ตอนที่แล้วบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 29 การเลือกตั้งครั้งแรกของอาริกาเซีย (The First Aricassia Elections)
ทั้งหมดรายชื่อตอน

บทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 30 เพื่อเป็นผู้นำที่ดี (To be a Good Leader) (Completet)


เพื่อเป็นผู้นำที่ดี

(To be a Good Leader)

แสงที่อบอุ่นของพระอาทิตย์ สาดส่องมายังห้องที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง มันเป็นเดือนร้อนของปี หน้าต่างบานใหญ่จึงถูกเปิดออกกว้างเพื่อให้ลมเย็นได้เข้ามาข้างใน ตัวห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กมีเพียงโต๊ะและเก้าอี้ที่นั่ง บนโต๊ะเป็นหนังสือหนังสีนํ้าตาลที่ใช้จดบันทึกเรื่องราวของใครบางคน มันถูกเปิดกว้างเอาไว้พร้อมกับแผ่นกระดาษที่ว่างเปล่า ก่อนที่จะถูกขีดเขียนด้วยหมึกสีดำเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ

“Oh, It's only a matter of time, Who will lives to tell story, Will they tell my story?  ”

“If you find this book You will know who I am and where I came from”

“The tale of an ideal that has changed the whole world forever”

“So here rely upon all of my legacy…”

ดวงตาสีฟ้าอมเขียว จ้องมองตัวหนังสือที่ตัวเองเขียนไป เส้นผมสีขี้เถ้าอ่อนถูกมัดเป็นหางม้า ใบหน้าที่คล้ายกับหญิงงาม แต่กลับเป็นชายวัยกลางคน ดักลาส แมรี่แลนด์ ชายผู้มาจากโลกที่แตกต่าง และห่างไกลจากค่านิยมของยุคสมัยบนโลกใหม่ที่มีนามว่าอองโทราล เขาไม่เคยเขียนความรู้สึกลงสมุดบันทึก ส่วนมากแล้วเขาแทบจะไม่เขียนลงกระดาษด้วยซํ่า แต่หลังจากมาอยู่บนอองโทราล หากเราจะระบายความรู้สึกก็คงเป็นหนังสือบันทึกเล่มนี้ ทุกสิ่งที่เขาเขียนจะไม่ใช่มรดกของตัวเองอย่างเดียว แต่จะเป็นมรดกของผู้ที่มาจากดาวเคราะห์โลกที่เขาจากมา ความรู้ต่างๆที่ดักลาสได้รู้จักถูกเขียนลงหนังสือเล่มนี้ มันเป็นภาษาอังกฤษที่ไม่มีผู้ใดในอองโทราลจะอ่านออกได้อย่างแน่นอน และเขาเองก็หวังไว้ว่าหากมีคนที่มาจากยุคเดียวกันจะสามารถรับรู้ความเป็นมาเป็นไปของตัวเขา และใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เขารวบรวมตลอดชีวิตบนต่างโลก ใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น

เพราะตัวเขาเองก็คงไม่สามารถมีเวลาพอที่จะหาทางกลับสู่โลกเดิมของตัวเองแล้ว…

หนังสือเล่มนํ้าตาลถูกปิดเล่มก่อนที่จะชายหนุ่มจะนั่งและเผยหน้าขึ้นไปยังเพดานห้อง ดวงตาสีฟ้าอมเขียวปิดลงพร้อมกับความมืดที่กลืนกินปกปิดภาพตรงหน้า ความทรงจำรำลึกความหลังทุกอย่างที่เกิดขึ้นตลอดชีวิตของชายหนุ่ม ภาพของครั้งสุดท้ายที่เขาได้อยู่บนในบ้านเกิดที่ห่างไกลลอยเข้ามาในหัว ก่อนจะเป็นเรื่องราวๆต่างๆที่เกิดขึ้นหลังที่เขาถูกส่งมายังเขตนอกอาณานิคมที่ทำเอาชายหนุ่มเกือบถูกสัตว์อสูรขยำ ได้รู้จักผู้คนมากมาย น้องชายบุญธรรม ขุนนาง และทหาร ไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์แต่ก็เป็นครึ่งมนุษย์ที่เป็นถึงตำนานเรื่องแต่งในโลกก่อน ภาพของศึกที่ยูทิก้าระหว่างชนพื้นเมืองจนไปถึงสงครามปฏิวัติ บางครั้งเขาเองก็คิดว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่เมื่อรู้สึกเจ็บปวดที่บางจุดความคิดเช่นนั้นก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง

ก่อนที่เจ้าตัวจะได้หลงลึกเข้าไปในห้วงแห่งความคิด เสียงเคาะประตูดังสามครั้ง ก็ได้เรียกสติให้ดักลาสกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้งหนึ่ง

“ถึงเวลาแล้วขอรับ” เสียงจากอีกฝั่งของประตู

ชายหนุ่มลุกขึ้นและเลื่อนหนังสือบันทึกไว้ข้างๆโต๊ะ ก่อนจะเดินไปยังประตูที่เสียงดังมา ดักลาสหายใจเข้าและถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือเล็กของเขาจับประตูและเปิดมันออง แสงและเสียงของผู้คนที่อยู่ในห้องแห่งนี้มีอยู่เต็มไปหมด แต่เมื่อประตูถูกเปิดออก และดักลาสเดินเข้ามาข้างในห้องที่เต็มไปด้วยชายและหญิงชั้นสูง ทุกคนภายในห้้องต่างหันมามองชายหนุ่มหมดทุกคน ไม่มีใครกล่าวอะไร ไม่มีเสียงพูดคุยเล่นกัน ทุกคนรู้กันดี ในตอนนี้จะเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญในชีวิตของพวกเขา ซึ่งจะลูกหลายเล่าสืบต่อกกันไป

คนแรกที่เดินเข้ามาหาชายหนุ่ม เป็นหญิงงามที่เขารู้จักเป็นอย่างดี เฟลิเซีย สกาเล็ต “พิธีพร้อมแล้วค่ะ ท่านดักลาส”  เธอกล่าวด้วยความสุภาพเรียบร้อยผิดกับทุกครั้งที่เขาอยู่กับหญิงผู้นี้ ทำเอาดักลาสเกือบหลุดขำออกมา ทั้งสองเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แม้ว่าดักลาสจะมองเฟลิเซียเป็นนักเรียนมากกว่าก็ตาม ดักลาสพยักหน้าและก้มหัวให้กับทุกคน เหล่าผู้แทนและผู้ปกครองยอมรับและก้มหัวตอบกลับดักลาสอย่างชื่นชม

