ตอนที่แล้วตอนที่ 184 บุรุษหนุ่มในเกราะเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 185 คุณชายขลุ่ยวิเศษ

ตอนที่ 181 กระบี่มาร


ตอนที่ 181 กระบี่มาร

บันไดหินทำอย่างง่ายๆคร่าวๆ ไม่มีรูปแบบ แต่เป็นทางขึ้นอย่างเดียวมองไม่เห็นที่สุดและนี่ทำให้ทุกคนตกใจ คิดไม่ถึงเลยว่านักสู้ในครั้งนั้นจะใช้กระบี่ยาวขุดเจาะหินเป็นบันไดทีละขั้นๆตลอดเขาปู้โจวตามลำพัง

ในช่วงเวลานั้นไม่มีใครพูดออก  ทุกคนกลัวกันหมด

บรรยากาศกลายเป็นเคร่งขรึมขึ้นโดยไม่รู้ตัว  ถังเทียนและหลิงซิ่วรู้สึกได้มากที่สุด  เพราะบันไดที่ไม่มีจุดสิ้นสุดนี้อยู่ต่อหน้าพวกเขาสร้างความตกตะลึงให้พวกเขาโดยตรง ใครจะรู้กันว่าผ่านไปกี่ปีแล้วด้วยความก้าวหน้าของพลังฝึกปรือผลงานของผู้อาวุโสนั้นก็ยังเจิดจรัสอยู่

“ข้าสงสัยจริงว่าผู้อาวุโสนี้ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงเจาะบันไดได้ไกลขนาดนั้นในตอนนั้น!”  เด็กหญิงฝันเฟื่อง เธอมักเต็มไปด้วยความสงสัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ไม่รู้จัก

“นานมาก” หลิงซิ่วพูดทันที เสียงของเขาเต็มไปด้วยความนับถือ “อย่างน้อยสิบปี ข้าพอจะเดาได้ว่าผู้อาวุโสท่านนี้เป็นคนแบบไหน”

ทุกคนมองดูหลิงซิ่วด้วยความประหลาดใจ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์หญิงหมิงจู  เธอมักคิดว่าเธอรู้อะไรมามาก  แต่ว่าแม้แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าผู้อาวุโสท่านนี้เป็นใคร  แต่หลิงซิ่วกลับรู้จัก!

หลิงซิ่วเงียบทันที  “ถ้าข้าเดาไม่ผิด  ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสท่านนี้คือกระบี่มารหวังหย่ง!”

“กระบี่มาร!”  ไจ๋เหิงจ้านอุทานดังๆ

ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นหน้าของกู้เสวี่ยและชิงหลวนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน  แต่ดวงตาของเด็กหญิงเป็นประกายทันที เหมือนกับว่าเธอจำอะไรบางอย่างไรและอุทานอย่างตื่นเต้น  “ใช่แล้ว มีความเป็นไปได้สูง!  หย่งกระบี่มาร เขามีชื่อเสียงช้า และเขาสร้างชื่อให้ตัวเองเมื่อตอนอายุ 40 วิชากระบี่ของเขาประหลาดไม่เหมือนใคร ไม้ตายของเขาและกระบี่จอมมารนับเป็นวิชากระบี่ระดับปรมาจารย์เขาอาละวาดอยู่ไม่กี่สิบปี จากนั้นก็หายสาบสูญไป ข่าวลือว่าเขาได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจ มีความเป็นได้สูงที่เขาจะกลับมาที่นี่เพื่อใช้ชีวิตที่เหลือ”

เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนได้ยินชื่อของหวังหย่งแต่เขาไม่กล้าดูถูกเขา  เนื่องจากวิชากระบี่ระดับปรมาจารย์วลีนี้ดูเหมือนจะมีฝีมือเป็นพิเศษที่น่ากลัวและตื่นตาแน่นอน

