ตอนที่ 189 ความถวิลหาเหมือนกับสายรุ้งงดงาม
“งั้นไปเลย”ถังเทียนแสดงท่าทียกย่อง เขาเอียงศีรษะกล่าว “ใครจะรู้ อาจจะเหมาะกับเจ้าก็ได้ อ๊ะ! ข้าเพิ่งนึกได้พลังสายเลือดของเจ้าคือสายรุ้ง และมันก็คล้ายๆ กับสีของม่านพลังถวิลรักด้วย!”
“พลังสายเลือดรุ้งหิมะน่ะหรือ?” ขลุ่ยวิเศษรู้สึกทึ่งขณะที่เขาประเมินกู้เสวี่ยใหม่ จากนั้นเขาพยักหน้า “ข้าเพิ่งเข้าใจตอนนี้เอง เชิญเลย ใครจะรู้ มันอาจเป็นของเจ้าจริงๆก็ได้”
เหมือนกับว่าดวงตาสีฟ้าของขลุ่ยวิเศษสามารถมองเห็นได้ทั้งหมด
“เฮ้, เจ้าน่ะ, ทำไมเจ้าต้องพูดอะไรครึ่งๆ กลางๆด้วย?” ถังเทียนเทศนาขลุ่ยวิเศษขณะที่เขาชี้มาที่ขลุ่ยวิเศษอย่างไม่สบายใจ “ข้าละเกลียดคนที่ชอบพูดอะไรครึ่งๆ กลางๆ จริงๆ มันจะตายไหม กะอีแค่พูดให้จบประโยค? ถ้าเจ้ารู้ เจ้าก็ต้องบอกออกมานั่นจึงจะนับว่าเป็นเหมือนพี่เหมือนน้อง ครั้งต่อไปเราจะต้องลงเรือลำเดียวกันแล้ว เจ้าก็รู้...”
ด้วยคำพูดสุดท้ายหน้าถังเทียนเปลี่ยนเป็นดูเจ้าเล่ห์
ขลุ่ยวิเศษหัวเราะเบาๆ “อย่าเพิ่งโกรธกัน ข้าไม่เข้าใจสายเลือดรุ้งหิมะจริงๆ เพียงแต่รู้สึกว่าในบรรดาพวกเราแม่นางกู้เสวี่ยอาจจะดึงกระบี่ราชันย์ถวิลรักออกมาก็เป็นได้”
“อาเสวี่ย! เจ้าต้องระวังให้ดีนะ” ถังเทียนยังคงยิ้มและมองนางอย่างจริงจังพลางเตือน “ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล เจ้าต้องรีบออกมาทันที! ถ้าเจ้ากระบี่ผุๆ นี่ พยายามจะทำร้ายเจ้า ฮึ..ข้าจะพังมันซะ”
เขาไม่ห้ามกู้เสวี่ย เขารู้ว่า ถ้าอาเสวี่ยยืนกราน ก็ต้องมีเหตุผลสำหรับเรื่องนั้น เขาเชื่อในอาเสวี่ย
“อืมมม, ไม่ต้องห่วง” กู้เสวี่ยพูดเสียงอ่อนโยน “ข้าคิดว่ามันคงไม่ทำร้ายข้า”
หลังจากนั้นกู้เสวี่ยหันหน้าไปทางม่านพลังถวิลรัก เมื่อนางอยู่หน้าม่านพลังถวิลรัก นางคำนับอย่างชดช้อย “ศิษย์กู้เสวี่ยอยากจะขอรับกระบี่ราชันย์ถวิลรัก ศิษย์หวังว่าท่านคงยอมอนุญาตให้ข้าได้มันไป”
นางเดินตรงเข้าหาม่านพลังถวิลรัก เมื่อนางเดินใกล้เข้าไป นางรู้สึกว่าจู่ๆ นางถูกรังสีรุ้งล้อมรอบ
พลังสายเลือดรุ้งหิมะมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
ม่านพลังถวิลรักที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเริ่มสั่นไหว แสงรังสีเริ่มหมุน
แสงสีสันที่งดงามพุ่งตรงเข้าหากู้เสวี่ยและวนล้อมรอบนาง จากนั้นก่อรูปเป็นม่านพลังถวิลรักต่อหน้านางอีกครา กู้เสวี่ยรู้สึกแต่มึนงง
นางเห็นวันที่นางพบกับถังเทียนครั้งแรก
นางเห็นถังเทียนกอดนางและหลบหลีกการลอบทำร้ายของไซอา
นางเห็นถังเทียนปรากฏตัวต่อหน้านางในวันที่นางนั่งอยู่ในบ้านที่พังทลายอย่างหมดสิ้นความหวัง
นางเห็นถังเทียนเหวี่ยงนางออกมาเมื่อเทวรูปนัยน์ตาแดงล้อมกรอบตัวนางไว้ และนางเห็นถังเทียนห่างไกลออกไปจากนางทุกที
…
เสียงถอนหายใจเบาแต่นุ่มนวลดังขึ้นในใจนาง เสียงถอนหายใจนี้แฝงด้วยความในใจมากมายความทุกข์มากมาย และความเปลี่ยวเหงาที่มากขึ้น
นี่คือความถวิลรักที่อันตราย
ราชันย์ถวิลรัก
ไม่ใช่ว่านางไม่สามารถ แต่เป็นเพราะว่านางไม่ยินดีทำ
ในเสี้ยววินาที กู้เสวี่ยเข้าใจเหตุผลที่กระบี่เลือกนาง เป็นเพราะมันสามารถบอกได้ว่านางก็เป็นคนหนึ่งที่ประสบชะตาถวิลหารัก
กู้เสวี่ยไม่มีความเศร้ามากเกินไป ตรงกันข้าม หัวใจนางเต็มไปด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจ
“ถ้าข้ารู้ว่าข้าจะต้องรู้สึกสะดุดรัก ข้าไม่ขอพบเจ้าตั้งแต่แรกก็คงดี”
ขณะที่นางได้ยินขลุ่ยวิเศษขับขานเพลงแนวนี้ นางลอบส่ายหน้าอย่างเงียบๆ ถังเทียนนำแสงสว่างมาสู่ชีวิตนางนำโชคมาให้นาง นำอิสรภาพมาให้นาง นางทำได้แต่เพียงเก็บความปรารถนาที่ไม่เคยมีทางสมหวังไว้กับตัวนางเอง
นางแต่เดิมทีเป็นสตรีที่เหมือนตกนรกหมกไหม้ ตอนนี้นางได้รับอะไรต่างๆ มากมายยังมีอะไรอื่นต้องเสียใจอีก
ความปรารถนาที่ไม่เคยคาดหวังคือของขวัญที่ดีที่สุด เมื่อนางได้รับมาแล้วนางจะไม่มีวันโดดเดี่ยวเดียวดายในชีวิตที่เหลืออีกแล้ว
มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของกู้เสวี่ย ตาของนางเหมือนกับไข่มุกในความมืดขณะที่มันฉายแสง
ทันใดนั้นกระบี่ราชันย์สังหารเปลี่ยนสภาพกลายเป็นธุลีไปต่อหน้าต่อตาแสงหลากสีสันบนม่านพลังเปลี่ยนเป็นสีรุ้งพุ่งเข้าใส่ตานาง ตาของนางเต็มไปด้วยชั้นของแสงสีรุ้ง
ที่บนพื้นมีกระบี่พุ่งวาบออกมาและกลายเป็นแสงรังสีบินตรงเข้าหากู้เสวี่ย
เงาร่างสายหนึ่งปรากฏออกมาฉับพลันแต่ที่ใดมิทราบแล้วพุ่งเข้าใส่กระบี่ราชันย์ถวิลรัก
“ข้าน่าจะป้องกันเจ้าเอาไว้แต่เนิ่นๆ”
ถังเทียนตะโกนลั่นเหมือนสายฟ้าผ่า เขาฟันใส่ไซอาด้วยการเตะดาบเท้าถานถุ่ยออกไปสองสามครั้ง ลำแสงดาบที่คมตัดฝ่าอากาศตรงเข้าหาไซอา
ฉัวะ!
เท้าดาบถานถุ่ยตรงเข้าหาฝ่ายตรงข้ามอย่างไม้ปราณีปราศรัย
มีบางอย่างผิดปกติ!
มีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ถังเทียนรู้สึกว่าผิดปกติ ไซอาจะถูกโจมตีได้อย่างง่ายดายได้ไง?
แทบจะเป็นเวลาเดียวเกลียวคลื่นพลังปรากฏอยู่ข้างตัวกระบี่ราชันย์ถวิลรัก มือของไซอาสัมผัสกระบี่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นไซอาเตรียมจะชิงสิ่งที่เขาต้องการตัวคมประบี่ก็เปล่งแสงสว่างโชนทันที
“อ๊า..” ไซอาร้องโหยหวน ราวกับว่าเขาสัมผัสกับบางอย่างที่ร้อนแรง เขารีบคลายมือจากด้ามจับทันที
ราวกับสายรุ้งกระบี่ราชันย์ถวิลรักลอยเข้าไปอยู่ในมือของกู้เสวี่ย
ทันทีที่กระบี่อยู่ในมือของนาง ความปรารถนาและความงมงายในรักมากมายทำให้กู้เสวี่ยถึงกับน้ำตาคลอ นางสามารถรับรู้ถึงความรักหลงใหลระหว่างหวังหย่งและภรรยาของเขา เป็นความคำนึงถึงกันแล้วไม่สมหวังเหมือนกับช่วงเวลาสิบปีถูกกดดันจนเหลือเพียงหนึ่งวัน
หวังหย่งเปลี่ยนตัวเองเข้าไปในกระบี่อย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน
แม้ว่าเขาจะอยู่ตามลำพังมาทั้งชีวิต อยู่ในภูเขาและยิ่งแก่ก็ยิ่งเป็นคนรังเกียจการเข้าสังคม ความรู้สึกที่เขามีนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปสักครั้ง มีแต่ความเจ็บปวด ว้าเหว่เดียวดาย ความเหงาเศร้าและผิดหวัง แต่ในความทุกข์ทั้งหมดนี้เหมือนกับเป็นป้ายไม้เล็กๆ ผูกด้ายหลากสี
ด้ายเจ็ดสีนี้ก็คือความปรารถนาที่ไม่บรรเทาบาง
ความปรารถนาที่ไม่บรรเทาบางก็มีหลากหลายสีสัน
รุ้งมักจะมีสีที่งดงาม
นอกจากนี้มันยังเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เหมือนกับรักที่ไม่สมปรารถนาก็ยังมีความสุขอยู่ได้
กู้เสวี่ยเผยยิ้ม กระบี่เล่มนี้ใหญ่มากนางจำเป็นต้องใช้มือทั้งสองจึงจะถือไว้ได้ บนฝักกระบี่ผูกไว้ด้วยด้ายเจ็ดสี ที่ปลายจะมีถั่วแดงจำนวนหนึ่ง ด้ามกระบี่มีรูปร่างเหมือนปีกนกกระจอกขณะที่ตัวใบกระบี่จะกว้าง เส้นสายเจ็ดสียืดขยายออกไปจนถึงคมกระบี่
นัยน์ตานางเป็นประกายความรู้สึกถึงอารมณ์ที่กล้าแข็งชอนไชเข้าในตัวนางและใจของนาง
เหมือนกับว่ามีเสียงที่กระซิบบอกนางเบาๆว่า “จงกวัดแกว่งกระบี่เล่มนี้เหมือนกับวิธีที่เจ้าทำกับสายรุ้ง”
กวัดแกว่งกระบี่เล่มนี้เหมือนกับวิธีที่เจ้าทำกับสายรุ้ง...
กู้เสวี่ยไม่เคยคิดอะไรมากความ นางแกว่งกระบี่แต่มันแตกต่างจากสิ่งที่นางคิด เมื่อนางกวัดแกว่งกระบี่ยักษ์ กระบี่ก็เป็นเหมือนสายรุ้ง มันเบาและไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานมาก
รังสีกระบี่รุ้งที่สวยงามสดใสและอ่อนโยนเปล่งประกาย
โลกทั้งมวลดูเหมือนจะชะงักนิ่งกับภาพนี้ แสงที่งดงามจับใจรังสีที่นุ่มนวลไม่มีหมอกปราณสักนิดเดียวลอยอยู่ในอากาศ
ไม่มีเสียงหวีดหวิวและพื้นไม่มีการขยับ เป็นแค่เพียงเหมือนกับสายลม
สายรุ้งทะลวงอกของไซอา
ไซอาชะงักค้างทันที เขามองดูกู้เสวี่ยอย่างเหลือเชื่อ มีแสงรุ้งจางๆ อยู่ในอกเขา
ราชันย์ถวิลรัก...นี่คือราชันย์ถวิลรัก
ทำไมเขาไม่รู้สึกเจ็บปวด?
ไซอาดูภาพหลากสีสันอย่างมึนงง เขาต้องการตะโกน แต่เขาไม่สามารถทำได้ ร่างของเขาเริ่มแตกกระจายเป็นชิ้นๆและสลายหายไปในอากาศ
ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้เห็นภาพที่เกิดขึ้น!
ถังเทียนมองดูภาพหญิงงามผมยาวกวัดแกว่งกระบี่ยักษ์ ท่วงท่าของนางดูสง่างดงามจับใจ
ไม่เคยมีใครที่เห็นการโจมตีของหมอกปราณ ทุกคนตะลึงงันไปทั้งหมด
“วิชาราชันย์ถวิลรัก...นี่คือพลังราชันย์ถวิลรัก สั้นเหมือนกับสายรุ้ง” ขลุ่ยวิเศษพึมพำ “จะมีใครกันที่หลบราชันย์ถวิลรักได้พ้น? มารสังหาร, ท่านเป็นมารแท้ๆ ข้าเข้าใจท่านแล้ว หวังหย่ง”
เป็นความตายที่เงียบสงัด
ทั่วทั้งคูหาตกอยู่ในความเงียบ
หลิงซิ่วผู้กล้าหาญมองดูอย่างตกใจเป็นครั้งแรก กระบี่นี้เกินกว่าที่เขาคาดหมายไปมาก
นี่คือวิชากระบี่ของสุดยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ แกร่งกร้าวมากจริงๆ
ไซอา, นั่นคือไซอา,และเขาถูกสังหารด้วยท่ากระบี่จากกู้เสวี่ยจริงๆ...
พลังราชันย์ถวิลรัก...ราชันย์ถวิลรักช่างน่ากลัวจริงๆ!
เขากำหอกเงินของเขาแน่น วิชาระดับสุดยอดฝีมือนั่นเคยเป็นเป้าหมายของเขา ความคิดของเขาทั้งหมดก็คือยกระดับวิชาหอกทะเลจุดเข้าสู่ระดับสุดยอดฝีมือ วันนี้นับได้ว่าเปิดหูเปิดตาเขาแล้ว
ตอนนี้เขาได้รู้อีกว่า มีขอบเขตที่สูงกว่าระดับสุดยอดฝีมือ
ถ้าวิชาหอกทะเลจุดเหนือกว่าระดับสุดยอดฝีมือ อย่างนั้นจะเป็นยังไงเล่า? หลิงซิ่วตื่นเต้นขึ้นมาทันใด ถ้าวิชาหอกทะเลจุดของเจ้าคนทรยศเป็นระดับสุดยอดฝีมือ อย่างนั้นถ้าเขาฝึกฝนหอกทะเลจุดจนเหนือกว่าระดับสุดยอดฝีมือ อย่างนั้นเขาก็จะสามารถเอาชนะคนชั่วร้ายนั่นได้
นัยน์ตาขององค์หญิงน้อยโตเท่าไข่ห่าน เมื่อเธอรู้สึกตัวครั้งแรก เธอคงจะบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับบิดาของเธอ ตระกูลกู้แข็งแกร่งมาก ประมุขตระกูลรุ่นใหม่ของตระกูลกู้ก็แข็งแกร่งมากด้วย
ไม่สิ ตอนนี้นางแข็งแกร่งมากๆๆ แล้ว!
เธอไม่เคยคิดว่าการผจญภัยของเธอเองจะทำให้เธอเข้าใจกู้เสวี่ยได้มากขึ้น ทันใดนั้นเธอรู้สึกยินดีมาก โชคดีที่เธอได้ที่ปรึกษาเช่นนั้น ตราบใดที่ความสัมพันธ์ของเธอกับที่ปรึกษาของเธอยังคงเป็นไปได้ด้วยดี กู้เสวี่ยจะสามารถยืนหนุนอยู่ข้างรัฐบาลอู่โหว
กู้เสวี่ยจะกลายเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าของสวรรค์วิถีไปโดยปริยาย นี่เป็นนิมิตหมายที่ยอดเยี่ยมที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน
หน้าของชิงหลวนไม่มีสีเลือดเหลืออยู่สักนิด นางมักภูมิในวิชากระบี่ปีกสะท้านของนางเสมอ แต่ตอนนี้นางไม่เหลือความภูมิใจสักนิดเมื่อได้เห็นกระบวนท่าราชันย์ถวิลรัก
เบื้องหลังประตูแสง ปิงขยี้เท้าถอนหายใจหันหน้าไปทางกรงเล็บภูตพราย“เฮ้อ.. สาวน้อยผู้น่ารักคนนี้ตอนนี้กลายเป็นผู้ที่ทั้งแข็งแกร่งและงดงามมากไปแล้ว! เราสูญเสียครั้งใหญ่, สูญเสียเสียแล้ว”
กรงเล็บภูตพรายตามปกติจะไม่พูดอะไรอยู่แล้ว
“เฮ้อ, ถังน้อยก็ดันชอบผู้หญิงอยู่คนเดียว นี่ช่างน่าผิดหวังจริงๆ ถ้าเป็นข้านะ.....” ปิงบ่นจุกจิก เขาส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัวและทันใดนั้นเขามองดูตาของกรงเล็บภูตพราย ก็ต้องตกใจ
ลึกลงไปในดวงตากรงเล็บภูตพราย, แสงจางพลันสว่างขึ้น
จากนั้นปิงจึงรู้ตัวและมองดูเขา ใบหน้าเหมือนไพ่ของเขาดูจริงจัง “เจ้าตื่นเต้นหรือ? กรงเล็บเพลิงภูตพรายของเจ้าก็เป็นวิชาระดับสุดยอดฝีมือเหมือนกัน ข้ายังสงสัยอยู่ว่าเจ้าเคยต้องการไปให้ไกลกว่าระดับนั้นหรือไม่?”
ปกติปิงบ่นกับตัวเองเป็นประจำจนคุ้นเคยไปแล้ว จากนั้น มีขมขื่นดังขึ้น
“ใช่แล้ว”
ปิงมองดูกรงเล็บภูตพรายอย่างมึนงงปากของเขาชะงักค้างเป็นรูปตัวโอ ท่าทางของเขาเหมือนกับถูกผีหลอก
กรงเล็บภูตพรายพูดบางคำได้ด้วย...
“จะ จะ จะ เจ้า เจ้าพูดได้ด้วยเหรอ?” ปิงชี้กรงเล็บภูตพรายและตัวสั่น ทันใดนั้นเขานึกขึ้นมาได้ว่าเขาได้พูดกับคนที่คิดเป็นพูดเป็นและนอกจากนี้เขายังบ่นพึมพำกับตนเองทั้งวันและทั้งคืน จู่ๆ ปิงก็รู้สึกเหมือนว่าตนเองตกลงไปในเหว
มันน่าขายหน้ามาก!
นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพดาวกางเขนใต้....
“เออ!” กรงเล็บภูตพรายตอบ น้ำเสียงแหบมากเขาใช้พลังมากมายกว่าจะพูดเช่นนั้นได้
“งั้น งั้น งั้น... ทำไมเจ้าถึงไม่พูด?” ปิงตกตะลึงถาม
“เหนื่อยว่ะ” กรงเล็บภูตพรายตอบ
“อ๊าาาาาา!” ปิงเอามือปิดหน้าขณะที่ร้องสุดเสียง