ตอนที่ 192 ซาลาเปานึ่ง กรงเล็บและฟัน
ทุกคนตกตะลึง พวกเขาไม่อาจเข้าใจภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา แม้แต่อู่โหวก็ยังมีสีหน้าค้างและซึมเซาไปชั่วขณะ
เด็กหญิงร้องเรียกเบาๆ “อาจารย์...”
อาจารย์!
พื้นที่เงียบสงบอยู่แล้ว ยิ่งเงียบกว่าเดิมราวกับป่าช้าอู่โหวที่เพิ่งจะเรียกสติได้ ถลึงมองจนตาแทบถลน
อาจารย์.....
ยาจกเร่ร่อนที่อยู่ต่อหน้าเขาคืออาจารย์ของหมิงจูจริงๆหรือ! เจ้าเด็กบัดซบท่าทางกวนโมโหเป็นอาจารย์ของหมิงจูจริงๆ!
นี่มันตลกร้ายแบบไหนกัน
หน้าของอู่โหวคล้ำ แรงกดดันในพื้นที่ชัดเจนมากขึ้นทุกที เด็กหญิงสังเกตอารมณ์สีหน้าของบิดาเธอได้ รู้ได้ทันทีว่าหลายๆ อย่างกำลังจะเลวร้าย บิดาของเธอมักจะปล่อยตัวตามสบาย แต่เมื่อมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเธอ เขาจะจุกจิกเป็นพิเศษอาจารย์ของเธอทุกคนถูกคัดสรรโดยบิดาของเธอเป็นพิเศษ
ขณะที่อยู่ในดาวไพรมายา จดหมายที่เธอส่งไปให้บิดาของเธอล้วนแต่ยกย่องถังเทียนสูงส่งเลิศเลอราวกับสวรรค์ หวังว่าบิดาของเธอคงไม่ดูถูกถังเทียน เธอและถังเทียนลงนามทำสัญญาจิตวิญญาณพลังยุทธต่อกันแล้ว ถ้าบิดาของเธอและถังเทียนสู้กันจริงๆ อย่างนั้นเธอจะตกอยู่ในอันตรายสิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าก็คือ ถ้าบิดาของเธอรู้ว่ามีสัญญาจิตวิญญาณพลังยุทธ เขาคงโกรธสุดขีดแน่นอน
อารมณ์ของถังเทียนก็ไม่ดีเช่นกัน ถ้าเป็นคำพูดดีๆ หรือคำขอร้องกันอย่างนั้นพวกเขาก็ยังพอคุยกันได้ ถ้าพวกเขาทำเรื่องให้ยุ่งยาก อาจารย์น้อยของเธอคงไม่ยอมคุยและเริ่มต่อสู้ด้วยแน่นอน
คนอารมณ์ไม่ดีสองคน ถ้าพวกเขาต่อสู้กัน....
อำนาจของบิดาเธอคือผู้ปกครองที่นี่ แต่ด้านอาจารย์น้อยของเธอก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน,หลิงซิ่ว, ปิง, ขลุ่ยวิเศษ ถ้าทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน รัฐบาลอู่โหวคงได้ล่มสลายเป็นแน่
แต่...
แต่เมื่อเห็นถังเทียนผมที่ยุ่งเหยิงและใบหน้ามอมแมตาสีเขียวเลือนราง เธออดตัดสินอย่างช่วยไม่ได้
※※※
หิวจัง... หิวจัง.... หิวจังเลย...
ถ้าเพียงแต่คนที่อยู่ข้างหน้าเป็นสัตว์เป็นอสูรที่กินได้นั่นก็คงจะดี...
กินพวกมัน! กินพวกมัน! กินพวกมัน!
ดวงตาเขียวจางของถังเทียนกวาดมองข้ามไปทั่วทุกคน ใจของเขาร้องโหยหวนอย่างบ้าคลั่ง เพื่อมุ่งมั่นกับการฝึก เขาต้องกินอาหารแห้งที่น่าสะอิดสะเอียนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อเห็นอะไรที่เกี่ยวกับเนื้อสัตว์จะทำให้เขาน้ำลายไหลทันที
เพราะเหตุผลบางอย่าง คนผู้อยู่สายตาเขียวจางของถังเทียน ต่างก็รู้สึกหนาวยะเยือกในหัวใจกันทุกคนและอดสะท้านอย่างช่วยไม่ได้ นักสู้ที่อ่อนแอกว่าถึงกับถอยไปหนึ่งก้าวเล็กๆ แม้แต่อู่โหว เมื่อถังเทียนกวาดสายตาใส่เขาร่างเขาก็แข็งค้างทันที
สายตาเช่นนั้น ป่าเถื่อนรุนแรง!
