้าเพิ่งเริ่มขึ้น
เจ้ากลัวไหม? เกรงไหม? อายไหม?
ไม่มีคำพูดอีกต่อไป ทั้งพื้นที่เงียบเป็นป่าช้า กรงเล็บภูตพรายเดินไปอยู่ด้านข้างถังเทียนกวาดมองสำรวจไปทุกที่ สายตาเย็นชาเหมือนมีดคม เหมือนกับเขาตอนหนุ่มๆทั้งคุกคามและโดดเด่น
เขาพริ้มตาลงคิ้วของเขาตกเหมือนกับคมมีดที่สอดเก็บไว้ในฝัก
เสียงถอนหายใจโล่งอกได้ยินอยู่ในพื้นที่ กรงเล็บภูตพรายที่มีแรงกดดัน สร้างแรงกดดันใหญ่หลวงกับทุกคนแรงกดดันที่ไม่มีรูปลักษณ์เหมือนสิ่งที่กดทับลงบนหัวใจของพวกเขาจนทำให้พวกเขาแทบหายใจไม่ออก
อู่โหว, หมิงโหวและสองผู้อาวุโสยังมีสีหน้าเป็นปกติแต่ในใจพวกเขาก็ถูกคุกคามพอๆ กัน
วิชาระดับปรมาจารย์
ชายชราอ่อนแอจากเมื่อครู่นี้ใช้วิทยายุทธระดับปรมาจารย์แน่นอน อู่โหวและหมิงโหวเป็นนักสู้สวรรค์วิถีทั้งคู่ และผู้อาวุโสทั้งสองก็มีฝีมือลึกซึ้งไม่อาจหยั่งได้ แต่ถึงกระนั้นทั้งสี่คนนี้ไม่มีผู้ใดได้เรียนรู้วิทยายุทธระดับปรมาจารย์เลย
วิทยายุทธระดับปรมาจารย์จำเป็นต้องใช้ทั้งพรสวรรค์และความเพียรควบคู่กันไปจำนวนของผู้เรียนรู้และบัญญัติวิทยายุทธระดับปรมาจารย์มีอยู่น้อยนิด
“นั่นดูคล้ายกับกรงเล็บเพลิงภูตพรายของสมาคมเกียรติยศชาวยุทธไม่ใช่หรือ?” ผู้เฒ่าหวินถามผู้เฒ่าหลินเบาๆ
ผู้เฒ่าหลินตอนแรกพยักหน้า จากนั้นก็สั่นศีรษะ “ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น แต่กรงเล็บเพลิงภูตพรายเป็นวิทยายุทธระดับห้า เป็นวิชาชั้นสามของสมาคมชาวยุทธ แล้วที่เห็นอยู่นั่นเจ้าว่าเป็นวิชากรงเล็บระดับห้าหรือเปล่า?”
“ไม่เลยแม้แต่น้อย!” ผู้เฒ่าหวินส่ายศีรษะเช่นกัน “วิชากรงเล็บระดับห้าไม่มีพลังมากขนาดนั้น! ต่อให้เป็นญาติของกรงเล็บภูตพรายมาเองก็ไม่มีทางใช้วิชาระดับห้าได้อย่างครอบคลุมเชี่ยวชาญถึงขนาดนั้นเป็นแน่!”
“อืม..ข้าก็ไม่คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” ผู้เฒ่าหลินพูดเบาๆ“วิชากรงเล็บของสำนักนี้อย่างน้อยก็ต้องเป็นระดับหก ข้าสงสัยว่าอาจเป็นวิทยายุทธระดับเจ็ดด้วยซ้ำ แต่ไม่ใช่ระดับห้าแน่นอน ข้าไม่กล้าเชื่อว่าสมาพันธ์ฯชาวยุทธจะทำผิดพลาดได้ขนาดนั้น”
“แล้วคนที่ถือขลุ่ยอยู่นั่นข้ารู้สึกว่าเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อนนะ, แต่นึกไม่ออก คุ้นๆ อยู่ในหัว” สายตาของผู้เฒ่าหวินยังคงจ้องขลุ่ยวิเศษไม่วางตา
“เจ้าไม่พูดถึงข้าเองก็รู้สึกได้เหมือนกัน” ใบหน้าของผู้เฒ่าหลินเหมือนกับนึกขึ้นได้“ดูเหมือนขุนพลวิญญาณที่ถือขลุ่ยจะไม่ใช่คนไร้ชื่อเสียงในยุคของเขา”
“เกราะกลไกนั้นดูเหมือนจะเป็นเกราะบรอนซ์จากกองทัพดาวกางเขนใต้นะพวกเขาได้ของคู่มืออย่างนั้นมาได้ นับว่ามือดีจริงๆและเบื้องหลังของพวกเขายังแตกต่างกันและไม่ธรรมดาเสียด้วย” ในใจของผู้เฒ่าหวินก็รู้สึกทำนองเดียวกัน พวกเขารู้สึกว่ามีบางปัญหาที่ยากจะจัดการได้
ภายในองค์การวิญญาณมืดมีกลุ่มย่อยนับไม่ถ้วนทั้งยังมากกว่าสมาพันธ์ชาวยุทธเสียอีกอีกทั้งยังมีกลุ่มลับที่กระทั่งคนในองค์การวิญญาณมืดก็ไม่รู้จักชัดเจน
มีทั้งคนไม่ดีปนอยู่ในกลุ่มคนดีในองค์การวิญญาณมืดและเบื้องหลังของทุกคนซับซ้อนมาก การแข่งขันภายในที่รุนแรงเมื่อเทียบกับการแข่งขันที่องค์การวิญญาณมืดจัดขึ้นเทียบกับที่อื่นเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปรัชญาการดำรงคงอยู่ของวิญญาณมืด พวกเขาสนับสนุนให้มีการแข่งขันและสนับสนุนมากยิ่งกว่าสมาพันธ์ชาวยุทธเสียอีก ยิ่งกว่านั้นองค์การวิญญาณมืดมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากเป็นเวลานานมาแล้วที่องค์การวิญญาณมืดเติบโตขึ้นมาในความมืดและในเงามืด
มีแต่เพียงมุมห่างไกลของกระจุกดาวเทียนซิงองค์การวิญญาณมืดคงจะให้ความสนใจจัดอยู่ในกลุ่มทำงานระดับต่ำ
อิทธิพลอำนาจขององค์การวิญญาณมืดเกือบทั้งหมดซ่อนอยู่ในความมืดและเงามืด พวกเขามีเครือข่ายที่ใหญ่ครอบคลุม การปล้นสมบัติของมีค่าที่ประหลาดแทบจะมองเห็นได้ในทุกเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์
องค์การของพวกเขาดูเหมือนหละหลวมและสบายๆ แต่ในความเป็นจริงกลับมีระเบียบและเข้มงวดมาก
นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาสามารถต่อสู้กับสมาพันธ์ชาวยุทธได้ เหตุผลที่พวกเขาอยู่รอดมาได้หลังจากผ่านมานับปีไม่ถ้วน ไม่มีใครรู้ว่าสำนักงานใหญ่ขององค์การวิญญาณมืดอยู่ที่ใด ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นแกนหลักในองค์การวิญญาณมืด องค์การวิญญาณมืดเป็นเหมือนหมอกหนาเป็นชั้นๆ
องค์การวิญญาณมืดไม่ให้ความสำคัญในเรื่องฐานปฏิบัติการอย่างแท้จริง
กลุ่มดาวเล็กๆ อย่างกลุ่มดาวเทียนซิง แม้ว่าจะถูกค้นพบโดยศัตรูอย่างองค์การวิญญาณมืดสำหรับพวกเขาถือว่าเล็กน้อยน่าสงสาร ผู้ที่ดำรงตำแหน่งและฐานะระดับสูง ยิ่งรู้มากก็ยิ่งน่ากลัวมากและระวังตัวมากในโลกของพวกเขา
