ตอนที่ 8-8 ออกจากเทือกเขา
ตามปกตินักเวททุกคนจะรู้วิธีสร้างวงเวททำสัญญาผูกวิญญาณ แต่ความจริงในเรื่องการจัดเตรียมการมีคุณสมบัติบังคับที่จำเป็นกล่าวโดยทั่วไปก็คือมีแต่จอมเวทที่ถึงระดับเจ็ดเท่านั้นจึงจะมีพลังจิตเพียงพอจัดการได้
ใกล้กันนั้นยันต์เวทรูปห้าเหลี่ยมลอยอยู่ในกลางอากาศ
และจากนั้นยันต์เวทห้าเหลี่ยมลอยเข้ามาที่ศีรษะของเสือดำเมฆามันไม่ได้ต่อต้านแม้แต่น้อยปล่อยให้ยันต์เวทเข้าไปในใจของมัน ทันใดนั้นทั้งลินลี่ย์และเสือดำเมฆาก็รู้สึกว่าพลังวิญญาณของพวกเขาเชื่อมถึงกันภายใน
นี่ไม่เหมือนกับสัญญาเสมอภาคซึ่งลินลี่ย์ทำกับบีบี
ในการทำสัญญาเสมอภาคระหว่างลินลี่ย์กับบีบี วิญญาณของทั้งสองจะผสานผสมกันส่วนยันต์เวทสัญญาผูกวิญญาณสร้างขึ้นมาจากพลังจิตของลินลี่ย์เอง เมื่อเสือดำเมฆายอมรับข้อผูกมัดของสัญญาผูกวิญญาณลินลี่ย์จึงเป็นเจ้านายไปโดยปริยาย
“นายท่าน” เสือดำเมฆาแสดงความเคารพ
ลินลี่ย์มองดูเสือดำเมฆา “เจ้าชื่ออะไร?” ลินลี่ย์รู้ว่าอสูรเวทระดับสูงบางตัวจะมีชื่อเป็นของตนเอง ตัวอย่างเช่นมังกรเกราะหนามซึ่งลินลี่ย์ได้เผชิญหน้ามาในหุบเขาสายหมอกในเทือกเขาอสูรวิเศษก็มีนามว่าซาเทียส
เสียงของเสือดำเมฆาดังขึ้นในใจของลินลี่ย์ “เรียนนายท่าน, ข้าชื่อแฮรุ”
“แฮรุ?” ลินลี่ย์จดจำชื่อเอาไว้
“แฮรุ, บอกข้าทีเรื่องความสามามารถในการแปลงกายของเจ้า” สำหรับเรื่องนี้ ลินลี่ย์รู้สึกค่อนข้างสนใจ
เสือดำเมฆาพยักหน้า “นายท่าน,เป็นเพราะข้าคืออสูรเวทสองสายธาตุ คือธาตุมืดกับธาตุลม ในสมองของข้ามีแก่นเวทสองชนิดหนึ่งนั้นเป็นแก่นเวทธาตุมืด อีกหนึ่งเป็นแก่นเวทธาตุลม ปกติข้าจะอยู่ในร่างที่หนึ่งซึ่งมีพลังรับ พลังรุกและความเร็วสมดุลกันหมด”
“เมื่อข้าพึ่งพาพลังงานจากแก่นเวทธาตุมืด ร่างของข้าจะมีขนาดเพิ่มขึ้นและพลังโจมตีของข้าจะเพิ่มขึ้นโดยต้องแลกกับความเร็วที่ลดลง เมื่อข้าอาศัยพลังงานจากแก่นเวทธาตุลมข้าจะอยู่ในร่างนี้ ร่างที่อาศัยธาตุลมจะมีพลังความเร็วเพิ่มขึ้นแต่พลังป้องกันตัวลดลง”
เสือดำเมฆาแฮรุพูดตามความสัตย์
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้ว
ดังนั้น เสือดำเมฆาก็เป็นอสูรเวทสองสายธาตุ คือธาตุมืดและธาตุลมและปัจจุบันนี้เขาอยู่ในร่างธาตุลม ส่วนร่างยักษ์ก็คือร่างธาตุมืด และมีแต่ร่างแรกเท่านั้นที่เป็นร่างเดิม
“ตอนแรกข้าคิดว่าร่างแฮรุในปัจจุบันเป็นร่างปกติเสียอีก” ลินลี่ย์หัวเราะขำตัวเอง
ลินลี่ย์สงสัยว่าคนที่เขียนบันทึกที่ลินลี่ย์ได้อ่านมาคงจะพบเห็นเสือดำเมฆาแต่ในร่างธาตุลมทำให้เขาเข้าใจผิดว่าร่างนี้เป็นร่างหลักของเสือดำเมฆา
“โกรววว!” บีบีวิ่งเข้ามาหาพลางคำรามเสียงต่ำทักทายเสือดำเมฆา
เสือดำเมฆาเริ่มสนทนากับมันเช่นกัน
“ดูเหมือนการเดินทางของเราจะยิ่งน่าสนใจมากขึ้นในอนาคต” ใบหน้าของลินลี่ย์มีรอยยิ้ม
…..