เหมือนมีความต้องการจะกัดพวกเขา.. นั่นเป็นสายตาชนิดนั้น
อู่โหวประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขาตัดสินใจจับตาดูก่อนที่เหตุการณ์จะพลิกผัน
เด็กหญิงช่วยคลี่คลายปัญหา และขึ้นเสียงของเธอ“ไม่มีใครได้ยินหรือ? เขาต้องการกิน! ไปที่ห้องครัว เอาอาหารมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อ”
“ข้าจะไปเอง”ชิงหลวนอาสา นางเคยเห็นมาก่อนแล้วว่าถังเทียนกินอย่างไรและไม่ต้องพูดอะไรสักคำ นางวิ่งไปที่ห้องครัว
อู่โหวประหลาดใจกับเรื่องนั้น เขาเป็นคนพบชิงหลวนและมองดูนางเติบโตเลี้ยงดูนางเหมือนกับเป็นธิดาตนเอง แม้ว่านางจะมีนิสัยเที่ยงธรรมแต่ก็เป็นคนท่าทีแข็งกร้าว มีความทะเยอทะยานสูง และยอมรับคนอื่นได้ยาก
จับตาดูต่อไป...
เมื่อได้ยินคำว่า “เนื้อ” ถังเทียนกลืนน้ำลายเอื๊อกเสียงดังจนทุกคนได้ยิน
ทุกคนทำหน้าย่น อาจารย์ขององค์หญิง ความจริง...
หลังจากหลายปีมานี้ที่เด็กหญิงเติบโตขึ้นมาเธอไม่เคยรู้สึกอับอายมาก่อน ถ้าทำได้เธอคงแทรกแผ่นดินหลบหนีไปซ่อนความอับอายแล้ว เจ้าอาจารย์บ้านี่!เธอได้แต่กัดฟัน แต่เธอรู้ว่าเธอต้องเย็นเข้าไว้ ใจเย็นเข้าไว้
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะลั่นเยาะเย้ยก็ดังออกมา “ฮ่าฮ่าข้าคาดไม่ถึงเลยว่าการเรียนการสอนของรัฐบาลอู่โหวจะน่ารังเกียจขนาดนี้!”
อู่โหวหน้าเขียวคล้ำอยู่แล้วก็ยิ่งเขียวคล้ำกว่าเดิม “ธุระของรัฐบาลอู่โหวของข้า อนุญาตให้หมิงโหวเข้ามาวุ่นวายตั้งแต่เมื่อไหร่?”
คนๆ หนึ่งกร่างเกินเหตุ
คนที่พูดก่อนหน้านั้นก็คือหัวหน้ารัฐบาลอีกแห่งหนึ่งหมิงโหว ในสิบสามรัฐบาลเทียนซิงหมิงโหวเป็นคู่แข่งโดยตรงของอู่โหว และพวกเขาทั้งสองมักทะเลาะต่อสู้กันอยู่เสมอ
เทียนซิงเป็นกลุ่มดาวเล็กกระจุกหนึ่งมีดาวเคราะห์อยู่เพียงไม่กี่ดวง แต่ยังไม่ถึงกับเรียกว่าหมู่ดาว ที่นี่สิบสามรัฐบาลถูกสร้างขึ้นเพื่อปกครองและควบคุมพื้นที่ รัฐบาลอู่โหวและรัฐบาลหมิงโหวเป็นสองในสิบสามรัฐบาลที่แข็งแกร่งที่สุด
หมิงโหวเป็นคนอ้วน ใบหน้ากลมและตาตี่ ในมือของเขาถือพัดกลมสีเขียวและยังคงโบกพัดใส่ตนเอง แต่ไม่มีใครกล้าดูแคลนเจ้าอ้วนผู้นี้ เนื่องจากพลังของหมิงโหวมิได้ด้อยกว่าอู่โหวแต่อย่างใด ทั้งสองคนต่อสู้กันมาหลายปีแล้ว แต่ก็อยู่ในสถานะเสมอกัน
หมิงโหวพัดใส่ตนเองและเยาะเย้ย “ข้าเพียงแต่สงสารสหายที่ยากจน หึหึรัฐบาลอู่โหวกล้าลดตัวเองมากถึงขนาดเจ้ายังไม่สามารถกินได้อย่างเหมาะสม ความจริงเซี่ยอันมาที่นี่เพื่อทำให้บุรุษน่าสงสารได้มีอะไรกินหรอกนะ”
เซี่ยอัน!
