ตอนที่ 15 : ไล่ล่า
หลินมู่หยุดเดินเมื่อได้ยินเสียง เขาหวังว่ามันจะไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิด เขาหันกลับไปและเห็นชายสี่คนยืนอยู่ข้างหลัง เขาเห็นคนพวกนี้ยืนในโรงฟอกหนังในตอนที่เขาขายกระต่ายม่านหิมะ
มีคนมากมายที่มองหลินมู่ในตอนที่เขานำกระต่ายม่านหิมะมาขาย แต่เขาไม่สังเกตเห็นว่ามีชายสี่คนที่มองเขาด้วยแววตาละโมบในตอนที่เขาขายกระต่ายม่านหิมะในราคา 70 เงิน
“ตอบพวกข้ามา เจ้าไปหากระต่ายม่านหิมะมาจากที่ไหน?”
คนที่เรียกหลินมู่เป็นคนถาม
“แล้วบอกมาตามตรงด้วย มิเช่นนั้นเจ้าจะได้เจอดีแน่”
ชายอีกคนพูดต่อ
ชายทั้งสี่สภาพดูโทรมและให้ความรู้สึกที่ไม่ดีนัก หลินมู่ไม่เคยเห็นคนเหล่านี้มาก่อนเขาจึงไม่รู้ว่าคนเหล่านี้เป็นนายพราน แต่ถ้าหากว่าเป็นนายพราน หลินมู่คงไม่ห่วงมาก เพราะพวกเขาจะไม่บุ่มบ่ามทำอะไร แต่ถ้าไม่ใช่ มันจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
“ข้าเจอกระต่ายม่านหิมะและจับในชายป่าตะวันตก”
หลินมู่กัดฟันโกหกออกไป
หลินมู่ไม่อยากจะเปิดเผยตำแหน่งกระท่อมที่เขาอาศัยอยู่ คนเหล่านี้ไม่ได้ดูดีนักและจะต้องไปตามหาหลินมู่ที่กระท่อมแน่นอนถ้าหากพวกเขาไม่เจอกระต่ายม่านหิมะ และไม่ต้องพูดถึงเรื่องความลับของแหวนที่เขาไม่อยากจะให้ใครรับรู้
“อย่างนั้นรึ? ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็คงไม่ว่าอะไรถ้าจะพาพวกข้าไปสินะ?”
ชายที่ยืนหน้าสุดถามด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้า
ชายอีกคนก็มองราวกับว่าทนไม่ไหวแล้วและพร้อมจะทำร้ายถ้าหากหลินมู่ไม่ตอบตกลง
“อ๊ะ ได้เลย ข้าจะพาพวกท่านไป”
หลินมู่ตอบ
หลินมู่ไม่คิดจะทำตามที่คนเหล่านี้บอกอยู่แล้ว เขาจะต้องหาโอกาสเหมาะที่จะหนีให้พ้นจากอันตรายนี้ หลินมู่คิดถึงขั้นว่าถ้าเขาไม่มีโอกาสดีให้หนี เขาจะพาคนพวกนี้ไปที่ที่ถูกทำลายด้วยสัตว์อสูรนิรนามนั่นและหาทางหนีกลับออกมา
แต่ก่อนที่เขาจะได้คิดต่อ ชายคนนั้นก็พูดอีก
“ถ้าเจ้ามั่นใจนัก เอาเงินที่เจ้าขายได้จากเสมียนมาให้พวกข้าก็ไม่เป็นไรล่ะมั้ง”
“เดี๋ยวข้าจะให้คืนถ้าจับกระต่ายม่านหิมะได้ เดี๋ยวนี้มีโจรอยู่ชุกไปหมด เก็บเงินไว้กับพวกข้าดีกว่า”
ชายอีกคนพูดด้วยเสียงขู่
หลินมู่รู้แล้วว่าคนพวกนี้ไม่ได้ต้องการตำแหน่งของกระต่ายม่านหิมะตั้งแต่แรก แต่พวกเขาแค่อยากจะได้เงินของหลินมู่ เมื่อรู้ว่าพูดต่อไปก็ไร้ประโยชน์ แผนจึงได้เกิดในใจหลินมู่อย่างรวดเร็ว เขาจะต้องเสียงอย่างแน่นอนแต่เขาจะรักษาเงินและหนีจากคนเหล่านี้ได้
หลินมู่เดินถอยหลังและในพริบตาเดียวเขาก็รีบวิ่งหนีไปก่อนที่จะมีคนจับเขาได้
“นี่แกจะไปไหน ไอ้เวร? หยุดนะ!!!”
“จับมัน”
หลินมู่วิ่งหนีจากชายทั้งสี่สุดแรงเกิด การฝึกฝนที่เพิ่มความทนทานกล้ามเนื้อทำให้เขาวิ่งได้นานกว่าเดิม ถึงอย่างนั้นหลินมู่ก็มีร่างกายเพียงแค่ขั้น 4 และไม่มีทางที่จะวิ่งได้นานนัก
พวกโจรที่ไล่ตามเขานั้นมีร่างกายที่เหนือกว่า สองคนมีร่างกายขั้น 5 ส่วนอีกสองมีร่างกายขั้น 6 ในที่สุดพวกโจรจะต้องวิ่งตามหลินมู่ทัน เขาได้แต่หวังว่าแผนของเขาจะได้ผล
หลินมู่วิ่งไปยังตัวเมือง ถ้าเขาถึงที่นั่นเมื่อไหร่พวกทหารน่าจะช่วยเขาได้ แต่ครึ่งเมืองก่อนถึงเมืองนั้นหลินมู่ก็ล้าที่ขาเสียแล้ว ความเจ็บปวดที่ขารุมเร้าแต่เขายังต้องวิ่งต่อไป เขาตระหนักได้ว่าเขาประมาทเกินไปหลังจากการฝึกฝนเมื่อวาน
“เจ้านั่นวิ่งได้อีกไม่นานแล้ว เร็วเข้า”
“มันก็แค่เด็กอ่อนแอ ข้าจะทำให้มันได้ลิ้มรสของการลองดีกับข้า”
พวกโจรตะโกนสุดเสียงพยายามจะขู่หลินมู่ จากนั้นเรื่องเลวร้ายที่สุดที่หลินมู่กลัวก็เกิดขึ้น เขาเริ่มไม่รู้สึกถึงขาของตัวเอง และมันก็เริ่มเจ็บเกินไปหลังจากรีบวิ่งมา 10 นาทีโดยไม่หยุดพัก หลินมู่ยังห่างจากเมืองอีก 5 นาที และพวกโจรก็เริ่มใกล้เข้ามาทุกที
หลินมู่คิดบางอย่างได้ในยามวิกฤติ เขาท่องบทสงบใจแลพคลื่นพลังก็กระจ่ายไปทั่วร้าย แม้ว่าขาของเขาจะยังปวดอยู่และเขาก็หายใจไม่ทัน หลินมู่ก็ยังผ่านสิ่งเหล่านั้นและวิ่งได้อีกครั้งและทิ้งห่างจากพวกโจร
เหล่าโจรเองก็เห็นว่าไม่ใช่แค่หลินมู่จะไม่ช้าลง แต่เขายังวิ่งเร็วกว่าเดิม
“ทำไมไอ้เด็กนั่นยังวิ่งได้อีก?”
“วิ่งตามมันไปต่อ เดี๋ยวมันก็ต้องหยุดอยู่แล้ว”
หลินมู่ถึงเมืองในที่สุด แต่เขายังห่างจากจุดที่มีทหาร มีคนรอบ ๆ เห็นว่าหลินมู่วิ่งมาอย่างบ้าคลั่งและเห็นคนที่ไล่ตามเขา เมื่อเริ่มเห็นคนแต่ไม่มีทหาร หลินมู่ก็เริ่มแผนขั้นต่อไป หลินมู่ดึงกระเป๋าเงินจากเอาขึ้นมาชูแล้วตะโกน
“โจร!!!”
“โจรจะขโมยเงินข้า ช่วยด้วยยย!”
ผู้คนโดยรอบได้ยินเสียงร้องของหลินมู่และเริ่มตกใจ บางคนกระชับกระเป๋าเงินตัวเองขณะที่คนอื่นชักอาวุธออกมา
พวกโจรนั้นไม่ได้หาได้ยากในเมือง แต่มันมีน้อยมากที่จะได้เจอโจรพยายามปล้นคนกลางวันแสก ๆ ขณะที่ไล่ล่าเหยื่อผ่านถนนเปิดโล่งที่มีคนเห็น
เหล่าโจรที่ไล่ตามหลินมู่กัดฟันด้วยความโกรธ พวกเขารู้ว่าต่อให้จับตัวหลินมู่ทันและชิงเงินมา พวกเขาก็ต้องออกจากเมือง ไม่ก็โดนทหารจับขัง และในเวลานี้ แม้แต่ทหารเมืองอู๋หลิมก็อยู่ในเมืองเหนือ ทหารในเมืองเหนือเองก็กำลังลงโทษคนร้ายที่ทำผิดแม้เพียงเล็กน้อยด้วย
“ถ้าจับมันได้เมื่อไหร่ถ้าจะทุบขามันให้เละเลย”
โจรคนหนึ่งพูดด้วยความเกรี้ยวกราด
เมื่อเห็นว่าคนเริ่มสนใจและแตกตื่นแล้ว หลินมู่ก็ทำสิ่งที่ทำให้โจรไม่คาดคิด เขาโยนกระเป๋าเงินไปยังหมู่คนและตะโกน
“ไม่ต้องตามข้ามาแล้ว ข้าไม่อยากได้เงินแล้ว”
กระเป๋าเงินลอยไปโดนคนที่ยืนอยู่ในกลุ่มคนแต่เขาก็ไม่บาดเจ็บ เขาก้มลงและไม่รู้ว่ากระเป๋าเงินนั้นหนักเพียงใด พวกโจรอ้าปากค้างในการกระทำของหลินมู่
“ฮ่าฮ่า เจ้าเด็กนั่นยอมซะแล้ว”
“น่าเสียดายนัก ข้าอยากจะหักขามันจริง ๆ”
พวกโจรหยุดไล่ตามหลินมู่และเดินไปยังกลุ่มคน ชายที่ถูกโยนกระเป๋าเงินใส่ถือมันไว้ในมือด้วยใบหน้าสับสน พวกโจรเดินมาหาชายที่ถือกระเป๋าและชักมีดกับกระบองออกมา
“เอากระเป๋าเงินนั่นมาแล้วจะไม่มีใครเจ็บตัว”
โจรหน้าสุดพูด
แต่พวกเขาก็ต้องแปลกใจที่ชายที่ถือกระเป๋าเงินนั้นยื่นกระเป๋าให้พวกเขา พวกโจรคิดว่าจะต้องเจรจาต่อรอง แต่นี่มันไม่เหมือนกับที่คิดเลย
“ข้าไม่รู้ว่าโจรเดี๋ยวนี้มันเอาแค่นี้แล้ว”
ชายถือกระเป๋าพูดด้วยเสียงเหยียดหยาม
เหล่าโจรสับสนเล็กน้อยเมื่อชายคนนั้นพูดแต่ก็ไม่ใส่ใจเพราะพวกเขาเคยถูกเหยียดหนามหนักหนากว่านยี้มาก่อนและไม่อยากจะมีเรื่องกับใครถ้าหากหาทางลงของตนเองได้ง่าย ๆ
เมื่อหัวหน้าโจรได้กระเป๋าเงินในมือและได้รับน้ำหนัก เขาก็เข้าใจคำพูดของชายคนนั้นในทันที เขาเหลือบมองเงินในกระเป๋าและเจอเงินเพียงแค่ 5 ทองแดง
“ไอ้บัดซบ ไอ้เด็กนั่นหลอกพวกเรา”
โจรคนอื่นมองหัวหน้าด้วยใบหน้าสับสนจนกระทั่งได้เห็นกระเป๋าเงินที่ว่างเปล่าในมือและสิ่งที่พวกเขาได้ โจรทุกคนบันดาลโทสะขึ้นทันทีที่รู้ว่าถูกหลินมู่หลอก พวกเขาตาแดงก่ำ
แต่กว่าที่พวกโจรจะได้กระเป๋าเงิน หลินมู่ก็วิ่งมาไกลถึงจุดที่มีทหารเต็มไปหมดแล้ว แม้จะเป็นแค่การระวังที่มากเกินไป เขาก็ยังคงวิ่งต่อไปจนถึงซอยโล่ง เขาหยุดพักหายใจและพักขา รู้ตัวอีกทีเขาก็ได้มาอยู่ที่หน้าร้านเดิมที่คุ้นเคย