สองผู้อาวุโสไม่อาจรู้เบื้องหลังของถังเทียนและทุกคนได้แต่ระมัดระวังเพิ่มขึ้น
แต่พวกเขารู้ว่าองค์การวิญญาณมืดใหญ่แค่ไหน โลกใหญ่แค่ไหนพวกเขาอยู่ที่นี่เพื่อวัตถุประสงค์เดียว เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จและทำกำไรได้ ถ้าไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ที่น่าสนใจ พวกเขายังสามารถได้รับประโยชน์สำหรับภารกิจนี้ซึ่งอันตรายและความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ ความจริงใครกันเล่าที่อยากมาอยู่ในที่ไกลไม่มีใครรู้จัก
ต่อให้หมู่ดาวน้อยเทียนซิงถูกทำลาย สำหรับพวกเขาก็คือเป็นภารกิจที่ล้มเหลวอย่างหนึ่งและพวกเขาเกือบทั้งหมดไม่ค่อยพอใจคนที่มีเบื้องหลังมากมายเนื่องจากจะทำให้พวกเขามีโอกาสต้องต่อสู้มากมาย พวกเขาไม่ได้สนุกกับการต่อสู้อีกต่อไป
“อย่างนั้นเราจะรอ” ผู้เฒ่าหลินมีประสบการณ์โชกโชน เขาไม่ใช่คนวัยเยาว์อีกต่อไป และมีความอดกลั้นมาก
“ก็ดี”ผู้เฒ่าหวินเห็นด้วย
สิ่งที่น่ากังวลที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่ถูกกับองค์การวิญญาณมืด นั่นจะก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยวัยของพวกเขาเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะเพิ่มความแข็งแรงได้อีกต่อไป พวกเขาอยู่ที่นี่เพิ่งจะผ่านคืนวันในการต่อสู้มาแล้ว ถ้าพวกเขาหนีได้ พวกเขาก็จะทำ
วิทยายุทธระดับปรมาจารย์ที่กรงเล็บภูตพรายเพิ่งใช้ออก ข่มขู่จนพวกเขาระย่อ
ผู้อาวุโสผู้น่าเคารพทั้งสองคนยังคงยืนรออย่างอดทน ขณะที่คนที่เหลืออยู่ภายใต้บรรยากาศตึงเครียดไม่กล้าจะพูดอะไร
ในที่เกิดเหตุดูแปลกประหลาด
ขุนพลวิญญาณทั้งสามกำลังปกป้องถังเทียน กับคนอีกกลุ่มหนึ่งรอคอยอยู่ที่มุมอย่างระมัดระวัง ขณะที่ถังเทียนนอนกรนสนั่นหลับสนิทอยู่กลางลาน ทุกคนต้องอดทนฟังเสียงกรนสนั่นของถังเทียนที่ยังดังไม่หยุด
เด็กหญิงเบิ่งตากว้าง เธอไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเธอเอง ภาพที่เกิดขึ้นต่อหน้าทั้งหมดเกินกว่าที่เธอคาดหวังไว้ ด้วยฉากภาพนั้นเธอมองดูถังเทียนด้วยสายตาที่คลั่งไคล้
เท่ห์มาก
น่าประทับใจมาก!
สามารถทำได้ถึงขนาดนั้น เขาเป็นบุคคลตัวอย่างที่ยังมีชีวิตอย่างแท้จริง
เธอลืมพฤติกรรมห่ามๆ ของถังเทียนไปอย่างสิ้นเชิง ถังเทียนที่หลับสนิทอยู่ต่อหน้าเธอทำให้เธอตื่นเต้นมาก ถังเทียนกลายเป็นบุคคลที่เธอคลั่งไคล้ไปแล้ว
พวกที่เรียกตนเองว่ายอดฝีมือ พอเทียบกับเขาแล้ว ก็ไม่มีอะไร!
ต้องถึงเวลาใดกัน ที่เธอจะเป็นแบบเขาได้จริงๆ?
เธอได้พบอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมอย่างนี้ เด็กหญิงเริ่มมีความภูมิใจในตัวเอง
เวลาผ่านไป
เมื่อถังเทียนค่อยๆ เผยอเปลือกตา ท้องฟ้าสีครามก็ส่องสว่างอยู่ต่อหน้าเขาความปวดเมื่อยเหนื่อยล้าหายไป ร่างกายของเขาฟื้นคืนพลังขึ้นมาใหม่
เขาตบพื้น ร่างก็กระโดดขึ้นเหมือนปลาและปัดไหล่ปัดตัวพูดอย่างร่าเริง “ฮ่าฮ่าฮ่า! วันใหม่อีกแล้ว, หนุ่มชาวฟ้า ลุย..”