ม่านตาของอู่โหวหดลีบบริวารของเขาในหน่วยข่าวกรองได้ส่งข้อมูลมาให้แล้ว เมื่อเร็วๆนี้หมิงโหวได้ดึงยอดฝีมือเข้ามาร่วมงานด้วย นามว่าเซี่ยอัน! พลังของเขาแข็งแกร่งมากมาย เมื่อเขาเข้าร่วมกับรัฐบาลหมิงโหว เขาจะกลายเป็นผู้สำคัญที่สุดเป็นลำดับสามในรัฐบาล
รัฐบาลหมิงโหวและรัฐบาลอู่โหวมีอำนาจพอกัน พวกเขาทั้งสองเป็นนักสู้ระดับสวรรค์วิถี
เมื่อได้ทราบข่าวนี้ อู่โหวไตร่ตรองอย่างรอบคอบ สามารถกลายเป็นบุคคลสำคัญอันดับสามของรัฐบาลหมิงโหว พลังของเซี่ยอันมีแนวโน้มว่าใกล้เคียงระดับนักสู้สวรรค์วิถี
สำหรับรัฐบาลอู่โหว นับว่าไม่ใช่ข่าวดี
เมื่อได้ยินคำพูดของหมิงโหวหัวใจของอู่โหวเต้นแรงโทสะลุกฮือ นั่นหมายความว่าหมิงโหวกำลังตบหน้าเขา ปัจจุบันเหล่งฟงยอดฝีมืออีกคนหนึ่งไม่ปรากฏตัว และกับสถานะของอู่โหว ถ้าเขาลงมือกับเซี่ยอันก็หมายความว่าเขาเสียหน้า เขาเข้าใจเจตนาของหมิงโหว เขามาที่นี่ในเวลานี้เพื่อแสดงพลัง ถ้าเขาลงมือเอง หมิงโหวก็จะไม่นั่งเฉยเช่นกัน
เมื่อเซี่ยอันได้ยินหมิงโหว เขาหัวเราะเยาะอย่างบ้าคลั่ง “เด็กบัดซบอย่างนี้ กินแค่ซาลาเปานึ่งก็พอแล้ว”
หมิงโหวยังพัดตัวเองและหัวเราะ “ซาลาเปาก็นับว่าไม่เลวแล้วเขาจะต้องชอบแน่”
“ท่านโหวพูดถูก” น้ำเสียงเซี่ยอันดุร้ายและโอหังมาก“และไม่ว่าท่านโหวให้อะไรมัน ต่อให้มันไม่ต้องการ มันก็ต้องกิน”
“ก็เราชอบทำเรื่องดีงามอยู่แล้ว”หมิงโหวพัดใส่ตนเองอย่างพอใจ
“บริวารก็ชอบทำแต่เรื่องดีงามด้วย” เซี่ยอันแสยะยิ้ม ในมือถือซาลาเปานึ่งลูกหนึ่งเขาเดินมาหาถังเทียนช้าช้า“เฮ้, อาจารย์สังกัดรัฐบาลอู่โหวผู้น่าสงสาร ข้าจะให้ซาลาเปาเจ้าลูกหนึ่ง”
ถังเทียนทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินเซี่ยอัน
ทันใดนั้นเซี่ยอันโยนซาลาเปาลงที่เท้าของถังเทียน “เฮ้, รีบๆ กินเข้าไม่ว่าท่านโหวให้อะไรเจ้า เจ้าจะต้องปลื้มใจจนอยากกราบท่านด้วยตัวเอง”
ถังเทียนไม่ขยับแม้แต่น้อย
“เป็นอะไร? เจ้าไม่อยากกินหรือ?” เซี่ยอันคำราม “เจ้าบังอาจไม่เห็นแก่หน้าท่านโหวหรือ? เบื่อหน่ายชีวิตแล้วหรือไง?”
เขาเดินตรงเข้าหาถังเทียน
ตลอดทางเขาลอบจับตาหลิงซิ่ว ทั่วทั้งตัวหลิงซิ่วเปล่งกลิ่นอายที่ทรงพลังและดูอันตรายมาก
แต่หลิงซิ่วเพียงแต่ดูเขาทำท่าจะยิ้มแต่ไม่ถึงกับยิ้ม เขาไม่มีเจตนาจะสกัดห้ามเซี่ยอันแม้แต่น้อย หลิงซิ่วและเจ้าเด็กนี่เอาชนะไม่ได้ง่ายๆงั้นหรือ? หัวใจของเซี่ยอันรู้สึกแปลก ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมเขาจึงแสดงสีหน้าอย่างนั้น?
