ตอนที่แล้วตอนที่ 8-8 ออกจากเทือกเขา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8-10 ดาบเดียว

ตอนที่ 8-9 โอลิวิเยร์


การเดินทางบนถนนที่คดเคี้ยวดูเหมือนไม่สิ้นสุดนี้   คาราวานนี้มีผู้คนหลายร้อยไม่เคลื่อนที่อย่างเร่งฝีเท้านัก การ์ดทุกคนของคาราวานยังคงจับตาระมัดระวังในตำแหน่งเทือกเขาอสูรวิเศษตลอดเวลา

บนถนนสายนี้มีอันตรายหลักจากสองสาเหตุ อันตรายที่หนึ่งก็คืออสูรเวทในเทือกเขาอสูรวิเศษ  อันตรายที่สองคือพวกโจรป่า  เพราะถนนสายนี้ทอดยาวเป็นร้อยๆไมล์ไม่อยู่ในความควบคุมทั้งของสหภาพศักดิ์สิทธิ์และจักรวรรดิโอเบรียน  จึงเป็นธรรมดาที่มีโจรผู้ร้ายอยู่ที่นี่มากมาย

“แอ๊ด เอี๊ยด” ล้อรถม้าส่งเสียงลั่นเป็นจังหวะและลินลี่ย์นอนอยู่ข้างหลัง เพลิดเพลินกับเหล้าแรงในถุงหนังแพะ

“สามปีแล้วที่ข้าไม่ได้แตะต้องเหล้าเลย สุราแรงนี้ให้ความรู้สึกสมใจกับข้ามากกว่ามากกว่าสุราของสวรรค์น้ำหยกเสียอีก”  คิดแล้วเขาหัวเราะ  ลินลี่ย์ลอบทอดถอนใจขณะเดียวกันบีบีที่อยู่ด้านข้างก็เพลิดเพลินกับการกินเนื้อย่าง

ทหารแก่สองคนซึ่งแบ่งที่ในเกวียนให้ลินลี่ย์พูดขึ้น  “น้องชาย, ข้าชื่อแลนซ์  นี่คือสหายรุ่นน้องของข้า เขาชื่อลูเธอร์”

ลินลี่ย์สะดุ้งเล็กน้อย  เข้าใจว่าสองคนนี้ต้องการรู้จักชื่อของเขา  แต่ลินลี่ย์รู้ว่าชื่อของเขาถูกขึ้นบัญชีแดงของศาสนจักรเจิดจรัสเป็นประเภทต้องถูกฆ่าทันทีเมื่อพบเห็น

“เรียกข้าว่า ลีย์”  ลินลี่ย์พูดพร้อมกับหัวเราะ

“ลีย์, เสือดำของเจ้าตัวนี้เป็นอสูรเวทระดับใด?” สหายที่อายุน้อยกว่านามว่าลูเธอร์กระตือรือร้นถาม  “ขนของอสูรเวทตัวนี้เรียบลื่นมาก  ได้ขับขี่อสูรเวทอย่างนั้นจะดูสง่างามจริงๆ! ข้าคิดว่าอย่างน้อยนี่ต้องเป็นอสูรเวทระดับเจ็ด”

“พวกท่านทุกคนก็รู้ว่าเขาเป็นอสูรเวทระดับสูง”  ลินลี่ย์พูดตามปกติ

เสือดำเมฆาแฮรุที่วิ่งสบายๆอยู่ข้างเกวียนจ้องมองลูเธอร์ด้วยตาที่เย็นชาของมัน  เมื่อเห็นสายตาของแฮรุ ลูเธอร์สะดุ้งกลัวทันที เขาได้แต่ยิ้มแหยๆ

ทุกคนในทวีปยูลานรู้ว่าอสูรเวทมีสติปัญญาไม่ด้อยไปกว่ามนุษย์  พวกมันไม่อาจถูกปฏิบัติแบบสัตว์เลี้ยงได้  ถ้าท่านพยายามทำ  จะมีผลลัพธ์ที่ร้ายแรงตามมา

“ท่านทั้งสองคนเป็นคนของสหภาพศักดิ์สิทธิ์หรือจักรวรรดิโอเบรียน?”  ลินลี่ย์ถาม

ลินลี่ย์รู้เรื่องจักรวรรดิโอเบรียนน้อยนิด

“เราสองคนมาจากจักรวรรดิโอเบรียน”  แลนซ์พูดด้วยเสียงดังลั่น “ลีย์,แล้วเจ้าเล่า?”

“นี่เพิ่งเป็นการเดินทางมาจักรวรรดิโอเบรียนครั้งแรกของข้า  ข้าได้ยินมานานแล้วว่าจักรวรรดิโอเบรียนมีจิตวิญญาณนักสู้ที่ยิ่งใหญ่  แต่ข้าไม่เคยประสบพบเห็นด้วยตัวข้าเอง”ลินลี่ย์กล่าวอย่างใจเย็น

ทั้งลูเธอร์และแลนซ์ใช้ชีวิตอยู่บนคมหอกคมดาบทั้งคู่ พวกเขามีสายตาที่ดีและสามารถบอกได้ง่ายว่าลินลี่ย์เป็นคนที่แข็งแกร่งมากที่สำคัญคือสามารถกำราบอสูรเวทที่แข็งแกร่งทรงพลังได้  นักสู้คนหนึ่งจะต้องข่มกำราบมันด้วยพลังก่อนจากนั้นมันจึงจะยอมรับ

“ลีย์!  พวกเราพลเมืองชาวจักรวรรดิโอเบรียนมีชื่อเสียงเลื่องลือเรื่องที่มีนักสู้ที่แข็งแกร่งทรงพลังอยู่มากด้วยพลังอย่างเจ้าไม่ว่าเจ้าจะไปที่ใด เจ้าจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี” แลนซ์พูดพลางหัวเราะ  “ลีย์! ถ้านี่เป็นครั้งแรกที่เจ้ามาเยือนจักรวรรดิโอเบรียน  เจ้ารู้จักที่นี่มากแค่ไหน?”

“นอกจากรู้ว่าจักรวรรดิโอเบรียนมีเจ็ดมณฑลปกครองและรู้เรื่องเทพสงครามแล้ว  ข้าไม่รู้อะไรมาก”  ลินลี่ย์หัวเราะ

ในฐานะที่เป็นมหาอำนาจทางทหารของสี่จักรวรรดิใหญ่ อาณาเขตของจักรวรรดิโอเบรียนยังคงใหญ่ที่สุดในบรรดาหกอาณาจักรใหญ่ แต่ละมณฑลปกครองมีขนาดใหญ่กว่าราชอาณาจักรเสียอีก

“ลีย์! ให้ข้าอธิบายก่อน  จักรวรรดิของเรามียอดฝีมือมากมายมหาศาลแม้แต่นักสู้ระดับเก้าก็ยังไม่กล้ามาทำโอหังในนครหลวงได้ ที่สำคัญคือวิทยาลัยเทพสงครามถูกสถาปนาสร้างอยู่บนยอดเขาชานพระนครหลวง”แลนซ์อธิบายอย่างกระตือรือร้น

“วิทยาลัยเทพสงคราม?”  ลินลี่ย์ไม่รู้จักว่านี่คืออะไร

ลูเธอร์ที่อยู่ข้างเขารีบเสริม  “ลีย์! เจ้าต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน  สถานที่ฝึกฝนที่สูงที่สุดศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในทั่วจักรวรรดิโอเบรียนก็คือวิทยาลัยเทพสงคราม ทุกๆ ร้อยปีราวๆนั้นหรือบางคราวก็สองสามร้อยปี เทพศึกจะรับศิษย์ไว้สั่งสอนด้วยตัวเองเพียงคนเดียว จำนวนศิษย์สายตรงที่เขามีอยู่นับว่าน้อยมาก  แต่แปดหรือเก้าในสิบของลูกศิษย์ที่เขารับสอนเองจะกลายเป็นนักสู้ระดับเซียน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ลินลี่ย์ตะลึงอย่างแท้จริง

ก่อนหน้านี้เขารู้สึกประทับใจว่า สถาบันโอเบรียนเป็นสถาบันฝึกฝนชั้นยอดเยี่ยมที่สุด แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าวิทยาลัยเทพศึกนี้มีระดับเหนือล้ำกว่ามากมาย

“แต่มันยากมากจริงๆ ที่เทพสงครามจะยอมรับศิษย์แม้แต่ศิษย์กิตติมศักดิ์ เขาก็ไม่ได้สอนด้วยตัวเอง  แค่มองดูศิษย์เพิ่มจำนวนทุกๆ สองปีราวๆ นั้น”แลนซ์ถอนหายใจ

รับศิษย์แค่คนเดียวทุกๆสองปีราวๆ นั้นและยังเป็นศิษย์กิตติมศักดิ์อีกด้วย

ระดับการรับเช่นนี้ต่ำยิ่งกว่าสถาบันเอินส์แต่ใครๆ ก็สามารถเข้าใจได้ถ้านึกถึงเรื่องนี้ ที่สำคัญนี่ต้องเป็นเทพสงครามเท่านั้นที่รับสอน  เทพสงครามคือผู้ที่อยู่เหนือระดับเซียนมานานเกินกว่าห้าพันปีแล้ว

“ถูกแล้ว, ลีย์ ในอนาคตถ้าเจ้าพบคนที่มาจากวิทยาลัยเทพสงคราม เจ้าต้องระวังให้ดี  แม้ว่าพวกเขาตั้งใจจะฆ่าใครบางคน  ปกติแล้วจะไม่มีใครกล้าแทรกแซง” แลนซ์แนะนำ

ลินลี่ย์เข้าใจ

เทพสงครามโอเบรียนคือจักรพรรดิผู้ก่อตั้งแห่งจักรวรรดิโอเบรียน  แม้ว่าเขาจะสละราชสมบัตินานแล้ว แต่อิทธิพลของเขาในจักรวรรดิโอเบรียนยังมีมากกว่าจักรพรรดิที่ยังครองราชบัลลังก์มาก เทพสงครามโอเบรียนเป็นกระดูกสันหลังและเป็นเสาหลักของจักรวรรดิโอเบรียนทั้งหมดอย่างแท้จริง

“ว่าแต่ท่านเคยได้ยินว่ามีอัจฉริยะคนใดปรากฏตัวขึ้นในจักรวรรดิโอเบรียนเมื่อเร็วๆนี้บ้างไหม?”  ลินลี่ย์ถามทันที  สิ่งที่ลินลี่ย์คิดไว้ก็คือ“วอร์ตันมีเลือดมังกรที่เข้มข้นอยู่ในสายเลือดมากกว่าเรา  ดังนั้นเขาสามารถกลายเป็นนักรบเลือดมังกรตามธรรมชาติได้  ศักยภาพของเขาน่าสูงมากกว่าเรา  ตอนนี้วอร์ตันน่าจะอายุสิบเจ็ดปี เขาน่าจะมีชื่อเสียงมากอยู่ในจักรวรรดิโอเบรียน”

ด้วยความเร็วในการฝึกของนักรบเลือดมังกร...

ว่ากันโดยทั่วไปแล้วในช่วงไม่กี่สิบปี พวกเขาจะสามารถถึงระดับเซียนได้ ถ้าเป็นผู้ฝึกฝนอย่างหนัก ก็สามารถบรรลุระดับเก้าภายในยี่สิบปีได้  และเป็นนักรบระดับแปดภายในสิบปี

พรสวรรค์ธรรมชาติของวอร์ตันน่าจะเพียงพอทำให้จักรวรรดิตะลึงได้

“อัจฉริยบุคคลน่ะหรือ?เจ้ากำลังพูดถึงโอลิวิเยร์ เซียนกระบี่อัจฉริยะน่ะหรือ?” แลนซ์ถาม

“เซียนกระบี่อัจฉริยะ โอลิวิเยว์?”  ลินลี่ย์ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน  “ทำไมโอลิวิเยว์ผู้นี้จึงถูกขนานนามว่าเซียนกระบี่อัจฉริยะเล่า?”

ลูเธอร์ที่อยู่ด้านข้างเขารีบกล่าว  “ลีย์! ถ้าอยู่ในจักรวรรดิแล้วมีคนได้ยินว่าเจ้าไม่รู้ว่าใครคือเซียนกระบี่อัจฉริยะ  พวกเขาจะหัวเราะเยาะเจ้า  เจ้ารู้ไหมว่าใต้เท้าโอลิวิเยว์บรรลุระดับเซียนตอนอายุเท่าใด?”

เขาเป็นนักสู้ระดับเซียนหรือ?

“อายุเท่าไหร่?”  ลินลี่ย์ถามอย่างใจเย็นตามปกติ เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลนักรบเลือดมังกรผู้สามารถบรรลุระดับเซียนได้ในไม่กี่สิบปี  กล่าวโดยทั่วไป  ว่ากันว่าพวกที่เรียกกันว่าอัจฉริยะนั้นจำเป็นต้องใช้เวลาเกือบร้อยปี

“สี่สิบเจ็ดปี!”ลูเธอร์พูดอย่างสุภาพ “ใต้เท้าโอลิวิเยร์เป็นนักสู้ระดับเก้าตอนอายุสามสิบปีและพออายุสี่สิบเจ็ดปี ก็เข้าสู่ระดับเซียน และเมื่อสามปีที่แล้ว ปีนั้นเมื่อสหภาพศักดิ์สิทธิ์และพันธมิตร (สหพันธรัฐ)มืดประสบเจอกับวันมหาวินาศ โอลิวิเยร์ก็เข้าสู่ระดับเซียน

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

ดูเหมือนว่าวันมิคสัญญีนั้นจะได้รับการขนานนามว่าวันมหาวินาศ

“มิน่าเล่าข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อของเขา”  ลินลี่ย์เพิ่งจะเข้าใจ  เมื่อชื่อเสียงคนผู้นี้แพร่หลาย ลินลี่ย์เพิ่งจะเข้าเทือกเขาอสูรวิเศษและตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนอยู่ที่นั่นถึงสามปี

ลูเธอร์นั้นเทิดทูนเซียนกระบี่อัจฉริยะโอลิวิเยร์อย่างเห็นได้ชัด  เขารีบกล่าว “ลีย์, ให้ข้าบอกอะไรเจ้าสักอย่าง เมื่อใต้เท้าโอลิวิเยร์บรรลุระดับเก้าเทพสงครามได้ชักชวนและเชื้อเชิญให้เขาเข้ามาเป็นศิษย์  แต่ใต้เท้าโอลิวิเยร์ปฏิเสธ  เขาต้องการเดินตามแนวการฝึกฝนของตนเอง”

ลินลี่ย์อดรู้สึกชื่นชมโอลิวิเยร์ไม่ได้  เทพสงครามผู้อยู่เหนือนักสู้ระดับเซียนมานานแล้วต้องการจะรับเขาเป็นศิษย์  แต่เขากล้าปฏิเสธแน่นอนว่ามีแต่คนที่มั่นใจมากจึงจะสามารถทำเช่นนั้นได้

“นี่คือคนแรกที่ปฏิเสธเทพสงครามในประวัติศาสตร์”  ลูเธอร์พูดด้วยความรู้สึกเทิดทูน  “ลีย์!  ตอนแรกหลายคนคิดว่าโอลิวิเยร์เพี้ยนและดูถูกเขาแต่.. ใต้เท้าโอลิวิเยร์ ไม่ใช่ดีแต่โม้เมื่อสามปีที่แล้วเมื่อโอลิวิเยร์เข้าสู่ระดับเซียน  เขาท้าสู้กับดิลลอนเซียนดาบดาราทันที”

“ดิลลอน?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว

ลินลี่ย์จำได้ชัดเจนว่าเมื่อคราวที่นักสู้ระดับเซียนต่อสู้กันเหนือท้องฟ้าเมืองน้อยอู่ซันหนึ่งในนั้นก็คือดิลลอนเซียนดาบดาราอีกคนหนึ่งคือปรมาจารย์จอมเวทระดับเซียนนามว่ารูดี  ทั้งสองชื่อนี้ฝังอยู่ในความทรงจำของลินลี่ย์ตลอดมา

“ถูกแล้ว ใต้เท้าดิลลอนเซียนดาบดารามีชื่อเสียงมาเป็นเวลานาน  และเขาเป็นนักสู้ระดับเซียนมาเกือบร้อยปี  โอลิวิเยร์เพิ่งจะเข้าสู่ระดับเซียนแต่กล้าท้าทายดิลลอนทันที  หลายคนคิดว่าโอลิวิเยร์บุ่มบ่ามและหยิ่งเกินไป  แต่วันที่พวกเขาประลองกัน...”

ดวงตาของลูเธอร์เต็มไปด้วยความรู้สึกเกรงขามและเทิดทูน  “ภายในสามกระบวนท่ากระบี่ดาราดิลลอนก็พ่ายแพ้ สามารถเอาชนะเซียนกระบี่ดาราดิลลอนได้ทั้งที่เพิ่งเข้าสู่ระดับเซียนได้ไม่นานเป็นสิ่งที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคน  ตอนนี้ เนื่องจากพลังของเขา เขาจึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง”

ลินลี่ย์ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกชื่นชมเช่นกัน

ในอดีตเขามักได้พูดคุยถึงนักสู้ที่ทรงพลังกับปู่เดลินเสมอ  ลินลี่ย์รู้ดีว่า มีความแตกต่างกันมากระหว่างเซียนขั้นต้นระดับเซียนขั้นกลาง เซียนขั้นสูงและเซียนขั้นสุดยอด

ดิลลอนเข้าถึงระดับเซียนมาเกือบร้อยปี  แต่เขาก็ยังพ่ายแพ้ภายในสามท่าด้วยฝีมือเซียนกระบี่อัจฉริยะอย่างโอลิวิเยร์ ลินลี่ย์ต้องยอมรับว่าโอลิวิเยร์มีพลังมากเหลือเชื่อ  นอกจากนี้เขายังมีอายุเพียงสี่สิบเจ็ดปี

สำหรับคนที่บรรลุระดับเซียนเมื่ออายุสี่สิบเจ็ดปีนั่นต้องแข็งแกร่งทรงพลังมาก

แม้แต่สุดยอดนักรบในตำนานก็คงไม่ดีกว่านี้ไปเท่าใดนัก

…….

การได้สนทนากับทหารรับจ้างที่เดินทางไปทั่วทุกถิ่นอย่างนี้ ลินลี่ย์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับอาณาจักรโอเบรียนมากทำให้เขามีความรู้สึกดีต่อพื้นที่

ตกยามราตรี  กองคาราวานหยุดพักอีกครั้งหนึ่ง

แคมป์ไฟสว่างไปทุกที่และอาหารเนื้อสัตว์ป่าย่างถูกนำออกมา ลินลี่ย์ตามลูเธอร์และแลนซ์ไปก่อกองไฟซึ่งเป็นจุดที่พวกเขาจะเริ่มย่างขาเนื้อสัตว์

ทันใดนั้นลินลี่ย์หันไปมองทางแฮรุ  ในตอนนี้เองเด็กผู้ดีอยู่ในชุดสูทยืนอยู่ข้างตัวเสือดำเมฆามองดูมันด้วยความตื่นเต้น

“เป็นเสือดำที่สวยงามเหลือเกิน”  เด็กชนชั้นสูงมีนัยน์ตาเป็นประกายเหมือนอัญมณีขณะที่เขาจ้องมองเสือดำเมฆา เขายื่นมือออกมาตั้งใจจะแตะต้องมัน

เสือดำเมฆาเป็นอสูรเวทระดับเก้าชั้นสูง  มันมีความถือตัวมาก และจะยอมให้มนุษย์ธรรมดาแตะต้องตัวมันได้อย่างไร?

เสือดำเมฆาสะบัดหน้ามันทันทีสายตาเย็นชาจ้องมองเด็กผู้ดีอย่างไม่พอใจ มันเริ่มขู่คุกคาม  “โกรววววว”

“อ๊า...” เด็กผู้ดีหวาดกลัวรีบถอยจนล้มหงายหลัง  หน้าซีดด้วยความกลัว

“ฮ่าฮ่า” ลูเธอร์,แลนซ์และลินลี่ย์หัวเราะกันทุกคน

ถึงเวลานี้ ประตูลายดอกในรถม้าที่อยู่ใกล้ๆถูกผลักเปิดออกและเด็กสาวสวมชุดสีม่วงอ่อนกระโดดลงมาจากรถทันทีด้วยอาการตื่นตกใจ  “คีน คีน เกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อเห็นสตรีนางนี้ลินลี่ย์นัยน์ตาเป็นประกายทันที

ชุดยาวเต็มร่างนี้ค่อนข้างกระชับขับเน้นให้เห็นเอวบางอ้อนแอ้นของนาง และช่วยดันอกของนางให้นูนเด่น  ขณะที่นางวิ่ง ผมยาวกระพือพริ้วตาม

ร่างโปร่งบางนั้นเป็นหนึ่งในสามหญิงงามที่สุดที่ลินลี่ย์เคยเห็นมา ดูจากลักษณะของนางควรจะมีอายุราวสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี

“พี่, พี่!”  เด็กผู้ดีเรียกสุภาพสตรีนี้ด้วยความกลัว

เสือดำเมฆาแฮรุส่งเสียงคำรามไปทางเด็กผู้ดีนั้นอีกครั้ง  เด็กสาวตระกูลสูงนี้กลัวจนหน้าซีดขาวทันที

“อย่ากลัวเลย แฮรุจะไม่ทำร้ายเจ้า” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ

“ฮ่าฮ่า, แม่นางเจนน์ เจ้าต้องดูแลน้องชายดีๆอสูรเวทที่ทรงพลังนี้ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงประจำบ้านของเจ้า  ถ้ามันโมโห มันอาจจับเขากินก็ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า!”  แลนซ์หัวเราะลั่น

คำพูดเหล่านี้ยิ่งทำให้ทั้งเจนน์และเด็กผู้ดีหน้าซีดขาวกว่าเดิม

เจนน์กระตุกที่เท้าของเด็กผู้ดีและจากนั้นรีบคำนับขอโทษ  “ขอโทษ, ขอโทษจริงๆ”

“ไม่ต้องขอโทษเราหรอก  เสือดำนี้เป็นของลีย์  เจ้าต้องขอโทษเขา”  ลูเธอร์พลอยร่วมสนุกเช่นกัน

เจนน์เหลือบมองดูลินลี่ย์  เห็นได้ชัดว่า นางไม่ถนัดจะโต้เถียงกับใครๆหน้าของนางแดงทันทีที่มองดูเขา  “ท่านลีย์  ข้าขอโทษจริงๆ”

“ไม่เป็นไร ต่อไปในอนาคตแค่ให้แน่ใจว่าน้อยชายเจ้าจะไม่ไปแหย่แฮรุอีก”  ลินลี่ย์หัวเราะ  เป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้เจอเด็กสาวขี้อาย

เจนน์ใช้มือฉุดรั้งเด็กผู้ดีนั้นมาอยู่ใกล้ๆกับรถม้าโดยสาร

“ตลก, ตลกจริงๆ” ลินลี่ย์หัวเราะและยกถุงเหล้าจ่อปากดื่มต่ออีกอึกหนึ่ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด