ตอนที่ 8-20 เพลิงนรกฤดูร้อน
นี่เป็นคืนที่เงียบสงบ เสียงกรีดร้องที่น่าสยดสยองของคนในตระกูลของโฮลเมอร์ถูกประหัตประหารสะท้านอยู่ในหูเสียงเหล่านั้นดังไปไกลมาก แม้ว่าเจนน์กับคนอยู่ภายในปราสาทก็ยังได้ยิน
“อะไรกันนั่น?”
คีนวิ่งออกมาทั้งที่อยู่ในชุดนอน ขณะที่เจนน์ออกมาโดยมิได้หวีสางผม สองพี่น้องเดินออกมาที่ประตูปราสาทด้วยความสงสัย ขณะที่แลมเบิร์ตบ่าวชราก็สงสัยอยากรู้มากเหมือนกัน เขาวิ่งออกมาที่ประตูปราสาทก่อนแล้ว
“มีคำสั่งท่านหญิง ห้ามมิให้ผู้ใดออกนอกปราสาทยามราตรี”
ทหารยามเฝ้าประตูปราสาทสองคนขวางหอกกันประตูทางเข้าไว้ ขณะที่พวกเขาพูดกับแลมเบิร์ตอย่างเย็นชา
“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าทั้งสองคนหลีกไป!” คีนตวาดใส่พวกเขา
เมื่อเห็นคีนและเจนน์ออกมายามเฝ้าปราสาททั้งสองคนต่างชำเลืองกัน ทุกคนในปราสาทรู้ว่าคีนคือผู้รับสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมือง แต่ขณะเดียวกันท่านหญิงเว็ดก็ไม่ยอมยกอำนาจนางให้ง่ายๆ
“คุณชายคีน, คุณหนูเจนน์ เราเสียใจจริงๆ แต่ท่านหญิงได้สั่งไว้ว่าไม่ว่าใครก็ไม่ให้ออกจากปราสาทยามราตรีโปรดกลับไปพักผ่อน” ทหารยามที่ตัวสูงกว่ากล่าว
หน้าของคีนเย็นชา“หลีกทางให้ข้า”
ทหารยามร่างสูงไม่ยอมขยับ เขาได้แต่ขอร้องอย่างลำบากใจ “คุณชายคีนได้โปรดอย่าสร้างความลำบากใจให้เราเลย ถ้าท่านจะบังคับเราให้เปิดทางให้ท่านผ่านไปท่านจะต้องฆ่าเราด้วย เราไม่อาจขัดขืนคำสั่งของท่านหญิงเว็ดได้”
คีนกำลังโมโหเดือดดาล
เจนน์อยู่ด้านข้างบอกกับเขา“พอเถอะคีน อย่าทำให้พวกเขาลำบากใจเลย พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสงสารมาก”
“ขอบคุณคุณหนูเจนน์! ขอบคุณคุณหนูเจนน์!”ทหารยามทั้งสองคนรีบกล่าว ในใจพวกเขา พวกเขารู้สึกซาบซึ้งใจเจนน์มาก เจนน์เป็นเหมือนนางฟ้าที่งดงามและนางก็มีจิตใจที่เมตตาเช่นกัน
เจนน์ถามอย่างอ่อนโยน “อย่างนั้นข้าขอถามหน่อยได้ไหมข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ข้าได้ยินเสียงกรีดร้องเหมือนกับว่าจะมีภัยพิบัติบางอย่างในเขตเมืองด้านตะวันออก”
ทหารยามคนที่สูงกว่าลดเสียง “คุณหนูเจนน์เมื่อไม่นานมานี้ท่านหญิงได้พากลุ่มคนออกไปนอกปราสาทและกลุ่มทหารเมืองอีกเป็นจำนวนมากออกไปด้วยเช่นกัน”
“ท่านป้า? ทหารประจำเมือง?” เจนน์และคีนสับสนกันทั้งคู่
ทำไมท่านหญิงเว็ดถึงนำทหารประจำเมืองกลุ่มใหญ่ออกไปตอนดึกขนาดนี้?