แต่เมื่อหลิงซิ่วไม่เข้ามาแทรกแซง เซี่ยอันจึงค่อยวางใจ
จู่ๆ อู่โหวก็พูดเย็นชา “หมิงโหว! เจ้ากินจนอิ่มแล้วยังต้องวิ่งเร่มาที่นี่อวดอ้างศักดาถึงหน้าประตูบ้านข้าด้วยหรือ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะคันไม้คันมือใช่ไหม่! มาเลย มาสู้กันสักตั้ง”
หมิงโหวหัวเราะอย่างชั่วร้าย “จุดประสงค์ที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้ก็คือข้าอยากมาปรึกษากับเจ้าดูว่าเร็วๆ นี้เจ้ามีความก้าวหน้ายังไงบ้าง แล้วเป็นไงบ้าง? วันนี้ผู้เฒ่าหวินและผู้เฒ่าหลินก็มาที่นี่ด้วยเหมือนกันเพื่อเป็นพยาน”
ถึงตอนนี้อู่โหวถึงได้เห็นคนชุดแดงสองคนยืนอยู่ด้านหลังหมิงโหว ม่านตาของเขาถึงกับหรี่แคบสองผู้อาวุโส!
13 รัฐบาลเทียนซิงได้รับการยกย่องเป็นอย่างดี แต่ในทุกรัฐบาลเหมือนกำลังเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งเปราะบาง และพวกเขาไม่กล้าก่อให้เกิดความแตกร้าวสักนิดเดียว เหนือกว่าสิบสามรัฐบาลก็คือคณะผู้อาวุโสกลุ่มดาวน้อย คณะผู้อาวุโสทุกคนจะถือข้อมูลพื้นหลังที่ลึกซึ้งไว้ กลุ่มผู้อาวุโสจะไม่ก้าวก่ายกิจการภายในของสิบสามรัฐบาล เนื่องจากพวกเขามีความคิดแบบนักสู้และไม่สนใจในกิจการแบบนี้
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคณะของผู้อาวุโสจะไม่มีอำนาจ กลับตรงกันข้ามอำนาจที่พวกเขามีมากมายมหาศาลนัก การก่อตัวของสิบสามรัฐบาลล้วนเป็นพวกเขาควบคุมและอำนวยความสะดวกให้
พวกเขาไม่สนใจในเรื่องราวเป็นงานเป็นการ พวกเขาเพียงแต่สนใจผลผลิตของกลุ่มดาวน้อยนี้จำนวนอัจฉริยะที่จะเข้าสู่องค์การวิญญาณมืดในทุกๆ ปี
ดังนั้นคณะผู้อาวุโสจึงมักสนับสนุนให้มีการแข่งขันระหว่างรัฐบาลทั้งลับและเปิดเผย การแข่งขันระหว่างรัฐบาลก็สามารถทำให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายได้เหมือนกัน
รัฐบาลที่โดดเด่นในการแข่งขันจะได้รับรางวัลจากคณะผู้อาวุโส โดยไม่คำนึงถึงว่าจะเป็นรัฐบาลอู่โหวหรือรัฐบาลหมิงโหว พวกเขาทั้งสองจะได้รับผลประโยชน์จากการแข่งขัน
อู่โหวไม่คิดเลยว่าหมิงโหวจะมาอย่างกระทันหันและก่อเหตุยุ่งยากทันทีในวันนี้
เจ้าบัดซบนี่เตรียมการมาก่อนแล้ว!
อู่โหวรู้ว่าผลที่ออกมาวันนี้คงไม่มีอะไรดีแน่ แต่ในใจเขาไม่กลัวเลยสักนิด พวกเขาทั้งสองคนสู้กันมาหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับพลังของฝ่ายตรงข้าม ต่างก็รู้ซึ้งดีแก่ใจ
เหล่งฟงก็ไม่อยู่ ขณะที่ยอดฝีมือของอีกฝ่ายอย่างหยางชิงก็ไม่อยู่ด้วยเช่นกันทั้งสองคนถูกผู้อาวุโสใช้ไปทำภารกิจอื่นๆ ตัวแปรที่เหลือก็คือ เซี่ยอัน
ดูเหมือนครั้งนี้เขาอาจแพ้ได้!
