2068 - ข่าวสารที่แท้จริง
2068 - ข่าวสารที่แท้จริง
“สหายเต๋าเจ้าคิดจะต่อสู้กับเราเหรอ” ผู้สูงสุดอีกคนหนึ่งก้าวมาข้างหน้า
“หืม?”
สือฮ่าวมองผู้สูงสุดทั้งสองด้วยสายตาเย็นชา
“ผู้อาวุโสคนนั้นกล่าวอย่างชัดเจนว่าต้นไม้ต้นนี้ไม่ได้เป็นของราชาอมตะเอ๋าเฉิงและไม่มีกรรมเกี่ยวกับตระกูลของเจ้า ตอนนี้เขามอบให้เป็นของขวัญแก่ข้าหรือพวกเจ้าต้องการที่จะตายจริงๆ?”
สือฮ่าวปลดปล่อยไอสังหารออกมาเพียงเล็กน้อย อีกฝ่ายก็สั่นสะท้าน ผู้สูงสุดทั้งสองรีบแสดงพลังปกป้องเด็กๆของพวกเขาทันที
พวกเขารู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย หากพวกเขาลงมือจริงๆก็มั่นใจได้ว่าเจ้าหนูคนนี้จะต้องฆ่าพวกเขาแน่!
แม้ว่าในอดีตพวกเขาจะเคยได้ยินว่าเด็กคนนี้เคยจัดการผู้สูงสุดของตระกูลหงพร้อมกันถึงสามคน
แต่เมื่อพวกเขาพบกันครั้งแรกพวกเขาก็ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นได้
นี่คือเก้าสวรรค์สิบพิภพที่เหี่ยวแห้งและแห้งแล้งอย่างสมบูรณ์ แม้แต่เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังถอนตัวกลับไปแล้ว ไม่คิดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดที่อายุน้อยและแข็งแกร่งถึงขนาดนี้อยู่
“สมแล้วกับที่เป็นฮวงผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งสังหารตระกูลจักรพรรดิไปมากมาย แม้แต่ในดินแดนอมตะชื่อเสียงของเจ้ายังคงเลื่องลืออยู่เท่าทุกวันนี้” ผู้สูงสุดวัยกลางคนได้แต่ยอมรับชะตากรรม
อีกคนเงียบไป ไม่ต้องสงสัยเลยเลยว่าพวกเขาหวาดกลัวสือฮ่าวมากแค่ไหน แม้แต่ราชาอมตะน้อยของพวกเขาพวกเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะต่อสู้กับฮวงได้
“สหายเต๋าเจ้ายินดีจะขายหรือไม่? ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรพวกเราก็ต้องการจะซื้อมัน” ทั้งสองมีน้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย
“ข้าไม่ขาย ของชิ้นนี้มีประโยชน์สำหรับข้า” สือฮ่าวปฏิเสธอย่างหนักแน่น
หลัวหลินศิษย์ของชิงยี่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“ท่านเป็นผู้สูงสุดแล้ว ทำไมท่านถึงต้องดื้อดึงขนาดนี้ ของชิ้นนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับท่านนัก? เอ๋าคุนมีความจำเป็นต้องใช้มันในวันหน้าเมื่อเขาประสบผลสำเร็จเขาจะไม่ลืมบุญคุณของท่านแน่!”
นางชี้ไปที่เด็กคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง ชื่อของเขาคือเอ๋าคุนซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่สุดที่มาในวันนี้ แม้ว่าเขาจะอยู่ที่ระดับเทพสวรรค์เท่านั้น แต่เขาก็คือบุคคลที่มีพรสวรรค์มากที่สุดของตระกูลเอ๋า
ความสามารถของเอ๋าคุนนั้นสูงล้ำ ตอนนี้แม้ว่าเขาจะยังเด็กอยู่แต่ชื่อเสียงของเขาก็กวาดไปทั่วอาณาจักรเซียน ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทพสวรรค์!
“ข้าก็มีลูกศิษย์เช่นกันและตอนนี้พวกเขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้” สือฮ่าวตอบอย่างเฉยเมย
“ฮวงทำไมท่านต้องดื้อดึงถึงขนาดนี้ เอ๋าคุนจะกลายเป็นราชาอมตะในอนาคต ถ้าเขาทำสำเร็จเมื่อเขาคิดถึงอดีตเขาจะลืมสิ่งที่ท่านทำหรือไม่? ในอนาคตเขาจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน!” หลัวหลินกล่าว
สือฮ่าวกวาดสายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา ความว่างเปล่าก็ส่งเสียงดัง จักรวาลแตกสลาย ฉากนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมากแม้แต่ดวงดาวก็เริ่มสั่นไหวเบาๆกำลังจะร่วงหล่น
ใบหน้าของหลัวหลินซีดเผือดแม้แต่เข่าก็ยังทรุดลงกับพื้น
สือฮ่าวไม่ได้พูดอะไรอีกแต่คนอื่นๆเต็มไปด้วยความโกรธเคือง มู่ชิงเดินไปข้างหน้าพร้อมกับชี้หน้านางแล้วตวาดว่า
“อยากตายเหรอ!”
แค่ประโยคนี้เท่านั้นทำให้การแสดงออกของทุกคนในอีกด้านหนึ่งเปลี่ยนไป
“สาวใช้อันต่ำต้อยอาจารย์ของข้าเห็นแก่หน้าอาจารย์เจ้าจึงได้แสดงความเมตตา แต่ตัวเจ้ากลับดูหมิ่นอาจารย์ของข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรือเจ้าคิดว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้าจริงๆ!”
มังกรแดงขยับตรงวิ่งออกไปแล้วพูดว่า
“เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลเอ๋า เจ้าเป็นศิษย์ของอาจารย์อาชิงยี่เหตุไฉนเจ้าจึงพยายามช่วยเหลือตระกูลเอ๋าซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือเจ้าอยากตายจริงๆ!”
มังกรแดงนั้นเป็นคนเจ้าโทสะอยู่แล้ว มันไม่คิดจะพูดให้มากความสิ่งที่มันต้องทำมีเพียงลงมือเท่านั้น
“เจ้า…” หลัวหลินรู้สึกอับอายและไม่พอใจ นางตอบโต้อย่างรวดเร็ว แต่พวกเขาเคยต่อสู้มาก่อนและนางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมังกรแดงอยู่แล้ว
ปู!
ในท้ายที่สุดนางถูกมังกรแดงตบลงกับพื้น มันเปลี่ยนร่างเป็นมังกรขนาดใหญ่ก่อนจะบดขยี้ร่างกายของนางจนแหลกละเอียด
เอ๋าคุนรีบประคองนางขึ้นมา หลัวหลินรู้สึกโกรธมากจนร่างกายของนางสั่นสะท้าน
แม้นางจะรู้ว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนพิเศษ แต่การที่นางมาจากอาณาจักรเซียนนางก็ยังคงหยิ่งผยองเช่นเดิม ไม่คิดว่าท้ายที่สุดจะได้รับการสั่งสอนแบบนี้
“การที่เจ้าตัดอนาคตของเอ๋าคุนจะทำให้พี่ชายของเขาเอ๋ากานไม่พอใจแน่นอน!”
เอ๋ากานที่หลัวหลินพูดถึงเป็นราชาอมตะน้อยซึ่งถือเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในบรรดาคนรุ่นหลังของอาณาจักรเซียน
นับตั้งแต่ที่เขาปรากฏตัวในโลก แม้แต่ในดินแดนอมตะด้วยกันเองก็ยังมีน้อยคนนักที่สามารถต่อสู้กับเขาได้ มีเพียงทายาทของราชาอมตะไม่กี่คนเท่านั้นที่มีชื่อถูกนับรวมกับเขา
ในเวลาเดียวกันนี่คือผู้ที่อาจารย์ของชิงยี่ต้องการให้นางสมรสด้วย ดังนั้นหลัวหลินจึงกระตือรือร้นเป็นอย่างมากที่จะสนับสนุนคนตระกูลเอ๋า
ต่อคำขู่เหล่านี้สือฮ่าวไม่ได้รู้สึกสั่นสะท้านอะไร หากว่าเอ๋ากานกล้ามาที่นี่จริงๆก็ไม่มีทางที่เอ๋ากานจะรอดพ้นความตายไปได้ นี่เป็นความมั่นใจชนิดหนึ่ง
สือฮ่าวรู้ดีว่าไม่มีใครที่อยู่ในอาณาจักรเต๋ามนุษย์สามารถต่อสู้กับเขาได้อยู่แล้วไม่ว่าจะโลกไหนก็ตาม
สิ่งมีชีวิตรุ่นเดียวกันไม่อยู่ในสายตาของเขาอีกต่อไป
“ช่างเป็นเรื่องตลก เอ๋ากาน? ถ้าเขากล้ามาจริงๆข้าก็จะสู้กับเขาแทนอาจารย์เอง!” มังกรแดงกล่าว
“เพียงแค่คนแบบนั้นก็คิดจะต่อสู้กับอาจารย์ของเราช่างไม่เจียมตัว!” มู่ชิงเหยียดหยามออกมาตรงๆ
หลัวหลินพบว่าสิ่งนี้ยากที่จะเชื่อและมึนงงอย่างสมบูรณ์ นางคิดว่าคนเหล่านี้บ้าไปแล้วจริงๆ พวกเขากล้าดูถูกเอ๋ากานไม่หวาดกลัวแม้แต่ทายาทของราชาอมตะ
“พวกเจ้า...พวกเจ้าทั้งหมดต้องตายแน่นอน!” หลัวหลินสาปแช่งออกมา
“ลืมมันไปเถอะ ในเมื่อสหายเต๋าไม่เต็มใจ เราก็จะไม่บังคับเช่นกัน” หนึ่งในสิ่งมีชีวิตสูงสุดพูดขึ้น เขากลัวว่าฮวงจะโกรธและลงมือสังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่
“เหตุผลที่ข้ามาที่นี่จริงๆแล้วก็เพราะอาจารย์ของข้าต้องการให้ข้าส่งข้อความถึงท่านให้ได้ว่า อีกร้อยปีอาณาจักรเซียนจะจัดการชุมนุมที่โดดเด่นขึ้น นางหวังว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงท่านจะเข้าร่วมการชุมนุมในครั้งนั้น” หลัวหลินกล่าว
ก่อนหน้านี้นางไม่ต้องการจะแจ้งเรื่องนี้ให้เขาทราบ และต้องการให้ผู้คนของอาณาจักรเซียนปราบปรามคนคนนี้ให้ขายหน้าเขาจะได้ไม่กล้าเสนอหน้าเข้าสู่อาณาจักรเซียนอีก
แต่ดูเหมือนว่าในครั้งนี้นางจะคาดคำนวณผิดแล้ว จากท่าทางของผู้สูงสุดทั้งสองที่นำทางมาครั้งนี้ นางก็พอจะทราบได้ว่าฮวง ที่อาจารย์ของนางฝังใจนั้นแข็งแกร่งและโดดเด่นมากแค่ไหน
สือฮ่าวไม่สนใจว่านางคิดอะไรอยู่ การที่นางยังคงมีชีวิตอยู่ก็เพราะเขาเห็นแก่หน้าชิงยี่เท่านั้น
“แน่นอนหลังจากผ่านไปร้อยปีอาณาจักรเซียนจะจัดการประชุมที่โดดเด่น แม้ว่าทั้งสองอาณาจักรจะแยกจากกันไปแล้ว แต่เราก็ยังสามารถรองรับหนึ่งหรือสองคนที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเต๋าอมตะ เข้าสู่อาณาจักรเซียนได้” ผู้สูงสุดวัยกลางคนกล่าว
นี่ถือได้ว่าเป็นคำเชิญประเภทหนึ่งเช่นกัน
ใบหน้าของมดเขาสวรรค์ เฉาอวี่เซิ่ง มู่ชิง และการแสดงออกของคนอื่นๆเปลี่ยนไป
“ใครจะมีคุณสมบัติเข้าสู่อาณาจักรเซียนในยุคที่ไร้การฝึกฝนเช่นนี้? ถ้าพวกเจ้าคิดจะไปจริงๆก็ให้ข้าดูก่อน หากพวกเราอ่อนแอมากเกินไปก็ลืมเรื่องนี้ไปได้เลย”
ในทันใดนั้นเสียงของชายชราก็ดังออกมาจากความว่างเปล่า
นี่คือชายชราที่มีเส้นผมและหนวดเคราสีขาว พลังแห่งความโกลาหลโอบล้อมร่างกายของเขาไว้ สายตาของเขาเย็นเยือกจับจ้องไปที่สือฮ่าว
“บรรพบุรุษอาวุโส เอ๋าหลิง!” หลายคนร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก แม้แต่ผู้สูงสุดทั้งสองก็ยังตกตะลึง นี่เป็นผู้อมตะที่แท้จริงจากตระกูลของพวกเขา เขาปรากฏตัวขึ้นจริงๆ!
“ท่านผู้เฒ่าเข้ามาอาณาจักรด้านล่างได้อย่างไร!” หลายคนตกใจ
ตอนนี้เก้าสวรรค์สิบพิภพได้เข้าสู่ยุคไร้การฝึกฝนแล้ว ผู้อมตะที่แท้จริงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามใจตัวเองต้องการ ไม่เช่นนั้นจะก่อให้เกิดผลร้ายที่ตามมา
“ไม่เป็นไรตราบใดที่ข้ายังคงระมัดระวังตัวและไม่กระตุ้นเต๋าอันยิ่งใหญ่ก็จะไม่มีอะไรทำอันตรายข้าได้?” เอ๋าหลิงกล่าวอย่างเฉยเมย
“บรรพบุรุษโบราณรู้ว่ามีสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่ปกป้องต้นสารพัดเต๋าไว้ ท่านกลัวว่าพวกเจ้าจะทำให้เขาขุ่นเคืองจึงได้ให้ข้ามาที่นี่ด้วยตัวเอง” เอ๋าหลิงกล่าวเพิ่มเติม
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ร่างกายของสือฮ่าวเสมอ และกล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชาว่า
“มอบต้นไม้นั้นออกมามันไม่ใช่ของเจ้า”
"มันเป็นของข้า" สือฮ่าวตอบอย่างเฉยเมย
“เจ้าหนูเจ้าต้องการให้ข้าลงมือใช่หรือไม่? แม้ว่าข้าจะถูกผูกมัดด้วยโซ่ตรวนของเต๋าอันยิ่งใหญ่แต่ก็ไม่ใช่คนที่ผู้สูงสุดจะสามารถต้านทานได้” เอ๋าหลิงกล่าวอย่างเย็นชา
“ข้ากำลังมองหาผู้อมตะมาทดสอบพลังของตัวเองอู่พอดี!” ดวงตาของสือฮ่าวเปล่งประกายวิบวับ เขาปลดปล่อยไอสังหารออกมาเตรียมพร้อมจะต่อสู้โดยไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย