ตอนที่ 8-15 เภสัชกร
หลังจากประสบเหตุพยายามลอบสังหารอีกครั้ง เจนน์และคีนสองพี่น้องก็เข้าใจอย่างแท้จริงว่าการเดินทางสู่เมืองเซียร์นั้นอันตรายมากมายเพียงใด พวกเขาเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ สองพี่น้องหันไปหาลินลี่ย์โดยไม่รู้ตัว
“พี่ลีย์, ต่อไปเราควรจะทำยังไงดี?” เจนน์มองลินลี่ย์ขณะที่ถามคำถามนี้ใจนางเต็มไปด้วยความกังวล
เวลานี้เจนน์กับคีนสองพี่น้องรู้สึกเหมือนกับว่าหลงทางอยู่ในที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตไม่อาจเห็นอนาคต พวกเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาดันทุรังต่อไป
เมื่อเห็นสองพี่น้องที่ไร้เดียงสาคู่นี้แล้ว ลินลี่ย์ปลอบโยนพวกเขา “อย่าห่วงข้ามั่นใจความสามารถตัวเองว่ารับมือกับรักษาการเจ้าเมืองได้”
ตอนนี้ลินลี่ย์เป็นนักสู้ระดับแปดแล้วและยังเป็นนักสู้ระดับเก้าชั้นสูงเมื่ออยู่ในร่างแปลงมังกรเสือดำเมฆาแฮรุก็ยังเป็นอสูรเวทระดับเก้าชั้นสูงและพลังของบีบีไม่ต่ำทรามกว่าลินลี่ย์และแฮรุแต่อย่างใด
เมื่อมนุษย์ผู้นี้และอสูรเวททั้งสองโจมตีพร้อมกันถ้าไม่ใช่นักสู้ระดับเซียนปรากฏตัวออกมา ไม่ว่าจะมีคนมากี่คนก็ตาม ก็ไม่มีทางยับยั้งทั้งสามนี้ได้
เมื่อได้ยินคำพูดของลินลี่ย์ เจนน์กับคีนอดเคารพเทิดทูนลินลี่ย์ไม่ได้
แม้ว่าจนถึงบัดนี้ ทั้งสองคนก็ยังไม่รู้ว่าแท้จริงลินลี่ย์แข็งแกร่งมีพลังขนาดไหนแต่ในสายตาของพวกเขาลินลี่ย์เป็นคนน่าทึ่งและลึกลับ สำหรับแลมเบิร์ตเห็นสิ่งเหล่านี้มาตลอดเขารู้สึกพอใจมากเช่นกัน ตราบใดที่เจนน์กับคีนมีชีวิตปลอดภัย เขาก็มีความสุขแม้ว่าเขาจะตายก็ตามมียอดฝีมือที่ยินดีช่วยเหลือสองพี่น้องจากบ้านนอกโดยไม่มีการพูดเรื่องอะไรอื่นสร้างความพอใจและซาบซึ้งให้กับบ่าวชรามากแล้ว
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นได้ยินจากด้านนอก
“ข้าจะไปรับเอง” แลมเบิร์ตหัวเราะ “บางทีบริกรคงนำอาหารเช้ามาให้”
“เตรียมตัวกินกันเถอะ”ลินลี่ย์หัวเราะขณะที่เขานำเจนน์และคีนไปที่ห้องนั่งเล่น แลมเบิร์ตเปิดประตูที่พักของพวกเขาและบริกรสองคนเข็นรถส่งอาหารเข้ามา
“นำอาหารนี้ไปที่ห้องนั่งเล่นได้เลย” แลมเบิร์ตพูดกลั้วเสียงหัวเราะพลางบอกพวกเขา
“ขอรับ ท่าน” บริกรทั้งสองคนนอบน้อมขณะที่ต่างคนต่างเข็นรถเข้าไปข้างใน ขณะที่พวกเขาเข้าไปข้างใน พวกเขาชำเลืองมองกันเองเป็นการสื่อสารผ่านดวงตา
ในการพยายามลอบสังหารครั้งนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่ก็ตามพวกเขาจะต้องตายแน่ๆ
พวกเขารู้ว่าลินลี่ย์ยอดฝีมือที่ทรงพลังนั้นยังคงปรากฏตัวไม่ว่าจะเป็นลินลี่ย์หรือเสือดำของเขาก็สามารถฆ่าพวกเขาได้ง่ายๆ
….
ภายในห้องนั่งเล่น ลินลี่ย์นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ เจนน์และคีนนั่งอยู่ด้านข้าง บริกรทั้งสองคนยิ้มอย่างนอบน้อมขณะที่พวกเขาเข็นรถอาหารเข้ามาในห้อง
“ใต้เท้า, คุณหนู จะให้เราวางแกะย่างนี้ไว้ที่ไหนขอรับ?” บริกรคนหนึ่งเปิดฝาอาหารทันที
“วางไว้ตรงนั้น” ลินลี่ย์ชี้ไปที่พื้นหินใกล้โต๊ะเสือดำเมฆาแฮรุกำลังพักอยู่ข้างโต๊ะนั้น เมื่อมันได้กลิ่นเนื้อย่าง มันเงยหน้าขึ้น
สำหรับแฮรุ แกะย่างทั้งตัวไม่มีอะไรมากไปกว่าอาหารเบาๆ ยามเช้า
“ขอรับท่าน” บริกรวางถาดที่มีแกะย่างตัวใหญ่ลงบนพื้นอย่างว่าง่าย บีบีวิ่งเข้ามาทันที มันกวาดกรงเล็บที่แหลมคมตัดขาแกะย่างไปชิ้นหนึ่ง
แฮรุจ้องมองบีบีและจากนั้นมันเดิมเข้ามาและเริ่มกัดกินแกะย่างส่วนใหญ่ที่ยังเหลือ
“เชิญขอรับ” บริกรวางถาดอาหารข้างหน้าลินลี่ย์และจากนั้นวางอีกใบที่ข้างหน้าเจนน์
ขณะเดียวกัน บริกรอีกคนหนึ่งก็วางถาดอาหารด้านหน้าคีน
ขณะนั้นเอง...
บริกรทั้งสองคนอยู่ด้านข้างคีน คีนไม่เอะใจแม้แต่น้อย หยิบมีดและซ่อมอย่างมีความสุขเตรียมสำราญกับอาหารมื้อนี้
บริกรทั้งสองคนชำเลืองมองกัน เหมือนกับว่าร่างกายของพวกเขาเชื่อมโยงกันพวกเขาเอื้อมมือเข้าหาคีนพร้อมกันมือทั้งสี่ของพวกเขางอราวกับตะขอเตรียมทะลวงเข้าที่อก ศีรษะและลำคอของคีน
มือทั้งสี่โจมตีพร้อมกัน
นักรบธรรมดาระดับห้าและหกสามารถต่อยทำลายหินในหมัดเดียวได้ แม้แต่นักรบระดับสี่ก็สามารถทำลายแผ่นไม้หนาได้
จุดสำคัญของเด็กอ่อนอย่างคีนบางทีไม่อาจทนรับการจู่โจมทำร้ายได้แม้แต่ครั้งเดียวไม่ต้องพูดถึงศีรษะ อก หรือลำคอของเขาเลย
พวกเขาอยู่ใกล้เกินไป
บริกรทั้งสองคนอยู่ใกล้คีนมาก และพวกเขาโจมตีจากระยะใกล้เช่นกันระยะใกล้ขนาดนั้น ต่อให้เป็นนักรบระดับแปดกว่าจะตั้งตัวได้ทันคีนก็คงตายไปแล้ว
ลินลี่ย์แค่นเสียงเย็นชา
แสงสีม่วงเป็นประกายวูบขึ้นทันทีจากนั้นก็หายไปเสียงร้องโหยหวนแสบแก้วหูดังลั่นขณะที่มือทั้งสี่ของบริกรทั้งสองคนขาดตกลงบนพื้น
“อ๊า!” เจนน์กลัวจัดจนลุกขึ้นยืนพรวดพราด
“คุณชาย!”พอถึงตอนนี้แลมเบิร์ตถึงได้ตระหนักถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเกือบทั้งหมด เขาโมโหเตะบริกรทั้งสองกระเด็นกระแทกผนังจนผนังสั่นสะเทือน
บริกรทั้งสองคนนั้นครวญครางด้วยความเจ็บปวด พวกเขาได้แต่มองหน้ามีแววสิ้นหวังในดวงตา
“เจ้า..รู้ได้..ยังไง” หนึ่งในบริกรมองดูลินลี่ย์อย่างเหลือเชื่อ
พวกเขาอยู่ห่างคีนไม่ถึงครึ่งเมตร แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงนักรบระดับสี่แต่ระยะใกล้ขนาดนั้น พวกเขาไม่ต้องใช้เวลามากเลยในการสังหารคีนทันที
ในช่วงเวลาสั้นขนาดนั้น ต่อให้เป็นยอดฝีมือไม่น่าจะลงมือได้ทันเวลา
ลินลี่ย์ไม่เพียงแต่ลงมือได้ทันเวลาเท่านั้น เขายังสามารถตัดแขนของพวกเขาได้
“ประหลาดใจที่ข้ารู้ตัวทันเวลาหรือ?” ลินลี่ย์มองดูทั้งสองคนอย่างใจเย็น “บริกรทั่วไปจะมีแขนอย่างพวกเจ้าได้ยังไง?”
ทั้งสองคนมองดูแขนที่ถูกตัดขาด
คนที่ได้รับคำสั่งจากบุรุษผมแดงทุกคนล้วนเป็นพลธนูมือดี มือธนูฝีมือดีจะต้องฝึกฝนอยู่บ่อยๆทำให้เส้นเลือดและกล้ามเนื้อที่แขนของพวกเขานูนเด่นชัด
บริกรทั้งสองต่างจ้องมองกัน นัยน์ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ยิ่งกว่านั้นแขนที่ถูกตัดของเขายังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุดในไม่ช้าทั้งสองคนจะต้องเสียเลือดมากและตายแน่นอน แต่พวกเขารู้ ภารกิจของพวกเขาล้มเหลว ต่อให้ลินลี่ย์ไว้ชีวิตพวกเขาแต่หัวหน้าและท่านหญิงเว็ดคงจะไม่ไว้ชีวิตพวกเขาเป็นแน่”
“อย่าไปถือสาพวกเขาเลย ตอนนี้เราไปกันเถอะ” ลินลี่ย์ยืนขึ้น
เจนน์กับคีนประสบเหตุการณ์ลอบฆ่าถึงสองครั้งแล้วจึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากมายในครั้งที่สามนี้เหมือนอย่างเมื่อก่อน คีนกระซิบเบาๆ “พี่ลีย์, อาหารเช้าจะทำยังไงดี?เราจะห่อเอาไปด้วยไหม?”
“ไม่”
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “ระวังอาหารที่เจ้าจะกินในอนาคตด้วย ข้าสงสัยว่าอาหารทั้งหมดนี้จะถูกวางยาพิษ”
“ยาพิษ?” คีนดูอาหารในจานของเขาและรู้สึกหวาดผวา
“จี๊ดดด!” บีบีที่อยู่ด้านข้าเริ่มส่งเสียงร้องใส่ลินลี่ย์ เมื่อเห็นบีบีเป็นอย่างนั้น ลินลี่ย์อดหัวเราะไม่ได้
“เถอะน่า เถอะน่า, เจ้าไม่กลัวพิษใช่ไหม?” ลินลี่ย์พูดอย่างจำนน
อสูรเวทและมนุษย์มีสภาพร่างกายที่แตกต่างกัน อสูรเวทหลายตัวมีส่วนของร่างกายที่เป็นต่อมพิษอยู่ในตัวมาตั้งแต่เกิด พิษซึ่งมนุษย์ทั้งหลายกลัว พวกมันอาจไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเป็นอสูรเวทที่ทรงพลัง ระบบภูมิคุ้มกันของพวกมันก็ยิ่งแข็งแกร่ง นอกจากนี้เนื่องจากอสูรเวทส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในป่าเก่าแก่ที่ยังไม่ถูกแตะต้อง บ่อยครั้งที่มันมีปฏิกิริยากับพิษโดยธรรมชาติตั้งแต่เล็ก ดังนั้นอสูรเวทรุ่นแล้วรุ่นเล่าจึงมีภูมิต้านทานพิษเพิ่มขึ้น
……
กลุ่มของลินลี่ย์ออกจากโรงแรมแต่เช้าตรู่ บุรุษผมแดงมองดูกลุ่มของลินลี่ย์เดินออกไปไกล หน้าของเขาดูบิดเบี้ยวน่าเกลียด
ลีย์?“บุรุษผมแดงพึมพำ ”ยอดฝีมือที่มีพลังขนาดนั้นมาจากไหน?และทำไมเขาต้องเดินทางไปกับสองพี่น้องบ้านนอกนี้?”
บุรุษผมแดงไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ภารกิจลอบสังหารคีนและเจนน์แต่เดิมนั้นง่ายมาก บ่าวชราแลมเบิร์ตยังไม่แข็งแกร่งพอจะทำอะไรได้ แต่ภารกิจที่เดิมทีง่ายๆนั้นกลับกลายเป็นยากขึ้นอย่างกระทันหันทันทีที่ยอดฝีมือลึกลับเข้ามาพัวพันด้วย
“ไม่มีอะไรทำได้ ข้าต้องรายงานนายหญิง” เมื่อรู้ว่าลินลี่ย์มีพลังเพียงใด บุรุษผมแดงไม่กล้าเสี่ยงอีกต่อไป
……
ในฐานะเป็นจักรวรรดิที่เป็นมหาอำนาจที่สุดในสี่จักรวรรดิใหญ่ จักรวรรดิโอเบรียนมีระบบการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมกองงานสื่อสารพิเศษนั้นใช้เหยี่ยววายุน้ำเงินในการสื่อสาร
ทุกเมืองในเขตปกครองของจักรวรรดิโอเบรียนจะมีเหยี่ยววายุน้ำเงินอยู่ไม่กี่ตัว มันถูกฝึกให้เชื่องเชื่อโดยกองงานสื่อสาร เหยี่ยววายุน้ำเงินมีความฉลาดมาก พวกมันจดจำเส้นทางได้และภายใต้คำสั่งเจ้านายของมันมันสามารถนำจดหมายไปได้ทั่ว
แต่มีแค่ตระกูลปกครองเมืองของจักรวรรดิโอเบรียนจึงจะมีสิทธิ์ได้ใช้เหยี่ยววายุน้ำเงินเหล่านี้ คนธรรมดาสามัญและแม้แต่ขุนนางทั้งหมดไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น และแน่นอน กองทัพก็มีระบบสื่อสารเฉพาะตน
เมื่อลงผนึกตราเจ้าเมืองเซียร์บุรุษผมแดงขอให้เมืองแบล็คร็อคส่งเหยี่ยววายุน้ำเงินไปยังเมืองเซียร์
….
การบินเป็นเส้นตรงในอากาศ ไวกว่าวิ่งไปตามถนนไม่นานหลังจากกลุ่มของลินลี่ย์ออกจากเมืองแบล็คร็อค เหยี่ยววายุน้ำเงินก็มาถึงเมืองเซียร์
เมืองเซียร์เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่
ในมณฑลพายัพ เมืองนี้เป็นหนึ่งในสิบสุดยอดเมือง ในเวลานี้ในปราสาทที่พักของเจ้าเมืองมีบรรยากาศที่มืดมนและชั่วร้ายมาก
เจ้าของปราสาทนี้ก็คือท่านหญิงเว็ด! นางเป็นคนที่เย็นชา ชั่วร้ายและหยิ่งยโส
“น้องเรา, น้องเรา!”
บุรุษวัยกลางคนสองคนวิ่งเข้ามาในสวนดอกไม้ด้านหลัง เวลานี้ท่านหญิงเว็ดกำลังเพลิดเพลินกับการอาบแดดโดยมีสตรีสองคนคอยรับใช้
“เป็นอะไรไป พี่ชายที่รักทั้งสองของข้า?” ท่านหญิงเว็ดเชิดศีรษะขณะมองดูบุรุษทั้งสองคน
“น้องเรา, มีจดหมายส่งแจ้งว่า ภารกิจล้มเหลว” ทั้งสองคนลังเลเล็กน้อยแล้วจึงรายงาน
“ล้มเหลว? เคิร์ดใช้ไม่ได้ถึงขนาดนั้นได้ยังไง?” ท่านหญิงเว็ดหยิบจดหมายมาอ่าน นางทำหน้าบึ้งและสับสน“ยอดฝีมือลึกลับซึ่งมีอสูรเวทประเภทเสือดำเป็นสหาย?”
ตามที่เคิร์ดบุรุษผมแดงกล่าวไว้ เสือดำอย่างน้อยต้องเป็นอสูรเวทระดับแปด และยอดฝีมือลึกลับนั้นอย่างน้อยต้องเป็นนักสู้ระดับแปดบางทีอาจเป็นระดับเก้าก็ได้
ท่านหญิงเว็ดรู้สึกว่าจดหมายหนักอึ้งขึ้นมาทันที
“น้องหญิง, เราจะทำยังไงกันดี?” พี่ชายคนโตของท่านหญิงเว็ดซึ่งตัวอ้วนถาม ส่วนพี่ชายคนรองของท่านหญิงเว็ดยังคงมองนางอย่างเปี่ยมความหวัง
ท่านหญิงเว็ดขมวดคิ้วขณะไตร่ตรองปัญหา
“ท่านพี่ทั้งสอง! ช่วยไปขอร้องเภสัชกรโฮลเมอร์ด้วย”ท่านหญิงเว็ดพูดอย่างใจเย็น
“โฮลเมอร์? เจ้าแก่วิปริตนั่นน่ะหรือ?” พี่ชายรองออกมาอย่างประหลาดใจทันที
ท่านหญิงเว็ดพูดเย็นชา “ตามที่เคิร์ดตรวจสอบมา เจ้าคนลึกลับที่ชื่อลีย์อย่างน้อยก็เป็นนักสู้ระดับแปด บางทีอาจเป็นระดับเก้า ข้าไม่มีความสามารถฆ่านักสู้ระดับเก้าซึ่งหน้าได้แน่ ดีที่สุดให้เภสัชกรโฮลเมอร์จัดการเรื่องนี้ ที่สำคัญคือเภสัชกรโฮลเมอร์เคยฆ่านักสู้ระดับเก้ามาแล้ว”
“แต่โฮลเมอร์...” พี่ชายคนโตของท่านหญิงเว็ดลังเลเช่นกัน
“ฮึ่ม.. ถ้าท่านทั้งสองทำอย่างนี้ พวกท่านจะไม่มีทางทำอะไรได้เลย ต่อให้ข้าฆ่าคีนแล้ว ถ้าท่านสองคนทำแบบนี้ พวกท่านยังเหมาะจะเป็นเจ้าเมืองอีกหรือ?” ท่านหญิงเว็ดแค่นเสียงเย็นชา
“ก็ได้ น้องเรา, เราจะไปคุยกับเภสัชกรโฮลเมอร์เดี๋ยวนี้” พี่ชายทั้งสองของท่านหญิงเว็ดยอมรับคำนาง
…..
“เภสัชกรโฮลเมอร์” เป็นชื่อที่โฮลเมอร์ตั้งให้ตัวเอง
อีกมุมมองหนึ่งของโฮลเมอร์ก็คือฆาตกร แต่โฮลเมอร์มองตัวเองว่าเป็นเภสัชกร
และแน่นอนความสามารถของโฮลเมอร์ในการรักษาชีวิตค่อนข้างสูง ตอนนี้โฮลเมอร์มีอายุเกือบสามร้อยปี นักรบระดับหกคนหนึ่งจะมีชีวิตอยู่ถึงเกือบสามร้อยปีก็แทบเป็นไปไม่ได้ แต่โฮลเมอร์กลับทำได้ ยิ่งกว่านั้นโฮลเมอร์ดูเหมือนกับว่ามีรูปร่างที่ดี ทั้งนี้เป็นเพราะโฮลเมอร์มักปรุงส่วนผสมยาที่ประหลาดทำให้ร่างกายอายุสามร้อยปีของเขายังแข็งแรงสุขภาพดีเหมือนกับคนหนุ่ม
“ฮึ..ท่านหญิงเว็ดช่างมีใจกว้างจริง งานที่ส่งมานี้...ข้ารับ ข้ารับทำ” โฮลเมอร์ลูบเคราสีเทาหัวเราะเบาๆ
ที่อยู่ต่อหน้าของโฮลเมอร์คือพี่ชายทั้งสองของท่านหญิงเว็ดที่ค่อนข้างจะมีอาการกังวล
“เภสัชกรโฮลเมอร์ ยิ่งท่านลงมือให้เร็วก็ยิ่งดี” พี่ชายคนโตของท่านหญิงเว็ดกระตุ้น “คนของเราจะส่งท่านไปหาเป้าหมาย”
“ฮ่าฮ่า จ่ายมัดจำให้ข้าก่อน แล้วข้าจะออกไปลงมือทันที” โฮลเมอร์หัวเราะลั่น
“จ่ายมัดจำ?” พี่ชายทั้งสองมองหน้ากันเอง
ในเมืองปกครองอย่างเมืองเซียร์ สองคนไม่เคยถูกปฏิบัติอย่างนี้มาก่อน แต่หลังจากศึกษานิสัยของโฮลเมอร์มาบ้างสองพี่น้องไม่กล้าตอแยโฮลเมอร์ผู้ที่เรียกตัวเองว่าเภสัชกร เมื่อตาเฒ่านี่มีโทสะ ไม่ทราบว่ามีคนตายมามากเท่าใดแล้ว