ตอนที่ 190 ฝึกแบบบ้านนอก
ข่าวสารถูกส่งกลับมาผ่านไปยังรัฐบาลอู่โหวโดยเร็วถึงขนาดที่อู่โหวส่งยานโดยสารเลิศหรูมาที่ตระกูลกู้ เดิมทีอู่โหวพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเชิญกู้เสวี่ยมาเป็นอาคันตุกะของรัฐบาลอู่โหว แต่กู้เสวี่ยในเวลานั้นหนักแน่นมั่นคงมิได้กังวลเรื่องแบบนั้นนางเพิ่งได้รับราชันย์ถวิลรักมา นางจำเป็นต้องใช้เวลาอีกมากเพื่อทำความเข้าใจวิชานี้ดังนั้นนางจึงต้องปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
และเป็นไปตามคาด หลายคนในภูเขาปู้โจวพบแร่มัสโคไวน์ แร่เหล่านี้เป็นของตระกูลกู้, ไจ๋เหิงจ้าน,ชิงหลวนและองค์หญิงหมิงจูแบ่งผลกำไรกัน ทุกคนตัดสินใจลดส่วนของตนให้แก่กู้เสวี่ยผู้สืบทอดวิชาราชันย์ถวิลรัก กู้เสวี่ยตัดสินใจเป็นนักสู้สวรรค์วิถีและพวกเขาต้องการมีสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับกู้เสวี่ย แต่กู้เสวี่ยกับทำตามข้อที่ได้ตกลงไว้ก่อนหน้านั้นนางไม่ได้มองว่าแร่เป็นเรื่องสำคัญ
“อาเสวี่ย,ข้าจะไปแล้วนะ!” ถังเทียนโดดขึ้นยานโดยสารโบกมือให้พลางตะโกน “อาเสวี่ย! ขยันเข้าไว้! คราวหน้าข้าจะมาเยี่ยมเจ้าและเล่นกับเจ้า”
กู้เสวี่ยมีสีหน้าร่าเริงขณะที่นางมีสีหน้าเด็ดเดี่ยวจริงจัง นางพยักหน้า “อือ”
ในมือของนางควงกระบี่ใหญ่ราชันย์ถวิลรักชุดยาวสีฟ้าครามและผมดำขลับของนางพลิ้วไสวอยู่ในสายลม นางเขย่งเท้าโบกมือขวาให้ถังเทียน นางมองดูยานโดยสารห่างออกไป จนกระทั่งลับตา
ภายใต้แสงอาทิตย์อบอุ่น นางหันหน้ามองภูเขาเขียวชอุ่มไกลลิบกับท้องฟ้าสีคราม เด็กสาวรีบเก็บรู้สึกที่สูญเสียและเศร้าไว้นางเชิดหน้าที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความมุ่งมั่น
มือขาวผ่องของนางกำหมัดแน่น
กู้เสวี่ยเลียนแบบสำนวนถังเทียนและตะโกนออกไป
“สาวน้อยชาวฟ้า, เจ้าต้องทำได้แน่!”
นางรู้สึกขบขันตัวเองที่จู่ก็ทำอย่างนี้ถึงกับหัวเราะออกมา ดวงตานางโค้งจนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว อารมณ์คล้ายกับแมวที่พอใจ
อาเสวี่ย เจ้าต้องทำให้ได้ เมื่อเจ้าพบกับเขาอีกครั้งเจ้าต้องทำให้เขาตกใจได้แน่นอน
กู้เสวี่ยหรี่นัยน์ตานางพอเข้าใจบ้างจึงยิ้มและบอกตนเองในใจ
※※※※
ยานโดยสารบินอยู่ในอากาศเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุในเวลาอย่างนี้ ผู้ว่าการดวงดาวและกลุ่มสวี่ซื่อทั้งสี่ช่วยคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง
ยานลำนี้หรูหราพื้นที่ภายในกว้างใหญ่ ทุกคนมีห้องเป็นของตนเอง องค์หญิงน้อยเดิมทีเตรียมการเดินทางไว้และเตรียมขอร้องอาจารย์ของเธอให้ปล่อยลุงขลุ่ยวิเศษผู้มีเสน่ห์ออกมา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาเข้าไปในห้องแล้ว ก็ไม่เคยออกมาเลย
ภายในค่ายทหารใหม่กองทัพดาวกางเขนใต้
ปิง, กรงเล็บภูตพรายและขลุ่ยวิเศษทุกคนยืนเข้าแถวตรง มองดูถังเทียนฝึกกรงเล็บเพลิงภูตพรายอย่างใกล้ชิด
“จะเร็วเกินไปหรือเปล่าที่ให้ฝึกฝนกันตั้งแต่ระดับที่หก...” ปิงมีประสบการณ์การสอนมากมายจึงเริ่มทำการวิเคราะห์ “ตามประสบการณ์หลายปีของข้าบอกว่า การกระตือรือร้นมากไปอาจทำให้เกิดผลเสียก็ได้และไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป”
กรงเล็บภูตพรายพูดเย็นชา “เจ้าเองก็ทำแบบนั้นบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ?”
