ตอนที่ 8-11 ช่วยเหลือ
ภายใต้แสงสว่างเรืองรองของกองไฟ ใบหน้าของทุกคนครึ่งสว่าง ครึ่งหนึ่งอยู่ในเงากลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในพื้นที่ คนทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้ได้แต่จ้องมองซากศพที่กลายสภาพเป็นกองเลือดกองเนื้อด้วยความตกใจจากนั้นมองดูลินลี่ย์และดาบหนักอดาแมนเทียมที่เขาถือเดินออกไป
นักสู้ระดับแปดถูกสังหารในดาบเดียว
นี่...
ยากจะทำใจเชื่อจริงๆ!
“พี่น้องเรา ฆ่าพวกโจรเหล่านี้ซะ!” มาโลนเป็นคนแรกที่รู้สึกตัวและเขาตะโกนสั่งอย่างตื่นเต้นทันที “ฆ่าเจ้าบัดซบเหล่านี้แก้แค้นให้กับเหล่าสหายของเรา!”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนสั่งนี้ของเจ้าเคราดกมาโลนเหล่าโจรทุกคนสะท้านตื่นเช่นกัน อสรพิษตาเดียวแม็คคินเลย์หัวหน้าของเขาถูกสังหารในดาบเดียว ต่อให้พวกทหารรับจ้างไม่อยู่ที่นั่น ลินลี่ย์คนเดียวก็สามารถกวาดพวกเขาทุกคนด้วยดาบหนักนั่นได้
“แก้แค้น! แก้แค้น! ฆ่ามัน!” ตาของทหารรับจ้างราวกับมีเปลวไฟลุกโชน เนื่องจากพวกเขามีความมั่นใจคนแล้วคนเล่าบุกประจัญบานพร้อมกับอาวุธของตัวเอง
“หนีเร็ว!”
พวกโจรตะโกนลั่นขณะที่พวกมันเริ่มหนีพวกมันลืมเลือนทุกอย่าง พลธนูฝ่ายทหารรับจ้างเริ่มพาดสายอย่างใจเย็นทันทีเล็งที่หลังของพวกโจรที่กำลังหนีไปธนูแหลมคมถูกยิงออกไปดอกแล้วดอกเล่าเสียงดังควับๆ โจรหกคนถูกธนูยิงล้มกับพื้น
ในพริบตาเดียวโจรที่ยังเหลือราวๆ เจ็ดสิบคนหนีหายลับไปในความมืด
พวกทหารรับจ้างไม่ได้ร่วมกันไล่ล่าจนไกลเกินไปแค่ไล่ตามไปราวๆ ร้อยเมตรก่อนที่จะกลับมา ที่สำคัญคือภารกิจอันดับแรกของพวกเขาคือปกป้องกองคาราวาน
“เฮ้อ”
พ่อค้าและคนเดินทางมากมายในกองคาราวานถอนหายใจโล่งอกทุกคน แต่เมื่อถึงตอนนี้ใบหน้าของพวกทหารรับจ้างมีสีหน้าบิดเบี้ยวเหยเกพวกเขาเริ่มรวบรวมศพ มีสหายพวกเขาเสียชีวิตราวๆ สิบคน
“ทุกคน, พวกท่านกลับไปพักกันได้” มาโลนสั่งเสียงดัง
มีทหารรับจ้างไม่กี่คนที่ได้รับบาดเจ็บเช่นกันและต้องพักรักษาตัวคนสองร้อยคนในกองคาราวานเริ่มสงบและต่างคนต่างกลับไปยังที่ของตนเอง สำหรับคนที่เดินทางมายาวนานพวกเขาประสบกับเหตุการณ์เช่นนั้นอยู่บ่อยครั้งและตอนนี้พวกเขาไม่แตกตื่นและกังวลจนเกินไปนัก
…..
กองไฟด้านหลังอีกกองยังสว่างและศพทหารรับจ้างราวสิบศพถูกฝังอยู่ในที่รกร้างข้างถนน ทหารรับจ้างใช้ชีวิตอยู่บนคมหอกคมดาบสามารถตายได้ทุกเมื่อ และเมื่อพวกเขาตาย ร่างของพวกเขาจะถูกฝัง ทหารรับจ้างส่วนใหญ่จะนำของที่ระลึกประจำตัวพวกเขากลับไปยังภูมิลำเนาให้พวกเขา
ลินลี่ย์พิงกับต้นใหม่ใหญ่ข้างถนนทั้งที่ดาบหนักอดาแมนเทียมยังอยู่บนหลังของเขา เขามองดูคนอื่นอย่างเงียบสงบ
“ท่านลีย์” พ่อค้าในกองคาราวานวิ่งเขามาหาและแสดงความขอบคุณลินลี่ย์ หลายคนต้องการมอบเหรียญทองให้ลินลี่ย์เป็นสินน้ำใจ แต่ลินลี่ย์ปฏิเสธทุกคนอย่างสุภาพ
“พี่น้องเรา, ขอให้พวกเจ้าไปสู่สุคติเถิด” มาโลนตะโกนลั่น
ทหารรับจ้างทุกคนกำลังยืนอยู่หน้าหลุมศพ พวกเขาคำนับให้กับหลุมศพพร้อมกันในชีวิตทหารรับจ้างเหล่านี้ ความตายเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามปกติ หลังจากพวกเขาแสดงความเคารพ ทุกคนกลับเข้าประจำตำแหน่งปกติของพวกเขา
เคราดกมาโลนหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างตรงเข้ามาหาลินลี่ย์ซึ่งมีลูเธอร์กับแลนซ์อยู่ใกล้ๆเขา มาโลนกล่าวแสดงความขอบคุณ“ขอบคุณท่านลีย์มาก ถ้าไม่ใช่เพราะท่านกลุ่มทหารรับจ้างของเรา....” มาโลนเงียบ และส่ายศีรษะ
“ลีย์,ขอบคุณท่านมากที่ช่วยคณะทหารรับจ้างของเรา” ลูเธอร์พูดขอบคุณเขาเช่นกัน
ตอนแรกลินลี่ย์เตือนพวกเขาขณะที่ให้ความช่วยเหลือไปด้วยจนในที่สุดช่วยรักษากลุ่มทหารรับจ้างไว้ได้อย่างสิ้นเชิง
“ไม่เป็นไร” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะอย่างใจเย็น
“ลีย์ นี่คือทองหมื่นเหรียญ” มาโลนดึงการ์ดแก้วเครดิตเวทออกมาจากกระเป๋าของเขา “นี่คือการ์ดแก้วเครดิตที่ไม่มีการจำกัดอะไรและมีเงินจำนวนหมื่นเหรียญทองอยู่ในนี้ ท่านลีย์ ท่านต้องรับไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ไม่เพียงแต่ภารกิจของทหารรับจ้างจะล้มเหลวเท่านั้น แต่มีแนวโน้มว่าเราจะตายกันทั้งหมด”
ลินลี่ย์ส่ายหน้าพลางหัวเราะ
“ลีย์!โปรดรับไว้เถอะ” แลนซ์กระตุ้นเตือนทันทีปกติพวกทหารรับจ้างจะใจกว้างมาก คนพวกนี้ใช้ชีวิตอยู่บนปลายคมหอกคมดาบ โดยทั่วไปจะยืดมั่นในเรื่องความกล้าหาญภราดรภาพและมิตรภาพ
“ข้าดูเหมือนเป็นคนที่ต้องการเงินพวกท่านหรือ?” ลินลี่ย์มองดูคนทั้งสาม
ภายในแหวนมิติเก็บสมบัติลินลี่ย์มีการ์ดแก้วเครดิตเวทยี่สิบสองใบ แต่ละใบราคาร้อยล้านเหรียญทอง! สองพันสองร้อยล้านเหรียญทอง! แม้แต่หอการค้าดอว์สันก็คงไม่ถูกชักจูงง่ายๆ ด้วยโชคลาภมหาศาลขนาดนั้น
บางตระกูลในสี่จักรวรรดิใหญ่มีอำนาจและมั่งคั่งมาก แต่ไม่ว่าจะมีอำนาจมากเพียงไหน พวกเขาก็ไม่อาจเทียบกับความมั่งคั่งของราชวงศ์ได้เลย
ที่สำคัญก็คือตระกูลที่ใหญ่และมีอำนาจมากเหล่านั้นในสี่จักรวรรดิใหญ่ก็ยังต้องจ่ายภาษีเป็นจำนวนมหาศาลในแต่ละปีให้แก่จักรวรรดิ
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผู้ปกครองอาณาจักรเฟนไลเทียบกับตระกูลใหญ่เหล่านั้นมีอำนาจมากในดินแดนตนเอง ความมั่งคั่งก็สั่งสมมาเกินกว่าพันปีนับเป็นจำนวนรวมที่น่ากลัวจริงๆ
หลังจากได้ฟังคำของลินลี่ย์แล้วมาโลนสะดุ้งในช่วงเวลาสั้นๆ แต่จากนั้นเขาไม่ได้กดดันต่อ เขาไม่กล้าโต้เถียงกับนักสู้ที่มีพลังแข็งแกร่งอย่างลินลี่ย์ และนอกจากนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ ที่กลุ่มทหารรับจ้างของเขาจะทำมาเลี้ยงชีพอย่างอื่น
“หัวหน้ามาโลน!ไปดูแลทหารของท่านเถอะ ข้าเห็นว่ามีคนได้รับบาดเจ็บหนักค่อนข้างมาก” ลินลี่ย์กล่าว
“อย่างนั้นท่านลีย์, เชิญท่านพักตามสบาย,ข้าจะขอตัวออกไปก่อน” มาโลนพูดด้วยความเคารพ นักรบที่ทรงพลังปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
กองไฟลุกโชนมีคนในกองคาราวานหลายคนไม่สามารถหลับตาลงได้ หลายคนงอตัวผิงไฟนอกจากคนส่วนน้อยที่หลับไปแล้ว ส่วนใหญ่จะคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งที่พวกเขาลอบมองมาทางลินลี่ย์ เห็นได้ชัดว่าหัวข้อสนทนาก็คือเรื่องของลินลี่ย์
ตอนนี้ลินลี่ย์นั่งขัดสมาธิปรับตัวเองให้เข้ากับแผ่นดินกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต เช่นเดียวกับสายลมที่พัดโบกในท้องฟ้า
หลังจากใช้เวลาสามปีฝึกฝนอยู่ในเทือกเขาอสูรวิเศษลินลี่ย์เรียนรู้วิธีฝึกที่เหมาะสมได้ค่อนข้างน้อย เป็นทั้งนักรบและจอมเวทในที่สุดก็ต้องเรียนรู้วิธีเข้าใจและคุ้นเคยกับธรรมชาติ
ตัวอย่างเช่นตอนนี้ ลินลี่ย์และแม็คคินเลย์ทั้งสองเป็นนักรบระดับแปด
แต่ในแง่ความเข้าใจที่แท้จริงแม็คคินเลย์ยังคงใช้การโจมตีที่เป็นระดับพื้นฐานสุด ขณะที่ลินลี่ย์เข้าถึงระดับสามและสามารถใช้เคล็ด ‘กำหนด’ ในการต่อสู้ได้ เคล็ดพลังกำหนดนี้คืออำนาจพลังกำหนดให้ฟ้าและดินจำกัดพื้นที่ให้ศัตรูของเขา เมื่อเขาโจมตีด้วยดาบเขาจะหยุดชะงักพื้นที่โดยรอบ
ความแตกต่างระหว่างคนทั้งสองนั้นมากมายเกินไป สำหรับเขาการฆ่าในดาบเดียวไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
“ถ้าข้าไม่ฝึกภายในเทือกเขาอสูรวิเศษและลืมเรื่องทุกอย่างนอกจากการฝึก ไม่ว่าข้าจะอยู่ในเมืองเฮสนานเพียงไหนข้าคงไม่สามารถยกระดับความเข้าใจขึ้นไปอีกระดับแน่” ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง
หลายคนในกองคาราวานกำลังพูดคุยเรื่องลินลี่ย์ แต่ลินลี่ย์ไม่ให้ความสนใจพวกเขายังคงฝึกสมาธิอย่างเงียบงัน
“ลีย์, ท่านลีย์?” เสียงเรียกอย่างหวาดๆดังอยู่ข้างตัวลินลี่ย์
เมื่อได้ยินเสียงนี้ลินลี่ย์หันไปมอง เป็นเด็กผู้ดีกำลังยืนตัวตรงเหมือนท่อนไม้ คีนนั่นเองรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของลินลี่ย์ “คีนใช่ไหม? มีอะไรหรือ?”