เสียงรองเท้าที่กระทบพื้นไม้ดัง ทุกก้าวคือเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ เพราะว่าไม่มีใครกล้าเปิดปากพูดอะไร ทำให้เสียงเดินของเขาถือเป็นเสียงที่ได้ยินกันทุกคน ดักลาสและเฟลิเซียเดินไปยังประตูที่ถูกปิดเอาไว้อยู่ ก่อนที่จะเปิดออก พร้อมกับอากาศเย็นที่ผัดผ่านเส้นผมของชายหนุ่ม ข้างหน้าเผยให้เห็นระเบียงสีขาว หากมองลงไปข้างล่างที่เต็มไปด้วยเสียงผู้คน พวกเขาอยู่ที่อาคารสภาชั้นสอง และข้างล่างคือเหล่าฝูงชนชาวอาริกาเซียมากมายที่กำลังส่งเสียงเชียร์ตะโกนโห่ร้องไม่เป็นคำพูด ธงชาติที่ถูกออกแบบใหม่ แดง ขาว  และนํ้าเงินถูกโบกสะบัดไปมาอย่างภาคภูมิใจ และเมื่อชายหนุ่มได้ยื่นอยู่ในจุดที่ทุกคนสามารถมองเห็น เสียงของเหล่าผู้คนก็ยิ่งดังกว่าเดิมเป็นหลายเท่า

“ท่านายพล!” หญิงสาวอมนุษย์เผ่าหมาป่าเดินเข้ามาหาดักลาสพร้อมกับหนังสือพิธีที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเวลานี้ หากจะทำพิธีที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นมาเป็นคนสำคัญของทุกคน ก็คงเป็นพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง

ดักลาสค่อยๆนำมาแตะกับตัวหนังสือเล่นนั้น ไม่นานทุกคนก็เงียบลง หลังที่เจ้าหน้าที่ให้คำสาบานเริ่มกล่าวตะโกนให้ดักลาสพูดตามเธอ เตรียมตัวอยู่ไม่กี่นาทีก่อนจะเริ่มทำพิธีสาบานตน ไม่มีใครกล้าแม้จะเปิดปากให้เสียงมดผ่านออกมา หลายคนถึงกับกลั้นหายใจในวินาทีที่ลาสกล่าว พวกเขาอยากได้ยินเสียงของวีรบุรุษตรงหน้า

ข้าพเจ้า ผู้ซึ่งได้รับเลือกโดยเจตจำนงของประชาชน 

ขอให้คำสาบานว่า จะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งประธานาธิบดีสมาพันธรัฐอย่างซื่อสัตย์  และจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษา, คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และปกป้องรัฐธรรมนูญแห่งสมาพันธรัฐอาริกาเซีย.

อาริกาเซีย! กวีกล่าวว่ามันเป็นคำสัญญา ผู้คนกล่าวว่ามันเป็นคำสัญญาที่จะเกิดขึ้นจริง การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด! ณ ทวารริมสมุทรตะวันออกแห่งนี้ของเราจะยืนหยัด! ผู้ที่เหนื่อยล้าไร้ทางไปแลยากจนสิ้นหนทาง ผู้ที่โหยหาเสียงเพลงแห่งเสรีภาพและอสิรภาพ ผู้ที่ถูกปฏิเสธย่ำจนต่ำทราม เราจักชูคบเพลิงรออยู่ข้างหน้านี้! เราจะเป็นผู้นำทางพวกเขาให้มาถึงประตูทอง! 

-ประธานาธิบดีดักลาส แมรี่แลนด์


อาคารรัฐสภา เขตรัฐบาลกลาง (ยังไม่มีการเลือกชื่อเขต) สมาพันธรัฐอาริกาเซีย

ห้องประชุมซึ่งอยู่ภายในตึกสภาสร้างเสร็จก็เริ่มใช้งานทันที วันนี้ห้องประชุมที่หนึ่ง มีคนสำคัญอย่างมากต่อสาธาณรัฐที่เยาว์วัยกำลังพูดคุยสทนากันอยู่ ผู้แทนมลรัฐหลายคนได้ถูกเลือกตั้งใหม่ กล่าวเรียกกันว่าวุฒิสมาชิก ซึ่งจะอยู่สภาสูงหรือวุฒิสภา ส่วนอีกสภา คือสภาล่าง สภาผู้แทนราษฎรอาริกาเซีย กล่าวเรียกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร/ผู้แทน แม้ว่าจะใช้เวลาเกือบสองสามปีก่อนเลือกตั้ง แต่หลายคนในอาริกาเซียยังคงไม่ชินกับระบบสองสภาหรือแม้แต่ระบบที่ไม่มีตระกูลครอบครัวใหญ่เป็นผู้ปกครอง อย่างไรก็ตามมันคือการทดลองอาริกาเซียที่ยิ่งใหญ่

ภายในห้องประชุมเป็นที่นั่งจำนวนมากซึ่งถูกจัดวางให้สามารถพูดคุยได้จากทุกฝั่งของโต๊ะ เรียกห้องรับแขก หรือห้องรับรอง ส่วนมากแล้วจะเป็นพื้นที่พูดสนทนาและชักชวนสำหรับวุฒิสมาชิก-ผู้แทน ซึ่งตัวอาคารสภาคองเกรสมีห้องประชุมอีกหลายห้อง ห้องที่สำคัญที่สุดเขียนเป็นตัวเลข 1 ซึ่งใช้สำหรับบุคคลที่มีตำแหน่งสูงๆของรัฐบาลกลาง

“มันต้องใช้เวลาอย่างมากที่จะทำให้ แต่สิ่งหลักๆส่วนใหญ่ก็ผ่า ซึ่งเป็นนโยบายของท่านประธานาธิบดีผ่านคองเกรสอย่างน่าตกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาสามารถชักชวนวุฒิสมาชิกได้เป็นจำนวนมาก” เสียงของผู้ชายวัยกลางคน เขาเป็นวุฒิสมาชิกที่รับเลือกในรัฐเบอร์เกนเขตใต้ “แต่ท่านประธานาธิบดีก็ไม่ได้ใจพวกตอนเหนือเช่นเคย ข้าไม่เข้าใจพวกตอนเหนือ เหตุใดยังคงมัวเมาหลงใหลกับการเป็นการใช้ทาสแรงงาน ทั้งๆที่การเลิกทาสถือเป็นเป้าหมายของพวกเราทุกคนในการสร้างอาริกาเซีย ดินแดนแห่งเสรีภาพ!”

ประธานาธิบดีซึ่งนั่งฟังสิ่งที่วุฒิสมาชิกกล่าวอยู่ที่นั่งโซฟาอย่างนิ่งเฉย วันนี้ดักลาสยังคงเดินหน้าทำงานในฐานะผู้นำประเทศอย่างขยันขันแข็ง ยังคงหาเสียงในสภาเพื่อให้คองเกรสผ่านรัฐบัญญัติ(1) จัดระเบียบหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งวันนี้เป็นแผนที่เขาเลือกที่จะมาพูดคุยกับเหล่าวุฒิสมาชิกทางใต้ของอาริกาเซีย แคนน่าน และ นิวเซนดัม รวมไปถึงบางคนที่อยู่ส่วนกลางของประเทศอย่างเบอร์เกน

“ในตอนนี้ คองเกรสให้ผ่านรัฐบัญญัติที่เป็นนโยบายพื้นฐานของผมไปจำนวนมาก ซึ่งผ่านในระยะเวลาอันสั้น แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดีเพราะว่า พวกเราจะได้ทำงานให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนเรื่องท่านสมาชิกตอนเหนือ ผมคิดว่าการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วแบบนี้ มันอาจจะทำให้พวกเขาเริ่มเป็นกังวล” ลาสชะงัก “สุดท้ายเรื่องทาส หากสมาชิกสภาที่ต้องการนำทาสกลับมาใช้งานบนอาริกาเซียของพวกเรา ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาเปลี่ยนใจ แม้ว่าต้องใช้บางอย่างเพื่อปลดคนพูดให้ออกจากตำแหน่งก็เถอะนะ…” ส่วนสุดท้ายลาสกล่าวออกมาเบาๆจนไม่มีใครได้ยิน

“ท่านประธานาธิบดี” วุฒิสมาชิกหญิงจากแคนน่านกล่าว “เรื่องของทหารอาสา(ทหารอาสาประจำรัฐ) ท่านจะไม่ยกเลิกใช่ไหมคะ?”

“เรื่องนั้นอาจจะยังไม่จำเป็นในตอนนี้ แต่ผมจะไม่ยกเลิกกองกำลังอาสา แต่ว่าในอนาคตอาจจะเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติแทน”

“ขออภัย! ท่านผ่านกฎกระทรวงใหม่ เจ้าพนักงานก็ถูกจ้างเป็นจำนวนมาก แต่ว่า เราเองก็ต้องดูแลเรื่องรายได้และค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลางเช่นกัน ไม่ใช่เพราะแค่เรื่องที่จ้างคนเข้ามาทำงาน แต่ท่านยังให้การฝึกสอนพวกเขา ค่าใช้จ่ายในการให้การศึกษาสอนเจ้าพนักงานเหล่านี้ อาจจะทำให้เงินคลังเราลำบาก” วุฒิสมาชิกจากรัฐนิวเซนดัมกล่าวด้วยความเป็นห่วง “และหากเราต้องการตัดขาดจากอดีต ค่าเงินของพวกลีโอก็ต้องเปลี่ยนไปเช่นกัน--”

“ผมจะเสนอเรื่องธนาคารชาติ รวมไปถึงรัฐบัญญัติเหรียญกษาปณ์ ในที่ประชุมวันนี้ เรื่องรายรับรายจ่ายอาริกาเซียเองก็ต้องการปรับเปลี่ยนขนาดใหญ่ เพราะงั้นวันนี้ผมจึงอยากแนะนำรัฐบัญญัติจัดระเบียบหน่วยงานภาครัฐให้พวกคุณก่อนที่ผมจะนำขึ้นไปเสนอในคองเกรส เช่นนั้นเรามาฟังรายละเอียดกันเถอะครับจะไม่ได้มีเสียเวลาไปมากกว่า”

ความจริงที่ถูกเล่าต่อกันว่า ดักลาส แม้ว่าจะอยู่ในตำแหน่งทางการทหารมาตลอดช่วงเวลาบนอองโทราล แต่เขากลับสามารถปกครองและรับใช้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงเวลาดำรงตำแหน่งและหลังจากออกจากตำแหน่ง ดักลาสจะถูกจดจำเป็น ‘บิดาผู้ก่อตั้ง’ อย่างไรก็ตามนั้นมันก็เป็นแค่อนาคต ในปัจุบันดักลาสถือเป็นผู้นำที่ทำงานไม่เพียงเพื่อพัฒนาจากรากฐานของสาธารณรัฐ หรือการคลังและความแข็งแกร่งของประเทศเท่านั้น แต่ดักลาสเองก็ทำเพื่อให้ประชาชนไว้วางใจรัฐบาลกลางที่พึ่งเกิดเช่นกัน ชายหนุ่มใช้เวลาที่เหมือนกับว่าเวลาของเขาใกล้จะหมดลง ออกกฎหมายปฏิรูปที่ครอบคลุมและรุนแรง สุดแปลกไม่และดูเหมือนจะไร้สาระในสายตาบ้างกลุ่ม

และอีกไม่กี่ปีรัฐบัญญัติจัดระเบียบหน่วยงานภาครัฐก็ผ่านคองเกรสด้วยเสียงเกินครึ่ง ต้องขอบคุณการเดินลงสนาม ดักลาสหลังที่เข้ามาเป็นผู้นำประเทศ ลาสรู้ว่าตัวเองต้องทำอย่างไรบ้าง การลงไปพูดคุยพบปะกับประชาชนที่แนวหน้าก็เป็นหนึ่งสิ่งที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับเขาได้ แม้ว่าจะมีหลายคนเป็นห่วงความปลอดภัยของประธานาธิบดีแต่ลาสก็ไม่สนใจและเลือกลงพื้นที่อยู่ดี เพราะว่ามันเป็นผลประโยชน์แลกเปลี่ยน… ประชาชนที่ได้พูดคุยกับลาสก็ได้จะบอกสิ่งที่เกิดขึ้นและความต้องการแก้ไขบางอย่าง ซึ่งลาสจะนำขึ้นไปพูดในคองเกรสและผลักดันให้ออกรัฐบัญญัติช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เพราะงั้นแล้วผลประโยชน์ที่แลกกันของดักลาสก็คือความชอบธรรมและความนิยมในฐานะของ ‘ประธานาธิบดีของประชาชน’ เส้นทางภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนแรกของอาริกาเซีย ได้สร้างหน่วยงานต่างๆออกมากมาย เรียกรวมกันว่าฝ่ายบริหารของรัฐบาลกลางสมาพันธรัฐ

นอกจากเรื่องการปกครองที่ลาสพยายามอย่างหนักแล้ว ต้องขอบคุณประธานของสมาพันธ์การค้าที่ช่วยสนับสนุน การก่อสร้างทางรถรางระหว่างท่าเรือของบอสตันและเมืองเนเวอร์เฮน ก็เสร็จสิ้นในปลายปี 3934 และเป็นการเริ่มต้นรถจักรไอนํ้าครั้งแรกของอองโทราล เครื่องจักรไอนํ้าสามารถขนของจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น ทำให้เริ่มมีความต้องการให้สร้างในบางเมืองท่าสำคัญ แน่นอนว่าการสนับสนุนนี้เกิดขึ้นเพราะการยุติการให้บริการเขตปกครองพิเศษ หนึ่งในท่าเรือของสมาพันธ์การค้าถูกผนวกเข้ากับเขตเมืองบอสตัน (สมาชิกส่วนใหญ่มองตัวเองเป็นชาวอาริกาเซีย)

จำนวนประชากรเติบโตขึ้นทุกเดือน เมื่อไม่มีการปิดกั้นโดยลีโอเนีย ผู้ที่ต้องการเริ่มต้นชีวิตก็หาเส้นทางต่างเพื่อเดินทางมายังอาริกาเซีย ดักลาสรู้เรื่องผู้อพยพอย่างดี แน่นอนว่าสิ่งแรกๆที่ลาสทำก็คือรัฐบัญญัติคนเข้าเมืองและผู้ลี้ภัย หนึ่งในสิ่งที่ลาสเชื่อ ดินแดนแห่งโอกาสจะไม่ถอดทิ้งใคร รัฐบัญญัติคนเข้าเมืองและผู้ลี้ภัยฉบับนี้ผ่านในคองเกรสเพื่อปกป้องและช่วยเหลือผู้อพยพ ให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตบนรัฐใดๆก็ตามในอาริกาเซียได้อย่างราบรื่น ไม่เลือกปฏิบัติกับผู้ที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่บนอาริกาเซีย ไม่ว่าเขาจะมีความเชือต่อพระเจ้าหรือไม่มี ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเผ่าพันธุ์ใด มาจากดินแดนไหน เปิดรับพวกเขาอย่างอบอุ่น ‘ก่อนจะพวกเขาจะเป็นชาวอาริกาเซียเต็มตัว’

อาริกาเซียกำลังเติบโตภายใต้การชี้สั่งการของดักลาสและคองเกรสที่นิยมกับนโยบายของดักลาส(ส่วนใหญ่) การเติบโตนั้นเป็นไปด้อย่างรวดเร็ว มันคือความเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีใครคาดคิด รัฐบัญญัติที่ทำให้ลาสมีชื่อเสียงก็คงเป็น รัฐบัญญัติการศึกษาของรัฐบาลกลาง ซึ่งก็คือ สี่มหาวิทยาลัย สถาบันเวทมนตร์ศึกษา และ สิบเอ็ดโรงเรียนทั่วอาริกาเซีย มันอาจจะใช้เวลาสร้างที่ยาวนานหลายปี แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาสมัยใหม่ โรงเรียนที่ถูกสร้างซึ่งจะอยู่ภายใต้การดูแลของ รัฐบาลกลาง (หน่วยงานการศึกษาและวิจัย / หน่วยงานศึกษาและวิจัยเวทมนตร์ศาสตร์ ) สร้างความตื่นเต้นและตกใจให้กับดินแดนที่ห่างไกล สถานศึกษาที่ไม่สนใจเรื่องของตำแหน่งฐานะทางชนชั้น เพศหรือเผ่าพันธุ์ ถือเป็นโครงการในความฝันของผู้ที่ไม่มีเงินทุน และขณะที่โรงเรียนสามัญเป็นเรื่องที่น่าตกใจ มหาวิทยาลัยที่เตรียมก่อสร้างซึ่งจำนวน 4 แห่ง ตอนเหนือ 2 แห่ง ตอนกลาง 1 แห่ง และตอนใต้อีก 1 จะกลายเป็นสถานศึกษาที่ผลิตเหล่าปัญญาชนที่สำคัญต่อสาธารณรัฐอันเยาว์วัย

สุดท้ายสถาบันเวทมนตร์ หรือวิทยาลัยเวทมนตร์ แม้ว่าลาสจะพยายามนำเวทมนตร์ศาสตร์ให้เข้ากับตัวมหาวิทยาลัยได้ แต่การสร้างหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบเพื่อสร้างผู้ผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ศาสตร์เองก็สำคัญจนต้องให้กำเนิดขึ้นมาเช่นกัน แน่นอนว่าการสร้างสถาบันเวทมนตร์กลับทำให้ดินแดนแอนริเวอร์ ผู้ถือครองสถาบันการศึกษาแห่งฟาโรร่าติดต่อกับอาริกาเซีย…

ทําเนียบประธานาธิบดี ก่อสร้างสำเร็จแล้ว 70% ตั้งอยู่ในเขตรัฐบาลกลาง (ยังไม่มีการเลือกชื่อเขต) ตัวอาคารสี่เหลี่ยม สูงสามชั้น ยังคงมีคนงานก่อสร้างกำลังทำงานอยู่ แต่จะทำเป็นช่วงๆ เพราะว่ามันเป็นตึกอาคารสำหรับคณะรัฐบาลที่ใช้ทำงาน และผู้ใช้งานก็ยังคงอยู่ข้างในรวมไปถึงประธานาธิบดีคนแรก ตัวอาคารและเขตรัฐบาลกลาง ออกแบบโดยวิศวกรทหารชาวแฟแลงซ์และ วิศวกรชาวดวาร์โกลว์ นามว่า ฌ็อง ปาร์ดิเยอ (Jean Pardieu) (มนุษย์จากแฟแลงซ์) และ แวร์รามรอด เอ็มเบอร์บาเชอร์ (Weramrod Emberbasher) (คนแคระจากดวาร์โกลว์) ทั้งสองเป็นผู้ลี้ภัยที่มีชื่อเสียง

ห้องทำงานประธานาธิบดีเป็นห้องขนาดใหญ่ แม้ว่าดักลาสจะบอกให้ใช้เงินประมาณไม่ต้องเยอะมาก แต่ว่าคนในสภารวมไปถึงคณะรัฐบาลกลับต้องการให้สถานะของประธานาธิบดีต้องดูยิ่งใหญ่มากกว่านี้ จนกลายเป็นเรื่องถกเถียงระหว่างประธานาธิบดีและคนภายใน จนกว่าได้จะได้รู้แบบห้องที่พอใจทั้งสองฝ่ายก็ใช้เวลาไปอีกเกือบสัปดาห์เต็มๆ ตัวห้องเป็นวงรีโดยมีโต๊ะทำงานอยู่ฝั่งหน้าต่าง และฝั่งตรงข้ามเป็นโซฟาและโต๊ะรับแขกซึ่งอยู่กลางห้องห่างจากโต๊ะทำงานของประธานาธิบดี แม้ว่าจะยังไม่มีของตกแต่งอะไร แต่ห้องก็สามารถใช้งานได้เป็นที่เรียบร้อย และวันนี้ก็คงเป็นอีกวันที่ดักลาสได้นั่งอยู่ในตำแหน่งโต๊ะทำงาน พร้อมเอกสารทำงานเช่รเคย