มีสองอสูรวิเศษบีบีและแฮรุเป็นสหายร่วมทาง ลินลี่ย์ยังคงฝึกฝนประจำวันต่อไป ลินลี่ย์หมกตัวอยู่ในโลกการฝึกฝนดาบ บ่อยครั้งที่ลินลี่ย์จะพบกับวิธีการลึกซึ้งในการใช้ดาบหนักของเขา
ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน
พริบตาเดียวผ่านไปอีกหนึ่งปี
ฤดูใบไม้ร่วงในปีที่สอง อุณหภูมิลดลงต่ำมาก ลินลี่ย์นั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นโอ๊คโบราณ จู่ๆ ปราณเลือดมังกรก็ปั่นป่วนขึ้น ทำให้เส้นเลือดของเขาหัวใจของเขาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงและแปรสภาพอีกครั้ง
นอกจากนี้ในจุดตันเถียนของลินลี่ย์ปราณเลือดมังกรก็เริ่มเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ลินลี่ย์หัวเราะลั่น ในที่สุดเขาก็บรรลุจากนักรบระดับเจ็ดเป็นนักรบระดับแปด เขากลายเป็นนักรบระดับแปดแล้ว
ในฐานะนักรบระดับแปดคนหนึ่ง เมื่ออยู่ในร่างมังกรแปลงพลังของลินลี่ย์ตอนนี้จะเทียบเท่ากับนักรบระดับเก้าชั้นสูง
มีความแตกต่างกันอย่างสำคัญระหว่างนักรบระดับเก้าชั้นสูงและนักรบระดับเก้าชั้นต้น
“เมื่อตอนข้าอยู่ในเมืองเฮสมันยากที่ข้าจะทำลายเกราะของอสูรเวทระดับเก้าธรรมดาได้ แต่ตอนนี้แม้ไม่ต้องใช้ดาบหนักอดาแมนเทียม ข้าก็สามารถฆ่าอสูรเวทระดับเก้าได้ทั้งหมด” ลินลี่ย์มั่นใจมาก
นักรบเลือดมังกรระดับเก้าชั้นสูงสามารถพิชิตอสูรเวทระดับเก้าชั้นสูงได้อย่างแน่นอน
นอกจากพวกระดับเซียนแล้ว บางทีไม่มีใครในโลกที่สามารถคุกคามเขาได้อีกต่อไป
“มีเพียงใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมระดับสูงได้ นี่เรียกว่า ‘ระดับกำหนด’ มันคืออะไร?” ลินลี่ย์เริ่มขมวดคิ้ว ตอนนี้ลินลี่ย์เชี่ยวชาญระดับ ‘กวัดแกว่งของหนักเหมือนกับเป็นของเบา’ได้แล้ว
เขาเดินพื้นด้วยเท้าเปล่า
ลินลี่ย์ยังคงดำเนินการฝึกฝนของเขาต่อไปเขาประสานตัวกลมกลืนกับจังหวะของโลกและกับสายลม ในทางกลับกันพลังจิตวิญญาณของลินลี่ย์บริสุทธิ์ขึ้นไปโดยปริยาย และเขาคล่องแคล่วยิ่งขึ้นสง่างามยิ่งขึ้น
….
ลมหนาวมาเยือน
ในยามเช้าเกิดพายุหิมะครั้งใหญ่ตกปกคลุมไปทั่วโลก ลินลี่ย์ยืนอยู่ในท่ามกลางพายุหิมะจ้องมองเกล็ดหิมะที่ร่วงลงจากฟ้า หัวใจของเขาสงบมาก
ทันใดนั้นลินลี่ย์นั่งลงขัดสมาธิพาดดาบหนักอดาแมนเทียมไว้กับตักกายท่อนบนของเขายังเปลือยเปล่าและเขายังคงนุ่งกางเกงผ้าปอขาดรุ่งริ่ง
หิมะตกลงบนตัวของลินลี่ย์ แต่ลินลี่ย์ไม่ใส่ใจสังเกตแม้แต่น้อย
เวลาผ่านไป หิมะยังคงตกตั้งแต่เช้าจนถึงพลบค่ำทั่วบริเวณปกคลุมไปด้วยหิมะหนาราวหนึ่งฟุต
บีบีกับแฮรุซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นสนใหญ่คอยเฝ้ามองดูลินลี่ย์
“กำหนด”
ลินลี่ย์ลืมตาขึ้น ภายในดวงตาเขา เหมือนกับมีรอยยิ้มเขาเงยหน้าจ้องมองข้างหน้า มองดูหิมะที่ตกลงมา แม้ว่าเกือบมืดแล้ว แต่โลกทั้งหมดถูกทาด้วยแสงสีขาวของหิมะ
“โฮกกกก!” จากในที่ไกลออกไปได้ยินเสียงคำรามของอสูรเวทชนิดหนึ่ง
สิงโตหิมะน้ำแข็งก้าวเดินอยู่บนหิมะ เห็นได้ชัดว่ามันพบลินลี่ย์แล้ว มันเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ลินลี่ย์ มันเข้ามาทีละก้าว เมื่อเห็นสิงโตหิมะน้ำแข็งเข้ามาใกล้ลินลี่ย์ดูเหมือนจะไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย
“ควั่บ” ด้วยพลังกระโจนของมันสิงโตหิมะน้ำแข็งพุ่งเข้าหาลินลี่ย์
ลินลี่ย์มองดูขณะที่สิงโตหิมะน้ำแข็งกระโจนเข้ามาหาเขาเขาคว้าดาบหนักที่พาดอยู่บนตักและฟันใส่สิงโตหิมะน้ำแข็งทันที
“ครืนนนน” ลินลี่ย์เหวี่ยงดาบหนักอดาแมนเทียมทันที พื้นที่ในตัวมันเองดูเหมือนจะถูกบีบอัดมาอยู่รอบๆตัวดาบทันที ส่งผลโดยตรงต่อสิงโตหิมะน้ำแข็ง
สิงโตหิมะน้ำแข็งหวาดกลัวต้องการจะหนี แต่ทั่วทั้งบริเวณถูกบีบอัดด้วยพลังกดดัน มันไม่มีที่ให้หนี
เมื่อเผชิญหน้ากับดาบหนัก มันไม่มีทางเลือกได้แต่มุ่งหน้าต่อ
“บึ้ม!”