ระดับปรมาจารย์  ถังเทียนอย่างน้อยไม่รู้สึกแปลกกับคำนี้ เพราะกรงเล็บภูตพรายก็มีวิชากรงเล็บระดับปรมาจารย์  ยอดฝีมือมือระดับปรมาจารย์ ถ้าพวกเขาต้องสู้กับนักสู้ในระดับเดียวกันที่ไม่ใช่ระดับปรมาจารย์  ย่อมเป็นงานที่ง่ายแน่นอน  ต่อให้ศัตรูสูงกว่าสองระดับก็ตาม  เขาก็สามารถต่อสู้ได้  เพราะนั่นคือความยากของวิทยายุทธระดับปรมาจารย์

ระดับปรมาจารย์ จะต้องเข้าถึงพลังถึงแก่นวิทยายุทธระดับพื้นฐานทั้งหมด  พวกเขาจึงสามารถสร้างวิทยายุทธที่เฉพาะเป็นของตนได้

ถังเทียนเข้าใจเคล็ดสังหารของวิทยายุทธเกือบทุกอย่าง  แต่จนถึงตอนนี้  เขายังห่างไกลจากวิทยายุทธระดับปรมาจารย์

ในแต่ละยุคยอดฝีมือทุกคนที่มีวิทยายุทธระดับปรมาจารย์ ไม่ว่าเขาจะเป็นนักสู้ระดับใดก็ตามย่อมเป็นยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งแน่นอน ไม่มีใครสามารถดูถูกในยุคนั้นได้

ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกาย “อย่างนั้นก็คงมีอะไรบางอย่างที่ผู้อาวุโสหวังทิ้งไว้ที่นี่กระมัง?”

“คงจะมีแน่นอน!  ตั้งแต่กระบี่มารสำเร็จวิชากระบี่ของเขาแล้วออกมาต่อสู้  เขาก็คงสะสมทรัพย์สมบัติมีค่าไว้เป็นจำนวนมาก สมบัติหลายอย่างเหล่านี้หายไปพร้อมกันการถือสันโดษของเขา  สาเหตุที่เขาถูกเรียกว่ามารเนื่องมาจากบุคลิกเย็นชาและฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา เขาก็เป็นคนโลภเช่นกันจึงมีสมบัติและความมั่งคั่งไม่ธรรมดา  นั่นคือสาเหตุที่หลายคนเข้าใจว่ากระบี่มารต้องเกิดมาจน”  เด็กหญิงยิ่งตื่นเต้นกระตือรือร้นมาก การผจญภัยที่เธอใช้ความพยายามมากในการค้นหาต้องยอดเยี่ยมแน่นอน!

ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกาย  “หูว... ว้าว.. สมบัติ  สมบัติ!  ใช่แล้วและเขาทิ้งวิชากระบี่ไว้ด้วยหรือเปล่า”

เด็กหญิงมีสีหน้าประหลาดใจ  “อาจารย์, ท่านคิดจะฝึกวิชากระบี่ด้วยเหรอ?”

ถังเทียนสั่นศีรษะ“ไม่! ข้าฝึกวิชาสู้ระยะประชิดหรือวิชาหมัดมวยเป็นหลัก  รู้สึกว่าถ้าใช้หมัดมวยแล้วน่ากลัวกว่ามาก เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าเขาสร้างชื่อเสียงช้าไปบ้าง?  ข้าเดาว่าผู้อาวุโสหวังเมื่อยี่สิบปีที่แล้วเขาคงสร้างเสริมวิชากระบี่ที่นี่โดยการเจาะบันไดหินที่นี่ อย่างไรก็ตามวิชากระบี่นี้ก็ย่อมเป็นสมบัติล้ำค่า ฮ่าฮ่า สมบัติล้ำค่าก็ต้องขายได้ราคาดี”

ตาของถังเทียนเป็นประกาย  เขาคิดจะขายวิทยายุทธให้สมาพันธ์ชาวยุทธ  เจ้าพวกนั้นมั่งคั่งร่ำรวยกันนัก  ก่อนหน้านั้นเขารู้แต่เพียงว่าหินดวงดาวช่วยเหลือในเรื่องพลังปราณเที่ยงแท้แต่เขาไม่เคยมีประสบการณ์ด้วยตนเอง  อย่างไรก็ตามครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ

ความจริงเงินทำให้โลกหมุน  เพื่อเร่งความก้าวหน้าในการฝึกฝนของเขา  เขาต้องหาเงินก่อน ถังเทียนเจ้าเด็กหยิ่งผู้นี้เข้าใจโลกอย่างสมบูรณ์ในเวลาชั่วข้ามคืนและรู้ข้อดีของเหรียญดาวและเหตุผลทั้งหมดเหล่านี้ก็เพียงเพื่อการฝึกฝน

ไม่มีผู้ใดสนใจเรื่องเงินของถังเทียน พวกเขาตะลึงเพราะความหนาของโครงสร้างบันไดหินที่ใช้ฝึกวิชากระบี่และมั่นใจว่าพวกเขาควรจะไตร่ตรองให้มากขึ้น

หลิงซิ่วอดแหงนหน้ามองบันไดหินไม่ได้ นัยน์ตาสีแดงเพลิงเต็มไปด้วยความปรารถนาต้องการต่อสู้ เขากระชับหอกเงินของเขาแน่น  และพูดเสียงทุ้ม  “ใช่แล้ว!เคล็ดวิทยายุทธระดับปรมาจารย์ ถ้าไม่ผ่านการฝึกฝนนับครั้งไม่ถ้วน แล้วจะสร้างมันขึ้นมาได้อย่างไร?”

หลิงซิ่ว!  นั่นคือเป้าหมายของเจ้า

ร่างโดดเดี่ยวผู้ใช้กระบี่สกัดบันไดหินวันแล้ววันเล่าคือแบบอย่างของเจ้า

นอกจากนี้ถ้าเขาต้องการเอาชนะคนทรยศนั่น... เขาต้องฝึกฝนหอกทะเลจุดระดับปรมาจารย์!มีแต่เพียงหอกทะเลจุดระดับปรมาจารย์เท่านั้นจึงจะสามารถเอาชนะกันเองได้!

หลิงซิ่ว,เจ้าสามารถทำได้!

สายตาของหลิงซิ่วยิ่งมุ่งมั่นลึกซึ้งทันที

ถังเทียนไม่ได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงของหลิงซิ่ว  เขาน้ำลายหกกล่าว “นี่ตื่นเต้นมาก!  รีบไปกันเถอะ”

คำพูดของถังเทียนทำให้ทุกคนเห็นด้วย  แม้ว่าทุกคนจะตื่นตะลึงกับบันไดหิน  แต่ในบรรดาคนเหล่านี้  เพียงคนเดียวที่ฝึกวิชากระบี่ก็คือชิงหลวน  อย่างไรก็ตามวิชากระบี่ของชิงหลวนเป็นรูปแบบกระบี่เบารวดเร็ว กระบี่จอมมารเป็นกระบี่ที่ทรงพลังไม่เหมาะกับนางอย่างสิ้นเชิง

สิ่งที่ทำให้ทุกคนตื่นเต้นยิ่งขึ้นก็คือสมบัติ  ทุกคนเร่งความเร็วและขึ้นไปตามบันไดหิน

บันไดหินถูกทิ้งไว้นานเกินไปและมีหินงอกกลุ่มหินที่เจาะสกัดเลาะผ่านพุ่มไม้และสูงตรงขึ้นไปยังยอดเขา

หลังจากพวกเขาขึ้นไปตามบันไดในไม่ช้าก็ขึ้นมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย บันไดหินไม่ได้นำขึ้นไปสู่ยอดเขา แต่มาสิ้นสุดที่กึ่งกลางภูเขาด้านนอกปากทางเข้าถ้ำ

“เจ็ดหมื่นขั้น!”  ทันใดนั้นเด็กหญิงอุทาน น้ำเสียงของเธอตกใจ

ทุกคนตกตะลึงและหันไปมองข้างล่าง  เจ็ดหมื่นขั้นรวมตลอดเส้นทางนับเป็นจำนวนรวมที่น่าทึ่ง

มีเพียงถังเทียนที่มีสีหน้าอิจฉา  “คำนวณได้เยี่ยม!”

เด็กหญิงพูดไม่ออกนี่คิดว่าเป็นการคำนวณ...

อาจารย์ของนางพูดอะไรอย่างนั้นได้ยังไง  นี่วิชาคำนวณของเขาย่ำแย่เพียงไหน..

ความปรารถนาต่อสู้ของหลิงซิ่วกำลังแผดเผา  ดูเหมือนว่าเขาหงุดหงิดราวกับกินแมลงวัน  เขาหันควั่บทัน และตะโกนอย่างโกรธ“เจ้าควรให้ความสนใจหลักเรียนรู้จากผู้อาวุโสกระบี่มารผู้สะท้อนให้เห็นความบกพร่องจากนั้นฝึกฝนอย่างหนักไม่ใช่หรือ?ทำไมเจ้าถึงต้องสะท้อนความเห็นเรื่องการคำนวณด้วย?”

ถังเทียนมองดูหลิงซิ่วด้วยความประหลาดใจและพูดอย่างปกติ “เจ้าต้องการสะท้อนให้เห็นถึงผลของการฝึกฝนหนักใช่ไหม? นักสู้ก็ควรเป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่แรกไม่ใช่หรือ?”

หลิงซิ่วตะลึง

ทันใดนั้นถังเทียนชี้ไปที่ด้านบนของถ้ำท่าทางดูอัศจรรย์ “เร็ว, นั่นไง!”

บริเวณรอบๆถ้ำมีรอยกระบี่ตัดกันไปมาหลายรอยซึ่งทำให้คนที่เห็นเสียวสันหลังวาบ  ใครๆ ก็สามารถรู้สึกได้ถึงความคมของกระบี่

แม้แต่ถังเทียนที่ค่อนข้างจะหลงตัวเองพอเงยหน้าขึ้นก็ยังตะลึงกับภาพที่เห็น  รอยกระบี่ที่ยุ่งเหยิงแต่ดูคมชัด  ทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงความโกรธของมือกระบี่ได้ในเวลานั้น  รอบๆถ้ำทั้งหมดไม่มีที่ไหนที่ปราศจากรอยกระบี่เลยหินทุกก้อนมีรอยถูกกระบี่ฟันขาดดูน่ากลัวน่าสยดสยอง

ปากทางเข้าถ้ำเหมือนกับมีชิ้นส่วนที่ขาดหายไปดูยุ่งเหยิงไปหมด

หลังจากผ่านไปชั่วขณะทุกคนค่อยเรียกความรู้สึกกลับคืน

“เข้าไปดูกันเถอะ  ข้าอยากดูเพิ่มขึ้นอีก”  ถังเทียนพร้อมจะสู้แล้ว

แต่เดิมเขาแค่ต้องการค้นหาสมบัติของกระบี่มาร  แต่ตอนนี้ เขาเต็มไปด้วยความสงสัยเกี่ยวกับผู้อาวุโสกระบี่มารที่เขาไม่เคยพบเห็นนี้  นี่เป็นลักษณะเฉพาะของเจ้าผู้นี้แน่นอน

สามารถทนอยู่คนเดียวได้  แต่อารมณ์ของเขาดูหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

ถังเทียนเหลือบมองหลิงซิ่วโดยไม่รู้ตัว  เขารู้สึกว่าพวกเขาทั้งสองคนมีจุดที่คล้ายกัน

เพียงแต่ว่าคนผู้นั้นยินดีจะใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายอย่างสันโดษในเขาปู้โจว เขาต้องมีความลับอีกมากที่ไม่รู้แน่อน

ถังเทียนส่ายหน้ารัว  ช่างมันเถอะสมองของเจ้านี่แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะขุดเอาความลับจากที่นี่มาได้   คงต้องคิดวิธีหาสมบัติให้มากขึ้นดีกว่า

พอคิดถึงเรื่องสมบัติ  ถังเทียนฉีกยิ้มทันที

เมื่อพวกเขามาถึงปากถ้ำบรรยากาศเย็นเยือกน่าขนลุกทะลักออกมาจากในถ้ำถังเทียนหนาวจนตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ใช่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่คนอื่นก็เหมือนกัน

