ตอนที่ 196 – ตอนที่ 185 ข้าจะมอบความตายให้เจ้า P2
กลับกลายเป็นว่ากระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดของเขามีทักษะรองลงมาที่พิเศษเรียกว่า “เบิกเนตรทิพย์”
เบิกเนตรทิพย์นี้ไม่ใช่ทักษะที่จะทำกันได้ง่ายๆ คนธรรมดาจะไม่สามารถทำได้ง่าย เขาจะต้องฝึกฝนจนอยู่ในขอบเขตที่สมควรก่อนจึงจะสามารถเบิกเนตรทิพย์ได้
เย่ว์หยางไม่เคยนึกเลยว่าเขาสามารถทำได้ในเวลานี้… แม้ว่าเขาจะทำได้เพียงเบิกเนตรทิพย์ขั้นพื้นฐาน นั่นคือ ตาทิพย์ระดับที่ 1 มันก็ยังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยากมาก ที่สำคัญที่สุด ทันทีที่เบิกเนตรทิพย์ได้แล้ว จะสามารถเติมเต็มส่วนขาดของทักษะญาณทิพย์ของเขาได้ และทักษะทั้งคู่นี้อาจผนวกเข้าด้วยกันกลายเป็นทักษะชนิดใหม่ได้…
ขอบเขตขั้นแรกของทักษะเบิกเนตรทิพย์ก็คือเนตรสำรวจไร้เครื่องกีดขวาง
จะว่าให้ถูก นี่คือทักษะเบื้องต้นที่สุดของความรู้ขั้นสูงในทัศนวิสัยของเขา ยังไม่ถือว่าเป็นการเบิกเนตรทิพย์อย่างแท้จริง แต่เป็นจุดเริ่มต้นเพียงผิวเผินเท่านั้น
เย่ว์หยางพบว่านัยน์ตาของเขา มีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีแสงสีทองลุกโชนอยู่ในดวงตาของเขา หลังจากนั้น เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างแตกปะทุออกมาจากนัยน์ตาของเขา ทำให้เขาเจ็บปวดจนส่งเสียงร้องลั่นออกมา “อ๊า…”
ทุกคนต่างตกใจกับเสียงร้องของเขา พวกเขาคิดว่าเจ้าเด็กนี่สูญเสียการควบคุมตนเองและเริ่มคลุ้มคลั่งอีกครั้ง
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และเฟิงขวง ทั้งคู่ต่างมองดูเขาอย่างกังวลใจ
เย่ว์หยางในปัจจุบันนี้ไม่ใช่เจ้าเด็กน้อยที่บุกรุกเข้าปราสาทตระกูลเย่ว์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้ฝีมือของเขาพัฒนาแบบก้าวกระโดด ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่หยุดเขาได้ แม้แต่จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ก็ระมัดระวังความเคลื่อนไหวของเขา ถ้าหากเจ้าเด็กนี่บ้าขึ้นมาจริงๆ เขาก็พร้อมใช้กำลังตัวเองหยุดเจ้าเด็กนี่เช่นกัน เขาหวังว่าเจ้าเด็กนี่จะไม่ทำลายวังของเขา
“เป็นอะไรไปเหรอ ซานเอ๋อ?” แม่สี่ก็ตกใจจนถอยออกไป 2-3 ก้าว ขณะที่นางรีบถามเขาด้วยความห่วงใยเต็มที่
“ข้าเข้าใจแล้ว, ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว ในตอนนี้… แม่สี่! กลับบ้านกันเถอะ เราเก็บของและไปเตรียมพร้อม จากนั้นย้ายออกจากที่นั่น และหาที่ๆ ไม่มีใครหาเราพบ” เย่ว์หยางอุ้มเด็กหญิงที่ยังกอดแน่นสะอื้นร้องไห้ไม่ยอมหยุด เด็กหญิงไม่ยอมปล่อยเขาและยังกอดเย่ว์หยางแน่นไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรก็ตาม
“กะ….กลับไปเหรอ? แม่สี่เกรงว่า.. ซานเอ๋อ เจ้ากลับไปเก็บและทำความสะอาดเองได้ไหม? จากนั้นเราค่อยย้ายออกไป” แม่สี่ยังคงแสดงความกลัวออกมา
“พวกเจ้าทุกคนพักอยู่ที่นี่ก็ได้ ข้าจะส่งคนไปจัดการแทนให้ เจ้าควรจะพักอยู่ในวังก่อน” จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้คิดว่าเย่ว์หยางเริ่มจะคลุ้มคลั่ง คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กนี่คิดจะจากไปจริงๆ เขารีบกระตุ้นเตือนให้พวกเขาอยู่ต่อ “ที่นี่คือวังหลวงของต้าเซี่ย เรื่องกฎระเบียบไม่เหมือนกับที่อื่น เจ้าไม่ต้องห่วง”
“ซานเอ๋อ! เราพักอยู่ที่นี่เถอะ!” แม่สี่รีบแนะนำเย่ว์หยางเช่นกัน
“พี่สาม….”
เย่ว์ปิงรู้จักนิสัยของเย่ว์หยางดี เขาไม่ชอบรับบุญคุณจากคนอื่น
ยิ่งไปกว่านั้น มารดาของพวกเขามักจะพร่ำสอนพวกเขาเสมอให้ฝึกฝนทำงานให้หนักและพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้าต่อไป ดังนั้นนางก็ไม่คัดค้านความคิดที่จะจากไป เพียงแต่นางคิดว่าการจากไปโดยไม่ขอบคุณหลังจากที่ฝ่าบาทจุนอู๋โหย่วและท่านปู่ช่วยเหลือมารดาของพวกเขามา จะเป็นการเสียมารยาทเกินไปหน่อย
“ปิงเอ๋อ! เดินไปอยู่ตรงนั้น นี่อุ้มน้องไปรอข้าอยู่ตรงนั้น!” เย่ว์หยางส่งเด็กหญิงที่ยอมไปและยื้อเย่ว์หยางไว้สุดชีวิต จากนั้นเย่ว์หยางส่งเธอไว้ในอ้อมกอดของเย่ว์ปิง เด็กหญิงไม่ยอมและขัดขืนอยู่ชั่วขณะ แต่ในที่สุดก็เลิกต่อต้าน กลับกลายเป็นว่าปากน้อยๆ ของเธอเริ่มส่งเสียงร้องไห้ลั่น ดูเหมือนว่าเธอกลัวเย่ว์หยาง ทุกคนต่างงงงันกับเหตุผลที่เจ้าเด็กนี่แนะนำให้แม่สี่ไปจากวังหลวง ที่นี่ไม่ดีอย่างไร?
“ซานเอ๋อ! ข้าเข้าใจว่าเจ้าดื้อรั้น แต่เจ้าควรรับฟังคำของฝ่าบาทและปู่ของเจ้า นอกจากนี้เจ้ายังอายุน้อยอยู่…” แม่สี่ปาดน้ำตานาง
“เอาล่ะ! พอแค่นั้นแหละ เจ้าตัวปลอม! ข้าสงสัยเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว แต่ตอนนั้นข้าไม่มีทักษะมองเห็นเจ้าได้ ตอนนี้ข้าสามารถเห็นว่าในเปลือกนอกรูปร่างแม่สี่ กลับมีปีศาจจิ้งจอกซ่อนตัวอยู่ภายใน” เย่ว์หยางชักดาบวิเศษฮุยจินออกมาและชี้ไปที่แม่สี่ รังสีฆ่าฟันของเขาระเบิดออกมา
คำพูดของเขาสร้างความตกใจให้กับทุกคน รวมทั้งจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้, ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และขุนพลเฟิงขวง แม้แต่มหาอำมาตย์ผมขาวถึงกับขมวดคิ้ว
พวกเขาช่วยแม่สี่ตัวปลอมมางั้นหรือ? แม่สี่ตัวปลอมเป็นศัตรูหรือ?
ถ้าเป็นอย่างนั้น แม่สี่ตัวจริงอยู่ที่ไหน?
เย่ว์หยาง, เจ้าเด็กนี่ เพิ่งมาถึงนี่เพียงไม่กี่นาที จะแน่ใจได้อย่างไรว่านี่คือแม่สี่ตัวปลอม?
“ซานเอ๋อ! เจ้าอย่าล้อเล่นนะ ข้าไม่ใช่ตัวปลอม, ข้าไม่ใช่, ข้าคือแม่สี่ของเจ้า!” พอเห็นดาบวิเศษฮุยจิน แม่สี่ร้องไห้ตกใจจนหน้าซีดเผือด
“เลิกเสแสร้งได้แล้ว เจ้าก่อเรื่องผิดพลาดมากเกินไป แม้ว่าข้ายังไม่ได้เห็นร่างปลอมของเจ้า แต่ข้าก็ยังสงสัยว่าเจ้าเป็นตัวปลอมอยู่ดี” เย่ว์หยางยกมือชูสามนิ้ว “ประการแรก ข้าเพิ่งได้รับทราบตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันจากทักษะหัวใจร่ำร้องของผู้อำนวยการโรงเรียนของข้า นางบอกข้าว่าแม่สี่เพิ่งถูกลักพาตัวไปไม่นานมานี้ แต่เจ้าได้รับการช่วยเหลือมานานกว่าหนึ่งชั่วโมง แม่สี่ถูกจับตัวบนแพน้อย แต่เจ้าได้รับการช่วยเหลือจากตรงหน้ารถเทียมม้า ด้วยคำพูดของขุนพลเฟิงขวง ข้าก็ตรวจสอบพบแล้วว่าเจ้าไม่ใช่แม่สี่ ประการที่สอง ก็คืออาการตอบสนองของซวงเอ๋อที่มีต่อเจ้า แม้ว่าซวงเอ๋อจะติดข้า แต่เธอคงไม่ปฏิเสธการโอบกอดของมารดาเธอแน่ มารดาเธอมักจะเป็นตัวเลือกแรกเสมอ ในทางตรงกันข้าม ซวงเอ๋อไม่แสดงอาการตอบสนองต่อเจ้าแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าเจ้าเป็นคนแปลกหน้า นั่นคือเหตุผลที่ข้ายิ่งสงสัยเจ้ามากขึ้น ประการที่สาม เจ้าประพฤติตัวไม่เหมือนแม่สี่เลย เจ้าเข้าใจไหม? เจ้าแค่ดูเหมือนแม่สี่แค่เปลือก แต่เจ้าไม่มีนิสัยภายในเหมือนนาง แม่สี่ของข้าไม่เคยใส่เสื้อผ้าของบุรุษอื่นและนางจะไม่เปลือยกายอยู่ภายในชุดคลุมยาวนานต่อเนื่องแน่ ถ้าศัตรูต้องการจะหมิ่นเกียรตินาง นางคงจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายแทนที่จะมีชีวิตยอมรับชะตากรรมที่เลวร้ายนี้
นางเป็นมารดาที่ปกติจะขี้อายแต่จะสงบนิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่สำคัญ แม่ที่แสนดีของข้ามักจะสงบนิ่งได้ในสถานการณ์ที่มีปัญหาอยู่เสมอ ไม่ว่าข้าจะต่อสู้จนร่างโชกเลือดตั้งแต่หัวจรดเท้า หรือจนโลกสลาย ตราบใดที่ปิงเอ๋อ, ข้าและซวงเอ๋อยังอยู่ที่นี่ นางก็ยังคือแม่ของเรา นางคือแม่ผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถแบกภาระทั้งฟ้าแทนเราได้ ถ้ามันจำเป็น นางจะไม่เจ้าอารมณ์มากเหมือนกับเจ้าที่เอาร้องไห้ ตะโกนอย่างทุกข์ระทมอยู่ในครอบครัวตลอดเวลา.. โดยปกติแล้วนางจะฟังคำของข้า เพราะนางรู้สึกว่าข้าคือผู้นำครอบครัวน้อยๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ในเบื้องหน้าคนอื่น นางคือมารดาของข้า ดังนั้นนางไม่เคยปล่อยให้ข้าเสียมารยาทต่อผู้อาวุโส ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่เคยละทิ้งบ้านที่เงียบสงบและอบอุ่นอย่างง่ายดาย ถ้าเป็นแม่สี่ตัวจริง นางจะไม่มีทางยอมพักอยู่ในวังหลวงเว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากเย่ว์หยางและเย่ว์ปิง… แต่สำหรับเจ้า เจ้าไม่ได้แม้แต่จะคิด กลับตัดสินใจเอาเอง เจ้าเสแสร้งทำเป็นให้คำแนะนำข้า ขณะที่ลักษณะภายนอกของเจ้า ข้าไม่มีอะไรจะพูดมาก เจ้ามีลักษณะแตกต่างจากแม่สี่อย่างสิ้นเชิง ข้ายังเคยเปิดโปงองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตัวปลอมมาแล้วทั้งที่ยังไม่คุ้นเคยกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม่สี่ที่เลี้ยงข้าเติบโตจนบัดนี้ มีหรือที่ข้าจะจำนางไม่ได้?” เย่ว์หยางยกดาบวิเศษฮุยจินทันทีที่พูดจบ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” แม่สี่ตัวปลอมพูดด้วยเสียงที่แตกต่างไปทันที บอลแสงสีดำแปล่งจนคลุมร่างของนาง
จากนั้นแสงที่เหมือนหมอกก็เข้าไปในร่างของนางทันที แต่แม่สี่ตัวปลอมเปลี่ยนเป็นผู้หญิงร่างยั่วยวนอีกนางหนึ่ง
นางสูงกว่าแม่สี่มาก ทั้งยังสูงกว่าเย่ว์หยางช่วงศีรษะหนึ่ง
เสียงของนางค่อนข้างไพเราะและดัดจริต
นางชี้มาที่เย่ว์หยางด้วยเล็บคมสีดำของนาง “ท่านประมุขนิกายบอกข้าให้ระวังเจ้าเป็นพิเศษ แต่ข้าไม่สนใจคำเตือนของเขา ตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านประมุขนิกายจะพูดไม่ผิด เจ้าเด็กน้อย เจ้าน่ะรับมือได้ยากจริงๆ”
จุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าไห่มองหน้ากันและกัน พวกท่านจำสตรีนางนี้ได้ สีหน้าของพวกท่านค่อยๆ เคร่งเครียด
มหาอำมาตย์ผมขาวยิ้มกล่าวว่า “ข้านึกว่าเป็นผู้ใด กลับกลายเป็นว่านางมารเฒ่าร้อยร่างนี่เอง มิน่าเล่าเจ้าถึงหลอกพวกเราได้ทุกคน ข้าคิดในใจว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากทักษะเปิดเผยของข้า ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเย่ว์หยางน้อยพบตัวเจ้าทันเวลา เจ้าคงหลอกพวกเราได้ทั้งหมดแล้ว”
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าผู้ไม่ได้พูดเลยตั้งแต่แรกยังพยักหน้าเห็นด้วย “ถูกแล้ว ข้าละอายใจตัวเองจริงๆ พวกเราทุกคนแก่มากแล้ว ยังไม่อาจเทียบกับเด็กคนหนึ่งได้ ขายหน้าจริงๆ!”
“นางปลอมตัวได้สมบูรณ์แบบ ยิ่งไปกว่านั้น นางจงใจไม่สวมเสื้อผ้าใดๆ เพื่อที่ว่าเราจะได้รู้สึกว่า เป็นการไม่เหมาะสมที่จะมองและไม่กล้ามองนางมากนัก” เฟิงขวงคำรามอย่างขุ่นเคือง “พูดออกมาเดี๋ยวนี้ แม่สี่ตัวจริงอยู่ที่ไหน? ต่อให้เป็นนางมารร้อยร่าง หนึ่งในสี่สาวกปีศาจผู้ใหญ่ของนิกายพันปีศาจ เจ้าจะต้องคำนึงถึงความสามารถของเจ้า หากเจ้าต้องการจะรอดชีวิตจากไป”
“พวกเจ้าอาจได้เปรียบในเรื่องจำนวนคน ดังนั้นข้าคงไม่สามารถเอาชนะพวกเจ้าได้ทุกคน อย่างไรก็ตาม ถ้าข้าต้องการจะจากไป พวกเจ้าคงห้ามข้าไม่ได้อยู่แล้ว นอกจากตาเฒ่าสองคนที่สามารถตรึงข้าไว้ได้ พวกเจ้าไม่ได้อยู่ในสายตาข้า ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะข้อตกลงของนักสู้ที่ห้ามไม่ให้ข้าปลงพระชนม์ของจักรพรรดิก่อความวุ่นวายในอาณาจักร ข้าคงฆ่าพวกเจ้าที่เป็นนักสู้ระดับปรมาจารย์และระดับยอดมนุษย์ไปแล้ว ทำไมทำพวกเจ้าต้องมาวางอำนาจต่อหน้าข้าด้วยเล่า? ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ยังเป็นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิด” นางมารเฒ่าร้อยร่างกวาดสายตามองคนที่อยู่ต่อหน้านางอย่างรวดเร็ว มันเหมือนกับว่านางคิดว่านางมองข้ามทุกคนในห้องนี้ได้ยกเว้นอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า ยกเว้นแต่มหาอำมาตย์
“เจ้าเองก็เป็นเพียงเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ยังต้องพึ่งพิงความแข็งแกร่งอื่น ทำไมเจ้าถึงต้องมาวางอำนาจต่อหน้าข้า!” เย่ว์หยางโกรธจัด เขาปลดผนึกจำกัดระดับพลังขณะที่มีวงแหวนอักขระโบราณอยู่เหนือศีรษะเขาและกำลังเปล่งแสงวาบ ราวกับแสงสายรุ้งเขาเดินปราณพลังภายในไปที่แขนขวาและคว้าคอของนางมารเฒ่าร้อยร่างไม่เปิดโอกาสให้นางต่อต้านขัดขืนแล้วทุ่มนางลงพื้นอย่างไม่ปราณี
เสียงระเบิดดังไปทั่วท้องพระโรงสนั่นหวั่นไหว
ขณะที่นางมารเฒ่าร้อยร่างร้องออกมาอย่างเจ็บปวดทรมาน เย่ว์หยางย่ำใส่หน้าอกนางอย่าไม่ปราณี
เสียงกระดูกซี่โครงหักสามารถได้ยินได้ชัดก่อนที่นางมารร้อยร่างจะกระอักเลือดเต็มปาก
ผู้เฒ่าไห่, จุนอู๋โหย่วและเฟิงขวงต่างปากอ้าตาค้างกันทุกคน แม้แต่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและมหาอำมาตย์ก็พลอยตกตะลึงไปด้วย เจ้าเด็กนี่กล้าลงมือกับนักสู้ระดับ 8 ขั้นกลาง และเป็นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิด นางมารเฒ่าร้อยร่างด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียวหรือนี่? นี่เขาครอบครองพลังแบบไหนกันถึงทำได้แบบนั้น? ต่อให้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ก็ไม่สามารถจับปีศาจร้อยร่างทุ่มลงกับพื้นง่ายๆ ด้วยการเคลื่อนไหวคราวเดียวไม่ใช่หรือ? นางมารเฒ่าร้อยร่างเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นอาชญากรชั่วร้ายมานานกว่าสองร้อยปีแล้ว ก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจทรงพลังเมื่อสองร้อยปีก่อนนั้น นางเป็นนางมารชั่วร้ายที่สูบเอาพลังหยางของบุรุษ เป็นปีศาจที่สร้างความหวาดกลัวกับบุรุษหลายคนเมื่อเอ่ยถึงชื่อนาง
แต่แล้วนางกลับถูกเจ้าเด็กนี่ทุ่มลงพื้นด้วยความเคลื่อนไหวครั้งเดียวจริงๆ หรือนี่? โดยไม่มีโอกาสได้ต่อต้านขัดขืนเอง?
นี่.. นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
“บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าแม่สี่ของข้าอยู่ที่ไหน และข้าถึงจะอนุญาตให้เจ้าตาย!” เย่ว์หยางเพิ่มแรงเหยียบจนได้ยินเสียงกระดูกหักทำให้นางมารเฒ่าร้อยร่างเจ็บปวดหนักขึ้นอีก “มิฉะนั้น ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกว่ามีชีวิตอยู่ แย่ยิ่งกว่าตาย!”
“เจ้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด, เจ้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด, เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้นะ… ในข้อตกลงระหว่างนักสู้ นักสู้ปราณก่อกำเนิดต้องไม่ทำร้ายนักสู้ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าพวกเขา ข้าเป็นผู้อาวุโสจากนิกายพันปีศาจและประมุขนิกายพันปีศาจของเราก็มีส่วนในข้อตกของนักสู้อย่างพวกเจ้าด้วย พวกเรา นิกายพันปีศาจจะไม่ฆ่าคนของพวกเจ้า ดังนั้น เจ้าที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็ไม่ควรฆ่าเรา ถ้าเจ้าละเมิดสัญญาครั้งนี้ ก็จะทำให้เกิดสงครามทั้งโลก เจ้าจะเป็นศัตรูของนักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งหมด ถึงตอนนั้น เจ้าจะต้องถูกสาปแช่งไปชั่วนิรันดร์ เจ้าต้องไม่สังหารข้า ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เจ้าจะต้องปล่อยข้าไป” นางมารร้อยร่างร้องออกมาพร้อมกับเลือดที่ยังกลบเต็มปาก
“ปราณก่อกำเนิดหรือ? เจ้าคือนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนที่เจ็ดของอาณาจักรต้าเซี่ยจริงๆ หรือนี่?” มหาอำมาตย์แทบเป็นลม มิน่าเล่า ท่านหมิงซินถึงได้บอกไว้ว่า นักสู้ปราณก่อกำเนิดคนที่เจ็ดอยู่ในวัยไม่เกิน 30 ปี หมายความว่าอย่างไร อายุไม่เกิน 30 ปี? เจ้าเด็กนี่อายุเพียง 20 ปีเท่านั้น!”
“เจ้าปกปิดจากตาแก่คนนี้เป็นอย่างดีเชียวนะ!” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่สั่นไปทั้งตัว เขาไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดที่สะท้านสะเทือนทั้งอาณาจักรจะเป็นหลานชายของเขาเอง
ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นหลานชายที่แสดงตัวออกมาว่าเป็นสวะที่ไร้ประโยชน์ที่สุดมาตลอดเวลา
แม้แต่บุตรของเขาที่มีแววมากที่สุด เย่ว์ชิวก็ยังไม่สามารถก้าวไปถึงขั้นปราณก่อกำเนิดได้
เขาไม่เคยคิดว่า กลับเป็นหลานชายของเขาที่ทนอยู่อย่างเงียบและแสดงตัวว่าเป็นสวะไร้ประโยชน์มาเป็นสิบปีได้ฝึกฝนจนบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดได้ในที่สุด มันเป็นขอบเขตที่ไม่มีคนในตระกูลเย่ว์สามารถไปถึงได้ในรอบหลายพันปีมานี้ เขาอาจเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนแรกที่มีอายุเพียง 20 ปี ในตลอดทวีปมังกรทะยาน ไม่ใช่สิ… น่าจะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ตาม จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้กุมขมับบ่นพึมพำ “มิน่าเล่า เชี่ยนเชี่ยนถึงได้ดีกับมันนัก… แบบนี้แย่แน่ จะจัดลำดับญาติในตระกูลกันยังไง? ข้ามิต้องลดลำดับต่ำกว่าพี่ไห่ไปอีกรุ่นหรือนี่? นี่ชักจะยุ่งกันใหญ่…”
“เจ้าไม่ต้องมาพล่ามถึงข้อตกลงของนักสู้ปราณก่อกำเนิดเหล่านี้เลย ข้าไม่เคยลงชื่อรับรู้มาก่อน แล้วก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วย ข้าจะฆ่าเจ้า ต่อให้นักสู้ปราณก่อกำเนิดเป็นคนจะมาช่วยเจ้าก็ตาม เจ้าบังอาจปลอมตัวเป็นแม่สี่มาหลอกลวงข้า! เจ้าจะไม่บอกตำแหน่งของนางกับข้าใช่ไหม? เอาอย่างนั้นก็ได้ ข้าจะใช้วิธีทรมานเจ้าจนตาย” เย่ว์หยางยิ่งโกรธมากขึ้นขณะที่พูด เขาเพิ่มแรงเหยียบไปบนร่างของนางมารร้อยร่าง ตั้งใจจะบดซี่โครงนางทั้งเป็นโดยหักมันทีละซี่
***************