ปิงถึงกับอึ้งและพูดไม่ออก แน่นอนการฝึกฝนที่เขาวางแผนให้ถังเทียนมุ่งยกระดับให้พลังปราณแท้ให้เขา
ขลุ่ยวิเศษมองดูทั้งสองทะเลาะกันด้วยความสบายใจ เขาสนใจพวกเขาทั้งสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปิง เขาเป็นขุนพลวิญญาณของรุ่นกองทัพดาวกางเขนใต้ที่รอดอยู่ถึงทุกวันนี้ เขาจึงรู้สึกทึ่งอย่างมาก แม้ว่าประวัติของกรงเล็บภูตพรายจะไม่ได้มีชื่อเสียงมากเท่าปิง แต่ก็สามารถบัญญัติวิชากรงเล็บระดับสุดยอดฝีมือออกมาได้ ถือว่าไม่ใช่ความสำเร็จที่ธรรมดาเลย
แต่สิ่งที่เขาสงสัยมากที่สุดก็คือค่ายมหัศจรรย์แห่งนี้ ขลุ่ยวิเศษสามารถรับรู้ได้ชัดว่าพลังของเขาฟื้นคืนมาอย่างเงียบๆ แม้ว่าจะช้ามากก็ตาม แต่ก็ทำให้เขามีความสุขมาก เป็นเวลานานหลายปีแล้วที่พลังของเขาเหือดแห้งไปอย่างสม่ำเสมอและเขาไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ เมื่อพลังของเขาเหือดแห้งไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจะเป็นวันที่เขาหายไป และสำหรับขุนพลวิญญาณนี่คือผลที่จะเกิดขึ้นแน่นอน
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีสถานที่มหัศจรรย์และลึกลับเช่นนั้นอยู่ในโลก...
ขลุ่ยวิเศษผู้เริ่มต้นกลมกลืนตนเองเข้ากับค่ายทหารก็พบเรื่องที่น่าสนใจใหม่โดยเร็วก็คือ ปิงและกรงเล็บภูตพรายกำลังเคี่ยวกรำถังเทียน
เขาสนใจใคร่รู้เรื่องถังเทียน บุรุษหนุ่มผู้ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากขลุ่ยสำเนียงเฉื่อยชาหาได้ยากจริงๆถึงแม้ไม่มีเรื่องนั้น เขาก็ยังถือว่าไม่ธรรมดา
ความสนใจของเขาเริ่มมีมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
บุรุษหนุ่มผู้น่าสนใจขนาดนั้นกับศักยภาพที่ไม่มีขีดจำกัดภายใต้ปีกของอาจารย์ผู้ทรงพลังทั้งสอง ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร?
ถังเทียนกำลังผ่านการฝึกฝนที่น่าเบื่อมากซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาหันหน้าเข้าหาทั่งหนา นิ้วทั้งสิบของเขาเกร็งพลังปราณแท้และฝนบดใส่ทั่งอย่างต่อเนื่อง
หัวของถังเทียนเต็มไปด้วยเหงื่อพราว ตาของเขาเพ่งเขม็งขณะที่เขาใช้พลังมากมายนิ้วของเขาขยับอย่างต่อเนื่อง ประกายไฟกระจายไปรอบๆ เม็ดเหงื่อกระเด็นหยดอยู่โดยรอบ
“นี่คือกรงเล็บเพลิงภูตพรายของเจ้าหรือ?”ปิงค่อนข้างรังเกียจ “เฮ้,ข้าอุตส่าห์ให้เวลาฝึกฝนที่มีค่าของถังน้อยกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบให้ดี อย่าเอาวิธีบ้านนอกๆ มาฝึกเลย มันจะทำให้ทุกคนเสียเวลา”
“ข้าก็มาจากบ้านนอกอยู่แล้ว” กรงเล็บภูตพรายพูดอย่างเย็นชา
ปิงสะอึกและในขณะนั้นเองถังทียนก็เจาะทั่งที่อยู่ข้างหน้าเขาได้แล้ว นิ้วมือทั้งสองของเขาให้ความรู้สึกที่แตกต่าง การใช้ปลายนิ้วของเขาฝนเข้ากับทั่งที่หนา 20เซนติเมตร เรื่องที่ไร้สาระนั้นเขาทำสำเร็จได้จริงๆ
ถังเทียนสูดลมหายใจลึก นิ้วทั้งสิบของเขางอเหมือนเท้าไก่ยังไม่สามารถเหยียดตรงได้
“ทำได้ดีนี่!” ปิงปรบมือโน้มตัวไปข้างหน้าชมเชย “การฝึกฝนที่ใช้ทักษะไม่จำเป็นไม่มีความหมายสำหรับหนุ่มชาวฟ้านี้ มีแต่ข้าเท่านั้นหัวหน้าฝึกสอนของกองทัพดาวกางเขนใต้ที่มีประสบการณ์ สามารถเอาวิธีการดั้งเดิมมาสอนฝึกอบรมได้...”
“หุบปากเลย!” กรงเล็บภูตพรายพูดอย่างเหลืออด“ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าในอดีตเจ้าโด่งดังเพียงไหน?”
ปิงตื่นเต้นและเตรียมจะพูดออกมา แต่ถังเทียนพูดตัดบทเสียก่อน “ต่อไปฝึกอะไร?”
ทั่งที่เขาใช้ฝึกฝนกรงเล็บ เขาใช้เวลาสามวันเต็ม
“ยังคงทำเหมือนเดิม” กรงเล็บภูตพรายกล่าว
“เหมือนเดิมเหรอ?” ถังเทียนตะลึงขณะมองดูทั่งที่เขาใช้นิ้วบดฝน “แต่ข้าบดฝนทั่งนี้เสร็จแล้วนะ”
“บดสำเร็จ? นี่เป็นแค่เพียงการเริ่มต้น” กรงเล็บภูตพรายกล่าวเย็นชา
ปัง ปัง ปัง!
ทั่งนับไม่ถ้วนร่วงลงมาจากท้องฟ้าเหมือนฝนตกกระจายทั่วห้องมีเป็นจำนวนมากเรียงชิดติดกันแต่ละชิ้นที่เห็นก็ทำให้ถังเทียนรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าได้ เขาถาม“นี่ข้าจะต้องฝนนิ้วกับทั่งนี้มากเท่าใด?”
“หนึ่งพันแท่ง” กรงเล็บภูตพรายพูดอย่างเฉยเมย
ถังเทียนแทบเป็นลมต้องบดทั่งถึงหนึ่งพันชิ้น....
“ถ้าเจ้าต้องการจะฝึกกรงเล็บเพลิงภูตพรายระดับสุดยอดฝีมือ อย่างนั้นก็ต้องบดทั่งให้ได้พันชิ้น ด้วยสมรรถภาพร่างกายของเจ้าไม่ควรมีปัญหาอะไร” กรงเล็บภูตพรายพูดอย่างใจเย็น
“พันชิ้น สำหรับเขาชิ้นหนึ่งต้องใช้เวลาสามวัน นั่นก็หมายความว่าเป็นเวลาสามพันวัน เพิ่มไปอีกสองร้องแท่ง นั่นก็จะใช้เวลาสิบปี! บางทีหลายปีต่อมาเขาคงจะทำได้เร็วขึ้น ให้เวลาเขาสักห้าปี” ปิงหยัน “ห้าปีกับการฝึกฝนวิชากรงเล็บระดับสุดยอดฝีมือระดับเจ็ด สมองของเจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”
“ข้าให้บทฝึกเจ้าไปแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะฝึกหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวเจ้า” กรงเล็บภูตพรายไม่สนใจปิงและพูดกับถังเทียนตรงๆ
บดฝนนิ้วกับทั่งพันแท่ง
ต่อให้เป็นถังเทียนก็ยังรู้สึกเหลือทน
ถังเทียนสูดลมหายใจลึก “ข้าจะฝึกต่อ!”
แค่เพียงพันแท่งเท่านั้นหรือ? เทียบกับเวลาที่ทุ่มเทไปกับการฝึกทักษะวิทยายุทธเบื้องต้นแล้วก็ยังน้อยกว่ามาก วิทยายุทธของเขาไม่เคยใช้ทางลัด
ที่สำคัญยิ่งกว่าเขามีค่ายฝึกทหารใหม่ เรื่องเวลา เขามีมากมายเมื่อเทียบกับคนอื่น
โดยไม่มีการพูดอะไรอื่นอีก ถังเทียนเริ่มเส้นทางที่ยากลำบากกับการบดทั่งอีกครั้ง
เวลาผ่านไปทีละนิด
ถังเทียนจับเคล็ดได้อย่างรวดเร็ว จิตวิญญาณพลังยุทธเงินของเขาและสัญชาตญาณที่แข็งแกร่งนำพาให้เขาสามารถควบคุมความรุนแรงของพลังปราณแท้ของเขาได้ และหลังจากเลื่อนชั้นพลังเป็นระดับหกแล้วปราณแท้ได้ขยายไปยังส่วนต่างๆที่เข้าไม่ถึงก่อนหน้านี้ การควบคุมพลังเหนือร่างกายของเขาทำได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ถังเทียนตระหนักได้อย่างรวดเร็วที่เมื่อเขาถ่ายปราณแท้เข้าไปทั่วฝ่ามือของเขา ผลลัพธ์ที่ออกมายังไม่ดี ถ้าขณะที่เขาสร้างชั้นปราณแท้อ่อนๆบนเนื้อปลายนิ้วของเขา ไม่เพียงแต่ลดการใช้ปริมาณปราณเที่ยงแท้เท่านั้นแต่ยังทำให้การบดฝนทำได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
นิ้วทั้งสิบของถังเทียนเป็นเหมือนแท่งเหล็กที่ฝนบดใส่ทั่ง ประกายไฟกระจายไปทั่ว
“ถังเทียนฉลาดมาก” ขลุ่ยวิเศษประหลาดใจมาก ประสิทธิภาพถังเทียนเพิ่มขึ้นมากจากที่ใช้ทั่งชิ้นละสามวัน กลับก้าวหน้าได้เร็วใช้ทั่งชิ้นละวัน และจากนั้นก็เป็นวันละสามชิ้นในเวลาไม่ถึงสิบวัน
“ฉลาดหรือ?”ปิงมองดูขลุ่ยวิเศษด้วยความประหลาดใจ “เจ้าคิดว่าเขาฉลาดหรือ ความจริงข้าไม่เคยเห็นใครโง่กว่าเจ้าเด็กนี่ ถ้าเป็นเลขจำนวนเกินร้อยทำผิดเป็นประจำ พนันได้ว่าใครเป็นครูของเขาในอดีตคงรู้สึกอยากตายวันละหลายเวลา”
ขลุ่ยวิเศษคิดถึงผลงานประจำวันของถังเทียนก็อดหัวเราะไม่ได้ “ว่ากันตามตรงเขาไม่ปราดเปรื่องเหมือนกับทุกวันเลยนะ”
“ไม่ค่อยปราดเปรื่องน่ะหรือ?” ปิงหัวเราะลั่น “เขารู้จักความโง่เง่าซุ่มซ่ามของตนเอง สมองอย่างเขาไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ คนแบบนี้เจ้ากลับใช้คำว่าไม่ค่อยปราดเปรื่อง หลอกตัวเองมากเกินไปแล้ว”
“เจ้าก็เหมือนกับถังเทียนนั่นแหละ”กรงเล็บภูตพรายพูดเย็นชา
ปิงหัวเสียทันที “เจ้ากำลังดูถูกข้าเหรอ?”
“เออ” กรงเล็บภูตพรายพยักหน้า
เมื่อเห็นทั้งสองทะเลาะกันขลุ่ยวิเศษให้ความสนใจถังเทียนโดยตรงทันที “แต่ข้าเห็นว่าเขาฝึกได้รวดเร็วดี”
ความจริงปิงได้รับอิทธิพลจากเขา “ในแง่ของการฝึกฝนเจ้าเด็กนี้นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะเต็มร้อยแต่เจ้าไม่อาจใช้มาตรฐานการศึกษาแบบบ้านๆ มาใช้ประเมินเขาได้ ความรู้และสติปัญญาของเขาเกือบเป็นศูนย์ เรื่องการใช้สติปัญญาถกความเห็น เขาจะไม่เข้าใจแน่นอน แต่ถ้าเจ้าจับเขาโยนใส่สถานการณ์ที่สิ้นหวัง คนสุดท้ายที่เหลือรอดอยู่ได้ต้องเป็นเขาแน่นอน”
ปิงพึมพำ “ทหารใหม่เหล่านี้ข้าเคยเห็นมาสองสามคนในอดีต และข้าเรียกพวกเขาว่าพวกสัญชาตญาณสัตว์ป่า พวกเขาเป็นเหมือนสัตว์ป่า ไม่ฉลาด แต่มีสัญชาตญาณน่าทึ่ง ขณะที่ฝึกวิทยายุทธ พวกเขาจะจับเคล็ดต่างๆ ได้รวดเร็ว ที่สำคัญยิ่งกว่า พวกที่อยู่ในกลุ่มมีสัญชาตญาณสัตว์ป่ามักมีหัวใจที่บริสุทธิ์และมีบางอย่างที่ดึงดูดใจไม่ธรรมดา การเพิ่มปัจจัยทั้งสองนี้ทำให้พวกเขาเปล่งประกาย”
“นั่นเป็นความจริงแท้แน่นอน” ขลุ่ยวิเศษชื่นชม
“ถ้าพวกที่มาจากกลุ่มที่มีสัญชาตญาณป่ามาอยู่ในโรงเรียน พวกเขาจะทุกข์ทรมาน พวกเขาไม่ค่อยใส่ใจนั่งศึกษาพวกทฤษฎีต่างๆ พวกเขาเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตป่าเถื่อนและดิ้นรนต่อสู้เอาชีวิตรอด ต่อสู้เพื่อให้อยู่รอดได้ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง สถานการณ์แบบนั้นเป็นส่วนใหญ่เหมาะที่จะใช้ฝึกฝนให้พัฒนาก้าวหน้า” ปิงกล่าว
ขลุ่ยวิเศษสงสัย“ท่านเคยฝึกคนที่มีสัญชาตญาณสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งมาก่อนใช่ไหม่?
ปิงพยักหน้า“ใช่แล้ว แต่คนที่มาจากกลุ่มสัญชาตญาณสัตว์ป่าจะตายง่าย การต่อสู้ช่วยให้พวกเขาก้าวหน้าได้ก็จริง แต่การฝึกไปด้วยสู้ไปด้วยโอกาสตายมีสูง ดังนั้นอัจฉริยะที่มีสัญชาตญาณป่าจึงตายกันเร็วมาก”
กรงเล็บภูตพรายไม่พูดอะไร แต่เพ่งดูถังเทียนที่กำลังขูดทั่งจนเกิดประกายไฟกระจายไปทั่ว
นัยน์ตาเขากระพริบเป็นประกายที่สังเกตไม่ออก