ตอนที่ 8-2 เมืองแบล็คร็อค
ใช่แล้วเด็กผู้ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ หลังจากอายุหกขวบไปแล้วจะมีนิสัยที่ไร้เดียงสามาก ลินลี่ย์ก็รู้สึกว่าเจนน์ก็ไร้เดียงสามากเช่นกัน
แม้เป็นการสนทนาสั้นๆ แต่ลินลี่ย์ได้เรียนรู้เรื่องคีนสหายตัวน้อยนี้ได้มาก
ขณะเดียวกัน ลินลี่ย์พอจะเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาและพี่สาวของเขา
“รับตำแหน่งเจ้าเมือง? ข้าเกรงว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้น” ลินลี่ย์คิดเอง เทียบกับสองพี่น้องผู้ไร้เดียงสาแล้ว ลินลี่ย์เข้าใจได้ลึกซึ้งมากกว่า
เมืองระดับสูงสุดในจักรวรรดิโอเบรียนก็คือพระนครหลวง จากนั้นก็เป็นหัวเมืองปกครองอีกเจ็ดหัวเมือง ระดับล่างลงมาจะเป็นเมืองใหญ่จากนั้นเป็นเมืองธรรมดาและเป็นหมู่บ้านชนบท
สถานะของหัวเมืองปกครองนั้นค่อนข้างสูง
ตำแหน่งเจ้าเมืองหัวเมืองปกครองจะยกให้เด็กไร้เดียงสาผู้มาจากชนบทได้ง่ายๆยังไงกัน?
…..
หลังจากฝึกทั้งคืนแล้วเมื่อลินลี่ย์ลืมตาก็เป็นเวลาเช้าแล้ว
“ท่านลีย์ เมื่อถึงเวลาค่ำเราน่าจะถึงชายแดนเมืองของจักรวรรดิแล้ว” แลนซ์หัวเราะ “ท่านลีย์มากินอาหารเช้าด้วยกันเถอะ”
“ได้สิ”
ลินลี่ย์และบีบีเดินเข้าไปหาพวกเขา สำหรับแฮรุ... อาหารมีไม่เพียงพอสำหรับเขา ดังนั้นเมื่อคืนแฮรุเข้าเทือกเขาอสูรวิเศษและกลับมาหลังจากกินจนอิ่มแล้ว
ภายในรถโดยสารไม่ไกลจากลินลี่ย์
“พี่, ข้าจะออกไปก่อน”คีนกระโดดลงจากรถอย่างมีความสุข
แลมเบิร์ตมองดูคีนผู้ไม่สนใจอะไรในโลก เขาลอบส่ายหัว จากนั้นเขามองเจนน์ แลมเบิร์ตรู้ดีว่าเจนน์บริสุทธิ์เพียงไหน
“คุณหนู, ไม่ต้องเร่งร้อนก็ได้” แลมเบิร์ตยิ้มจนตาหยี
“ปู่แลมเบิร์ต, มีอะไรหรือ?” เจนน์มองแลมเบิร์ตด้วยความสงสัย ดวงตานางกลมโต
แลมเบิร์ตกล่าว “คุณหนู,เจ้าก็เห็นอยู่แล้วว่าเราพบกับโจรในระหว่างทาง เมื่อเราไปถึงชายแดนเมือง เราจะต้องแยกออกจากคาราวาน จากนั้น.ข้าผู้เฒ่าจะต้องอยู่กับคุณหนูตามลำพังตลอดเส้นทาง ถ้าเราพบกับโจรในระหว่างทางอีกข้าอาจเอาชนะพวกมันไม่ได้”
เจนน์อดคิดถึงฉากภาพนองเลือดมิได้ภาพที่พวกโจรบุกโจมตีเมื่อคืนก่อน
“ถูกแล้ว อย่างนั้นเราควรทำอย่างไรดี?” เจนน์ชักกังวล
แลมเบิร์ตหัวเราะ “คุณหนู, เจ้าเห็นท่านลีย์แล้วไม่ใช่หรือ? แม้แต่หัวหน้าโจรเหล่านั้นก็ยังถูกท่านลีย์สังหารในดาบเดียว ตราบใดที่ท่านลีย์ยินดีจะคุ้มครองเจ้าเจ้าจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใดๆ เป็นแน่”