“สายลมนี่หนาวจริงๆ!”  องค์หญิงน้อยรำพึง  ชิงหลวนรีบเอาชุดหนามาให้เด็กหญิงห่มทันที

“ระวังนะ” ไจ๋เหิงจ้านลดเสียงลง เขามีประสบการณ์โชกโชนหลังจากท่องเที่ยวและต่อสู้ในแนวหน้ามาหลายครั้งครา  พวกเขาสองสามคนไม่ได้มีพลังระดับปานกลาง แต่สายลมนี้ทำให้พวกเขาหนาวสั่นได้ซึ่งดูเหมือนประหลาด

ถังเทียนกับหลิงซิ่วมองหน้ากัน  พวกเขาสามารถบอกให้ระวังตัวโดยแค่มองตากัน หอกเงินที่คอนอยู่บนไหล่ตอนนี้อยู่ในมือของเขาเงียบๆ

“ข้าจะเดินระวังหน้าให้  ซิ่วซิ่วน้อยคุ้มกันหลัง” ถังเทียนพูดเบาๆ

“ทำไมเจ้าต้องอยู่หน้าและข้าอยู่หลังด้วยเล่า?”  หลิงซิ่วไม่พอใจ  แต่เขาก็ยังยอมเดินไปอยู่ที่หลังกลุ่ม

ไจ๋เหิงจ้าน,ชิงหลวนและกู้เสวี่ยเดินประกบคุ้มกันองค์หญิงหมิงจูไว้ตรงกลาง

ฝีมือของกู้เสวี่ยเพิ่งจะดีขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ หลังจากกระตุ้นพลังสายเลือดรุ้งหิมะพลังที่นางปลดปล่อยออกมาได้ยังไม่ย่อยสลายเต็มที่ แม้กระนั้นพลังของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย  รังสีรุ้งหุ้มอยู่รอบตัวนางสีหน้าของนางยังกังวล  เพราะนางมีประสบการณ์ต่อสู้เพียงน้อยนิด

อย่างไรก็ตามอย่างน้อยความทุกข์ที่นางได้รับตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่ได้สูญเปล่าพลังใจของนางเข้มแข็งมากกว่าแต่ก่อนมากนัก

ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในถ้ำทั้งกลุ่มก็ตระหนักได้ทันทีว่าผนังของถ้ำทั้งสี่ด้านเต็มไปด้วยรอยกรีดฟันของกระบี่เต็มไปหมด

แม้ว่าลมภายในถ้ำจะเย็นก็ตาม  แต่ก็ไม่ใช่ความเย็นจากภายนอก ระดับการสึกหรอที่เกิดจากรอยกระบี่น้อยลง  และมีสภาพสมบูรณ์มากขึ้น

ถังเทียนเกิดภาพมายาทันทีว่ามีกระบี่ปกคลุมหนาแน่นอยู่เหนือศีรษะพวกเขา และพื้นที่รอบๆเหมือนกับมีใยแมงมุมขนาดใหญ่คลุมเต็มพวกเขา รอยกระบี่น่าขนลุก ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าจู่ๆ พวกเขาก็ไม่มีที่ให้หลบซ่อน

ทันใดนั้นเองจิตวิญญาณพลังยุทธเงินของเขาก็ลุกโพลงขึ้นทันทีถังเทียนได้สติทันที

เขาตกใจ!

เมื่อเขามองดูคนอื่น  สีหน้าเจ็บปวดปรากฏอยู่บนใบหน้าพวกเขา  ถังเทียนรู้ว่าอยู่ในสถานการณ์อันตราย  เขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไปเกร็งพลังปราณเที่ยงแท้และตวาดลั่น “ทุกคนระวัง”

ทุกคนสะดุ้งตื่นท่าทีมึนงงหายไป และใบหน้าทุกคนขาวซีด

ขณะนั้นเองถังเทียนเห็นประกายไฟในส่วนลึกของถ้ำจากหางตาของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด