ตอนที่ 198 – ตอนที่ 186 ประลองตัดสิน P2
เจ้ายักษ์ทองที่เดิมทีเดินหน้าเข้าหาเย่ว์หยาง ถูกมหาอำมาตย์ผลักจนถอยไปถึง 9 ก้าว
สององครักษ์พิทักษ์ฟ้า, จุนอู๋โหย่ว, ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และเฟิงขวงเดินออกมายืนรวมกับมหาอำมาตย์ พวกเขาต้องการปกป้องเย่ว์หยางไว้จึงยืนรวมกันขวางหน้าศัตรูแข็งแกร่ง
เย่ว์หยางเคลื่อนไหวเอง
เขาคิดว่าถ้าศึกครั้งนี้เริ่มขึ้นจริงๆ จุนอู๋โหย่ว, ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่, เฟิงขวงและคนอื่นๆ อาจเสียชีวิตได้ง่าย
ขณะที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดสามคนปะทะนักสู้ปราณก่อกำเนิดฝ่ายตรงข้ามสี่คน แม้ว่าจะนับตัวเขาเองเข้าไปด้วย พวกเขาก็ไม่อาจเอาชนะได้ง่ายๆ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือยังมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดจากวังปีศาจคอยจับตาฉากการต่อสู้อย่างใกล้ชิด ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดพลาดพลั้ง เขาเกรงว่าพวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ
ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น เหล่าสหายที่เข้ามาแสวงหาความบันเทิงพวกนั้นก็เช่นกัน พวกเขาจะไม่นิ่งดูดายและยืนมองจนถึงที่สุด พวกเขาอาจช่วยราดน้ำมันลงในกองไฟและฉวยประโยชน์ซ้ำเติมอีกฝ่ายก็ได้
แม้ว่าพวกเขาจะรู้เป็นอย่างดีว่าเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะชนะการศึกครั้งนี้ จุนอู๋โหย่วและนักสู้แห่งอาณาจักรต้าเซี่ยยังคงยืนกรานเข้าข้างเย่ว์หยาง ในโลกเก่า เย่ว์หยางเห็นสังคมที่มีความสามัคคีมามาก เพื่อนบ้านที่เป็นมิตรมีความผูกพันพัฒนาร่วมกันต่างก็มีมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่และสิ่งอื่นทำนองนี้ทั้งหมด พวกโฆษกต่างประเทศที่ชอบพูดคุยประณามความรุนแรง ประท้วงอย่างขึงขังแสดงความเสียใจและใช้คำพูดที่ว่างเปล่าเช่นนั้น ก็ยังไม่มีลักษณะที่หนักแน่นเช่นนี้ เมื่อคราวระเบิดปรมณูลงพวกเขามีสิทธิ์จะพูด แต่ก็ไม่พูด กลับไปพูดถึงการฆ่าฟันครั้งในประวัติศาสตร์จีนเมื่อ 2 พันกว่าปีที่แล้ว…
ตอนนี้พอเขาได้ยินเช่นนั้น เขาก็ตระหนักว่าแม้ว่าอาณาจักรต้าเซี่ยจะยังไม่แข็งแกร่งจริงๆ แต่ทัศนคติของพวกเขาก็เป็นเยี่ยม
พวกเขาจะสู้ถ้าศัตรูต้องการ แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการต่อสู้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าศัตรูผู้แข็งแกร่งเกินเปรียบเทียบยังต้องแสดงความนับถือและให้ความสำคัญจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ก่อน เหตุผลก็คือจักรพรรดิพระองค์นี้เป็นนักสู้ที่คู่ควรหรือว่า พระองค์เป็นผู้ที่ทุกคนต้องให้เกียรติ บางทีเขาอาจเป็นฮ่องเต้ที่ดีที่สุด เป็นฮ่องเต้ที่หนักแน่น แน่วแน่และห้าวหาญที่สุด
ถ้าฮ่องเต้ของพวกเขาไม่กลัวตาย อย่างนั้นเหล่าขุนพลและกองทหารยังจะกลัวตายอีกหรือ?
ถ้าฮ่องเต้ของพวกเขากล้าเอาชีวิตเข้าเสี่ยง อย่างนั้นเหล่าขุนศึก, ทหารหาญหรือแม้แต่พลเมืองมีหรือที่จะไม่กล้าเสี่ยงชีวิต?
พวกเขาคงทำแน่นอน
เย่ว์หยางถึงกับเลือดลมพลุกพล่าน พลังของเขาเพิ่มขึ้นไม่มีที่สุดจนใกล้จะแตะระดับคลั่งแล้ว เขาเตรียมตัวจะเป็นคนแรกที่เข้าไปสังหารเจ้ายักษ์ทอง มันอาจเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะจัดการนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนอื่น แต่เจ้ายักษ์ทองผู้มีความแข็งแกร่งนี้ มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่เขาจะฆ่ามันได้
“เฮ้! หนุ่มน้อย เจ้ากำลังหาเรื่องซุกซนเล่นอีกแล้ว เจ้าก่อเรื่องยุ่งยากอีกแล้หรือนี่? ข้าเพิ่งจะกลับบ้านไปอาบน้ำแท้ๆ เจ้าก็ก่อเรื่องใหญ่อีกแล้ว” โดยที่เย่ว์หยางไม่ทันรู้ตัวนางเซียนหงส์ฟ้าก็มาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเขาแล้ว แขนเรียวงามของนางโอบไหล่และคอของเย่ว์หยาง ริมฝีปากสีแดงดุจผลเชอรี่ของนางคลอเคลียอยู่ข้างหูของเขา เสียงของนางเหมือนกับคนรักที่อ่อนหวานกำลังออเซาะ
“ปีศาจกฎฟ้า! เจ้ารู้จักเขาด้วยหรือ?” นักสู้ปราณก่อกำเนิดหลายคนต่างแปลกใจมาก เมื่อพวกเขาเห็นนางเซียนหงส์ฟ้าปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเย่ว์หยาง พลางแสดงอาการรักใคร่อย่างนั้น เป็นผลให้ท่าทีของพวกเขาปั่นป่วน
“นี่แฟนหนุ่มของข้านะ ถ้าใครทำร้ายเขา ข้าจะต้องให้พวกเจ้าชดเชยคนแบบนี้ให้ข้าคนหนึ่งด้วย!” นางเซียนหงส์ฟ้าหัวเราะคิกคัก เหมือนกับว่านางกำลังพูดความจริง
“ฮึ! ไปอยู่ห่างๆ ข้า!” เย่ว์หยางไม่มีอารมณ์จะเล่นหูเล่นตากับนาง
นางเซียนหงส์ฟ้านี้มาปรากฏตัวเมื่อแม่สี่ยังไม่ได้ถูกช่วยเหลือ อาจจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น
ภายในพระราชวัง เย่ว์หยางประเมินว่า มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้แข็งแกร่งที่สุดสองคน คนแรกคือคนที่มีเงาเลือนรางเป็นศัตรูแข็งแกร่งที่สุด อีกคนหนึ่งคือนางเซียนหงส์ฟ้า สตรีนางนี้เป็นหนึ่งในสามมหาปีศาจฟ้าแห่งวังปีศาจ นางเป็นนักสู้ที่คงไม่ยอมให้ความช่วยเหลืออาณาจักรต้าเซี่ยแน่นอน คงไม่อาจกล่าวยืนยันแน่นอนว่านางจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายตามมา แน่นอนว่า การปรากฏตัวของนางทำให้เย่ว์หยางหงุดหงิดมากขึ้น เขาแสดงอาการเบื่อหน่ายนางเต็มที
นางเซียนหงส์ฟ้าทำเหมือนกับว่าเสียใจและสะอึกสะอื้น “ข้าอุตส่าห์ยอมให้เจ้าทำแบบนั้น เจ้ายังทำใจดำกับข้า ข้าเสียใจยิ่งนัก!”
ทุกคนดูเหมือนจะเข้าใจได้ทันที มิน่าเล่าเจ้าหมอนี่ถึงได้สุดยอดนัก กลับกลายเป็นว่าเป็นคนรักเด็กของนางเซียนหงส์ฟ้านี่เอง
แน่นอน มีบางคนที่ยังสงสัย
“มารกฎฟ้า! นี่มันเรื่องจริงหรือ?” บุรุษสง่างามจากวังปีศาจลุกขึ้นยืนถามเจาะจง
“เจ้าสนใจเรื่องส่วนตัวของข้าด้วยหรือ? ปีศาจมังกรฟ้า ถ้าเจ้าต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของคนอื่น รอให้เจ้าขึ้นไปเบียดเป็นยอดฝีมือ 3 อันดับแรกก่อน ไม่สิ 3 สุดยอดคงเป็นไม่ได้สำหรับเจ้า เอาไว้ให้ถึง 5 อันดับแรกเมื่อไหร่เจ้าค่อยมาคุยกับข้า” นางเซียนหงส์ฟ้าตวาดใส่สมาชิกผู้นี้อย่างไม่เกรงใจ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น นางยังไม่ชายตามองเขาด้วยซ้ำ
“ก็ได้!” บุรุษใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขากำหมัดแน่นและนัยน์เขามีประกายเหมือนกระบี่จนแทบจะทิ่มแทงหัวใจของเย่ว์หยาง
“ประมุขนิกายพันปีศาจ โปรดขออภัยฝ่าบาทอย่างจริงใจ และชดเชยให้เราตามที่เราเรียกร้อง และอธิบายให้ชัดเจนว่าทำไม ท่านถึงปล่อย”แสงดับสูญ“ที่ใช้ฆ่าคนได้ทั้งหมดพื้นที่ได้เล่า จากนั้นท่านค่อยไปได้ มิฉะนั้น เราจะทุ่มเททำสงครามกับท่าน” มหาอำมาตย์พูดเหมือนกับว่าเขาเอาจริงขึ้นมาอีกครั้ง สถานะของเขาและคำพูดของเขาเป็นตัวแทนความเด็ดเดี่ยวของอาณาจักรต้าเซี่ย ความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมรับความอัปยศอดสู ไม่ว่าพวกเขาจะต้องต่อสู้นองเลือดหรือไม่ก็ตาม พวกเขาก็ต้องปกป้องศักดิ์ศรีประเทศของตน
“เขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง และเขายังจงใจขัดขวางไม่ให้เราช่วยคน ประมุขนิกายเราไม่มีอะไรผิด หากจะต้องสังหารเขา เจ้าบอกว่าเขาไม่รู้สนธิสัญญา พวกท่านมีหลักฐานอะไร? ท่านพูดว่าเขาไม่มีผู้แนะนำ ถ้าเขาไม่มีผู้แนะนำจริงๆ แล้วเขาบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดได้อย่างไร?” เจ้ายักษ์เงินที่สวมหน้ากากเงินแค่นเสียงขณะโต้เถียงกลับ
“อย่างนั้นขอให้ข้าได้พูดสัก 2-3 คำก่อน พ่อหนุ่มนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนนี้ ถูกข้ากระตุ้นโดยบังเอิญเมื่อวานนี้เอง สำหรับใครเป็นผู้แนะนำของเขา ข้าไม่ทราบเรื่องนั้นจริงๆ ท่านประมุขนิกาย ท่านไม่สามารถบอกได้จริงๆ เลยว่าวิธีการของท่านต้องการฆ่าคนรักหนุ่มของข้า ถ้าข้าได้ยินมาไม่ผิด ในทวีปมังกรทะยาน นักสู้ปราณก่อกำเนิดถูกห้ามมิให้โจมตีรุ่นน้องที่โดดเด่นของพวกเขา โดยเฉพาะการฆ่าพวกเขาในลักษณะทำลายล้าง… ประมุขนิกายอาวุโสก็ยัไม่ได้ทำอะไรมาก ข้าไม่สบายใจที่ได้ยินคำพูดของเจ้า ประมุขนิกายสามารถให้คำอธิบายที่เหมาะสมได้ไหม?” นางเซียนหงส์ฟ้าเกาะเย่ว์หยางไว้แน่น ป้องกันไม่ให้เขาพูด นี่ไม่ใช่การต่อสู้ด้วยความกล้าหาญ แต่นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสมดุลระหว่างอำนาจทั่วทวีปมังกรทะยานและหอทงเทียน
“จริงหรือ, เมื่อสองวันที่แล้ว? เขากลับกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้นหลังจากบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดเพียงสองวันเท่านั้นหรือ? ข้าไม่อยากเชื่อ เป็นไปไม่ได้แน่นอน!” ยักษ์เกราะเงินไม่อาจทำใจเชื่อได้เลย
“ไม่มีที่ให้เจ้าพูดแทรก ถ้าเจ้ายังแส่อีกครั้ง ข้าจะลากคอเจ้าขึ้นหอทงเทียนชั้นหกและสังหารเจ้าต่อหน้าผู้คนซะ เราจะดูกันว่าในตอนนั้นใครจะช่วยเจ้าได้บ้าง เจียมตัวเจ้าเองเสียบ้าง ต่อหน้านักสู้จำนวนมาก พวกเขาหลายคนยังไม่ได้พูดเลยด้วยซ้ำ เจ้ามันคนอ่อนแอที่สุดเที่ยวเดินขึ้นเดินลงไม่รู้จักอายบ้างหรือ? ข้ากำลังถามประมุขนิกายพันปีศาจของเจ้า ไม่ใช่ตัวเจ้า!” แววรังเกียจปรากฏอยู่เต็มหน้าของนางเซียนหงส์ฟ้า
“…..” ยักษ์เกราะเงินรีบถอยกลับไปสองก้าวและซ่อนอยู่ข้างหลังประมุขนิกาย ก้มหน้าเงียบ อย่างไรก็ตามนัยน์ตาของเขาฉายแววโกรธเคือง
“ปีศาจกฎฟ้า! ท่านจะขู่ให้ข้ากลัวหรือ? เรายังคงเป็นพันธมิตรกันอยู่นะ” ประมุขนิกายที่ดูเหมือนเงาพูดเสียงหดหู่
“ผู้ที่เป็นพันธมิตรกับเจ้าคือวังปีศาจ ไม่ใช่ข้า” นางเซียนหงส์ฟ้ายิ้มพลางกล่าว “อย่าใช้ความเป็นพันธมิตรมากดดันข้า ต่อให้เจ้าเป็นปีศาจมุกฟ้า ก็อย่าหวังว่าจะพูดกับข้าอย่างนั้นได้ ทางที่ดีเจ้าไม่ต้องสนใจข้า ใครจะปล่อยให้หวานใจคนนี้ไว้โดยโดยไม่มีใครพึ่งพาเล่า? ใครกันนะที่ถูกหวานใจผู้นี้ปฏิบัติอย่างเย็นชา? หนุ่มน้อย! ตอนนี้เจ้าหักอกข้าเสียแล้ว ข้าจะไม่สนใจเจ้าต่อไปแล้ว ข้าก็แค่จะดูเจ้าถูกรังแกโดยคนเลวกลุ่มใหญ่นี้ ข้าเป็นผู้หญิงตัวน้อยๆ ที่อ่อนแอ ข้าไม่มีความสามารถจะดูแลเจ้าได้แม้ว่าข้าอยากจะทำก็ตาม”
คนกลุ่มใหญ่กรอกตาประหลับประเหลือก นางนี่นะ ผู้หญิงอ่อนแอ?
ถ้านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอ อย่างนั้นในโลกนี้ก็ไม่มีนักสู้ผู้แข็งแกร่งแล้ว!
ในทวีปมังกรทะยาน ไม่ว่าจะมีการจับอันดับนักสู้ขนาดไหนก็ตาม นางสามารถอยู่ในสิบอันดับแรกได้แน่นอน ถ้านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอ อย่างนั้น ทุกคนก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้แล้วในตอนนี้
แน่นอนว่า พอทราบความหมายที่นางพูดแล้ว ดูเหมือนนางต้องการให้เย่ว์หยางขอความช่วยเหลือจากนาง ทุกคนรู้สึกว่าเรื่องนี้ ยังพอมีการเจรจาต่อรอง แม้ว่าพวกเขาจะได้เริ่มสู้กันมาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะสืบสวนกันต่อไป เรื่องนี้จะตัดสินได้ถ้าประมุขนิกายพาบริวารเขาออกไปและแสดงความคารวะต่อฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ย ถ้าพวกเขาต้องการจะสืบสาวเรื่องจนจบ อย่างนั้นอาณาจักรต้าเซี่ยจะทำให้ชีวิตพวกเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย ปีศาจกฎฟ้าผู้นี้จะช่วยไม่ให้เรื่องมาถึงจุดนี้แน่นอน
ถ้านักสู้จากเทียนหลัวและสื่อจินได้ยินข่าวและมาที่นี่ สถานการณ์อาจเปลี่ยนไปอีก ไปในทิศทางที่ไม่อาจรู้ได้
“พวกท่านต้องการรังแกเด็กๆ หรือ? ข้าไม่อาจทนนั่งดูเฉยๆ ได้ เราเทียนหลัว, ต้าเซี่ยและสื่อจินเป็นพันธมิตรเช่นกัน ถ้าพวกท่านเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านต้าเซี่ย ก็หมายความว่าพวกเจ้าต่อต้านพวกเราพันธมิตรสามอาณาจักร ถ้าอย่างนั้น เอาอย่างนี้เป็นไง? เนื่องจากพวกเจ้าก็ไม่ต้องการสู้ ทั้งไม่ต้องการขอโทษ อย่างนั้นก็ประลองกันตัวต่อตัวระหว่างนักสู้ตัดสินหาผู้ชนะ ถ้าสหายนักสู้ปราณก่อกำเนิดน้อยจากอาณาจักรต้าเซี่ยชนะ อย่างนั้นพวกเจ้าต้องขอโทษและเราจะไม่แตะต้องคนอื่น ถ้าพวกเจ้าชนะ อย่างนั้นเราจะคืนนางมารร้อยร่างคืนให้พวกเจ้า นี่คือการประลองที่ยุติธรรมที่สุด ท่านประมุขนิกาย ถ้าท่านไม่เห็นพ้องด้วย ก็อย่าตำหนิข้ายื่นมือช่วยเหลือต้าเซี่ยนะ” เสียงของจักรพรรดินีราตรีดังออกมาทันที
“เป็นจักรพรรดินีราตรี…” หลายคนลอบแตกตื่น นางมาจริงๆ
พวกเขาไม่ใส่ใจมากนักถ้าจะมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับผู้เชี่ยวชาญจากเทียนหลัวมา แต่นี่คือจักรพรรดินีราตรี
จักรพรรดินีราตรีไม่ใช่คนที่ใครจะตอแยนางได้
นางก็เป็นเหมือนมารกฎฟ้า ถ้ามีการจัดอันดับนักสู้ นางคงอยู่ในสิบอันดับแรกได้
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เป็นไปได้ว่านางอาจอยู่ในห้าอันดับแรกก็ได้
แม้ว่าจักรพรรดินีราตรีจะไม่ได้พูดกับเย่ว์หยางและช่วยเขา แต่ในฐานะนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง ทุกคนไม่ใช่คนโง่ พวกเขารู้ว่านางปกป้องเด็กหนุ่มคนนี้เป็นพิเศษ ประลองกันตัวต่อตัวเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรมที่สุด อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้ นางก็ช่วยเด็กหนุ่มผู้เพิ่งจะบรรลุแดนปราณก่อกำเนิดให้พ้นการลงโทษและความตาย ทั้งนี้เป็นเพราะในการสู้ตัวต่อตัว ไม่ว่าใครก็ตามลงสนามต่อสู้ จะไม่มีใครสามารถฆ่าคนทั้งสองจากทั้งสองฝ่ายได้ภายใต้การจับตาของทุกคน ถ้าสถานการณ์ล่อแหลมที่สุด ยอดฝีมือจากทั้งสองฝ่ายจะแยกย้ายกันไปช่วยนักสู้ปราณก่อกำเนิดในฝ่ายของพวกเขา อย่างมากเขาอาจพ่ายแพ้เท่านั้น แต่ไม่มีโอกาสที่จะถูกฆ่าจริงๆ
ตอนนี้ มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ต้องการฆ่าเด็กหนุ่มคนนี้ ผู้เพิ่งจะเข้าสู่ขอบเขตปราณก่อกำเนิด
พอเห็นร่างของเขามีอักขระโบราณคลุมอยู่ ถ้าเขาเติบโตขึ้น เขาจะเป็นภัยคุกคามร้ายแรงแน่นอน พวกเขากลัวว่า เขาจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่สามารถเบียดขึ้นไปอยู่ในสิบอันดับแรกได้
แน่นอน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องคิดหาทางฆ่าเด็กหนุ่มนี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
“เป็นความคิดที่ดี อย่างนั้นเราเห็นด้วยกับความคิดเช่นนี้” ประมุขนิกายลังเลเล็กน้อย เขาไม่ให้ยักษ์เงินไปสู้ แต่กลับส่งยักษ์ทองที่แข็งแกร่งกว่าออกไปเผชิญหน้าเย่ว์หยางแทน
“ต้องคลั่ง, ตราบใดที่เจ้าคลั่ง เจ้าเอาชนะได้ อีกฝ่ายหนึ่งมีแต่โล่ที่แข็งแกร่งป้องกันกาย จัดการง่ายจะตาย!” นางเซียนหงส์ฟ้าแอบจูบติ่งหูเย่ว์หยางและบอกแผนแก่เขา
“พวกเจ้าทุกคนมาทำอะไรที่นี่?” ทันใดนั้น เสียงที่เยือกเย็นกว่าน้ำแข็งดังก้อง “ไปได้แล้ว, พวกเจ้าทุกคนกลับไปที่หอทงเทียนได้แล้ว! พวกที่ไม่ปฏิบัติตามสนธิสัญญาจะต้องถูกฆ่าทั้งหมด!”
กลุ่มนักสู้ทั้งหมด ถูกขู่ขวัญจนตัวสั่น
แม้แต่ประมุขนิกายผู้แข็งแกร่งที่สุดยังโค้งน้อยๆ แสดงความคารวะ “เราไม่ได้ตั้งใจจะละเมิดสนธิสัญญานักสู้ปราณก่อกำเนิด ก็แค่ว่าจักรพรรดินีราตรีสนับสนุนให้มีการประลองตัดสินตัวต่อตัวระหว่างเด็กหนุ่มจากอาณาจักรต้าเซี่ยและผู้เฒ่ามารสังหารจากนิกายพันปีศาจของพวกเรา ท่านผู้คุมกฎสูงสุด โปรดพิทักษ์ความเป็นธรรมด้วย!”
เสียงที่เยือกเย็นนั้นเป็นเหมือนพายุหิมะโหมใส่พระราชวังทั้งหมด ประโยคเดียวก็ทำให้หัวใจของนักสู้ปราณก่อกำเนิดแทบเป็นน้ำแข็ง “ประลองตัดสินหรือ? พวกเจ้าข่มขู่เขาเพราะคิดว่าเขาไม่มีผู้แนะนำหรือ? ขอบอกพวกเจ้าไว้เลย ผู้แนะนำของเขาก็คือข้า ถ้าพวกเจ้าฆ่าเขา ข้าจะกำจัดนิกายพันปีศาจทั้งหมด… ข้าไม่ใช่คนยุติธรรมอยู่แล้ว จงหาคนที่มีคุณสมบัติมีความยุติธรรมมากกว่าข้าก็แล้วกัน ก่อนที่ข้าจะไป ขอเตือนพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าข้าพบว่าเจ้าปรากฏตัวในทวีปมังกรทะยานและละเมิดข้อตกลงนักสู้ปราณก่อกำเนิดอีก ทั้งยังแทรกแซงกิจการของประเทศข้าจะฆ่าพวกเจ้าโดยสนว่าพวกเจ้าเป็นใคร”
“…..” นักสู้ปราณก่อกำเนิดถึงกับแสดงอาการปวดหัวอย่างหนัก เดิมทีพวกเขาคิดว่าเย่ว์หยางเป็นเหยื่อที่จะรังแกได้ง่ายๆ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขากลับเป็นฝ่ายถูกขู่ขวัญจนหวาดกลัวแทบตาย
ท่านผู้นี้โดยนิสัยของนางแล้ว จะไปหาเขาและรับเป็นผู้แนะนำของเขาหรือ?
มิน่าเล่า เขาถึงได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ต้องสงสัยเลย ขนาดจักรพรรดินีราตรีก็ปกป้องเขา และมารกฎฟ้าก็ยังพยายามเกลี้ยกล่อมเขา…
ประมุขนิกายบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ ชั่วครู่
เขาโค้งเล็กน้อยเพื่อแสดงความคารวะจุนอู๋โหย่ว “จักรพรรดิต้าเซี่ย เราจะไปจากวังของท่านและกลับไปยังหอทงเทียน เราจะไม่ยุ่งเรื่องใดๆ ของท่านอีกต่อไป ข้าอยากให้เรื่องจบลงด้วยดี” ความหมายของคำพูดก็คือเขาจะไม่ชิงตัวนางมารร้อยร่าง แต่เขาจะไม่สั่งให้สาวกพาตัวแม่สี่มาคืนด้วย พวกเขาทำเหมือนกับว่าไม่รู้อะไร มองดูผิวเผิน พวกเขาสุภาพและแสดงความนับถือจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้มาก แต่ในความเป็นจริงพวกเขายังคงคาดหวังไว้อยู่ อย่างน้อยสาวกของพวกเขาได้จับแม่สี่ไว้เป็นตัวประกัน ไม่มีข่าวของนางจนบัดนี้
“เร็วเข้าและเข้าไปในมิติประลองซะ เด็กน้อย อย่านึกว่าเจ้ามีผู้แนะนำที่ดี แล้วเจ้าจะเอาชนะข้าได้ง่ายขนาดนั้น” เจ้ายักษ์ทองเปิดม้วนเทเลพอร์ตออก
“…..” เย่ว์หยางยังคงห่วงเรื่องแม่สี่ ดังนั้นเขาไม่ยินดีจะประลองในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม หูของเขาได้ยินเสียงกึกก้องที่คุ้นเคยทันที ทำให้ใจเขาสงบและมั่นคง
เสียงนี้ยอมให้เย่ว์หยางตั้งสมาธิกับการต่อสู้ นางไม่รับรองอะไรทั้งนั้น แต่เย่ว์หยางเชื่อมั่นมากว่าเจ้าของเสียงนี้มั่นใจในความปลอดภัยของแม่สี่แทนเขา ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขาเชื่อว่านางมีความสามารถจะทำได้
ด้วยความสามารถของนาง เย่ว์หยางสามารถประลองได้อย่างสบายใจ
เอาชนะยักษ์ทอง ไม่ใช่แค่ช่วยแม่สี่เท่านั้น แต่ยังช่วยปกป้องศักดิ์ศรีของอาณาจักรต้าเซี่ย
นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 2 ไม่ใช่หรือ?
เย่ว์หยางไม่กระพริบตาและเดินเชิดอกเข้าไปในมิติประลอง ไม่ใช่แค่เพียงเขา แม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้า สององครักษ์พิทักษ์ฟ้าแห่งต้าเซี่ย จุนอู๋โหย่ว, มหาอำมาตย์, ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่, เฟิงขวงและคนอื่นๆ ขณะที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดคนอื่นก็เข้าไปอยู่ในมิติประลองด้วยเช่นกัน ความสำคัญของการต่อสู้ครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก ถ้าอาณาจักรต้าเซี่ยชนะการต่อสู้ครั้งนี้ อย่างนั้นก็จะสามารถเชิดหน้ายืดอกได้อีกครั้ง
ถ้าพ่ายแพ้ อย่างนั้นก็จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นเฟื่องฟูของนิกายพันปีศาจแทน
นิกายพันปีศาจมักปกปิดตัวเองอยู่ในทวีปมาเป็นเวลาหลายปี ได้สะสมความแข็งแกร่งมานานเกินพันปีมาแล้ว แม้กระนั้นพวกเขาก็มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดเพียงสามคน ถ้าเจ้ายักษ์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการสู้ ก็มีผลถดถอยต่อนิกายเป็นอย่างมาก
ทั้งสองฝ่ายจะแพ้ไม่ได้ พวกเขาต้องชนะ
“ประลองตัดสินตัวต่อตัว” นางเซียนหงส์ฟ้าอาสาเป็นกรรมการตัดสินการประลอง นางยกมือเรียวงามแล้วพูดว่า “เย่ว์หยาง, เย่ว์ไตตันแห่งอาณาจักรต้าเซี่ย ปะทะกับ มารสังหารถูเฉิงแห่งนิกายพันปีศาจ ไม่มีข้อจำกัดในการประลอง ไม่มีจำกัดเวลา ไม่มีคะแนน ไม่มีการขอเวลานอก การช่วยเหลือเป็นสิ่งต้องห้าม การประลองจะดำเนินไปจนกว่าฝ่ายหนึ่งตายในการต่อสู้หรือต่อเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งคุกเข่าขอให้หยุด ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่มีข้อคัดค้าน โปรดขึ้นมาเตรียมต่อสู้ นับ 3, 2, 1 เริ่มสู้กันได้”
เมื่อนางเซียนหงส์ฟ้าสับมือลง เจ้ายักษ์ทองก็ลอยตัวออกมาแล้ว
ในทำนองเดียวกัน เย่ว์หยางก็เหินขึ้นไปในอากาศเพื่อมาเผชิญหน้ากับเขา
*************