ตอนที่ 191 หนุ่มหล่อเหลาเปี่ยมพรสวรรค์กับคนเร่ร่อน
“อาจารย์ทำอะไรอยู่?” เด็กหญิงโกรธ “ขังตัวเองอยู่ในห้องถึงยี่สิบวัน อย่าบอกนะว่าแอบทำเรื่องน่าอายหลายอย่างหรือเปล่า?”
ชิงหลวนไม่พอใจขึ้นมาทันทีและสั่งสอนเบาๆ “คุณหนู, พูดแบบนั้นกับอาจารย์ถังได้ยังไงเจ้าคะ?”
“ก็มันไม่จริงเหรอ” เด็กหญิงโกรธมากกว่าเดิม “เป็นอาจารย์ประสาอะไรหายตัวไปยี่สิบวัน ปล่อยให้ลูกศิษย์รออยู่คนเดียว นี่เป็นอาจารย์แบบไหน...”
คุณหนูตัวน้อยหยุดบ่นทันทีตาของเธอเบิกกว้างขณะจ้องมองถังเทียนที่เพิ่งออกมาจากห้องอย่างว่างเปล่า
สารรูปของถังเทียนดูไม่ได้เลย ผมเผ้ายุ่งเหยิงตาแดงเส้นเลือดขึ้น เสื้อผ้าที่สวมอยู่ปรากฏรูเม็ดขนาดเม็ดทรายอยู่ทั่ว เด็กหญิงตาคมกล้าและสามารถเห็นสิ่งที่มีขนาดเม็ดทรายร่วงลงจากตัวถังเทียนหล่นลงบนพรมที่มีราคาแพง
พรมปรากฏเป็นรอยเท้าสีดำบนนั้น
เมื่อเห็นอาหารเต็มโต๊ะ ถังเทียนที่ดวงตาดูไร้ชีวิตชีวากลับเปล่งประกายสีเขียวทันทีเหมือนกับเสือร้ายกระโจนขึ้นโต๊ะ ขณะที่เขายื่นมือทั้งสองหยิบอาหาร พวกเขาก็ต้องตระหนักว่า นิ้วมือของถังเทียนบวมอวบราวกับแคร็อท
เมื่อกรงเล็บมือของถังเทียนสัมผัสกับจานอาหาร เขาร้องครางออกมามือทั้งสองหดกลับมาราวสายฟ้า เนื้อที่เขาสัมผัสกระดูกของมันหลุดกลิ้งออกไปแล้วจากจานตกลงบนพรม
ทันใดนั้น ร่างของเขาเหมือนกับกระพริบและเนื้อก็หายวับไป
ประกายตาของถังเทียนเหมือกับสัตว์ป่า เขาอ้าปากและงับเนื้อได้อย่างแม่นยำ ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาชั่ววับเดียวการกระทำของถังเทียนคล่องแคล่วว่องไวมาก
ช่วงเวลาที่เนื้ออวบเข้าไปในปากของถังเทียนแทบทำให้เขาบ้าเลยทีเดียว
ทุกคนตกตะลึงมองดูเขา พวกเขาได้เห็นประจักษ์วิธีกินอาหารที่เถื่อนที่สุดในประวัติศาสตร์
ง่ำ!
ทันทีที่กัดลง กระดูกแข็งที่อยู่ตรงกลางเนื้อก็ถูกบดทันทีน้ำมันจากเนื้อและเศษกระดูกกระเด็นพร้อมกับน้ำลายที่หยดลง
เรียบร้อย ประสิทธิภาพในการกินของถังเทียน อาหารทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะ ว่างเปล่า แม้แต่ผลไม้ น้ำชาก็หายเรียบโต๊ะสะอาดเหมือนเพิ่งถูกทำความสะอาด ตลอดทั้งกระบวนการการกิน เขาไม่ได้ใช้มือแม้แต่น้อย
ท้องของถังเทียนกลมเป็นลูกบอล เขาแผ่นิ่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่ยอมขยับแม้แต่น้อย
“อาจารย์...เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?” คุณหนูถามอย่างระมัดระวัง ใบหน้าของเธอดูกระวนกระวาย อาจารย์ของเธออยู่แต่ในห้องนานถึงยี่สิบวัน เขาออกมาในสภาพแบบนี้ได้ยังไง?
หลังจากผ่านไปครึ่งค่อนวัน ไม่มีปฏิกิริยาอะไรจากเขา เธอเชิดหน้าดู ถังเทียนหลับสนิทกรนสนั่นไปแล้ว
ถังเทียนเหนื่อยเต็มที่เกินกว่าใครจะจินตนาการได้ เวลาตามปกติผ่านไปยี่สิบวัน แต่สำหรับเวลาในค่ายทหารใหม่ เขาฝึกถึงหกสิบวันรวด
การฝึกหนักที่ถังเทียนเคยทำ ใช้เวลาห้าวันในรอบหนึ่ง รอบหนึ่งกินเวลาสิบวันเทียบเวลาก็ หนึ่งต่อสอง
แต่ตอนนี้ค่ายอบรมทหารใหม่เปิดใช้งานครั้งแล้วครั้งเล่าอัตราส่วนเวลาเปลี่ยนเป็นหนึ่งต่อสาม และไม่จำเป็นต้องใช้วิธีฝึกฝนหนักหน่วง เวลาก็ดำเนินไปตามธรรมชาติ
แต่สำหรับถังเทียนทำให้มันไม่แตกต่าง
60 วันในค่ายทหารใหม่บวกับเวลาปกติอีก 20 วัน เขากลับฝึกฝนต่อเนื่องกันเป็นเวลา 80 วัน เขาจึงล้ามากเกินไป
แค่เพียงนั่งขูดทั่งเหล็กทุกวันๆแม้ว่าเขาจะมีปราณแท้คอยปกป้อง แต่นิ้วทั้งสิบของถังเทียนก็ระบมจนมีขนาดเท่าฝักแคร็อท
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้เวลาทุกวันใช้ปราณแท้เพื่อลดอาการบวมของนิ้วที่บวมขนาดแคร็อท แต่ก็ได้ผลที่มีประสิทธิภาพ สำหรับในช่วงเวลา 60 วันตอนเริ่มแรกเขาใช้เวลาฝนนิ้วกับทั่ง แท่งละสามวัน พอถึงวันที่สิบเขาใช้เวลาฝนทั่งได้วันละสามแท่ง วันที่สามสิบเขาฝนได้วันละห้าแท่ง และพอถึงวันที่หกสิบ เขาสามารถฝนทั่งได้วันละสิบแท่ง
จำนวนขนาดนี้ไม่เคยมีใครทำได้มานานแล้ว
การฝนนิ้วกับทั่งได้ถึงวันละสิบแท่ง แม้แต่กรงเล็บภูตพรายก็ยังตกใจ ถังเทียนก้าวหน้าได้มากเกินกว่าเขาจะนึกภาพออก
นิ้วมือทั้งสิบของถังเทียนเหมือนชิ้นเหล็กที่น่ากลัวที่ไม่มีอะไรสามารถเอาชนะได้กำลังขูดลงกับทั่งเกิดเป็นประกายไฟกระจายทุกที่ เสื้อผ้าของเขาไหม้เป็นจุดๆ
เขาเหนื่อยเกินไป
นี่คือชีวิตของจับกังดีๆ นี่เอง ถังเทียนรู้สึกว่าเขาเป็นจับกังในโรงช่างตีเหล็กที่ต้องฝนทั่งขูดทั่งทั้งวันทั้งคืน
เขาสงสัย ทำไมกรงเล็บภูตพรายถึงได้คิดวิธีสุดประหลาดนั่งขูดทั่งอย่างนี้ได้
ในตอนแรกกรงเล็บภูตพรายต้องการจะราดน้ำยาสมุนไพรบนนิ้วมือที่บวมเป่งของถังเทียน แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าไม่ว่านิ้วของถังเทียนจะบวมขนาดไหนก็ตาม เมื่อถังเทียนโคจรปราณแท้เข้าไปในนิ้วมือ อาการบวมจะลดลงในวันที่สองทันที
เรื่องนี้ทำให้กรงเล็บภูตพรายที่สีหน้าไม่แสดงอารมณ์อะไรเลยถึงกับตกตะลึงอยู่เป็นเวลานาน
ข้อสรุปสุดท้ายของเขาก็คือลักษณะกายภาพของถังเทียนมีความพิเศษ เรื่องที่ปิงพูดถึงทฤษฎีสัญชาตญาณสัตว์ป่า เขาไม่มีความเห็นในเรื่องนั้น แต่สภาพร่างกายของถังเทียนเทียบกับในระดับสัตว์ป่าได้แน่นอน
การหลับครั้งนี้กินเวลาห้าวันเต็ม ซึ่งถังเทียนหลับลึกและกรนเสียงดังสนั่น
เด็กหญิงเคาะจมูกเธอด้วยความสงสัย และขยับเข้าไปใกล้หยิบเม็ดเล็กๆ เม็ดหนึ่งที่หล่นออกมาจากตัวถังเทียนมาดู หลังจากพิจารณาดูอยู่ครึ่งวันเธอก็ยังไม่เข้าใจ
ในที่สุดก็เป็นไจ๋เหิงจ้านที่สรุปว่า “มันเป็นเม็ดโลหะ”
“อย่าบอกข้านะว่าอาจารย์กำลังฝึกฝ่ามือทรายเหล็ก?” ปฏิกิริยาแรกของคุณหนูตัวน้อยเป็นเช่นนี้
“เหมือนกับจะไม่ใช่อย่างนั้น”ไจ๋เหิงจ้านสั่นศีรษะ “เม็ดโลหะจากฝ่ามือทรายเหล็กจะมีขนาดใหญ่กว่านี้เล็กน้อย และฝ่ามือทรายเหล็กเป็นแค่เพียงวิทยายุทธระดับสี่ทำไมอาจารย์ถังจึงต้องเรียนด้วยเล่า”
“มันก็จริงนะ”เด็กหญิงเอียงคอและคิดอยู่นาน “แต่ยังมีวิทยายุทธอื่นไหนบ้างที่ต้องการเม็ดทรายเหล็กเยอะๆ?”
“ข้าไม่แน่ใจเช่นกัน” ไจ๋เหิงจ้านสั่นศีรษะ “ใครจะรู้ได้ว่าวิทยายุทธในโลกนี้มีกี่รูปแบบและแบบไหนจำเป็นต้องใช้ทรายเหล็กบ้าง ยากจะระบุแน่ชัดลงไป”
“นั่นก็แปลกอยู่นะ....” คุณหนูน้อยมีสีหน้าสงสัย
เมื่อถังเทียนลืมตาได้ในที่สุด เขาเห็นสีหน้าสงสัยของเด็กหญิง เธอคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ เขาจะลืมตาถึงกับตกใจร้องกรี๊ดกระโดดหนีไปอีกด้านหนึ่ง
ถังเทียนงง
“อาจารย์! เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?” เด็กหญิงน้อยพอหายตกใจจึงรีบถามทันที
“ข้าน่ะหรือ?” ถังเทียนมองดูสีหน้างงงัน ขณะที่เขาก้มหน้ามองดูตัวเอง “โอว... ฝึกฝึมือ”
“อาจารย์ฝึกฝีมือตลอดยี่สิบวันรวดเดียวเหรอ?” เด็กหญิงถาม
ยี่สิบวันอะไรกัน? มากกว่าหกสิบวันเสียอีก....
ถังเทียนค่อยมีปฏิกิริยาหลังจากดูมึนงง และพยักหน้า “อืมถูกแล้ว”
ชิงหลวนและไจ๋เหิงจ้านรู้สึกเลื่อมใสเขาลึกๆ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเดินทางเขาก็ยังไม่ทิ้งการฝึกฝน มิน่าเล่าทั้งที่อาจารย์ถังยังอายุน้อยถึงได้มีพลังสูงส่งอย่างน่าประหลาด ด้วยทัศนคติคร่ำเคร่งฝึกฝน จะมีกี่คนที่มีความคิดเช่นนั้น
ความแข็งแกร่งมิได้สำเร็จมาจากโชค
ถังเทียนกวาดตามองไปรอบๆ แล้วถาม “ซิ่วซิ่วน้อยอยู่ไหน?”
“พี่ซิ่วก็ฝึกฝนทุกวันเหมือนกัน”เด็กหญิงกล่าว “ตอนนี้เขาอยู่ในลานฝึกฝีมือ”
หลิงซิ่วเองก็บ้าฝึกอยู่แล้วและเมื่อเห็นว่าถังเทียนขังตัวอยู่ในห้องหลายวัน ก็ติดเชื้อกระตือรือร้นทันที เขาทำเหมือนกับว่าลานฝึกกลายเป็นบ้านเขาไปแล้วหลับในนั้นและกินอยู่ในนั้น
ถังเทียนพยักหน้า “เข้าใจล่ะ”
พูดจบ เขาก็เดินกลับเข้าห้อง
ผมของเขายุ่งเหยิงและลักษณะก็สกปรก ในสายตาทุกคนให้การยกย่องเขาทันที ชิงหลวนได้รับผลกระทบจากเขามากที่สุดนางหันหลัง “งั้นข้าก็จะไปฝึกด้วย!”
ถังเทียนยังคงหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนตนเองต่อไป
การเดินทางยาวนานสองเดือนก็จบลงในที่สุด และเป็นการเดินทางที่น่าเบื่อที่สุดเท่าที่เด็กหญิงเคยผ่านมา ทุกคนเอาแต่ฝึกฝนพลังฝีมือตนเองอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ชิงหลวนที่มักใช้เวลาเล่นกับเธอทุกวันก็พลอยฝึกเป็นบ้าเป็นหลังไปด้วย
ดังนั้นเมื่อเด็กหญิงได้พบเห็นบุรุษวัยกลางคนกำลังยืนรออยู่ที่ประตูอู่โหว นัยน์ตาเธอเป็นประกายขณะที่เธออุทาน “ท่านพ่อ!”
เธอกระโดดลงจากหน้าต่างและวิ่งเข้าอ้อมกอดบุรุษนั้นทันที
บุรุษวัยกลางคนสีหน้ามีเมตตาเขกศีรษะเด็กหญิงเบาๆ เขาดุเธอเบาๆ “เจ้าชักซุกซนมากขึ้นทุกทีแล้วนะถึงกับกล้าหนีไปเที่ยวไกลขนาดนั้น”
บุรุษกลางคนผู้มีใบหน้าเมตตาก็คืออู่โหวผู้ทรงอำนาจนั่นเอง
“ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว!”เด็กหญิงแสดงสีหน้ายอมรับผิดด้วยความฉลาด
อู่โหวบิดจมูกเธอและหัวเราะลั่น “ข้าคงโง่ตายล่ะ ถ้าเชื่อเจ้า”
เด็กหญิงกอดมืออู่โหวทันที “จริงๆ นะ”
“ก็ได้ๆๆ”อู่โหวตามใจหมิงจูด้วยความรัก จู่ๆ ก็ขมวดคิ้วทันที “ชิงหลวนไปไหน? เหิงจ้านเล่า?”
เด็กหญิงโกรธ “พวกเขาเอาแต่ฝึกฝีมือกันหมด ตลอดการเดินทางพวกเขาไม่ยอมเล่นกับข้าเลย”
สีหน้าของอู่โหวค่อยผ่อนคลาย และแสดงอาการพอใจออกมา “อืม, นึกไม่ถึงเลยว่าการเดินทางครั้งนี้จะทำให้พวกเขามีความก้าวหน้า ชิงหลวนมีพรสวรรค์ที่ดี เพียงแต่นางยังไม่ทุ่มเทจิตใจฝึกฝน ดีล่ะมาแนะนำอาจารย์ถังของเจ้าให้ข้ารู้จักหน่อย”
“อาจารย์ก็ฝึกฝีมืออยู่ตลอดด้วย! เขาไม่ออกมาข้างนอกสี่สิบวันแล้ว!” ปากของเด็กหญิงแสดงท่าทีโกรธมากกว่าเดิม “อาจารย์ประสาอะไรก็ไม่รู้ ไม่ยอมถามไถ่เรื่องนักเรียนตัวเองตลอดการเดินทาง”
“เป็นไปได้ไหมว่าเขากำลังขังตัวฝึกวิชา?”อู่โหวมีสีหน้าประหลาดใจ
“ข้าไม่รู้เหมือนกันเขาชอบอยู่ในห้องตลอด ล็อคประตู ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ข้างใน” เด็กหญิงพูดด้วยความรังเกียจเต็มประดา “และเขายังทำให้ชิงหลวนและคนที่เหลือกระตือรือร้นฝึกฝีมือกันหมด”
ทันใดนั้น เด็กหญิงนัยน์ตาเป็นประกาย เธอกวักมือเรียก “พี่ซิ่ว!”
อู่โหวหันไปทางหลิงซิ่วทันทีเขาอดหรี่ตาประเมินหลิงซิ่วไม่ได้
พลังแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือนี่
แรงกดดันของหลิงซิ่วเหมือนกับหอกในมือของเขา ทุกๆย่างก้าวทำให้คนรู้สึกได้ถึงปราณรอบตัวที่อันตรายของเขา องครักษ์รอบตัวอู่โหวสีหน้าเปลี่ยนอดไม่ได้ที่จะตั้งท่าเริ่มโจมตี
อู่โหวยกมือห้ามองครักษ์เขาไม่ให้ลงมือ
หลิงซิ่วควบคุมขาตนเองอย่างระมัดระวัง มองภายนอกเขามีท่าทีสงบมาก แต่มีความกังวลอยู่ภายใน เขาเพิ่งบรรลุพลังระดับใหม่ พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย แต่พลังเหล่านี้เขายังควบคุมได้ไม่เต็มที่
ดังนั้นการแผ่พลังที่กล้าแข็งในตอนนี้ของเขาจึงดูเหมือนกับว่าเขาอวดแสดงพลัง
ปุ!
เขายังควบคุมตนเองไม่ดีเท่าที่ควร เขาดูโดดเด่นราวกับว่าก้าวเหยียบไปบนเต้าหู้ ขาของเขาจมลงไปในแผ่นหิน ร่างของเขาเสียหลัก ขณะที่สูญเสียการควบคุมตัว ผัวะ..เขาจมลึกลงไปในแผ่นหิน
องครักษ์ที่อยู่ข้างกายอู่โหวกังวล สีหน้าทุกคนมองดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเผชิญกับศัตรู แผ่นหินหนาที่หน้าทางเข้าที่ทำการอู่โหวทำด้วยหินน้ำใส หินเหล่านี้แข็งแกร่งพอๆ กับเหล็กแต่เมื่ออยู่ใต้เท้าหลิงซิ่วกลับอ่อนยวบเหมือนกับเต้าหู้
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
สายตาของอู่โหวแหลมคม ด้วยการดูเพียงครั้งเดียวเขาสามารถบอกได้ว่าหลิงซิ่วอยู่ห่างจากระดับนักสู้สวรรค์วิถีเพียงก้าวเดียวเท่านั้น อีกเพียงก้าวเดียวเขาก็จะกลายเป็นนักสู้สวรรค์วิถีอย่างแท้จริง!
ที่สำคัญยิ่งกว่า หลิงซิ่งยังอายุเยาว์มาก เขาอยู่ในชุดขาวขลิบทอง ถือหอกเงิน ผมสีเงินนัยน์ตาสีแดงเพลิง ดูเหมือนว่าเขาเป็นนักสู้ที่พิเศษ แม้แต่อู่โหวก็อดอุทานไม่ได้ชายหนุ่มที่หล่อเหลานัก!
เมื่อหลิงซิ่วดูดซับพลังของเขาได้เต็มที่ พลังความแข็งแกร่งของเขาเขาพร้อมที่จะมีคุณสมบัติได้เป็นนักสู้สวรรค์วิถี
ศักยภาพของเขามีไม่จำกัด
พอถึงตอนนี้มีเด็กหนุ่มผมเผ้ายุ่งเหยิงหน้าตาสกปรกเสื้อผ้ารุ่งริ่งม้วนตัวตีลังกาออกมาจากยานโดยสารและลงมายืนข้างหลิงซิ่วทันทีนัยน์ตาของเขาเป็นประกายสีเขียว
“เฮ้,ใครมีอาหารบ้าง?”
เด็กหญิงตกตะลึง
หลิงซิ่วบุรุษหนุ่มหล่อเปี่ยมไปด้วยศักยภาพจู่ๆก็มีคนที่เหมือนกับพวกเร่ร่อนมายืนอยู่ข้างๆความแตกต่างชัดเจนสุดขั้วทำให้ทุกคนตกตะลึง
เป็นความเงียบที่น่าอึดอัด