“คุณหนู, คุณชาย นั่งพักก่อนเถอะ” แลมเบิร์ตชี้ไปที่ม้านั่งหินใกล้ๆ เจนน์กับคีนพยักหน้าจากนั้นเดินไปนั่งทั้งสามคน
เจนน์คีนและแลมเบิร์ตรู้สึกหงุดหงิดกันทุกคน
การคงอยู่ของท่านหญิงเว็ดเป็นเหมือนก้างขวางคอสร้างความลำบากให้พวกเขาอย่างมาก
“ผู้หญิงน่ารังเกียจนั่นต้องการใช้ข้ออ้างที่ข้าอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะบังคับให้ข้าต้องรอไปอีกสองปีฮึ่ม.. สองปี ภายในสองปีนี้ บางทีข้าอาจถูกนางฆ่าตายเสียก่อนก็เป็นได้” คีนสบถในลำคอ
เจนน์พยักหน้าเช่นกัน
สองพี่น้องรู้ดีว่าพวกเขาไม่อาจปล่อยให้ท่านหญิงเว็ดทำตามอำเภอใจอีกต่อไป
“คุณหนู, คุณชายนายหญิงใหญ่เข้ามาจัดการกิจการเมืองเซียร์นานแล้ว ทหารประจำเมืองทั้งหมดล้วนเชื่อฟังนางเหมือนกับทหารยามเฝ้าประตูนั่นแหละ ศักดิ์ฐานะของนายหญิงใหญ่สูงส่งมาก ถ้าคุณชายคีนไม่สามารถเป็นเจ้าเมืองได้ก็คงเป็นเรื่องยากที่เราจะสู้กับนาง ที่สำคัญคือ ที่นี่มีคนที่สนับเราเต็มที่น้อยเกินไป” แลมเบิร์ตรู้สึกจนใจ
เจนน์คีนและแลมเบิร์ตพากันเงียบหมดทุกคน
ภายในเมืองเซียร์มีน้อยคนนักที่สนับสนุนพวกเขา บางทีต่อให้มีคนที่สนับสนุนพวกเขา แต่ก็คงไม่กล้ากระทำโดยเปิดเผยมากนัก ในเมืองปกครองเซียร์นี้ ท่านหญิงเว็ดเป็นเหมือนผู้มีอิทธิพลประจำท้องถิ่น
“ควั่บ!”
สายลมกรรโชกมาวูบหนึ่ง
“ใครกัน?” ทหารยามทั้งสองคนเงยหน้าด้วยความสงสัยและเห็นบุรุษคนหนึ่งอยู่ในชุดนักรบสีดำสะพายดาบหนักไว้ข้างหลังกำลังลอยลงมาจากอากาศ
“ข้าเอง” ลินลี่ย์มองไปที่ยามที่อยู่ด้านหลัง
ทหารยามทั้งสองคนไม่กล้าพูดต่อทันที พวกเขาได้ยินแล้วว่าลินลี่ย์แข็งแกร่งมากเพียงไหน พลังของทหารยามเหล่านี้อย่าได้ฝันเลยว่าจะหยุดลินลี่ย์ได้
“พี่ลีย์” เจนน์และคีนลุกขึ้นยืน
ลินลี่ย์หันไปมองพวกเขา
ฤดูร้อนเพิ่งเริ่มและอุณหภูมิยามราตรีค่อนข้างสูง คีนและเจนน์ยังอยู่ในชุดนอน และผมเผ้าของพวกเขายุ่งเหยิง
“พี่ลีย์, ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงได้เสียงอึกทึกนัก?” คีนมองดูลินลี่ย์และถาม
ลินลี่ย์ตอบตามปกติ“ท่านหญิงเว็ดพาทหารประจำเมืองกลุ่มหนึ่งไปคฤหาสน์ตระกูลของโฮลเมอร์และใช้ปฏิบัติการค้นหาและยึดทรัพย์ แล้วอย่างนี้จะไม่หนวกหูได้ยังไง?”
“ค้นหาและยึดทรัพย์?” เจนน์และคีนตะลึง
“ตระกูลของโฮลเมอร์?” แลมเบิร์ตตกใจอย่างหนักเช่นกัน
ลินลี่ย์นั่งลงที่ปลายด้านหนึ่งของม้านั่งยาวหัวเราะและกล่าว “ให้รอและนั่งพักอยู่ที่ต่ออีกเล็กน้อย ในไม่ช้าเดี๋ยวพวกเจ้าจะได้ฟังข่าวดี”
“ข่าวดี? เป็นไปได้หรือที่นางตั้งใจจะให้เงินเรา นางยึดทรัพย์มาจากคนชั่วผู้นั้นหรือ?” คีนสบถเบาๆ
“บึ้ม!”
ยามนั้นเสียงระเบิดสนั่นดังมาจากทางทิศตะวันออก เสียงระเบิดดังมากเหมือนกับฟ้าผ่าสิบสองสายพร้อมกันคราวเดียว ระเบิดครั้งนี้บางทีอาจปลุกชาวบ้านชาวเมืองครึ่งหนึ่งของเมืองเซียร์
“อะไรกันนั่น?” เจนน์ คีนและแลมเบิร์ตลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ
ทหารยามที่อยู่ใกล้บ่าวทาสในปราสาท พนักงานหญิงทุกคนต่างจ้องมองไปทางทิศตะวันออกและพวกเขามองเห็นเปลวเพลิงลุกโชติช่วงพวยพุ่งขึ้นในท้องฟ้าจากด้านตะวันออก
“เป็นไปได้ยังไงที่มีไฟไหม้ใหญ่ขนาดนั้น? และระเบิดนั่นมาจากไหน?” ลินลี่ย์มองไปทางทิศตะวันออกด้วยความสงสัยเช่นกัน
ผู้คนทั้งหมดในปราสาทตกตะลึง พวกเขาทุกคนรอทหารเมืองและท่านหญิงเว็ดอยู่เงียบๆ บางทีพวกเขาคงรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เกิดไฟไหม้ใหญ่หรือระเบิดครั้งใหญ่ทางทิศตะวันออก
หลังจากนั้น...
เสียงควบม้าดังมาจากด้านนอกปราสาทตามมาด้วยเสียงตะโกนนับไม่ถ้วน หลังจากเสียงตะโกนแตกตื่นเหล่านี้แล้ว เป็นเสียงเคาะประตูรัวอย่างรวดเร็วราวกับฝนซัดสาด
“ปัง ปัง ปัง ปัง!”
เสียงเคาะรัวๆดังขึ้น
“เปิดประตู เปิดประตูเร็วเข้า!”เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวดังมาจากประตูนอกปราสาท
ทหารยามเฝ้าประตูไม่กล้าลังเล พวกเขาเปิดประตูปราสาททันที ขณะที่ลินลี่ย์ แลมเบิร์ต เจนน์และคีนมองดู
เมื่อประตูปราสาทถูกเปิดพวกเขาเห็นว่าที่ด้านหน้าปราสาทมีอัศวินนักรบกลุ่มใหญ่ หัวหน้าพวกเขาเป็นบุรุษผมทองกำลังควงหอก
“หลีกทางข้า!”บุรุษผมทองคำรามใส่ทหารยามทั้งสองคน
แต่เมื่อเห็นคีนและเจนน์ บุรุษผมทองสะดุ้งจากนั้นเรียนด้วยความเคารพทันที “รองผู้บัญชาการไรท์ขอคารวะคุณหนูเจนน์และคุณชายคีน”
รองผู้บัญการไรท์ถือว่าเป็นผู้มีตำแหน่งสูงเป็นอันดับสองของกองทหารรักษาเมืองเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับด้วยจึงเป็นธรรมดาที่เขาจำเจนน์และคีนได้
“ท่านไรท์, เกิดอะไรขึ้นทำไมพวกท่านทุกคนถึงได้แตกตื่นกันนัก?” คีนกล่าว
ไรท์คุกเข่าข้างหนึ่งทันทีเขากล่าวอย่างเจ็บปวด “คุณชายคีน,โปรดยกโทษให้ข้าที่ไร้ประโยชน์ไม่อาจทำหน้าที่ปกป้องได้ ท่านหญิงเว็ดและพี่ชายของนางทั้งสองคนเพิ่งเสียชีวิตจากแรงระเบิด”
“โอว...อา?”