“ท่านประธานาธิบดี” ลาสหยุดเขียนและมองไปยังหญิงสาวหูแมว และกล่าว “รองประธาน?” เธอ

“หยุดพูดเลยค่ะ! รู้งี้เราน่าจะเชื่อฟังคุณไวท์ว่าท่านเป็นพวกสั่งงานเหมือนกำลังจะไปตาย!” เทลลามาซีร์ รองประธานาธิบดีแห่งสมาพันธรัฐอาริกาเซีย ประธานวุฒิสภา นอกจากจะเข้าร่วมสงคราม เธอเองก็เป็นเหมือนกับผู้นำประเทศในช่วงก่อนเลือกตั้ง ตอนนี้เธอก็ต้องมาทำหน้าที่รองประธานาธิบดี หญิงสาวหูแมวผู้นี้รู้สึกเหนื่อยกับงานจำนวนมาก จนต้องบ่นไม่หยุดไม่หย่อน

รองประธานาธิบดีหยิบเอกสารและวางไว้บนโต๊ะของลาส ประธานาธิบดีไม่รีรอหยิบมันขึ้นมาอ่านทันที เอกสารนี้เป็นความลับของชาติ โดยหน่วยข่าวกรองด้านการต่างประเทศแห่งชาติ (National Intelligence of Foreign Affairs-*NIFA*) เสนอโดยวุฒิสมาชิกเฟลิเซีย สกาเล็ต แม้ว่าลาสเองก็คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวผู้นี้จะเริ่มคิดเรื่องที่อันตรายออกมาได้

“ดูเหมือนว่าผู้อำนวยการแอร์นาจะแจ้งมาว่า ลีโอเนียเข้าสู่สงครามกลางเมืองเรียบร้อยแล้วค่ะ ท่านหญิง- ผู้อำนวยการแอร์นากล่าว กองทัพบกส่วนมากอยู่ฝั่งเจ้าผู้อารักขา และขณะที่การต่อต้านมาจากกลุ่มขุนนางที่หนีออกจากลอนดาเนียขึ้นเหนือไป แต่ทั้งสองยังคงซื้อค้าขายกับพวกเราหนักอย่างมาก ผู้อำนวยการแอร์นายังบอกมาว่าหน่วยของเธอได้ เข้าไปอยู่ทั้งสองฝั่ง ภายในทั้งสองเองก็ยังไม่เสถียรคิดว่าอีกนานว่าเจ้าผู้อารักขาจะเริ่มกวาดล้างผู้เห็นต่างค่ะ”

“เฮ้อ แจ้งให้กำชับดูลีโอเนียต่อไป แฟแลงซ์และอาเรน่าก็คงจะไม่มีเงินทุนและกำลังพอที่จะทำสงครามอีกรอบอย่างแน่นอน ทางเราต้องยื่นเป็นกลางไม่ยุ่งกับทวีปนั้น ยกเว้นพวกเขาจะคุกคามเราก่อน”

“ท่านจะยอมให้กฎเกณฑ์ที่เฟลิเซียคิดเป็นจริงหรือ?” หญิงหูแมวชะงัก “ไหนว่าท่านบอกว่าอาริกาเซียต้องเปิดกว้าง และแสดงความเป็นจริงใจแก่ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือมิตร”

“ ความโดดเดี๋ยวจะทำให้เราเติบโตช้า เราไม่ได้ยุ่งกับสงครามภายใน แต่เป็นผู้คนที่ต้องการหนีจากสงครามต่างหาก อีกอย่าง…” ลาสหยิบแผนที่อันเก่าขึ้นและกล่าว “เป้าหมายของผมภายใน 4 ปีแรกคือการวางรากฐานสำคัญ และเป้าหมายรองคือการเจรจากับชนพื้นเมืองทั้งหมด”

แผนที่ดินแดนอาริกาเซีย แน่นอนว่าเขตแดนใหม่เกิดขึ้นต่อจากมลรัฐขึ้นเหนือ ตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นแผนที่ลาสคิดว่ามีโอกาสที่ผู้ที่เริ่มตั้งถิ่นฐานเริ่มขยายตัวลึกเข้าไปในอาริกาเซีย แน่นอนว่าลาสมีความคิดที่จะปิดหลุมความขัดแย้งบนอาริกาเซีย ขณะที่รองประธานาธิบดีมองแผนที่ เธอก็สังเกตถึงเขตแดนขนาดใหญ่สีนํ้าเงินจำนวนมาก คิ้วของเธอขมวดกันอย่างสงสัย “ท่านประธานาธิบดีชื่อนี้มัน…” เธอหันไปมองดักลาสและกล่าวถาม

“ก็นะ เฟลิเซียหัวแข็งอย่างมากที่จะสร้างดินแดนของอาริกาเซียเพื่ออาริกาเซีย อีกอย่างหลังจากที่ผมลงจะตำแหน่ง ยังไงเฟลิเซียก็มีโอกาสมาแทนที่อยู่แล้ว จะช่วยเหลือหน่อยก็คงไม่เป็นไรใช่ไหมล่ะ? ที่จริงแล้วผมเองก็กังวลถึงการเติบโตของอาริกาเซียที่จะย้อนกลับมาทำร้ายชนพื้นเมืองที่เติบโตในอาริกาเซีย เพราะงั้นผมเลยเลือกที่จะปกป้องไม่ใช่ผู้คน แต่เพื่อให้แน่ใจว่าวัฒนธรรมและดินแดนของพวกเขาจะสามารถอยู่รอดและประยุกต์เข้ากับอาริกาเซียใหม่”

“ท่านคิดว่าพวกเขาจะยอมเข้ามาเป็นหนึ่งในรัฐของสมาพันธ์เหรอ” เทลลามาซีร์พูดขึ้นอย่างสงสัย การผนวกชนพื้นเมืองให้เกิดเป็นหนึ่งในรัฐที่มีการปกครองเหมือนรัฐอื่นอาจจะทำให้บางรัฐที่ถูกชนพื้นเมืองปล้นไม่พอใจอย่างแน่นอน

“ให้พวกเขาเชื่อใจรัฐบาลกลางให้ได้ซะก่อน อีกอย่างเรายังมีเวลามากพอที่จะทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจ ยกเว้น.. เผ่าวาคาน ซู และพาวนี่”

เทลลามาซีร์มองชายหนุ่มด้วยความรู้สึกสงสาร ดักลาสคงจะเคยสังหารชนพื้นเมืองในศึกที่ยูทิก้าไปจำนวนมาก จนทำให้เขารู้สึกผิด “ยังจำชื่อชนพื้นเมืองได้อยู่ได้อีก แสดงว่าท่านคงทำเรื่องไว้เยอะเลยสินะคะ” เธอเอ่ยเบาๆ

“ก็เหมือนกับการไถ่ถอนบาปที่ทำเอาไว้นั้นล่ะ!” ลาสตอบกลับ เสียงของหญิงสาวที่ถูกไฟเผาอย่างเจ็บปวดยังคงหลอนหูของเขาอยู่ไม่ไปไหน ลาสรู้สึกผิดอย่างสุดใจเพียงแต่เขาเองก็ต้องการที่จะมีชีวิตเช่นกัน

ธันวาคม ศักราชอองโทราลที่ 3937

ใกล้ขึ้นปีใหม่ของอาริกาเซีย สาธารณรัฐอันเยาว์วัยเติบโตขึ้นทุกปี เมืองใหญ่เมืองท่าเต็มไปด้วยผู้คนมากมายหลากหลายเผ่าพันธุ์ ป้ายเมืองขนาดใหญ่กำลังจะถูกถอนออกและเปลี่ยนด้วยชื่อใหม่ วันนี้ภายในรัฐโฟลิโอ เมืองบอสตันถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเนกวาตัน(Nequaton) เป็นการผสมระหว่างบอสตัน(Boston)และ โอ เนโกวเนห์ (o:negowa:nëh) ที่แปลกว่า ทะเลสาบขนาดใหญ่(ทะเล) ที่ชนพื้นเมิืองเรียกกันก่อนที่ชาวลีโอเนียจะตั้งอาณานิคม การปรับเปลี่ยนเช่นนี้ทำให้ ชาวบอสตันพยายามเรียกตัวเองให้เป็นชาวเนกวาตัน หรือ ชาวโฟลิโอแทน อย่างไรก็ตามกว่าพวกเขาจะเลิกเรียกตัวเองว่าชาวบอสตันก็ต้องใช้เวลาอีก 2 รุ่นอายุคน

ในตอนนี้สมาพันธรัฐอาริกาเซียประกอบไปด้วยมลรัฐเก่า นิวลีโอ นิลเฟล โจเซ วัลเทอร์ ชาร์ลส โฟลิโอ เอคริสเปีย เดอลากูร์ เบอร์เกน แคนน่าน นิวเซนดัม 11 รัฐ ซึ่งมีการรัฐใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3 รัฐ ร่วมกันเป็น 14 รัฐอาริกาเซีย รัฐฟรานริเดีย ซึ่งอยู่ข้างบนนิวลีโอ เป็นรัฐที่จำนวนประชากรที่เข้าไปตั้งถิ่นฐานเป็นอดีตทาส รัฐทอมเบอยู่ทางใต้ติดกับแคนน่าน และสุดท้ายคือ รัฐอาโมนูเท เป็นรัฐใหม่อยู่ทางตะวันออกเฉียงลึกเข้าไปในอาริกาเซีย เกือบครึ่งของรัฐอาโมนูเทเป็นอดีตผู้ที่หลบหนีความวุ่นวายในอาณานิคม ซึ่งใช้ชีวิตร่วมกับเผ่าอาโมนูเทที่ยูทิก้า

เมื่อพวกเขาเห็นว่าดักลาสมีความต้องการปกป้องวิถีชีวิตพวกเขา เผ่าอาโมนูเทก็ยอมรับและเข้าร่วมเป็นรัฐชนพื้นเมืองแรกๆที่เข้าเป็นส่วนหนึ่งกับสมาพันธรัฐอาริกาเซีย มีผู้แทน และวุฒิสมาชิก เหมือนกับรัฐอื่นๆ เขตแดนของรัฐจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือสร้างขึ้นเองโดยไม่ผ่านการตรวจสอบและยืนยันรัฐบาลกลาง สร้างความไม่พอใจให้กับบางรัฐที่ต้องการขยายและส่งคนไปตั้งชุมชนลึกเข้าไปในอาริกาเซีย เพราะว่าพวกเขาไม่มีลีโอเนียค่อยกีดกันการขยายตัวของอาณานิคม ถือเป็นรัฐบัญญัติเพื่อป้องกันดินแดนของชนพื้นเมืองฉบับแรกๆ

ภายในตัวเมืองเนกวาตัน ยังคงวุ่นวายเต็มไปด้วยผู้คน บัดนี้อาริกาเซียเข้าสู่ยุคสันติสุดที่เจริญขึ้นทุกวัน การค้าขายระหว่างสองทวีปนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้กลุ่มคนรวยที่อยู่ในจักรวรรดิยิ่งใหญ่มีความต้องการที่ย้ายถิ่นมาอยู่บนอาริกาเซีย แน่นอนว่าขุนนางจากโลกเก่าเหล่านี้ก็สร้างปัญหาให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอย่างมาก ไม่พอแค่นั้นเหล่าลักลอบก็ถูกจับเป็นว่าเล่น หนึ่งหน่วยงานที่เป็นความสำเร็จของประธานาธิบดีดักลาส แมรี่แลนด์ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางในสมาพันธรัฐ ได้รับการสนับสนุนจากพ่อค้าแม่ค้าอย่างมาก

ความปลอดภัยจะทำให้ไม่เกิดการเสียกำไรโดยใช่เหตุ ซึ่งเห็นผลได้อย่างเต็มสองตาที่เมืองเนกวาตัน อดีตกรมตำรวจบอสตัน ตอนนี้ กรมตำรวจเนกวาตัน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบสีนํ้าเงิน หมวกเหล็กที่แปลกตา พร้อมกับไม้กระบองข้างกาย ทุกคนก็จะรู้ว่าพวกเขาปลอดภัยอย่างแน่นอน ตำรวจเหล่านี้พวกเขาเป็นอดีตทหารในสงครามปฏิวัติ เมื่อไม่มีกองกำลังภาคพื้นทวีปพวกเขาก็ต้องหางานใหม่ แน่นอนว่ากรมตำรวจเป็นหนึ่งในเส้นทางความหวังมากมายที่ดักลาสได้สร้างให้กับทหารผ่านศึก ที่ไม่สามารถหางานได้

หากรัฐที่ไม่ได้มีเมืองอยู่ท่าเรือก็คงเป็นรัฐเกษตรกรรม เพราะว่าเมืองท่าที่ยิ่งใหญ่นี้ เริ่มเห็นถึงความหนาแน่นของผู้คนที่ใช้ชีวิตภายในเมือง โรงงานอุตสาหกรรมโผล่ขึ้นมาเต็มไปหมด เนกวาตันเป็นเมืองเศรษฐกิจ และเป็นเหมือนกับประตูสู่อาริกาเซีย ทำให้เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาที่สุดบนอาริกาเซีย หรือไม่แน่… แม้แต่บนอองโทราลก็ตาม

“พระองค์คุ้มครองข้า เหตุใดพวกเขาถึงสามารถใช้ชีวิตรวมกับพวกครึ่งสัตว์ได้กัน…” ชายวัยชราพูดออกมาด้วยความกลัว เขาเป็นชาวแฟแลงซ์ ซึ่งพึ่งเดินทางมาถึงอาริกาเซียเพื่อหางานทำและส่งเงินกลับไปหาครอบครัวของเขาที่แฟแลงซ์ เขาเป็นคนที่ชราที่สุดในครอบครัวที่ยากจนเหมือนชาวแฟแลงซ์ส่วนใหญ่ เมื่อมาถึงก็ถูกตรวจและถามคำถามมากมาย จนเขากลัวว่าอาริกาเซียจะขับไล่ผู้ที่นับถือศาสนักจักรของพระเจ้าที่แท้จริง

ใครจะไปเชื่อ ดินแดนที่เปิดให้รับถือได้อย่างเสรี โดยที่ไม่ขัดกับกฎหมาย ทุกความเชื่อถูกปฏิบัติอย่างเท่ากัน แม้ว่าเขาจะไม่ชอบผู้ที่นับถือปีศาจมีอาศัยใกล้ตัวเขาก็ตาม แต่จะเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม หากกฎหมายของอาริกาเซียนั้นเป็นธรรม เขาเองก็จะปฏิบัติตาม

ชายวัยชราทำงานเป็นพนักงานโรงไม้ของลูกครึ่งแฟแลงซ์-อาริกาเซีย เป็นโชคของเขาที่สามารถหาที่ทำงานในต่างแดนได้ แต่วันนี้เป็นวันหยุด ซึ่งชายชราผู้นี้ก็ไม่ตกใจกับกฎหมายแปดชั่วโมงต่อวันสำหรับห้าวันต่อสัปดาห์ เขาไม่เข้าใจอาริกาเซียเหมือนที่หลายๆคนไม่เข้าใจความฝันอาริกาเซีย อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยเขาก็มีเวลาพักผ่อนเพื่อทำงานอย่างเต็มที่ แทนที่จะต้องทำงานตั้งแต่เช้าจนถึงกลางคืนตลอดไม่มีวันหยุดเหมือนแฟแลงซ์

“วันนี้หนังสือพิมพ์ออกใหม่! วันนี้หนังสือพิมพ์ออกใหม่!” เสียงของเด็กน้อยดังเรียกความสนใจของชายวัยชรา เขาเดินไปยังเสียงที่ว่า

ตึกที่กำลังก่อสร้าง ตึกสูงที่สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่บนเรือที่ห่างจากเมืองเนกวาตัน ข้างล่างเป็นร้านขายหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์สาธารณะในราคาที่ทุกคนสามารถจ่ายได้ ในแฟแลงซ์ไม่มีหนังสือพิมพ์ อาณาจักรหรือจักรวรรดิที่มีสำนักพิมพ์คงมีเพียงแค่ จักรววดิแบร์นฮาร์ด กับ สหจักรวรรดิลีโอเนีย มันทำให้ชายชราจากแฟแลงซ์อยากจะลองซื้อมัน เพียงแต่ เขาอ่านไม่ออก! มีแต่คนที่มีเงินเท่านั้นที่สามารถเรียนหนังสือได้นั้นคือแฟแลงซ์

“เจ้าหนู ข้าอ่านไม่ออก แต่ข้ามีเงินพอที่จ่ายของวันนี้ เจ้าพอจะช่วยข้าได้ไหม ถือเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยอ่านให้ข้า?” ชายชราเดินเข้าไปหน้าเด็กหนุ่มที่กำลังถือหนังสือพิมพ์

“ขอโทษนะครับ แต่ผมพึ่งได้เรียนหนังสือกับท่านประธาน… อ๊ะ!? อะไรของเจ้าเนี่ยเทลมา!” ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะปฏิเสธชายชราเสียงของเด็กสาวก็หยุดชายหนุ่มเอาไว้ “หยุดเลยอเล็กซ์!!” 

“เชิญข้างในก่อนได้นะคะ เราจะอ่านให้ฟัง แต่คุณต้องจ่าย 1 ยูซี(2) ร่วมกับค่าหนังสือพิมพ์ก็เป็น 2 ยูซี” เด็กสาวกล่าวพร้อมชูสองนิ้ว ไม่รอช้าชายชราจากแฟแลงซ์หยิบเหรียญสีเงินที่ตัวเลข 1 สองเหรียญและยื่นให้กับเด็กสาว ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในตึก

ภายในเป็นที่นั่งมากมาย ซึ่งเต็มไปด้วยชายและหญิงหลายมนุษย์และครึ่งมนุษย์ แต่สิ่งแรกที่ชายชรารับรู้ได้ก็คือกลิ่นของคนรวย เขาอยากจะเดินออกจากตึกนี้อย่างเร็วที่สุด แต่เด็กทั้งสองดันลากเขามานั่งที่โต๊ะที่มีคนนั่งน้อยที่สุด เรียกว่าติดกำแพงก็ได้

“เฮ้ย ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปลอกคนอื่นเข้าร้านกาแฟ” เทลมาเด็กสาวผู้มีเส้นผมสีเลือดหมูนั่งข้างชายชราและกำลังจะเริ่มอ่านถูกขัดด้วยเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งสามหันไปหาเจ้าของเสียง “ท่านพี่ไวท์!” “ประธาน!?” จิ้งจอกสาวในเครื่องแบบแม่ครัวเดินมาหาทั้งสามด้วยใบหน้าที่ไม่เชื่อใจเด็กทั้งสอง รวมไปถึงชายชราที่กำลังตกใจกลัว

“ไม่ได้หลอกนะคะ แต่คุณตาคนนี้จ้างหนูอ่านหนังสือพิมพ์ต่างหาก เขาอ่านหนังสือไม่ออก!” เทลมาอธิบายให้กับจิ้งจอกสาว ก่อนที่หันไปหาชายชราที่พยักหน้าขึ้นลงอย่างกลัวตาย

“เฮ้อ… คิริลฝากพวกเจ้าเรียนหนังสือกับเรา ไม่ได้ให้มาหาเงินเสียหน่อย เอาเถอะ คุณ…” ไวท์ถามชื่อชายชราที่ยังคงอลหม่านอยู่ เขาตอบกับจิ้งจอกสาว “มะ มา มารัตขอรับท่านหญิง”

“คุณมารัตยินดีต้อนรับสู่สำนักพิมพ์ฟรีแมน (Freeman Publisher) และบ้านกาแฟจิ้งจอก (Foxy Coffee House) ยินดีรับใช้ค่ะ เชิญนั่งได้ตามสบาย หาต้องการอะไรสามารถเดินมาที่หน้าเคาน์เตอร์ได้เลย…” ไวท์กล่าวเสร็จก็เดินกลับไปยังที่ทำงานของตนโดยที่มีเสียงของเด็กสาวตะโกนกว่า “ขอนมร้อน 3 แก้วนะท่านพี่!”

“แลกกับการบ้าน 3 เล่มน่ะ เ ท ล ม า” นั่นเป็นเสียงสุดท้ายก่อนจะตามมาด้วยเสียงโหยหวนของเด็กสาวผมแดงเลือดหมู

อีกวันของการทำงานในอาคารรัฐบาล ห้องทำงานประธานาธิบดีวันนี้ไม่มีใครนอกจากดักลาส ประธานาธิบดีของประเทศที่พึ่งเกิดได้ไหมนาน แต่อย่างน้อยเขาก็พยายามอย่างสุดความสามารถในการสร้างเส้นทางให้กับประเทศแห่งนี้  ในนามของประธานาธิบดีแห่งสมาพันธรัฐ ชายหนุ่มมองผ่านหน้าต่างไปยังข้างนอกตึก

เมืองหลวงใหม่กำลังก่อสร้าง ภาพของเหล่าคนงานจำนวนมากที่ช่วยกันสร้างขึ้นมาจากพื้นดินที่ว่างเปล่า การก่อสร้างนี้อีกยาวนานกว่าจะเสร็จสมบูรณ์  ลาสกำลังจะเข้าสมัยที่สองในฐานะผู้นำของประเทศ และยังมีงานอีกมากมายที่ต้องทำ แต่เมืองหลวงใหม่ก็คงเสร็จไม่ทันวาระของเขาอย่างแน่นอน

อ๊ะ ดักลาสไม่คิดจะอยู่เป็นผู้นำประเทศ ตลอดชีวิตเหมือน ผู้นำในชาติก่อนเสียหน่อย

ภาพของเมืองถูกเปลี่ยนเป็นใบหน้าของตัวเขาเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก จากชายหนุ่มหน้าหวานที่ดูเด็กและเยาว์วัย ตอนนี้เหมือนกับหญิงสามจนเขาเลิกสนใจลักษณะร่างกายของตัวเอง อย่างน้อยเขารู้ตัวเองว่าเป็นเช่นไร ลาสก็คงเป็นลาสอยู่วันยังคํ่า อดีตนักการเมืองผู้นี้ได้เดินทางมาไกล ไกลเกินว่าเพื่อนร่วมงานคนไหนจะตามได้

ประเทศที่เขาไม่เคยเห็น ประเทศที่เขาจะอยากเห็น ความฝันที่เห็นแก่ตัว ความฝันของอาริกาเซีย เขาเองก็อยากที่จะสร้างมันให้เห็นก่อนหมดสิ้นลมหายใจนี้ อย่างน้อย ก็ขอให้อนาคตของดินแดนที่ห่างไกลแห่งนี้ได้ยืนอย่างมั่นคง ได้เป็นบ้านหลังใหม่ เหมือนที่เป็นบ้านของเขา และเป็นความหวังและแสงสว่างที่สาดส่องในโลกแห่งความมืดมิดที่เต็มไปด้วยอำนาจนิยม

อองโทราล ตัวเขาได้เรียนรู้ถึงความวุ่นวายทั่วโลกแฟนตาซี สงคราม ความตายและความเน่าเปื่อย ทุกอย่างก็ไม่ต่างจาก โลก ที่เขาจากมา ประเทศที่เขาหวังจะให้คนรุ่นหลังได้เฉิดฉาย ประเทศที่สามารถมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ต้องอยู่ภายใต้อำนาจที่กดทับ

ในเมื่อชาติที่แล้วผู้นำฉ้อโกง ชาตินี้เขาก็ขอเป็นผู้นำที่ดีแทนบ้าง…

(จบเล่ม)


สวัสดีผู้ติดตามทุกคน! ไรท์ Kojira ผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ขอประกาศ “จบเล่ม” (THE END)

ก็ถือเป็นนิยายที่ใช้เวลาเขียนนานมาก (3ปีกว่าแม่) แล้วคำผิดก็เยอะมากเช่นกัน หลายคนน่าจะเห็นถึงความเร็วที่จบเหมือนตัดจบ ใช่ค่ะ นิยายเรื่องนี้ต้องทำการตัดจบก่อน โอเคร ขอให้เข้าใจด้วยนะคะ การเขียนในตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมค่ะ ถ้าใครที่ตามนิยายเล่านี้ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้วจะรู้ว่า การเขียนของไรท์เปลี่ยนไปเยอะมาก! เลยคิดว่าต้องทำให้จบเลยจะดีกว่า ไม่งั้นจะรู้สึกว่าเหมือนมีนักเขียนคนล่ะคนมาเขียนนิยายเล่มนี้

แล้วเรื่องนี้จะจบแค่นี้จริงๆเหรอ(?) : ไม่ค่ะ!! อองโทราล ยังมีประวัติศาสตร์ให้เล่าที่เป็นเรื่องแยกอีกมากเลยค่ะ เชื่อว่าหลายคนก็คงมีข้อสงสัยกับเหตุการณ์ต่างๆบนอองโทราล อย่างไรก็ตาม ท่านผู้อ่านและติดตามก็คงต้องสุ่มกาชาปองเอานะคะ ว่า เนื้อหาต่อจาก ชาติที่แล้วผู้นำฉ้อโกง จะเป็นเนื้อเรื่องของใคร ประเทศไหน….

เอาล่ะสำหรับคนที่สงสัยเดี๋ยวจะสามารถถามได้เลยค่ะ Q&A หลังจบ คอมเม้นต์มาได้เลยค่ะจะตอบเท่าที่ตอบได้ค่ะ ถึงแม้ว่านักอ่านส่วนใหญ่จะอยู่ใน Dek-d มากกว่าพื้นที่อื่นที่ลงก็ตาม

O RIGHT !! ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอด 3 ปี การเดินทางนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเริ่มเขียนนิยาย ขอบคุณจริงๆเจ้าค่ะ!

สุดท้ายตามประเพณีของเรา อย่าลืมติดตาม เพจ Kojira และ Discord ของเราได้นะเจ้าค่ะ!

*

รัฐบัญญัติ(1) (Act) -  รัฐบัญญัติ เป็นกฎหมายที่เกิดจากความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติ ซึ่งอยู่ในประเทศส่วนใหญ่ เริ่มขึ้นด้วยการเสนอร่างกฎหมายให้สภานิติบัญญัติอภิปรายและลงมติว่าจะนำมาใช้หรือไม่ (พระราชบัญญัติ ใช้กับประเทศที่มีราชวงศ์)

ยูซี(3) (Union Cropola - ยูเนี่ยนโครโปล่า ) - ค่าเงินหลักของสมาพันธรัฐอาริกาเซีย เรียกสั้นๆว่า ยูซี (UC)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด