Ep.480 - ปิดล้อม
2/3
Ep.480 - ปิดล้อม
วันถัดมา
ณ เมืองฟ้าเดียวดาย
“ท่านผู้ครองแคว้น มีข่าวดี!” ดาบพิษวิ่งเข้ามาในปราสาทและรายงานข่าวล่าสุด “มีข้อความจากเมืองธารทะเลทราย ฮังอวี่ได้ไปยังสันเขามังกรด้วยตัวเอง และสามารถช่วยชีวิตปรมาจารย์ทาเซียได้สำเร็จ”
นาเซอร์ตกใจมาก “อะไรนะ! ทำไมเร็วเช่นนี้?”
นับแต่ฮังอวี่ได้รับข้อมูลจนถึงตอนนี้ เวลาผ่านไปแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น
แล้วเขาสามารถเดินทางจากแคว้นเดียวดายไปยังสันเขามังกรได้อย่างไรในเวลาอันสั้น?
ต่อให้ไปถึงเร็ว แต่เมืองมังกรมีการป้องกันแน่นหนามาก ทว่าเขากลับช่วยทาเซียได้ด้วยตัวเอง? นี่มันน่าเหลือเชื่อมาก!
ความสามารถของฮังอวี่ ทำให้นาเซอร์ต้องปรับความคิดใหม่อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นาเซอร์ไม่ทันได้มีความสุขกับเรื่องนี้ อีกตนหนึ่งก็เดินเข้ามา
ชายผู้นี้สวมชุดเกราะคำ มิใช่ใครอื่น เป็นซาโกร์
ซาร์โกฟื้นคืนชีพเมื่อสองสามวันก่อน
แม้นาเซอร์จะแต่งตั้งให้ซาร์โกเป็นรองขุนนางเมืองก็ตาม แต่สำหรับรองขุนนางเมืองผู้นี้ เขามักระแวงอีกฝ่ายเสมอ เพราะนาเซอร์รู้ ซาร์โกมิได้มีใจรับใช้ตนจริงๆ ความจงรักภักดีของอีกฝ่ายแท้จริงอยู่ที่ราชามังกร
สามารถกล่าวว่าซาณ์โกคือหนึ่งในผู้เฝ้าดูที่ราชามังกรทิ้งไว้ในแคว้นเดียวดาย ขณะเดียวกันยังมีหน้าที่รับผิดชอบในการถ่ายทอดข่าวสารตามคำสั่งของราชามังกร
นาเซอร์เอ่ยถามอย่างเฉยเมยว่า “มีเรื่องอะไร?”
ซาร์โกคุกเข่าลง ตอบด้วยความเคารพว่า “ท่านผู้ครองแคว้น เราเพิ่งได้รับคำสั่งด่วนจากเมืองมังกร!”
นาเซอร์ขมวดคิ้ว “คำสั่งอะไร?”
ซาร์โกกล่าวว่า “ราชามังกรคลั่งได้ยืนยันว่าเผ่ามนุษย์ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ลูกหลานในอาณาจักรมังกรโลกา การปรากฏตัวของพวกเขามีศักยภาพที่จะคุกคามขุนนางทุกตน อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมของอาณาจักรมังกรโลกา ต้องมีมาตรการป้องกันและกำจัดภัยคุกคามนี้ให้สิ้นซาก”
ราชามังกรคลั่งรับรู้ถึงภัยคุกคามของเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้วงั้นหรือ?
ครั้งนี้เฮสการ์ตัดสินใจระดมกำลังทั้งหมดในเก้าแคว้นเพื่อปิดล้อมเผ่ามนุษย์
ซาร์โกพูดต่อ “ราชามังกรออกคำสั่งแก่เมืองฟ้าเดียวดายของเรา ให้รวบรวมขุนนางทั้งหมดในแคว้นทันที เข้าทำลายป้อมปราการและดินแดนทั้งหมดของเผ่ามนุษย์ใน 20 วัน ตราบใดที่งานนี้เสร็จสิ้นอย่างงดงาม ราชามังกรยินดีตบรางวัลอย่างงาม ในทางกลับกัน หากภารกิจไม่แล้วเสร็จในเวลาที่กำหนด กองทัพมังกรคลั่งจะมาเยือนด้วยตัวเอง ถึงเวลานั้นข้าเกรงว่า ...”
นาเซอร์คำราม “นี่ราชามังกรคลั่งกำลังขู่ข้า?”
ซาร์โกรีบพูด “นี่ไม่ใช่คำขู่ แต่ผู้น้อยคิดว่าความกังวลของราชามังกรไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผล เผ่ามนุษย์เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด เราควรจัดทัพให้เร็วที่สุด แล้วออกกำจัดมนุษย์ให้สิ้นซาก!”
นาเซอร์จมอยู่ในความคิด กระทั่งแคว้นเดียวดายที่อยู่ห่างไกลสุดยังได้รับคำสั่งนี้ หากไม่ผิดพลาด เกรงว่าอีกแปดแคว้นก็น่าจะได้รับคำสั่งนี้เช่นกัน
ความขัดแย้งระหว่างราชามังกรกับเผ่ามนุษย์ทวีความรุนแรงขึ้น สิ่งที่ตามมาคือสถานการณ์ที่อาจพลิกผันไร้ที่สิ้นสุด
เดิมข้าต้องการรอเวลาอีกสักหน่อย
แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกแล้ว
ปฏิบัติการรวมแคว้นเดียวดายจำเป็นต้องเร่งให้เร็วขึ้น!
นาเซอร์กล่าวอย่างใจเย็น “ส่งคำสั่งออกไป เชิญสามขุนนางใหญ่แห่งแดนตะวันออก ตะวันตก และใต้มาหารือถึงแผนการส่งกองทัพเข้าปิดล้อมเมืองธารทะเลทราย!”
ประกายแห่งความสุขและความพยาบาทฉายวาบในดวงตาของซาร์โก
นับแต่ที่มันพ่ายแพ้ให้กับฮังอวี่ในเขาวงกตลาวา คล้ายมีหนามยอกอยู่ในใจเสมอ ในช่วงไม่หลายวันที่ผ่านมา มันได้ยุยงให้ผู้ครองแคว้นโจมตีเมืองธารทะเลทรายตั้งหลายครั้ง แต่ผู้ครองแคว้นมักตอบปัดไม่เด็ดขาด ครานี้มีแรงกดดันจากราชามังกร ทำให้ต้องลงมือจริงๆ
และไม่ใช่แค่ผู้ครองแคว้น กระทั่งสามขุนนางใหญ่ และขุนนางเล็กอีกนับร้อย ภายใต้การเรียกตัวของราชามังกร ไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ พวกมันก็ต้องเข้าร่วมสงคราม
เผ่าพันธุ์มนุษย์แม้ว่าจะแข็งแกร่งเป็นพิเศษ แต่ก็ยังห่างไกลจากพลังรบของทั้งแคว้น
เพราะยังไงซะ พวกเขามีเวลาน้อยเกินไป แม้เผ่ามนุษย์จะมีทรัพยากรไม่รู้จักหมดสิ้น แต่พวกเขาเพิ่งพัฒนาได้ไกลแค่ไหน? หากผู้ครองแคว้นนำทัพพันธมิตรจัดตั้งกองทัพด้วยตัวเอง เมืองธารทะเลทรายไม่อาจหยุุดได้!
...
หลังจากนั้นไม่นาน
ขุนนางเมืองพายุระห่ำ --ปีศาจศิลาผู้พิชิต!
ขุนนางเมืองพันหนองน้ำ --อันเดธผู้ครองเงา!
ขุนนางเมืองเพลิงทมิฬ ดิลลอน ปรมาจารย์สลักมนตรา!
ขุนนางใหญ่ทั้งสามเมื่อได้รับข่าวก็รีบมายังเมืองฟ้าเดียวดาย
ดิลลอนมีพื้นเพมาจากชาวมังกร เป็นกองทัพสาขาแยกของสันเขามังกร มันคือขุมกำลังที่ราชามังกรจงใจฝังไว้ในแคว้นเดียวดาย อีกทั้งยังมีความบาดหมางกับฮังอวี่
ดังนั้นจึงเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นและแสดงท่าทีว่ายินดีสนับสนุน
“ภัยคุกคามจากเผ่ามนุษย์ยิ่งใหญ่มาก”
“พวกเขาสามารถล้มคาลิมัวได้ในเวลาสั้นๆ”
“สามารถบริหารเมืองธารทะเลทรายให้เจริญรุ่งเรืองได้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน”
“ไม่ว่าจะในแง่ความสามารถและปริมาณ ไม่ควรประมาท พวกเราต้องทำตามความประสงค์ของราชามังกร ขุมกำลังนี้ไม่สมควรอยู่ในแคว้นเดียวดาย!”
ดิลลอนกล่าวว่า “ข้ายินดีส่งทหารเมืองเพลิงทมิฬเข้าร่วมศึก!”
แม้ปีศาจศิลาและผู้ครองเงาจะไม่ได้ติดต่อกับเผ่าพันธุ์มนุษย์มากนัก
แต่พวกมันก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันและภัยคุกคามที่เกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของเผ่ามนุษย์
ตอนนี้ดิลลอนก้าวออกมาและอาสาส่งกองกำลังทหาร แล้วพวกมันสองตนยังรีรออะไรอีก?
มีแต่ต้องสู้!
ต้องสู้เท่านั้น!
เป็นเวลานานแล้วที่ อาณาจักรมังกรโลกาไม่ได้เจอกองกำลังที่ทำให้ราชามังกรคลั่งรู้สึกว่าถูกคุกคาม
การปรากฏตัวของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทำให้แม้แต่ราชามังกรยังรู้สึกว่าถูกคุกคาม!
ผู้ครองเงาเริ่มคาดเดา “ข้าได้ยินมาว่าเมืองธารทะเลทรายร่ำรวยมาก หากตีเมืองแตก แล้วนำทรัพยากรมาแบ่งกัน น่าจะเพียงพอต่อการชดเชยความเสียหายจากสงคราม และยังช่วยเพิ่มพลังรบให้แก่สี่เมืองของพวกเราได้อีกด้วย”
ปีศาจศิลาถามว่า “พลังรบของเมืองธารทะเลทรายยังไม่ชัดเจน พวกเราต้องส่งทหารออกไปกี่นายถึงจะดี?”
นาเซอร์กล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้าทั้งสามตกลงปิดล้อมเมืองธารทะเลทราย ข้าคิดว่าสมควรจบการต่อสู้นี้ในศึกเดียว และโดยเร็วที่สุด นี่น่าจะช่วยลดความเสียหายจากสงครามได้ นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงความสามารถต่อราชามังกรได้อีกด้วย”
“ถูกต้อง!”
“กวาดล้างพวกมันให้หมดในศึกเดียว!”
“เช่นนั้นพวกเราควรส่งทหารออกไปเมืองละ 10,000 นาย!”
“หากทั้งสี่เมืองรวมกัน ก็เท่ากับ 40,000 นาย!”
“กองกำลังเมืองธารทะเลทรายมีเพียง 20,000 นายเท่านั้น แล้วอีกอย่างกองทัพมนุษย์มีเวลาฝึกฝนแค่สั้นๆ พลังรบของพวกมันยังไม่แก่กล้านัก แบบนี้ข้าคิดว่าพวกเราจะสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน!”
เพราะเท่ากับมีสมุนทหารมากกว่าสองเท่า!
และต้องรู้นะว่า
จำนวน 20,000 ที่ว่าไม่ได้มีแต่ทหารรบทั้งหมด แต่มีทหารฝ่ายผลิตปะปนอยู่ไม่น้อย!
ขุนนางใหญ่ทั้งสามต่างเห็นพ้องว่าเผ่ามนุษย์เป็นหนามยอกอก
ดิลลอนยังคงไม่พอใจ “ทหารรบแค่เมืองละ 10,000 นายมันจะไปพออะไร เท่าที่ข้ารู้เผ่ามนุษย์ค่อนข้างก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีเหนี่ยวนำมนตรา ขุนนางเล็กในดินแดนของเมืองธารทะเลทรายก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่อาจประมาทได้ ฉะนั้นต้องนำทหารไปมากกว่านี้ ไม่เปิดโอกาสชนะให้พวกมัน”
นาเซอร์เอ่ยถาม “แล้วเจ้าต้องการอีกเท่าไหร่?”
ดิลลอนกล่าวว่า “ข้าคิดว่าพวกเราควรระดมทหารจากเมืองใต้อาณัติอีกประมาณ 10,000 นาย ขยายกองทัพให้ถึงขีดสุด!”
ที่ดิลลอนกล่าวก็คือ ขุนนางใหญ่จากทุกทิศจะส่งสมุนทหารจากเมืองตนเองไป 10,000 นาย และระดมสมุนทหารจากขุนนางเล็กในดินแดนอีก 10,000 นาย
หากเป็นเช่นนี้ ขนาดของกองทัพจะเท่ากับ 40,000 + 40,000!
กองทัพพันธมิตรกว่า 80,000 นายจะทำการบุกเมืองธารทะเลทรายในเวลาเดียวกัน!
เป็นแบบนี้ ด้วยพลังรบเพียง 20,000 นายของเมืองธารทะเลทราย และทหารจากขุนนางเล็กในดินแดน พวกเขาจะต้านทานได้อย่างไร? ต่อให้เทคโนโลยีเหนี่ยวนำมนตราก้าวหน้า ก็ไม่มากพอที่จะชนะศึกนี้ได้!
ปีศาจศิลา “ข้าเห็นด้วย!”
ผู้ครองเงากล่าวเช่นกัน “ข้าก็ไม่มีปัญหา”
นาเซอร์นิ่งไปพักหนึ่ง คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง สุดท้ายพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “ได้สิ และเมืองฟ้าเดียวดายจะส่งกองทัพอีก 5,000 นายไปยังช่องเขาจันทร์สีชาด”
ท่ามกลางความสงสัยของคนอื่นๆ ดาบพิษก้าวออกมาและอธิบายว่า “เมืองขุนเขาไฟในช่องเขาจันทร์สีชาด ตอนนี้ได้กลายเป็นดินแดนของเผ่าทรายสีชาดที่เพิ่งปลุกภูมิปัญญา และเผ่านี้กับเผ่ามนุษย์เป็นพันธมิตรกัน หากเรามัวแต่ยกทัพบุกเมืองธารทะเลทรายโดยไม่สนใจพวกเขา อาจกลายเป็นปัญหาในภายหลังได้”
เมืองขุนเขาไฟตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ อยู่ไม่ไกลจากเมืองเพลิงทมิฬของดิลลอนและเมืองพายุระห่ำของปีศาจศิลา
นี่ฟังดูเป็นภัยคุกคามไม่น้อย ดังนั้นหากเมืองฟ้าเดียวดายส่งกองกำลังเข้าปราบปราม มันจะช่วยพวกเขาได้มาก
เมื่อสรุปแผนกันได้
เมืองฟ้าเดียวดาย เมืองเพลิงทมิฬ เมืองพายุระห่ำ และเมืองพันหนองน้ำ
ทั้งสี่เมืองเริ่มระดมกำลังทหารชั้นยอด 10,000 นายทันที โดยกองทัพพันธมิตรนำโดยนาเซอร์ ดิลลอน และปีศาจศิลา ส่วนผู้ครองเงานำทัพของตัวเอง
นอกจากนี้ กองกำลัง 10,000 นายจากเมืองเล็กของเหล่าขุนนางเล็กยังเริ่มถูกระดม
กองทัพทหาร 80,000 นาย เตรียมเข้ากวาดล้างเมืองธารทะเลทราย
ส่วนดาบพิษนำทหารชั้นยอดกว่า 5,000 นายออกจากเมืองฟ้าเดียวดาย มุ่งหน้าสู่ทิศใต้ทางเทือกเขา รับหน้าที่ยับยั้งไม่ให้เผ่าทรายสีชาดสร้างปัญหา
สงครามกับมนุษย์ --
--ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!