คีนทำตาโตทันทีเจนน์กับแลมเบิร์ตตกใจอย่างหนักเช่นกันแววเหลือเชื่อปรากฏอยู่บนใบหน้าของทหารยามที่อยู่ใกล้ๆ เช่นกัน
ท่านหญิงเว็ดตายแล้ว
ขณะที่คีนกับเจนน์กำลังกังวลเรื่องนาง ท่านหญิงเว็ดและพี่ชายทั้งสองคนของนางตายอย่างกระทันหัน ความตายของนางมีแต่จะทำให้ใจของเจนน์และคีนยินดี
เจนน์และคีนชำเลืองมองกันเองดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ช่วยอธิบายให้ชัดหน่อย” คีนแสดงความเห็นและวางมาดของเจ้านายระดับสูงคุยกับบริวาร
ไรท์บุรุษผมทองตอบทันที “ข้าน้อยพาสมาชิกทหารรักษาเมืองหลายคนรับคำสั่งเคาน์เตสให้ปฏิบัติการค้นหาและยึดทรัพย์คฤหาสน์ของโฮลเมอร์”
“หลังจากเสร็จปฏิบัติการค้นหาและยึดทรัพย์แล้ว ท่านเคาน์เตสสั่งว่าสมบัติทั้งหมดในตระกูลของโฮลเมอร์ให้เอามารวมกันที่ห้องโถงใหญ่ จากนั้นสั่งให้พวกเราทหารทุกคนออกไปเหลืออยู่แต่นางและพี่ชายทั้งสองของนางในห้องโถงนั้นเท่านั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้คีนอดลอบสบถไม่ได้ “นังตัวร้ายนั่นไร้ยางอายยิ่งนัก”
ไรท์รายงานต่อ “เราประจำการอยู่ข้างนอกคอยจับสมาชิกที่หลบหนีออกไปจากตระกูลโฮลเมอร์ แต่ใครจะคิดกันว่า จู่ๆคฤหาสน์ของตระกูลโฮลเมอร์มีไฟไหม้ จากนั้นไม่นานทุกคนก็บุกเข้าไปช่วยท่านเคาน์เตส”
“แต่เราไม่ทันได้เข้าไปข้างในก่อนที่จะได้ยินเสียงระเบิดที่น่ากลัวนั้นอาคารครึ่งหนึ่งกระจายหายและถูกทำลายทันที”
ไรท์รายงานอย่างเจ็บปวด “เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อเราเข้าไปถึงตัวท่านเคาน์เตสและพี่ชายอีกสองคน เราพบแต่ศพพวกเขาซึ่งฉีกขาดเพราะแรงระเบิด ทั้งสามคนตายเรียบ”
“งั้น สั่งให้นำศพท่านป้ากลับมาที่นี่แล้วกลับไปพักเถอะ” คีนออกคำสั่งโดยตรง
“ขอรับ” ไรท์ออกคำสั่งทันที
ทุกคนเข้าใจกันหมดว่าท่านหญิงเว็ดตายแล้ว อำนาจของเจ้าเมืองเซียร์ในตอนนี้ตกไปอยู่ที่เด็กอายุสิบสี่ปีผู้นี้
ทุกคนมองคนของไรท์เก็บซากศพที่ถูกเผาและระเบิดเข้ามาข้างใน
ถึงตอนนี้คีนและเจนน์จึงยอมเชื่อสนิทใจว่า..นี่ไม่ใช่ความฝัน ท่านหญิงเว็ดที่น่ารังเกียจนั้นตายจริงๆ จากวันนี้เป็นต้นไปชีวิตของพวกเขาไม่ต้องอยู่อย่างหวาดกลัวอีกแล้ว
“พี่ลีย์” เจนน์ค่อยรู้สึกตัวทันที นางหันมามองลินลี่ย์ “ขอบคุณ”
ถึงตอนนี้แลมเบิร์ตก็เข้าใจได้เช่นกันเมื่อเห็นลินลี่ย์ เขาพูดด้วยความซาบซึ้ง “ท่านลีย์ ข่าวดีที่ท่านต้องการบอกเราพอได้ฟังแล้วเป็นข่าวที่ยอดเยี่ยมจริงๆ นี่เป็นข่าวดีที่สุด ข่าวที่ช่วยให้เราปลอดภัย”
“พวกท่านพูดเรื่องอะไรกัน?”
คีนอึดอัดใจ “หมายความว่ายังไงกันท่านพึมพำกันเรื่องข่าวดีและข่าวยอดเยี่ยม? โอ๊ะ!!!”
ในที่สุดคีนก็เข้าใจเช่นกัน
“พี่ลีย์, เมื่อครู่นี้ท่านมาจากนอกปราสาทใช่ไหม?” คีนกระซิบถาม
“ใช่แล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า
“งั้นพี่...” มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของคีน
ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะเบาๆ“เห็นท่าทางกังวลและกระวนกระวายใจของพวกเจ้าทุกคน ข้าเลยช่วยแก้รากเหง้าปัญหาของพวกเจ้าเอาล่ะ, ได้เวลาไปนอนกันแล้ว พักผ่อนกันให้ดีจะได้มีแรงไว้รับตำแหน่งเจ้าเมืองนี้ไงเล่า”
ขณะที่พูดลินลี่ย์หันหน้าเดินตรงไปยังที่พักของเขาเอง
แลมเบิร์ตเจนน์และคีนต่างทึ่งกันทุกคน ได้แต่มองหน้ากันเองอย่างตกใจระคนดีใจ พวกเขาต้องกรีดร้องอย่างมีความสุข แต่แน่นอน ศพของท่านหญิงเว็ดยังอยู่ใกล้ๆ พวกเขาจึงไม่เหมาะสมที่พวกเขาจะเฉลิมฉลองกันอย่างนั้น
“เจ้านาย เรียบร้อยแล้วหรือ?” บีบีนอนอยู่บนพื้น ตาของมันยังสลึมสลือ
ลินลี่ย์หัวเราะเบาๆ “ใช่ เสร็จหมดแล้ว”
สำหรับลินลี่ย์ตอนนี้คนอย่างท่านหญิงเว็ดไม่มีคุณสมบัติพอเป็นศัตรูด้วยซ้ำ แผนการเล็กๆ น้อยๆที่ท่านหญิงเว็ดเตรียมขึ้นมาไม่มีอะไรต่างจากตัวตลกสำหรับลินลี่ย์
อยากใช้แผนอะไรก็เชิญเลย ข้าก็แค่ฆ่าพวกเจ้าตรงๆก็แก้ปัญหาทั้งหมดได้ทันที
“ทำไมถึงมีระเบิดได้เล่า?” บีบีถามด้วยความสงสัย
“ข้าจะรู้ได้ยังไงเล่า?” ลินลี่ย์สั่นศีรษะ “ทั้งหมดที่ข้าทำคือฆ่าท่านหญิงเว็ดและพี่ชายทั้งสองของนาง จากนั้นใช้เวทไฟเผาคฤหาสน์แล้วข้าก็แค่เผ่นกลับมาตามลำพัง ใครจะรู้กันว่าพอข้ากลับออกมาจากปราสาทไม่นานจะมีระเบิดแบบนั้นได้?”
สิ่งที่ลินลี่ย์ไม่รู้ก็คือมีห้องค้นคว้าทดลองของโฮลเมอร์อยู่ในตึกนั้น สารเคมีและวัสดุแปลกประหลาดจำนวนมากถูกเก็บไว้ในห้องนั้น เมื่อลินลี่ย์จุดไฟที่อาคารนั้นเขาไม่รู้ว่าไฟได้ไหม้วัสดุพิเศษจนส่งผลให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่
“ท่านไม่รู้เหรอ?” บีบีสะดุ้ง “โอว งั้นนอนดีกว่า”
“ใช่ ได้เวลานอนแล้ว”
ลินลี่ย์ขึ้นไปบนเตียงตามปกติ จากนั้นนอนหลับ
ท่านหญิงเว็ดและพี่ชายทั้งสองของนางตายกะทันหันในคืนเดียว ข่าวนี้สั่นสะเทือนไปทั้งเมืองปกครองเหมือนกับแผ่นดินไหว และสำหรับเจนน์กับคีน ข่าวที่น่ายินดีนี้ทำให้พวกเขามีความสุขมากจนถึงกับหลับไม่ลง
แต่สำหรับลินลี่ย์ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย
ตอนนี้คฤหาสน์ของตระกูลโฮลเมอร์ยังคงไฟไหม้ตลอดทั้งคืน ทหารท้องถิ่นของเมืองพยายามดับไฟอย่างเต็มที่