เจนน์อายุสิบแปดปีแล้ว นางไม่ไร้ความรับผิดชอบเหมือนคีน
“ปู่แลมเบิร์ต, ถ้าข้าพยายามเชิญนักสู้ผู้แข็งแกร่งอย่างนั้นมาช่วยเราท่านคิดว่าเขาจะยอมรับหรือ?” เจนน์มองดูแลมเบิร์ต
แลมเบิร์ตหัวเราะให้กำลังใจ “อย่ากังวลแค่บอกเขาไปว่าเจ้ากับคีนเป็นบุตรธิดาของเจ้าเมืองเชียร์และตอนนี้กำลังพาคีนกลับไปรับตำแหน่งเจ้าเมือง ถ้าเขาคุ้มกันเจ้ากลับไป เมื่อเจ้าไปถึงเมืองเชียร์แล้วค่อยมอบรางวัลให้เขาอย่างเต็มที่ก็ได้ จำไว้..อย่าบอกอะไรเขามากเกินไป อย่าบอกเรื่องในอดีตกับเขา เจ้าอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแค่บอกเขาอย่างที่ข้าบอกเจ้าตอนนี้”
แลมเบิร์ตรู้ดีว่าถ้าลินลี่ย์รู้ถึงรายละเอียดของสถานการณ์ของพวกเขา บางทีเขาคงไม่ยอมรับ
“โอว”
เจนน์ไม่ทันสังเกตว่ามีความแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างความจริงและสิ่งที่แลมเบิร์ตเพิ่งแนะนำให้นางพูด
“ไปเถอะ และจำสิ่งที่ข้าบอกเจ้าไว้ แสดงออกอย่างจริงใจ” แลมเบิร์ตสนับสนุน
“ก็ได้” เจนน์พยักหน้า สูดหายใจลึกนางรวบรวมความกล้าและเดินลงรถโดยสาร
เมื่อเห็นเจนน์ลงไปจากรถม้าโดยสารแลมเบิร์ตลอบถอนใจ “อนิจจา นายหญิง,แม้ท่านจะเสียชีวิตไปแล้วท่านก็ยังไม่ยินดีจะกล้ำกลืนความโกรธ ท่านคัดค้านไม่ได้เจนน์กับคีนไปรับตำแหน่งเจ้าเมืองท่านเคาท์เวดตายไปแล้ว แต่นายหญิงใหญ่ไม่ยอมปล่อยให้คีนได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองได้ง่ายๆแน่”
“ถ้าเรามีนักสู้ระดับเก้าคอยปกป้องเรา อย่างนั้นเราจะมีโอกาสที่ดี” เมื่อคืนนี้แลมเบิร์ตได้ยินคนอื่นกระซิบพูดคุยกันว่าแม็คคินเลย์เป็นนักสู้ที่เข้าถึงระดับแปดแล้ว แต่ลินลี่ย์สามารถฆ่าเขาได้ง่ายดายในดาบเดียว จากที่แลมเบิร์ตเห็นลินลี่ย์ต้องเป็นนักรบระดับเก้าแน่นอน
…….
สายลมพัดโบกหลังจากลินลี่ย์กินอาหารแล้วเขาพักผ่อนอย่างสบายในตอนนี้เนื่องจากพวกเขาจะออกเดินทางในไม่ช้า
“อาณาจักรโอเบรียน อืมมเราน่าจะไปถึงที่นั่นวันพรุ่งนี้” ลินลี่ย์นอนเอกเขนกอยู่บนเกวียนของเขารอการเดินทางอย่างเกียจคร้านแต่ในช่วงนั้นเอง จากมุมสายตาของเขา ลินลี่ย์มองเห็นใครบางคนกำลังเดินเข้ามาหา
“เจนน์?” ลินลี่ย์ลุกขึ้นนั่งด้วยความสงสัย
เจนน์เดินเข้ามาหาเขาอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นลินลี่ย์นั่งมองนาง เจนน์ฝืนยิ้มเล็กน้อย “ท่านลีย์, สวัสดีค่ะ”
“แม่หญิงเจนน์, สวัสดี”ลินลี่ย์สับสนเล็กน้อย ทำไมเจนน์ถึงเข้ามาหาเขา?