ดาบหนักกระแทกใส่ร่างของสิงโตหิมะน้ำแข็ง ทั่วทั้งตัวสิงโตหิมะน้ำแข็งสั่นสะท้านชั่วขณะหนึ่งจากนั้นสลายกลายเป็นกองเนื้อและเลือด
“งั้น การกำหนดก็หมายความถึงกำหนดความปรารถนาของผู้ใช้ที่มีต่อฟ้าและดินจนถึงจุดที่แม้แต่พื้นที่มิติเองก็ใช้ยับยั้งคนได้ ฮ่าฮ่าฮ่า” ลินลี่ย์หัวเราะ
หลังจากได้พบกับพายุหิมะครั้งใหญ่นั้นในที่สุดลินลี่ย์ก็เข้าสู่ทักษะการใช้อาวุธหนักระดับสาม ก็คือระดับ ‘กำหนด’ เพียงแต่ลินลี่ย์เข้าใจว่าเขาเพิ่งเริ่มต้นจับเค้าเข้าใจระดับนี้
“ต้องเข้าใจระดับกำหนดให้ได้รวดเร็วข้าต้องขอบคุณการฝึกฝนของข้าในฐานะช่างสลักหิน พอๆกับความเข้าใจในฐานะของจอมเวท” ลินลี่ย์รู้สึกมีความสุขมาก
เพราะเขาเป็นจอมเวทคนหนึ่งวิญญาณของลินลี่ย์สามารถรู้สึกถึงการเต้นของชีพจรแผ่นดินได้พอๆกับกระแสไหลเวียนของสายลม ตอนนี้วิญญาณของเขาสามารถกลายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ นอกจากนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ลินลี่ย์ทุ่มกับการฝึกฝนของเขาและได้สะสมประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ นี่ทำให้ลินลี่ย์สามารถเอาชนะอุปสรรคภายในและผ่านเข้าไปถึงระดับ ‘กำหนด’ ของการใช้ดาบหนัก
ในแง่ของระดับพลัง ‘กำหนด’ยังมีความน่ากลัวมากกว่าระดับกวัดแกว่งของหนักเหมือนกับเป็นของเบา ยังมีความลึกซึ้งและลึกลับมากกว่า
….
ฤดูใบไม้ผลิ ปีปฏิทินยูลานที่ 10003 ชายขอบเทือกเขาอสูรวิเศษด้านเหนืออยู่ห่างจากทะเลเหนือไม่กี่กิโลเมตร ความจริงจากจุดเหนือสุดในเทือกเขาอสูรวิเศษก็สามารถมองเห็นผืนน้ำกว้างใหญ่สุดสายตา ซึ่งรู้จักกันในนามว่าทะเลเหนือ
ระหว่างแนวเทือกเขาอสูรวิเศษและทะเลเหนือ จะมีเส้นทางเดินซึ่งเชื่อมสหภาพศักดิ์สิทธิ์และจักรวรรดิโอเบรียนเข้าด้วยกัน เกือบทุกวันมีผู้คนจำนวนมากสัญจรผ่านไปบนถนนกว้างแห่งนี้
ส่วนใหญ่ทุกคนจะเป็นพ่อค้าของจักรวรรดิโอเบรียน, พ่อค้าของสหภาพศักดิ์สิทธิ์หรืออื่นๆ ผ่านไปตามเส้นทางนี้
อย่างไรก็ตาม พลเมืองของจักรวรรดิโอเบรียนเมื่อเผชิญหน้ากับพลเมืองของสหภาพศักดิ์สิทธิ์จะรู้สึกถึงความเหนือกันโดยธรรมชาติ ทั้งนี้เป็นเพราะจักรวรรดิโอเบรียนคือจักรวรรดิที่ทรงอำนาจที่สุดในทวีปยูลาน ยิ่งกว่านั้น จักรวรรดิแห่งนี้ยังมีเทพศึก ในเรื่องสงครามกับความรักของจักรวรรดิโอเบรียน พลเมืองทุกคนภูมิใจที่ได้เป็นชาวจักรวรรดิโอเบรียนกันทั้งนั้น
เวลานี้ บนทางกว้างมีคาราวานพ่อค้ากับผู้คนนับร้อยตั้งแคมป์พักกันอยู่หลายคนเริ่มกินอาหาร
“เฒ่าฮาร์ท”
บุรุษหนุ่มที่กำลังขับขี่รถม้าหัวเราะทักทายคนอ้วนข้างๆ เขา “ท่านโชคดีนะที่ได้การค้ารายนี้”
