ตอนที่ 8-18 เมืองเซียร์
พื้นที่ร้างกว้างใหญ่
ผู้คนนับสิบที่คุ้มกันรถม้าตายทั้งหมด โลหิตสีดำฉีดพุ่งออกมาจากร่างของพวกเขาอย่างน่าสยดสยอง โฮลเมอร์ถูกแฮรุตบตายในครั้งเดียว เจนน์และคีนมองออกมาจากในรถตลอดเวลาตะลึงทำอะไรไม่ถูก
“พี่ลีย์” คีนร้องเรียกอย่างตื่นตกใจ หน้าของเจนน์ซีดขาวยิ่งกว่า
ขณะที่ลินลี่ย์เตรียมจะตอบแลมเบิร์ตบ่าวชราซึ่งทำหน้าที่สารถีร้องออกมาอย่างประหลาดใจขณะจ้องมองดูซากศพโฮลเมอร์ “เขานั่นเอง! เขาคือนักฆ่าที่อันตรายที่สุดในเมืองเซียร์โฮลเมอร์ เฒ่าประหลาดที่เรียกตัวเองว่าเภสัชกร”
“โฮลเมอร์? ปู่แลมเบิร์ต ปู่พูดถึงใคร?” คีนมองดูแลมเบิร์ต
แลมเบิร์ตสูดหายใจลึก “คุณชาย, คุณหนูโฮลเมอร์ผู้นี้เป็นบุคคลอันตรายที่สุดที่อยู่ในเมืองนี้ ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อข้ายังรับใช้ท่านแม่ของเจ้าอยู่ในเมือง ข้าเคยเผชิญหน้ากับเขาสองสามครั้ง ตอนนั้นท่านเคาท์เว็ดแนะนำโฮลเมอร์ผู้นี้ให้รู้จักท่านแม่เจ้าเหมือนกัน โฮลเมอร์ผู้นี้มีฝีมือในการใช้พิษมาก แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงนักรบระดับหก แต่มีครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่านักสู้ระดับเก้าได้คนหนึ่ง”
ตอนนี้เจนน์และคีนถึงได้เข้าใจ
ลินลี่ย์ฟังอยู่ด้านข้าง พยักหน้าเช่นกัน
“โฮลเมอร์ผู้นี้โลภมากมีแนวโน้มว่าการกระทำของเขาครั้งนี้คงมาจากนายหญิงใหญ่ด้วย”หน้าของแลมเบิร์ตเคร่งเครียด “นายหญิงใหญ่ตั้งใจจะฆ่าพวกเจ้าจริงๆ!”
“มีพี่ลีย์อยู่ด้วยเราไม่มีอะไรต้องกลัว!” คีนมั่นใจมาก เจนน์มองดูลินลี่ย์ด้วยความมั่นใจเช่นกัน
“พอเถอะ เราต้องไปต่อเดี๋ยวนี้จะได้ไปถึงเมืองเซียร์เร็วขึ้น” ลินลี่ย์พูดตามตรง กลุ่มของลินลี่ย์เร่งรีบเดินทางตรงไปที่ตัวเมืองเซียร์ทันทีทิ้งไว้แต่ฝุ่นฟุ้งไว้บนถนนรกร้าง
เขตเมืองเซียร์ นี่คือเมืองที่มีประชากรอยู่ราวสองถึงสามแสนคนกำแพงเมืองสีแดงยืดยาวออกไปไกล ในแง่ของสถาปัตยกรรมอาคารสิ่งก่อสร้างของเมืองเซียร์ค่อนข้างโอ่อ่าหรูหรา
คีนผลักเปิดประตูรถม้า เมื่อเห็นเมืองที่งดงามและสง่างามอยู่ต่อหน้าหัวใจของคีนเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานไม่มีที่สุด ตาของเขาเป็นประกาย และเขากล่าว “จากวันนี้ไป ข้าจะเป็นเจ้าเมืองปกครองหัวเมืองนี้”
ด้านนอกประตูเมือง
“เสือดำ?” เมื่อทหารเฝ้าประตูเองเห็นพาหนะของลินลี่ย์จากระยะไกล พวกเขาตะโกนบอกทหารเฝ้าเมืองทีอยู่ใกล้ๆ ทันที“เร็วเข้า, ส่งคนไปรายงานท่านหญิง คนที่ท่านหญิงพูดตอนนี้มาถึงแล้ว”
“รับทราบ”
ทหารยามเฝ้าประตูเมืองวิ่งไปที่โรงแรมที่อยู่ใกล้ประตูเมืองที่สุดและขึ้นไปที่ชั้นสอง ในทันทีนั้นเองมีนักรบคนหนึ่งเฝ้าอยู่ด้านนอกเชิงบันได เมื่อเห็นว่าทหารยามเฝ้าประตูเมืองวิ่งมาทางนี้นักรบผู้นั้นเปิดทางให้เขา
“ท่านหญิง” ทหารเฝ้าประตูเมืองคุกเข่าข้างหนึ่งแสดงความเคารพ
“ท่านหญิง, ยอดฝีมือที่ขับขี่เสือดำที่ท่านกล่าวถึงตอนนี้มาถึงแล้วมีรถม้าอยู่ด้านหลังของเขาด้วย”
“อะไรนะ?” ก่อนที่ท่านหญิงเว็ดจะทันได้ตั้งตัวพี่ชายทั้งสองของนางซึ่งยืนอยู่ข้างหลังนางร้องออกมาอย่างตกใจ
ท่านหญิงเว็ดขมวดคิ้ว “ตอนนี้ปล่อยไปก่อน”
“ขอรับ” ทหารเมืองถอยออกไปด้วยความเคารพ
ตอนนี้พี่ชายทั้งสองคนของท่านหญิงเว็ดแตกตื่นมากขึ้น พี่ชายคนโตรีบกล่าว “น้องข้า,พวกเขารอดชีวิตเดินทางมาถึงเมืองเซียร์ได้จริงๆ หรือว่าตาแก่วิปริตโฮลเมอร์จะทำงานพลาด?”
“ยากจะบอกได้”
ท่านหญิงเว็ดขมวดคิ้ว “บางทียอดฝีมือที่ขี่เสือดำที่กำลังคุ้มครองสองพี่น้องบ้านนอกนั้นไม่ได้ใช้ถนนใหญ่จากเมืองเรดแซนด์ บางทีพวกเขาอาจจงใจมาทางอ้อมและทำให้โฮลเมอร์กับคนอื่นๆ คลาดกับพวกเขา”
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง พี่ชายทั้งสองของนางอดพยักหน้าไม่ได้
แน่นอน เป็นไปได้อย่างมากที่ฝ่ายตรงข้ามของพวกเขาใช้เส้นทางวนอ้อมเมืองเซียร์
“อย่างนั้นตอนนี้เราควรทำยังไงดี?” พี่ชายทั้งของท่านหญิงเว็ดมองดูนาง
“ลงไปต้อนรับพวกเขา” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าท่านหญิงเว็ด “เด็กๆ ที่น่ารักทั้งสองคนของข้ากลับมาแล้วหลังจากทนลำบากมานานหลายปี ในที่สุดพวกเขาก็กลับมา ในฐานะป้าที่ดี ข้าจะไม่ไปรับพวกเขาได้ยังไง?”
และขณะที่พูด ท่านหญิงเว็ดก้าวเดินลงบันได
ขณะที่พวกเขาเดินออกมาที่หน้าประตูใหญ่ของโรงแรม ท่านหญิงเว็ดเห็นบุรุษหนุ่มร่างกายสูงใหญ่สะพายดาบหนักที่หลังกำลังขี่เสือดำที่งามสง่าตัวหนึ่ง และใบหน้าที่คุ้นเคยของแลมเบิร์ต
“โอว, แลมเบิร์ต ไม่ได้พบกันนานเลยนะ” ท่านหญิงเว็ดส่งเสียงแหลมสูงทักทายทันที
ลินลี่ย์ เจนน์ คีนและแลมเบิร์ตพากันหันหน้าไปทางนาง แลมเบิร์ตสะดุ้ง จากนั้นพูดด้วยความเคารพ “นายหญิงใหญ่”
ท่านหญิงเว็ดหัวเราะอย่างเป็นกันเอง “หลานทั้งสองคนนี้น่าจะเป็นเจนน์กับคีนสินะ เจนน์ก็งดงามมากกว่าเมื่อก่อนและนางมีรูปร่างคล้ายกับมารดาของนางทีเดียว คีนก็ไม่ใช่เด็กน้อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้เขาหล่อเหลามากกว่าเดิม”
เจนน์กับคีนทั้งคู่ยังจำท่านหญิงเว็ดได้
แม้ว่าจะผ่านมานานเกือบแปดปีแล้ว ลักษณะของท่านหญิงเว็ดไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักยกเว้นริ้วรอยย่นเล็กน้อยที่หางตาของนาง
“ท่านหญิงใหญ่” เจนน์กับคีนแสดงความเคารพทั้งคู่
“วิเศษ, วิเศษมาก ไม่จำเป็นต้องมากมารยาทเกินไป” ท่านหญิงเว็ดหัวเราะเบาๆจากนั้นมองดูลินลี่ย์ “และผู้นี้คือ?”
“นี่คือพี่ลีย์” คีนรีบตอบ
“ลีย์?” หนังตาท่านหญิงเว็ดกระตุก จากนั้นนางหัวเราะ “โอว ท่านลีย์ข้าคาดว่าต้องเป็นท่านแน่ที่คุ้มครองปกป้องพวกเขามาส่งเมืองเซียร์ ข้าต้องขอบคุณท่านแทนเจนน์กับคีนด้วย มาเถอะ เข้าปราสาทกันทุกคนเถอะ คืนนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงอย่างดีให้หลานผู้น่าสงสารทั้งสองของข้า”
ปราสาทของเจ้าเมืองเป็นตึกสี่เหลี่ยมและค่อนข้างโอ่อ่าสง่างาม
“ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง” หลังจากได้ยินข่าวซึ่งอัศวินส่งมาท่านหญิงเว็ดยิ่งโกรธมากกว่าเดิม
โฮลเมอร์เป็นหมากตัวหนึ่งที่นางเชื่อใจ
แต่ตอนนี้โฮลเมอร์ล้มเหลว ท่านหญิงเว็ดรู้สึกผิดหวังมาก
“พอมีเจ้าลีย์ผู้นั้น ทำให้ข้าฆ่าคีนได้ลำบากมาก” ท่านหญิงเว็ดโกรธจัด “พิษเหรอ? ใช้พิษด้วยยอดฝีมือใช้พิษธรรมดาจะสามารถหลบพ้นการตรวจจับได้หรือ? นักฆ่า?กี่คนแล้วที่ส่งไปจัดการเจ้าลีย์ผู้นี้?”
ดวงตาของท่านหญิงเว็ดค่อยๆ เป็นประกาย
“ดูเหมือนมีเพียงวิธีเดียวที่เหลืออยู่” ความกังวลหายไปจากดวงตาของท่านหญิงเว็ด สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือความมั่นใจและความอำมหิต
ภายในห้องทานอาหารขนาดใหญ่ของปราสาท มีโคมระย้าแก้วขนาดยักษ์ส่องสว่างไสวไปทั่วทั้งห้องขุนนางในเมืองเซียร์ทุกคนปรากฏตัวในวันนี้
“ข้าได้ยินมาว่าบุตรท่านเคาท์เว็ดกลับมาแล้ว สงสัยจริงว่าท่านหญิงเว็ดจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง”
“ใครจะรู้? แต่ท่านหญิงเว็ดคงไม่ยอมสูญเสียอำนาจของนางไปอย่างแน่นอน”
“ท่านหญิงเว็ดเป็นคนที่โหดเหี้ยมอำมหิตน่าเสียดายที่บุตรชายของนางมาตายในอ้อมอกสตรี น่าตลกเสียจริง” ขุนนางส่วนใหญ่คุยกันเบาๆ
ในหมู่พวกเขาใครบ้างไม่รู้ว่าท่านหญิงเว็ดกดขี่และบ้าอำนาจ?แต่เนื่องจากว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองเซียร์ เกือบทั้งหมดได้แต่เยาะเย้ยลับหลัง พวกเขาไม่กล้าต่อต้านนางโดยเปิดเผย
“ท่านหญิงเว็ดมาถึงแล้ว”
ขุนนางที่กำลังซุบซิบนินทาชะงักการสนทนาทันที พวกเขาทุกคนหันไปทางท่านหญิงเว็ดที่กำลังเดินลงบันได ท่านหญิงเว็ดยังคงดูหนักแน่นและดูเจ้ายศเจ้าอย่างเหมือนที่นางเคยมี
ท่านหญิงเว็ดปลาบปลื้มที่ได้รับความสนใจจากสมาคมผู้คนในตอนนี้นางเอียงศีรษะเล็กน้อยขณะเดินลงมา
“ทุกท่าน” ท่านหญิงเว็ดหัวเราะ “วันนี้ถือเป็นวันแห่งความปลื้มปิติ หลานทั้งสองของข้าตกระกำลำบากอยู่ภายนอกถึงแปดปี ในที่สุดก็กลับมาในวันนี้”
ถึงเวลานี้ มีคนอีกสองคนปรากฏตัวที่บันไดทันที
คนหนึ่งเป็นเด็กผู้ชายสวมสูทสุภาพบุรุษสีดำ ขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นสุภาพสตรีผมทองชุดขาวคลุมทั้งตัว ทั้งสองคนเดินออกมาด้วยกันและสายตาของขุนนางหลายคู่เป็นประกาย
แม้ว่าเจนน์จะแต่งตัวเรียบง่าย ประกอบกับรูปลักษณ์ของนางหุ่นของนางและท่าทางมารยาทที่บริสุทธิ์ของนาง สายตานางมีแววตื่นเต้นขุนนางหนุ่มหลายคนปลุกปลอบใจและพยายามถามกันต่อมาว่าเด็กสาวนั้นคือใคร
“เจนน์ คีน มานี่สิ”ท่านหญิงเว็ดเรียกทั้งสองคนอย่างเป็นกันเอง
เจนน์และคีนเดินลงบันไดมาพร้อมกัน และยืนอยู่ข้างท่านหญิงเว็ด ท่านหญิงเว็ดเรียกด้วยท่าทีสนิทสนม “นี่คือเจนน์ดูสิ เป็นเด็กสาวที่งดงามจริงๆ และหนุ่มน้อยผู้สง่างามคนนี้คือคีน” ท่านหญิงเว็ดถอนหายใจอย่างมีอารมณ์ “เจนน์กับคีนในที่สุดก็หลีกหนีพ้นจากชีวิตที่ยากลำบาก แต่มารดาของพวกเขา น้องสาวที่รักของข้า...” ท่านหญิงเว็ดทำตาแดงเหมือนกับว่านางจะร้องไห้
“ท่านหญิงใหญ่ ถ้าท่านหญิงรองรู้ว่าท่านห่วงใยนางมากเพียงไหนนางคงจะปลาบปลื้มใจอย่างมิต้องสงสัย” เสียงชราดังขึ้นและแลมเบิร์ตเดินเคียงข้างเข้ามาพร้อมกับลินลี่ย์
ท่านหญิงเว็ดชำเลืองมองแลมเบิร์ต
แลมเบิร์ตคือบ่าวผู้ภักดีของคุณนายรองครั้งก่อน แม้หลังจากคุณนายรองตกระกำลำบากเขาก็ยังติดตามนางโดยไม่เรียกร้องพร่ำบ่น
เจนน์กับคีนรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
พวกเขารู้ว่าสาเหตุที่มารดาตายและช่วงเวลาแปดปีที่ขมขื่นพวกเขาได้รับความทุกข์ยากเพราะท่านหญิงใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา เจนน์รู้ความคิดที่แอบแฝงของนาง แต่คนอายุสิบสี่ปีอย่างคีนแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ “ท่านหญิงใหญ่ ทำไมท่านถึงไม่เคยมาเยี่ยมเราในช่วงแปดปีนี้เลย? เราคิดถึงท่านอย่างสุดซึ้ง”
สีหน้าของท่านหญิงเว็ดไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย นางถอนหายใจ “ตลอดหลายปีมานี้ข้าทำงานในนามของเมืองเซียร์ไม่เคยหาเวลาว่างได้เลย ทุกครั้งที่ข้าคิดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ข้ารู้สึกเหมือนกับทำผิดต่อพวกเจ้าทั้งสองคน”
ลินลี่ย์หัวเราะทันทีและพูดโดยตรง “ท่านหญิงเว็ด ตอนนี้ท่านเคาท์เว็ดถึงแก่อนิจกรรมไปแล้วและคีนก็คือผู้สืบสายเลือดของเขา เหตุผลที่เขากลับมาครั้งนี้ก็เพื่อรับตำแหน่งเจ้าเมือง ท่านหญิงเว็ด ข้าสงสัยจริงว่าท่านกำหนดให้คีนได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองแล้วหรือยัง?”
ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงพากันเงียบเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้
ขุนนางทุกคนที่อยู่ในที่นั้นทราบว่าการกระทำตามเป้าหมายหลักเพิ่งจะเริ่ม
ในเวลาเดียวกัน ขุนนางทุกคนจ้องมองลินลี่ย์ด้วยความงุนงง พวกเขาไม่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้มาจากที่ใดเขาถึงได้กล้าพูดเรื่องเช่นนี้โดยตรง
“ท่านลีย์” หน้าของท่านหญิงเว็ดเคร่งขรึม และนางพูดเสียงเย็นชา “ในฐานะป้าของพวกเขาข้าต้องขอบคุณที่ท่านคุ้มครองเจนน์กับคีนมาส่งเมืองเซียร์ แต่คำถามว่าคีนจะรับตำแหน่งเจ้าเมืองยังไงนั้นเป็นเรื่องภายในตระกูลของเรา ถือว่าไม่สมควรมากเลยนะ ท่านเป็นคนนอกไม่ควรเข้ามาก้าวก่ายเรื่องนี้จริงไหม?”
คีนปฏิเสธทันที “ใครบอกว่าพี่ลีย์เป็นคนนอก?”
“ถ้าเขาไม่ใช่คนนอก แล้วเขาเป็นอะไร?” ท่านหญิงเว็ดทำหน้าเย็นชา
คีนสะดุ้ง จากนั้นเขาหันไปทางลินลี่ย์และกล่าว “พี่ลีย์คือ คือ คือคู่หมั้นของพี่สาวข้าเขาจะเป็นคนนอกไปได้ยังไง?”
“คู่หมั้น?” ท่านหญิงเว็ดอึดอัดใจ
เจนน์ก็รู้สึกอึดอัด
ลินลี่ย์ก็รู้สึกอึดอัด
“คู่หมั้น?” ลินลี่ย์มองคีนทันที คีนหลิ่วตาให้ลินลี่ย์ลินลี่ย์ก็เข้าใจความหมายของคีนทันที
แต่ในเวลานี้ เจนน์หน้าแดง
“แล้วนั่นจะเป็นยังไง?” คีนเชิดหน้าด้วยความหยิ่ง “ว่าที่พี่เขยข้ามีสิทธิ์จะคุยเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ? ท่านป้า ท่านพ่อตายไปแล้ว ขณะที่ชายข้าก็ตายไปแล้วเช่นกันตอนนี้ข้าคือผู้สืบทอดอันดับหนึ่ง”
ท่านหญิงเว็ดเงียบ
ผู้คนทั้งหมดมองไปที่ท่านหญิงเว็ด ตำแหน่งของคีนในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองอันดับหนึ่งไม่สามารถโต้แย้งได้และได้รับการปกป้องโดยกฤษฎีกา พวกเขาต้องการดูว่าท่านหญิงเว็ดจะรับมือยังไง
“ฮะฮะ คีน, ใจร้อนอะไรอย่างนี้?” ท่านหญิงเว็ดหัวเราะ “ท่านพ่อเจ้าตายแล้ว และเจ้ายังเป็นบุตรชายคนเดียวที่ยังรอดอยู่ ตามธรรมดาเจ้าก็คือผู้สืบทอดตำแหน่งลำดับแรก ตำแหน่งเจ้าเมืองจะเป็นของเจ้าแน่นอน ไม่มีใครชิงเอาไปจากเจ้าได้”
ลินลี่ย์มองดูท่านหญิงเว็ดด้วยความสงสัย
ไม่ใช่แค่เพียงลินลี่ย์เท่านั้น ใจทุกคนก็เต็มไปด้วยความสงสัย ท่านหญิงเว็ดคงไม่ยอมแพ้ง่ายดายอย่างนั้นแน่
“งั้นก็ต้องขอบคุณท่านป้า” คีนยิ้ม “อย่างนั้นเมื่อไหร่ข้าถึงจะได้รับตำแหน่งเจ้าเมือง?” ท่านหญิงเว็ดหัวเราะคิกคัก “ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบ คีน,อายุของเจ้ายังไม่ถึงเกณฑ์ เรื่องเป็นอย่างนี้ อีกสองปีเจ้าถึงจะมีอายุเป็นผู้ใหญ่ ถึงตอนนั้นเจ้าจึงจะรับตำแหน่งเจ้าเมืองได้”
“อีกสองปีเหรอ?” คีนจ้อง
ท่านหญิงเว็ดยิ้มแย้มแจ่มใส่ “คีน,เป็นเด็กดีนะ เจ้าอายุยังไม่ถึง เจ้ายังไม่มีความสามารถพอปกครองเมืองได้ อย่าห่วง สองปีจากนี้ไป เจ้าจะได้รับตำแหน่งเจ้าปกครองหัวเมืองเซียร์แน่นอน”