ตอนที่ 187 สำเนียงเฉื่อยชา
ถังเทียนโต้เถียงทันทีและชี้ไปที่คุณชายขลุ่ยวิเศษและคำรามด้วยโทสะ “เจ้าคิดว่าข้าจะมึนชาและคิดประมาทด้วยเรื่องแค่นั้นหรือ? ขอบอกอะไรสักอย่าง เล่ห์กลเหล่านั้นใช้อะไรกับข้าไม่ได้ ข้าจะไม่ตกลงไปในกับดักของเจ้าแน่”
“พูดดี!” ลุงปิงเห็นด้วยเสียงดังก้องอยู่ในหัวใจของถังเทียนและเกือบปรบมือให้เขาแล้ว
“ฮ่าฮ่า!” ขลุ่ยวิเศษหัวเราะ เขาไม่ได้โกรธและยังจับตามองถังเทียนด้วยความสนใจมากขึ้น “คุณสมบัติของเจ้าดูเหมือนจะธรรมดา ถ้าตัดสินจากการดูเพียงอย่างเดียว”
“เฮ่ย..มันบอกว่าเอ็งโง่ว่ะ” ลุงปิงพยายามปลุกปั่น
“เงียบไปเลย!” ถังเทียนตะโกนใส่ปิง
ลุงปิงขยับหน้าเหมือนไพ่ของเขาด้วยท่าทางเหมือนไร้เดียงสา
ถังเทียนมองดูขลุ่ยวิเศษ ดูถูกมากเกินไป เขากล้าบอกว่าเขาโง่หรือ....
ขลุ่ยวิเศษไม่ได้รู้สึกถึงความคิดของถังเทียนเลยแม้แต่น้อยยังคงถอนหายใจ “พรสวรรค์อย่างนั้นฝึกจนถึงขั้นนี้ได้ หาได้ยากจริงๆ”
ยังจะบอกว่าข้าโง่อีกหรือ....
ถังเทียนจ้องมองด้วยความโกรธ นัยน์ตาแทบมีเปลวไฟพวยพุ่ง
“แน่นอน! เขาเป็นแบบนี้ได้ไงมักจะเผยจุดอ่อนให้คนอื่นเสมอ!” ปิงประสมโรงด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ไสหัวไปเลย” ถังเทียนด่าปิงในใจ
“แต่นี่ทำให้มันน่าสนใจขึ้น”ขลุ่ยวิเศษหัวเราะเบาๆ ตาของเขาลึกและดูน่ารัก “หลังจากผ่านมาหลายปี ถ้าผู้สืบทอดเป็นคนน่าสนใจ ก็ยังดีกว่าไม่น่าสนใจอยู่มาก”
น่าสนใจ....นั่นความจริงเป็นการบอกอ้อมๆว่าข้าโง่
ถังเทียนกัดฟันแน่น
※※※※
“ทำไมอาจารย์มีสีหน้าอย่างนั้นล่ะ?” องค์หญิงน้อยไม่เข้าใจเธอพูดขึ้นด้วยความสงสัยจริงๆ “ข้าว่าขลุ่ยวิเศษเป็นคนดีจริงๆ เขาฝึกมารยาทมาดีและไม่ได้หยิ่งหรือจองหองอะไรเลย เป็นแบบอย่างที่ดีจริงๆ”
“อาใช่แล้ว, ข้าก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน!” ชิงหลวนดูเหมือนสะดุ้งตื่นตัวเช่นกัน”
หลิงซิ่วแค่น“พวกผู้หญิงจะรู้เรื่องอะไรของบุรุษ”
ควั่บ!