พอถึงตอนนี้ จู่ๆเซี่ยอันใช้ปลายกระบี่จิ้มซาลาเปาและจงใจยั่วโมโห “เจ้าโง่เอ๊ย,เจ้าไม่ยอมกินซาลาเปา งั้นข้าจะป้อนเจ้าเอง”
ขณะที่เขาพูดเช่นนี้ร่างของเขาพลันพร่าเลือนและมาปรากฏอยู่ข้างๆ ถังเทียน มือเขาถือกระบี่ที่เสียบซาลาเปาอยู่ที่ปลายเขาแทงกระบี่เข้าไปที่ปากของถังเทียน
ทันใดนั้นถังเทียนหันหน้ามาจ้องเซี่ยอัน
ประกายตาสีเขียวเลือนรางมีแววเหยียดหยามเซี่ยอัน เพราะเหตุผลบางอย่างเซี่ยอันไม่เคยเห็นสายตาเช่นนี้มาก่อน เขาเพียงแต่รู้สึกว่าความรู้สึกที่เยียบเย็นกวาดผ่านตัวเขาไปทำให้เขาชะงักค้างโดยมิได้ตั้งใจ
เขาโกรธขึ้นมาทันที เดิมทีเขาต้องการจะอวดฝีมือผลงานต่อหน้าหมิงโหวและสองผู้อาวุโส แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าแค่สายตาประหลาดของฝ่ายตรงข้ามก็ทำให้เขาแทบก่อความผิดพลาด
“เจ้าอยากตายใช่ไหม! ถึงได้บังอาจรานน้ำใจข้าผู้นี้....”
คำพูดของเซี่ยอันชะงักโดยอัตโนมัติ ภาพในสายตาของเขา นัยน์ที่เรืองแสงเขียวลางๆจู่ๆ ก็ละลานตากลายเป็นเส้นสายสีเขียวสองเส้นและดูเหมือนสุนัขป่าหิวโซที่อยู่ในความมืดมิด สายตานั้นปลดปล่อยแสงสีเขียวได้
สิ่งที่ทำให้เขาตื่นกลัวยิ่งขึ้นก็คือนิ้วของฝ่ายตรงข้ามตะปบคว้าอยู่บนตัวกระบี่ของเขา
ในช่วงเวลาที่อึดอัดสิ้นหวังนี้เขาพยายามจะดึงกระบี่ของเขากลับมา แต่ไม่ว่าเขาจะออกแรงมากเพียงไหนก็ตาม กระบี่ของเขาเหมือนกับเหล็กที่ถูกหลอม ไม่ขยับเลยสักนิ้ว ฝ่ามือดำสกปรกนั้นเป็นเหมือนคีมเหล็กจับกระบี่ของเขาไว้แน่นหนา
สีหน้าของเซี่ยอันเปลี่ยน เขาตวาดลั่น “ปล่อยมือ!”
ปราณแท้ในตัวเขาเริ่มเคลื่อนตัวกระบี่บิดทันทีและหมุนอย่างรวดเร็ว
เจ้าโง่เอ๊ย ใช้นิ้วของเจ้าจับกระบี่ของข้า!ข้าจะเปลี่ยนเจ้าให้เป็นเนื้อสับ!
เซี่ยอันหัวเราะเย็นชา แต่นัยน์ตาเขาลดประกายลงอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เขาเห็นก็คือ ประกายไฟนับไม่ถ้วนแพรวพราวขึ้นมาทันทีแสงสว่างวาบขึ้นจากตัวกระบี่ของเขา
เป็นไปได้อย่างไร....
ประกายไฟนับไม่ถ้วนออกมาจากพุ่งออกมาจากการเสียดสีระหว่างนิ้วกับตัวกระบี่ ขณะที่นิ้วของคู่ต่อสู้ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน เซี่ยอันไม่อยากเชื่อภาพที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขาเอง
แต่ในช่วงเวลาที่เหมือนกับการแสดงดอกไม้ไฟที่งดงามนี้ตาคู่สีเขียวพลันปรากฏอยู่ข้างๆ ตัวกระบี่
ฟันสองแถวเห็นได้ชัดจากประกายไฟงับลงที่ซาลาเปาที่เสียบอยู่บนปลายกระบี่
หลังจากนั้นสิ่งที่ตามมาทันที
แครก!
เสียงของตัวกระบี่แตกหักกระจายเป็นชิ้นและเสียงของกระดูกแตกดังขึ้นมาพร้อมกัน
ทั่วทั้งพื้นที่เงียบสงัดเป็นป่าช้า