ทุกคนชะงักค้าง ขณะที่พวกเขาจ้องมองเขาอย่างงงงวย
ถังเทียนเพิ่งตื่นและลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะหลับไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เขามีพลังพร้อมสู้ต่อ ก็เลยหลงลืมคิดจะฝึกฝีมือต่อ
เมื่อเขาตระหนักได้ทันทีว่ากรงเล็บภูตพรายและขุนพลวิญญาณอื่นอยู่ด้วย นัยน์ตาเขาเป็นประกาย “อ่าฮะ พวกท่านก็อยู่ที่นี่ด้วย มาเลย มาฝึกกันต่อ! ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าจะขยี้เจ้าโซ่ทองแดงงี่เง่าให้ได้ในวันนี้! เป็นไงบ้าง, กลัวละสิ,หนุ่มน้อยชาวฟ้าก็ควรจะมีพลังแบบนี้”
“เฮ้, ลองดูรอบๆตัวเจ้าซะบ้าง” ปิงเตือนเขา
“รอบตัวข้า?”ถังเทียนตกใจ เขาหันควับมองดูรอบๆ ก็เห็นแต่ใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย ทันใดนั้นเขารู้สึกผิด เขาดึงปิงมาใกล้ๆ และกระซิบ “นี่, ลุง,เราไม่ได้ติดหนี้ใครใช่ไหม? ทำไมพวกเขาถึงได้จ้องเราอย่างนั้นเล่า หรือว่าพวกเขาจะมาสู้กับเรา? เหมือนว่าจะมีกันเยอะเลยนะ!”
ปิงมองดูถังเทียนอย่างประหลาดใจ “เจ้าจำอะไรไม่ได้เลยเหรอไง ก่อนที่จะหลับ”
“ก่อนข้าหลับ?” ถังเทียนเกาหัวแกรกๆ และคิดอย่างหนัก “เรากำลังกินอะไรบางอย่าง และข้ารู้สึกว่าเพลินใจยิ่งนัก แต่ก่อนที่ข้าจะหลับ ข้าไม่ได้กินทุกอย่างเหรอ? เว้นเสียแต่ข้ากินอาหารนั้นหมดแล้วใช่ไหม? อย่างนั้นทุกคนก็ต้องหิวใช่ไหม? พวกเขาบ่นกันมากหรือเปล่า?ข้าแค่กินอาหารของพวกเขาไปบางส่วนเท่านั้น...”
เขาพูดเสียงอ่อยๆ และโอดครวญ “เราจะใช้เงินซื้ออาหารชดใช้ให้พวกเขาได้ยังไง? มันน่าเศร้าที่ทำให้พวกเขากินไม่อิ่ม”
ปิง “.....”
ขลุ่ยวิเศษเตือนถังเทียนอย่างสุภาพ “เรามาถึงที่ทำการของอู่โหวแล้ว”
“รัฐบาลอู่โหว! ใช่ใช่แล้ว เป็นที่ทำการรัฐบาลอู่โหว!” สายตาถังเทียนเป็นประกายขณะที่เขากวาดตาดูรอบๆปากอ้าค้าง “โหว, มีคนเยอะแยะไปหมดในรัฐบาลอู่โหว! ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว! พวกเขาทุกคนมาที่นี่เพื่อต้อนรับเรา! ว้าว, รัฐบาลอู่โหวใจกว้างและใจดีมากเลย ลากคนมามากอย่างนี้ รู้สึกละอายเหลือเกิน”
ขลุ่ยวิเศษปรายตา เขาอดทวนคำไม่ได้ “มันเป็นการยุ่งยากจริงๆ”
หลังจากพูดออกไปแล้ว ขลุ่ยวิเศษรู้สึกเสียใจ มันน่าอายมาก
“โอ้โฮ...พาคนมาตั้งมากมาย” ถังเทียนยิ้มเมื่อเห็นภาพเช่นนี้ เขารู้ว่าเป็นการปฏิบัติให้เป็นอย่างดีเท่าที่เขาเคยเจอ ถังเทียนภูมิใจขณะที่เขาโบกมือให้กับทุกคน
ทุกคน “.......”