เจนน์ยังคงยืนลังเลอยู่ชั่วขณะไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง
“แม่นางเจนน์ มีอะไรให้ข้าช่วยหรือเปล่า?”ลินลี่ย์ถามขึ้นก่อน
หน้าของเจนน์แดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางกังวลมาก “ท่านลีย์, คืออย่างนี้น้องชายกับข้ากำลังเดินทางไปยังเมืองปกครองของท่านพ่อข้า น้องชายข้ากำลังจะได้รับตำแหน่งเจ้าเมือง แต่เราเกรงว่าการเดินทางจะมีอันตราย เรา...จึงอยากจะ..อยากจะขอให้...ท่านลีย์..ช่วยคุ้มครองด้วย”
นางพูดคำทั้งหมดนี้ในอึดใจเดียว เจนน์ก็เริ่มตะกุกตะกักเล็กน้อย
ลินลี่ย์มีความเข้าใจพื้นฐานของภูมิศาสตร์ของจักรวรรดิโอเบรียน,วอร์ตันน้องชายของเขาอยู่ในเมืองภาคใต้สุดของจักรวรรดิโอเบรียนที่รู้กันว่าเป็นหัวเมืองปกครองโอเบรียน
ลินลี่ย์เองในตอนนี้อยู่ในพื้นที่หัวเมืองปกครองตะวันตกเฉียงเหนือของจักรวรรดิโอเบรียน
จากเมืองปกครองทิศตะวันตกเฉียงเหนือไปหัวเมืองปกครองใต้สุดอาจต้องใช้เวลาเดินทางราวๆ ปีครึ่ง แต่แน่นอนว่าถ้าลินลี่ย์รีบไปตามทางโดยขี่เสือดำเมฆาเขาสามารถไปได้เกินกว่าพันกิโลเมตรต่อวันและจะไปถึงได้ภายในสิบวัน
แต่ลินลี่ย์ไม่รีบร้อน
น้องชายของเขาศึกษาอยู่ในสถาบันโอเบรียน ทำไมต้องรีบร้อนไปที่นั่นด้วยเล่า? ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือฝึกและยกระดับพลังของตัวเขาเองให้มากเท่าที่เป็นไปได้
“คุ้มกันพวกเจ้า? นานเท่าไหร่?” ลินลี่ย์ถามพลางหัวเราะ
“ไม่นานค่ะ” เจนน์รีบกล่าว “เมืองเซียร์อยู่ในมณฑลพายัพ จากที่นี่ไปถึงนั่นใช้เวลาราวๆสิบวันหรือครึ่งเดือนเมื่อเราไปถึงที่นั่นข้าจะขอบคุณท่านและมอบรางวัลให้ท่านแน่นอน”
“ขอบคุณและมอบรางวัลให้ข้าหรือ?”
ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจตามประสบการณ์ของลินลี่ย์ เขารู้ดีเป็นไปได้อย่างไรที่ตำแหน่งเจ้าเมืองปกครองหัวเมืองจะตกอยู่แก่สองพี่น้องผู้ไม่รู้ความและไม่มีผู้มีอำนาจคอยหนุนหลังแม้แต่น้อย?
“เราจะมอบทองให้ท่านมากมาย”เจนน์มองลินลี่ย์อย่างมีความหวัง
ลินลี่ย์ถือโอกาสหยอกล้อ“โอว? ทองเท่าไหร่?”
เจนน์กัดฟัน“หมื่นเหรียญทอง? ท่านคิดว่าไงบ้าง?” เจนน์อยู่ในหมู่บ้านชนบทตั้งแต่นางสิบปีกล่าวอย่างทั่วไปแค่หนึ่งหรือสองเหรียญทองก็ถือว่ามากพอเลี้ยงตัวได้ชั่วเวลาหนึ่งในที่อย่างนั้น นางรู้ว่าหัวเมืองปกครองเป็นสถานที่มั่งคั่งและเชื่อว่าแม้ว่าจำนวนหมื่นเหรียญทองจะเป็นจำนวนรวมที่น่าตกใจ แต่หัวเมืองปกครองแบบนั้นน่าจะสนับสนุนได้
“หมื่นเหรียญทอง?”
เมื่อคืนก่อนหัวหน้ากองทหารรับจ้างต้องการมอบทองให้ลินลี่ย์หมื่นเหรียญถือเป็นการแสดงความขอบคุณเขาเช่นกัน แต่ถ้าว่ากันตามตรงต่อให้ไม่มีความมั่งคั่งจากแหวนมิติเก็บสมบัติก็ตามแค่งานแกะสลักของลินลี่ย์ในฐานะผู้เชี่ยวชาญงานแกะสลักก็มีมูลค่าเกินกว่าแสนเหรียญทองแล้ว
“แค่นั้นไม่พอเหรอ?” เจนน์ติดอ่าง
ลินลี่ย์มองเจนน์ “แม่นางเจนน์, บอกมาตามตรงเถอะ ในปีหนึ่งๆ เจ้ากับคีนใช้จ่ายตอนอยู่ในหมู่บ้านเท่าใด?”
“ในหมู่บ้าน?” เจนน์สะดุ้ง แลมเบิร์ตย้ำนางครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ให้พูดเรื่องในอดีตที่อยู่ในหมู่บ้านแต่ลินลี่ย์กลับรู้เรื่องนั้นแล้ว
เจนน์พูดตามตรง “ไม่กี่สิบเหรียญในแต่ละปี ที่สำคัญคือเราต้องใช้จ่ายเพื่อรักษามารดาข้า ถูกแล้วท่านลีย์ตอนนี้ข้ายังมีเงินไม่มาก แต่ในอนาคต ข้าจะมีแน่”
ลินลี่ย์ต้องยอมรับว่านางไร้เดียงสาจริงๆ
“งั้น.. อืม.. ความจริงท่านก็รู้ภายในอาณาเขตของจักรวรรดิค่อนข้างจะปลอดภัย ปู่แลมเบิร์ตอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้เอ่อ.. ข้าควรไปดีกว่า” เจนน์รู้สึกอึดอัดและเริ่มหลุดคำพูดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“ไม่, ข้าแค่อยากถาม ตอนนี้เจ้าพอจะจ่ายเหรียญทองให้ข้าได้เท่าใด?” ลินลี่ย์ถาม
หลังจากได้ยินว่าเมืองของนางเป็นเมืองปกครองเอกในมณฑลพายัก ลินลี่ย์คิดอยู่ในใจแล้วว่าจะช่วยพวกเขาเนื่องจากเป็นวิธีการสำหรับเขา ที่สำคัญคือเขากำลังจะผ่านไปทางหัวเมืองทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือพอดี
“ตอนนี้หรือ? ข้ามีติดตัวราวสิบเหรียญทอง” เจนน์หยิบถุงกระเป๋าเล็กในตัวออกมา “ปู่แลมเบิร์ตก็มีติดตัวสองสามเหรียญทองเช่นกัน”
ลินลี่ย์รับกระเป๋าเหรียญทองและดึงออกมาเหรียญเดียว
“เป็นอันตกลง”ลินลี่ย์เก็บเหรียญทองไว้ในกระเป๋าของเขา “จากนี้เป็นต้นไป ข้าจะรับทำภารกิจนี้ แต่แน่นอน เหรียญทองนี้แค่เป็นมัดจำของเจ้า เมื่อน้องชายเจ้ารับตำแหน่งเจ้าเมืองแล้วข้าจะรับที่เหลืออีก 9999 เหรียญทอง”
เจนน์ดีใจกับความสำเร็จแทบคลั่ง
“ขอบคุณ, ขอบคุณท่าน”เจนน์ตื่นเต้นจนใบหน้าน้อยๆ ของนางแดง
…..
คาราวานเริ่มเคลื่อนขบวนไปข้างหน้าอีกครั้งเสือดำเมฆาเริ่มวิ่งไปคู่กับเกวียนของลินลี่ย์อีกครั้ง ขณะเดียวกันแฮรุมองบีบีด้วยความสงสัยและคำรามเบาๆ“บีบี เจ้านายรับภารกิจเพื่อเงินแค่หมื่นเหรียญทองเองหรือ?”
ต่อให้เป็นแสนเหรียญทองก็ยังไม่เพียงพอจะเชิญให้ยอดฝีมืออย่างลินลี่ย์ช่วยเหลือด้วยซ้ำ
แค่ฆ่าอสูรเวทระดับแปด ลินลี่ย์ก็สามารถหาผลึกเวทของอสูรระดับแปดซึ่งราคาห้าแสนเหรียญทองได้แล้วกล่าวโดยทั่วไปก็คือเป็นเรื่องยากที่นักสู้ระดับแปดจะสามารถฆ่าอสูรเวทระดับแปดได้มีแต่เพียงนักสู้ระดับเก้าจึงสามารถฆ่าอสูรเวทเหล่านั้นได้อย่างมั่นใจ
“แฮรุ, เจ้าไม่รู้อะไร? เจ้านายเป็นคนใจดี เข้าใจไหม?” บีบีคำรามส่งภาษากับเสือดำเมฆา
อสูรเวททั้งสองต่างคำรามส่งภาษาของอสูรเวทให้กัน เมื่อเห็นพวกมันส่งภาษาให้กันลินลี่ย์หัวเราะเบาๆและยังคงนั่งเงียบอยู่บนรถ
“เอี๊ยด, แอ๊ด”
ล้อเกวียนดังลั่นเป็นจังหวะเคลื่อนตัวต่อเนื่องไปข้างหน้าเมื่อเวลาผ่านไปพระอาทิตย์ลับผ่านภูเขากองคาราวานนี้ก็มาถึงเมืองชายแดนของจักรวรรดิโอเบรียนในที่สุด
เมื่อนั่งอยู่บนเกวียนลินลี่ย์เอนหลังมองดูเมืองที่อยู่ห่างออกไป เคลื่อนใกล้เข้ามา
นี่เป็นเมืองที่มืดทึบดูราวกับว่ามันเป็นอสูรเวทขนาดมหึมาที่ยึดที่ดินไว้สำหรับตัวมันเอง กำแพงเมืองสูงกว่าสามสิบเมตรมีเพียงนักสู้ที่ทรงพลังเท่านั้นจึงจะมีความสูงขนาดนั้นได้
“เมืองแบล็คร็อค กำแพงแห่งจักรวรรดิโอเบรียนในมณฑลพายัพ” ลินลี่ย์ได้ยินชื่อเสียงของเมืองนี้มานานแล้ว
ในประวัติศาสตร์มีการรบใหญ่อยู่ไม่กี่ครั้งซึ่งมีการสู้กันที่เมืองแบล็คร็อค แม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้วเมื่อพวกเขาเข้าใกล้เมืองแบล็คร็อค พวกเขาสามารถเห็นรอยเปรอะสีแดงเข้มมากมายบนหินสีดำซึ่งใช้สร้างกำแพงเมือง นี่คือคราบเลือดแห้งกรังที่มีการสะสมมานานนับปีไม่ถ้วนจากการรบ
“ทุกท่าน, เราจะแยกทางกันตรงนี้” มาโลนตะโกนเสียงดังจากนอกกำแพงเมือง
ตามเป้าหมายภารกิจของพวกเขากลุ่มทหารรับจ้างรับหน้าที่ส่งกองคาราวานถึงตำแหน่งนี้เท่านั้น ทันใดนั้นพวกพ่อค้าและนักเดินทางต่างๆขับรถม้าโดยสารนำสัมภาระตรงไปยังประตูเมือง
“พี่ลีย์!”คีนเรียกออกมาจากในรถโดยสารของเขา
ตอนที่จะเสร็จสิ้นการเดินทางคีนรู้ว่าลินลี่ย์กำลังจะพาพวกเขาไปส่ง เขายิ่งสนิทกับลินลี่ย์มากขึ้น และลินลี่ย์บอกให้คีนถือว่าเขาเป็นพี่ ที่สำคัญคือลินลี่ย์อายุเพียงยี่สิบเอ็ดปี