“ฮ่าฮ่า” บุรุษอ้วนวัยกลางคนหัวเราะอย่างพอใจ “ปีเตอร์, เจ้าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาด ถ้าเจ้ายังคงทำงานให้ข้าต่อไป ภายในสามปีเจ้าจะสามารถซื้อคฤหาสน์ในบ้านเกิดเจ้าได้จากนั้นก็ซื้อสาวใช้ที่งดงามสองสามคนและจ้างบุรุษรับใช้อีกสองสามคนเจ้าก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมีบ้านและที่ดินเป็นของตนเอง”
“สามปีเหรอ? โธ่, ในเวลามากกว่าสามปี บางทีข้าอาจไม่รอดชีวิตแล้ว” เด็กหนุ่มสบถ “คนใหม่อย่างข้ามักจะได้รับมอบหมายงานที่อันตรายที่สุด โธ่เอ๊ย.. ในเวลาหนึ่งปี ข้าจะกลับไปบ้าน ซื้อเด็กสาวงามๆสักคนและมีความสุขกับชีวิต เป็นเจ้าของบ้านและที่ได้หรือเปล่า?นั่นขึ้นอยู่กับว่าข้าจะมีโชคหรือไม่”
บุรุษวัยกลางคนเริ่มหัวเราะ “เจ้าเป็นคนงานใหม่แน่นอนว่าย่อมได้รับมอบหมายงานที่อันตรายที่สุด อย่างไรก็ตาม นั่นหมายความว่าเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งก้อนโตเช่นกัน โอวใช่แล้ว ปีเตอร์ครั้งนี้คาราวานของเรามีสาวงามหยาดฟ้ามาด้วยคนหนึ่ง ขณะที่เราไปทางเดียวกันเราก็กำลังคุ้มครองนางไปด้วย”
“ท่านกำลังพูดถึงแม่นางเจนน์น่ะหรือ?” เด็กหนุ่มตาเป็นประกายทันที “ถ้าข้าได้สาวงามอย่างนั้นสักคนข้ายินดีทำงานหนักสักสิบปีเลยทีเดียว ทั้งรูปร่าง ทั้งราศี โอว..”
“แต่เห็นได้ชัดว่านางเป็นผู้ดีชนชั้นสูง และบ่าวชราของนางก็ไม่อ่อนแอด้วย”บุรุษอ้วนวัยกลางคนล้อเลียน
“ให้ข้าได้ฝันเฟื่องหน่อยไม่ได้หรือไง?” บุรุษหนุ่มพูดอย่างไม่พอใจ
บุรุษอ้วนวัยกลางคนเริ่มหัวเราะ แต่จากนั้นเขามองลงไปทางทิศใต้ทันที “หืม? ปีเตอร์,มีคนกำลังออกมาจากในเทือกเขาอสูรวิเศษ” ปีเตอร์มองไปทางเทือกเขาอสูรวิเศษทิศใต้ทันที
บุรุษหนุ่มสวมชุดนักรบสีน้ำเงินธรรมดาสะพายดาบหนักอยู่บนหลังกำลังเดินออกมาจากส่วนในของเทือกเขาอสูรวิเศษ ผมสีน้ำตาลของเขายาวประบ่าจากที่เห็นเขาสูงเกือบสองเมตร
แต่ที่ด้านข้างของเขามีเสือดำซึ่งสูงพอๆ กับเขาและบนหลังเสือดำมีหนูเงาอยู่ตัวหนึ่ง
“นั่นมันเสือดำอะไร?” ปีเตอร์พูดอย่างประหลาดใจ
บุรุษอ้วนวัยกลางคนถลึงตามองและกล่าว “อย่าประมาท! ข้าได้ยินมาว่าอสูรเวทประเภทเสือดำและสิงโตมีพลังมาก กล่าวโดยทั่วไปคือพวกมันอย่างน้อยก็เป็นอสูรเวทระดับหกหรืออาจสูงกว่า
ทันใดนั้น ปีเตอร์ไม่กล้าส่งเสียงอีกต่อไป
ในช่วงเวลานี้ บุรุษผมน้ำตาลวิ่งเหยาะก้าวยาวตรงมาที่คาราวาน หน่วยคุ้มกันคาราวานเตรียมพร้อมทันที หนึ่งในคนที่ออกมาเห็นได้ชัดว่าเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง
…….
ตอนนี้ลินลี่ย์อยู่สภาพอารมณ์ดี หลังจากฝึกฝนอย่างหนักสามปีเต็ม ในที่สุดเขาก็ออกจากเทือกเขาอสูรวิเศษ
“ทะเลเหนือช่างกว้างขวางจริงๆ” นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์ได้เห็นทะเลเหนือและทะเลสีฟ้ากว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุดทำให้ลินลี่ย์ตะลึงเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นตา
เมื่อเห็นกองคาราวานที่จอดพักข้างหน้าเขา ลินลี่ย์วิ่งเหยาะๆ ไปที่ข้างหน้า
“เฮ้, สหาย เจ้าต้องการอะไร?” การ์ดเคราดกคนหนึ่งตะโกนลั่น ลินลี่ย์ยิ้มตอบ “ข้าจะไปจักรวรรดิโอเบรียนหวังว่าท่านจะให้ข้าร่วมทางด้วย”
การ์ดเคราครึ้มผู้นั้นมองดูลินลี่ย์ จากนั้นหันมาทางบุรุษวัยกลางคนผมทองที่อยู่ใกล้ๆ เขา หลังจากพูดคุยสองสามคำแล้วเขาหันมาส่งเสียงดังกับลินลี่ย์ “ง่ายมาก จ่ายมายี่สิบเหรียญทอง เราจะพาเจ้าไปด้วย”
“ได้” ลินลี่ย์ตอบตกลงโดยเร็ว เขาล้วงถุงทองออกมาอย่างรวดเร็วนับเหรียญยี่สิบเหรียญและส่งให้
เครื่องแต่งกายที่ลินลี่ย์สวมอยู่ในปัจจุบันนี้เขาเก็บเอาไว้ในแหวนมิติเก็บสมบัติเตรียมพร้อมใช้ในโอกาสเช่นนี้ ในแหวนมิติเก็บสมบัตินี้ลินลี่ย์เตรียมเก็บของใช้ไว้ค่อนข้างน้อย
“นี่..สหาย เนื่องจากเจ้ามีพาหนะอยู่แล้ว เจ้าตั้งใจจะขึ้นรถม้าหรือขี่เสือดำตัวนี้?” บุรุษเคราดกถามอย่างเป็นกันเอง
“ข้าว่า ขึ้นรถก็แล้วกัน” ลินลี่ย์กล่าว
“ดี, เจ้าไปขึ้นรถท้ายขบวน นั่นเป็นเกวียนเปล่าที่มีคนอยู่ในนั้นสองคนแล้ว” บุรุษเคราดกชี้พลางกล่าวความจริงรถมีหลังคาจะค่อนข้างแพง และในคาราวานนี้ ทหารส่วนใหญ่จะนั่งบนเกวียนเปล่า
“ได้เลย” ลินลี่ย์ตอบตกลงตามปกติ
ขณะที่เขาเดินที่ถึงเกวียนนั้น มีบุรุษสองคนนั่งอยู่ในเกวียนอยู่ก่อนแล้ว การสนทนาก่อนหน้านั้นชะงักทันทีเพราะตกใจกลัวแฮรุที่เดินอยู่เคียงข้างลินลี่ย์ อสูรเวทประเภทเสือดำโดยทั่วไปเป็นอสูรเวทระดับสูงแน่นอน
“อา, สหาย เชิญนั่ง” บุรุษทั้งสองแสดงความเป็นมิตรอย่างมิน่าเชื่อ
ลินลี่ย์ขึ้นไปนั่งบนเกวียน ในเกวียนนั้นมีฟางปูนอนอยู่ภายในคลุมด้วยผ้าฝ้ายหนา ขณะที่ลินลี่ย์นั่งอยู่บนที่นอนฟางบีบีก็โดดขึ้นไหล่ลินลี่ย์เช่นกัน
“มาเถอะ สหาย, ดื่มเหล้าเสียหน่อย” บุรุษคนที่เยาว์วัยกว่าในคนสองคนนั้นชักชวนอย่างเป็นกันเอง
“ขอบคุณ” ลินลี่ย์รับถุงเหล้ามาและดื่มอึกใหญ่
“ทุกคน...เตรียมพร้อม เราจะเริ่มออกเดินทางต่อ!” เสียงหนึ่งดังขึ้น และทุกคนที่ออกมาพักนอกรถม้ากลับเข้าไปในรถ
คาราวานเริ่มเคลื่อนขบวนต่อไปอีกครั้ง พวกเขาเดินทางมุ่งหน้าสู่จักรวรรดิโอเบรียน....