สายตาสามคู่คมเหมือนมีดกรีดเหมือนกับจะแทงร่างหลิงซิ่วเป็นรู
กู้เสวี่ยจ้องหลิงซิ่วและพูดแก้ต่างให้ถังเทียน “อาเทียนต้องสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายอาจไม่มีเจตนาดีก็ได้”
“เขาต้องอิจฉาเรื่องหน้าตาที่ดูดีของอีกฝ่ายก็ได้” นัยน์ตาของเด็กหญิงเป็นประกายระยิบระยับ “ขลุ่ยวิเศษหน้าตาหล่อเหลาขนาดนั้น! จะดีแค่ไหนถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ ข้าคงขอให้เขาเป็นอาจารย์ของข้าแน่ๆ”
“ใช่แล้วคุณหนูพูดถูก” ชิงหลวนก็นัยน์ตาเป็นประกายเช่นกัน “เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นบุรุษที่เข้มแข็งขนาดนี้”
คนอื่นๆ ไม่อาจกวนใจกับสองคนนี้
※※※※
“เจ้าพร้อมหรือยัง?” หน้าของขลุ่ยวิเศษกลับมาจริงจังอีกครา “แม้ว่าข้าจะรู้สึกว่าเจ้าเป็นผู้มีคุณสมบัติไม่เลว,แต่เจ้าต้องผ่านการทดสอบก่อน ถึงจะมีโอกาสได้รับเอาไว้”
“มาเลย!เจ้ามีอะไรก็ใส่มาให้หมด!” ถังเทียนเทียนถลึงตามองอย่างขุ่นเคือง
สายเกินไปแล้วสำหรับสิ่งงดงามทั้งหมด หลังจากที่เจ้าด่าข้าเป็นเจ้าโง่ซ้ำซาก!
ขลุ่ยวิเศษค่อยยกขลุ่ยบรอนซ์ของเขาจ่อกับริมฝีปากนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเหมือนกับโลกค่อยๆ ปิดลงช้าๆ ขนตายาวงอนพลิ้วอยู่ในสายลม ใบหน้าหล่อเหลาตอนนี้เปล่งประกายเคร่งขรึมอยู่ในบรรยากาศ
“โปรดฟังสำเนียงเฉื่อยชาให้ดี”
เสียงที่ฟังแล้วชุ่มชื่นล่องลอยอยู่ในสายลม เสียงขลุ่ยแผ่วพริ้วเหมือนสายน้ำไหล
สภาพรอบๆ ดูเหมือนจะเฉื่อยชาไปหมด เป็นความสบายจนสุดจะพรรณนา รังสีฆ่าฟันและความโกรธของถังเทียนคลายไปโดยไม่รู้ตัว
เสียงไพเราะดีจริงๆ
ถังเทียนจ้องมองด้วยนัยน์เบิกกว้าง เขาไม่เข้าใจดนตรี แต่เสียงขลุ่ยนี้ดูเหมือนเป่าเข้าถึงจิตใจของเขาดึงเอาความทรงจำภายในออกมาโดยไม่รู้ตัว
※※※※
“เมื่อไหร่จะจบ?”
ในราตรีมืดมิด บนภูเขา เด็กชายคนหนึ่งกำลังลูบคลำป้ายบรอนซ์และบ่นรำพันกับตัวเอง
หลังจากใช้เวลาไปนานมาก แล้วจะคุ้มค่ากันไหม? ถ้าเขาใช้เวลาในหนึ่งปีนี้เพื่อเรียนรู้วิทยายุทธเหมือนกับคนอื่นทั่วไป เขาอาจได้ผลเรียนที่ดีก็ได้....
ความลังเลใจและความไม่แน่ใจปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาชัดเจน
เด็กหนุ่มกางแขนฟุบหน้านอนลงด้วยความรู้สึกจิตตก
“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ข้าคงห่างจากเชียนฮุ่ยไปทุกทีๆ....”
“ทุกอย่างจะจบลงสูญสลายเป็นหมอกควันกระนั้นหรือ?”
“หลังจากฝึกฝนมาหนึ่งปีเต็ม ยังไม่มีความก้าวหน้าอะไรมาก ป้ายบรอนซ์นี้คงจะไม่หลอกเราเป็นแน่....”
“เราควรจะอดทนต่อไปดีไหม?”
“ถ้าปีต่อมายังไม่มีผลตอบสนอง เราควรจะยกเลิกดีไหม?”
….
ถังเทียนเป็นเหมือนผู้ชมมองดูเด็กที่หดหู่กดดัน เขากังวลใจต้องการจะตะโกนบอกเขาในตอนนี้ ว่าเขาจะต้องอดทนต่อไป!
แต่ไม่ว่าเขาจะอ้าปากยังไงก็ตาม ก็ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาได้อดทนพยายามแล้วก็ตาม แต่เด็กที่มีอารมณ์ร่วมกับเขานอนทอดตัวอยู่บนเนินเขาตอนนี้ทำให้เขารู้สึกเกี่ยวโยงกันอย่างแข็งแกร่ง ความมืด ความหมดหวังในสายตา ความหดหู่กำลังใจตกต่ำมองไม่เห็นอนาคต อารมณ์แบบนี้สำหรับเด็กอายุ 12-13ปีหนักหน่วงจนแทบหายใจไม่ออก
อนาคตจะอยู่ตรงไหน? ไม่มีใครรู้
มีอยู่เพียงเบาะแสเดียวอยู่ในมือของเขา เขาไม่รู้ว่าจะมีเบาะแสเงื่อนงำอื่นใดหลังจากนี้ไป
เขายังต้องทุ่มเทเวลา และทุ่มเสี่ยงอนาคตของเขา
ต่อให้ถังเทียนในเวลานี้เมื่อเผชิญกับทางเลือกดังกล่าวเผชิญกับอารมณ์เช่นนั้น เขาก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ดี
อดทนอยู่อย่างนั้น! หนุ่มน้อย!
เขาลืมไปว่านี่คือความทรงจำของเขา เขาลืมอดีตที่เกิดขึ้น เขามองดูเด็กชายที่กำลังนอนอยู่บนพื้นหญ้าจ้องมองดวงดาวในท้องฟ้า
เขาเห็นเด็กคนนั้นเช็ดน้ำตาอย่างช่วยไม่ได้
เขาเห็นเด็กชายเหนื่อยจากการร้องไห้ ร้องเรียกเพ้อหามารดาของเขาในความฝัน
เขาเห็นเด็กชายขดตัวกลมเหมือนลูกบอลในสนามหญ้า
ถังเทียนมองดูภาพทั้งหมดเหล่านี้ มองดูเขาในเวลานั้น และตะโกนเงียบๆ ในใจเจ้าหนู, อดทนอย่างนั้นต่อไป! ไม่ว่ายังไงก็ตาม เจ้าต้องไม่ยอมแพ้
เวลาผ่านไปช้าๆ ดวงดาวลับฟ้าไปแล้วและดวงตะวันเริ่มฉายแสง แสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงผุดขึ้นจากขอบฟ้าย้อมโลกเป็นสีแดงเพลิง
แสงอาทิตย์ฉายต้องใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของเด็กชายใบหน้าที่สงบ มีความรู้สึกอบอุ่นอย่างหนึ่งขึ้นมา
เด็กชายรู้สึกได้ถึงแสงอาทิตย์และลืมตาอย่างยากลำบาก จากนั้นเขาเห็นไข่แดงใบใหญ่ลอยอยู่ในท้องฟ้า โลกถูกย้อมด้วยสีส้มอบอุ่น
เด็กน้อย! นี่เป็นวันใหม่แล้ว, กระตือรือร้นหน่อย! ถังเทียนพึมพำในใจเขาเงียบๆ
ควั่บ!
ทันใดนั้น เด็กชายลุกขึ้นกระโดด หันหน้าหาดวงอาทิตย์และกางแขนของเขา
“ฮ่าอ่าฮ่า! วันใหม่อีกแล้ว!”
“เรื่องที่น่าอายอย่างนั้นทิ้งไปให้หมด มันเป็นความคิดของข้าได้ยังไง?”
“ถังเทียน! เจ้าคือลูกผู้ชายตัวจริง! ไอ้เด็กพวกนั้น, เจ้าไม่ต้องไปใส่ใจพวกมัน”
“เชียนฮุ่ยรักลูกผู้ชายตัวจริง!”
“ว้าว! ลูกผู้ชายตัวจริง, สู้ต่อไป!”
เด็กชายตะโกนสุดเสียงสุดกำลังของเขา เขายังคงกลัว กลัวว่าเสียงของเขาจะเบาเกินไป แล้วเขาจะไม่ได้ยิน กลัวว่าเสียงของเขาอ่อนแอเกินไปแล้วเขาจะไม่เกิดความเชื่อมั่น
เขาตะโกนออกมาดังๆ และเสียงนั้นดังออกไปไกลมากพร้อมกับมีดวงตะวันเป็นพยาน
ถังเทียนตื่นเต้นโดยไม่รู้ตัวทันที ไม่มีอะไรดีกว่าการได้เห็นตนเองขยันหมั่นเพียรในตอนนั้นและเขาเข้าใจความละเอียดอ่อนในตอนเริ่มต้นนั้นทันที
เขาผ่านถนนมาหลายสาย พบคนมามากมายได้ทำอะไรหลายอย่าง แต่เสียงก้องสะท้อนกลับมาภายในของเขา ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
คู...
เสียงดังต่อเนื่อง ทำลายความนึกคิดของถังเทียน
เด็กชายนอนอยู่บนพื้นลาดกำลังกอดท้อง ท้องของเขาเสียงดังราวกับฟ้าร้อง ความรู้สึกเร่าร้อนตอนนี้หมดไปแล้ว แขนขาของเขาอ่อนแรง เขาคลานลงเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวด “หิวจริงๆ, ข้าลืมไปว่ายังไม่ได้กินอะไร, ปล่อยตัวเองมากไปหน่อย....”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”ถังเทียนอดระเบิดเสียงหัวเราะไม่ได้
ท่ามกลางเสียงหัวเราะลั่น ภาพที่อยู่ต่อหน้าเขา ค่อยกลับคืนสู่ปกติ
สีหน้าของขลุ่ยวิเศษที่อยู่ต่อหน้าเขาดูแปลกประหลาดมาก ดวงตาคู่สีฟ้ามองดูเขาด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด
ถังเทียนที่กำลังหัวเราะอยู่ จู่ๆก็มองดูสีหน้าและสายตาประหลาดใจของขลุ่ยวิเศษ เขาชะงักเสียงหัวเราะทันทีด้วยความไม่พอใจ เขาถาม “เฮ้, เกิดอะไรขึ้นกับหน้าของเจ้า?”
“ดูเหมือนข้าจำเป็นต้องทำความรู้จักเจ้าอีกครั้ง” เสียงของขลุ่ยวิเศษอบอุ่นและไพเราะ
“รู้จัก?”ถังเทียนโบกมือ และพูดยืนยัน “รีบๆจบเพลงเฉื่อยชาของเจ้าแล้วยกสมบัติให้ข้าได้แล้ว! ใครจะไปเหลือพลังให้เจ้าได้ทำความรู้จักอีกเล่า”
ขณะเดียวกัน เบื้องหลังประตูแสง ปิงพูดกับกรงเล็บภูตพรายด้วยท่าทียินดี “โชคดี,โชคดีจริงๆ เพลงขลุ่ยของเจ้าผู้นี้แปลกจริงๆ เขาเกือบจะทำเรื่องลำบากเสียแล้ว โชคดีที่ถังเทียนน้อยเฉื่อยชาลง”
กรงเล็บภูตพรายไม่พูด นัยน์ตาเขาฉายประกายรำลึก
ขลุ่ยวิเศษไม่ถือสา และหัวเราะเบาๆกล่าวอย่างเป็นกันเอง “เจ้าเป็นคนที่สามที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงขลุ่ยดูเหมือนว่าข้าจะดูแคลนเจ้าไปหน่อยแล้ว ข้าขอโทษจริงๆ”
ขลุ่ยวิเศษถือขลุ่ยและคำนับขออภัย
ถังเทียนพอใจทันทีแต่ยังเท้าสะเอวหัวเราะอย่างถือดี “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าบอกไว้ก่อนแล้วเจ้าจะต้องตายอย่างสยดสยองหากดูหมิ่นข้า! ตอนนี้เจ้าก็รู้จักพลังของข้าแล้ว! แต่เนื่องจากเจ้ารู้สำนึกตัวเองได้ทันข้าจะยกโทษให้และไม่ถือสาเอาความกับเจ้า”
ทันใดนั้นเขาตื่นตัวทันที “เฮ้,เจ้าพยายามหลอกลวงหว่านล้อมข้าด้วยคำพูดเหล่านี้ แล้วไม่ยอมยกสมบัติให้ข้าใช่ไหม?”
ขลุ่ยวิเศษยิ้มเล็กน้อย เขาโบกแขนเสื้อเบาๆหีบเหล็กบนพื้นก็ลอยเข้าหาถังเทียน
ถังเทียนรับหีบเหล็กไว้ด้วยสีหน้าตื่นตัว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ภารกิจของข้าสำเร็จแล้ว” ขลุ่ยวิเศษถือขลุ่ยและกล่าวคำอำลาด้วยน้ำเสียงดีใจ “เมื่อของตกถึงมือเจ้า ข้าก็มีความสุขมากแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถใช้มันได้เป็นอย่างดี ขอให้มิตรภาพของเรายั่งยืนนานจนกว่าจะได้พบกันครั้งต่อไป.....”
“เดี๋ยวก่อน!”
ทันใดนั้น มีเสียงพูดตัดบทขึ้นมา ร่างของปิงปรากฏอยู่ข้างตัวถังเทียน
ร่างของขลุ่ยวิเศษสั่น ลักษณะที่สง่างามของเขาหายไปทันที “ขะ..ขะ ขุนพลวิญญาณ!”
“แม่นแล้ว!” ปิงยื่นหน้าที่เหมือนไพ่ของเขาออกมาและพูดอย่างแฝงความหมาย“ข้าก็เหมือนกับเจ้านั่นแหละ”
“เป็นไปไม่ได้...” ขลุ่ยวิเศษพึมพำกับตัวเอง
“อะไรเป็นไปไม่ได้?” ปิงผายมือของเขา ทำหน้าเหมือนนักเลง “ข้าก็ยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าแล้วไง,เขา...สามารถทำให้เราคงอยู่ได้ตลอดไป”
“เป็นไปไม่ได้....” ขลุ่ยเวทยังคงไม่เชื่อเต็มที่
เขาเพียงแต่รอดอยู่ได้เป็นเวลานานในฐานะที่เป็นขุนพลวิญญาณ และเนื่องจากเขาเป็นวิญญาณปกป้องสมบัติ แต่เขาเสียชีวิตมาหลายปีแล้วและตอนนี้วิญญาณเฝ้าสมบัติได้ส่งมอบสมบัติให้ถังเทียนแล้ว วิญญาณคุ้มกันสมบัติสูญเสียสิ่งที่เขาป้องกันก็จะสูญสลายไปในไม่ช้า
นี่คือผลที่ตัดสินไว้นานแล้ว
“มากับข้าแล้วเจ้าจะรู้เอง” ปิงพูดด้วยสีหน้าจริงจังมีเพียงถังเทียนที่เข้าใจ เจ้าผู้นี้ต้องวางแผนอะไรบางอย่างไว้แน่ๆ
เมื่อขลุ่ยวิเศษผ่านเข้าประตูดาวกางเขนใต้ เขาจะถูกตรึงเอาไว้
กองทัพดาวกางเขนใต้คำที่แฝงความหมายรุ่งเรืองจะมีความหมายพอรั้งขลุ่ยวิเศษผู้มีนัยน์สีฟ้าลึกซึ้งและมีเสน่ห์ได้หรือไม่
ปิงพอใจและชูสองนิ้วมาทีถังเทียน ความหมายว่าลงตัวเรียบร้อยแล้ว