“ไปด้วยกันเถอะ”
ลินลี่ย์นำเสือดำเมฆาสูงสองเมตรยาวสี่เมตรเดินตรงไปที่ประตูเมือง ทหารยามที่เดิมทีดูเกียจคร้านเมื่อเห็นเสือดำของลินลี่ย์ถึงกับกลัวจนถอยหลังไปสองก้าวทันที
อสูรเวทประเภทเสือดำ,เสือโคร่งและสิงโตล้วนเป็นอสูรเวทระดับสูงทั้งนั้นแม้แต่อสูรเวทประเภทเสือดดำที่อ่อนแอที่สุดและอสูรเวทประเภทสิงโตโดยทั่วไปก็อยู่ที่ระดับเจ็ด
เวลานี้เป็นช่วงเวลาสงบสุข การรักษาความปลอดภัยที่ประตูเมืองไม่เข้มงวดนัก
ทหารยามเฝ้าประตูเมืองไม่ได้ตรวจลินลี่ย์ปล่อยให้เขาผ่านเข้าไปโดยตรง
“โอวสวรรค์โปรด, เสือดำนั่นเป็นอสูรเวทระดับไหนกัน? ตอนมันมองหน้าข้า รู้สึกกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น” ทหารเฝ้าประตูเมืองร้องด้วยความกลัว
ทหารยามที่แก่กว่าใกล้ๆตัวลดเสียงกล่าว “พูดเบาๆ กว่านี้ จากสิ่งที่ข้ารู้ อสูรเวทประเภทเสือดำที่อ่อนแอที่สุดก็คือเสือดำลายทองเป็นอสูรเวทระดับเจ็ด เสือดำตัวนี้อย่างน้อยต้องเป็นอสูรเวทระดับแปด”
….
“โหว! เมืองแบล็คร็อคพัฒนาไปมากเลย!” นัยน์ตาของคีนเป็นประกาย
บนถนนใหญ่ของเมืองแบล็คร็อคคีนกับเจนน์เดินเคียงคู่กัน เจนน์สวมหมวกยอดแหลมมีผ้าบางคลุมหน้านาง ที่สำคัญคือ ความงามของเจนน์มักจะนำเรื่องยุ่งยากมาให้เสมอ
“เขาคิดว่าที่นี่พัฒนาแล้วหรือนี่?” บีบีร้องจี๊ดอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์
เมืองแบล็คร็อคเป็นเมืองที่มีความหมายต่อสงครามเมืองหนึ่ง แม้ว่าจะมีการพัฒนาไปมากเนื่องจากมีการค้าแต่ก็ไม่มีทางเทียบได้กับนครเฟนไลที่ล่มสลายไปแล้วแม้แต่จะเทียบกับเมืองเฮสซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรก็ยังแตกต่างกันมากอยู่ดี
“ระวัง”ทันใดนั้นร่างของลินลี่ย์เปลี่ยนสภาพเป็นเลือนรางหายวับอยู่หน้าเจนน์และคีน
“ควั่บ ควั่บ!”
แค่ขยับมือขวาลินลี่ย์คว้าลูกธนูสองดอกได้จากอากาศ
“คิดจะหนีหรือ?” เขาสะบัดมือคราหนึ่งลินลี่ย์ก็ส่งธนูสองดอกกลับคืนไปทางที่มันถูกยิงมาเสียบเข้าที่คอของบุรุษสองคนที่ยืนอยู่ในระยะไกลและเตรียมตัวจะหนี
“อึ้ก..”
บุรุษทั้งสองนั้นจับคอด้วยความตกใจและล้มลงเสียชีวิต
“กรี๊ดดด” ถนนที่สงบอยู่ก่อนนั้นมีเสียงกรีดร้องระงมและคนหลายคนเริ่มเตรียมวิ่งหนีด้วยความแตกตื่น “ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์บอกเจนน์และคีนที่ยืนตะลึงอยู่