เมื่อได้ยินลินลี่ย์เรียกชื่อเขา คีนรู้สึกภูมิใจมาก เขาพูดเบาๆ “ท่านลีย์ข้ามีเรื่องขอร้อง”
“นั่งก่อน แล้วค่อยคุยกัน”
มุมมองที่ลินลี่ย์มีต่อคีนผ่อนคลายเล็กน้อย เขานั่งลงข้างตัวลินลี่ย์นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเทิดทูน เขาพูดกับลินลี่ย์ “ท่านลีย์เมื่อตอนนั้นท่าฟันดาบของท่านทรงพลังมาก ข้าถูกรังแกมาตั้งแต่ยังเด็กข้าอยากเป็นนักรบที่แข็งแกร่งด้วย ท่านสอนข้าได้ไหม?”
ลินลี่ย์อึ้ง
การฝึกฝนเป็นนักรบใช่ว่าจะฝึกฝนกันแค่วันหรือสองวันต้องใช้เวลาฝึกหนักสะสมเป็นเวลาหลายปี เช่นเดียวกับพรสวรรค์ตามธรรมชาติ และต้องได้อาจารย์แนะนำที่ดี ต่อเมื่อองค์ประกอบทั้งสามนี้ครบบริบูรณ์จึงจะสามารถเป็นนักรบที่ทรงพลังได้
“นั่นเป็นเรื่องค่อนข้างยากนะ และข้าไม่มีเวลาพอฝึกฝนให้เจ้า” ลินลี่ย์หัวเราะ
คีนรีบพยักหน้าและโบกมือเป็นพัลวัล“ไม่, ท่านลีย์ ข้าไม่ต้องการเรียนอะไรมาก ข้าไม่ต้องการทรงพลังเกินไป ข้าแค่ต้องการเรียนท่านฟันดาบที่ท่านใช้ก่อนนี้ แค่ท่าดาบเดียวนั้น” ขณะที่พูด คีนวาดมือทำท่าฟันดาบ
“แค่เพียงท่าฟันดาบเดียว?” ลินลี่ย์ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
แม้ว่าท่าฟันดาบนั้นของเขาจะดูเหมือนง่าย แต่จำเป็นต้องใช้เวลาฝึกหนักเกินสิบปีรวมทั้งการเปลี่ยนจิตและวิญญาณเขาด้วยเช่นกันเพียงเมื่อเขาสามารถเข้าใจถึงระดับ ‘กำหนด’ใช่ว่านักรบระดับเก้าส่วนใหญ่จะสามารถเข้าใจเคล็ดระดับกำหนดมากกว่าระดับแปดก็หาไม่
ตามบันทึกของตระกูลบาลุคกล่าวว่าบรรพบุรุษผู้ใช้ค้อนศึกเมื่อเข้าถึงระดับเซียนก็ยังทำได้เพียงระดับควงของหนักเหมือนเป็นของเบา หลังจากเป็นนักสู้ระดับเซียนมากกว่าสิบปีขึ้นไปบรรพบุรุษเขาจึงค่อยเข้าใจเคล็ด‘กำหนด’
นักเวทจะเข้าถึงธรรมชาติได้ง่ายกว่านักรบและกลายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
สำหรับนักรบล้วนๆจะเข้าใจและเข้าถึงเคล็ดกำหนดได้อย่างแท้จริงได้ยากยิ่งกว่านักสู้สองสถานะอย่างลินลี่ย์ที่เป็นทั้งจอมเวทและนักรบ
“มันยาก..มากมากเลยหรือ? ข้าไม่กลัว” คีนกล่าว
“คีน” เสียงนุ่มนวลดังขึ้นและเจนน์วิ่งเขามาหา นางอยู่ในชุดสีฟ้าอ่อนและถืออีกชุดในมือนาง นางพูดกับคีนด้วยความกังวล “กลางคืนหนาวเย็นขึ้น สวมชุดเพิ่มเถอะ”
คีนไม่พอใจสั่นศีรษะ “ไม่”
เจนน์อดขมวดคิ้วไม่ได้ แต่นางไม่รู้จะทำยังไง
คีนยังคงพูดต่อ “พี่ดูสิ ท่านลินลี่ย์สวมแค่ชุดบางๆ เท่านั้นข้าเองก็สวมชุดหลายชั้นอยู่แล้ว พี่ยังต้องการให้ข้าใส่มากขึ้นอีกเหรอ?”
ลินลี่ย์อดหัวเราะมิได้ คีนผู้นี้เทียบตนเองกับเขาอย่างนั้นหรือ?ต่อให้อยู่ในฤดูหนาวอากาศเยือกแข็ง ลินลี่ย์ก็ไม่รู้สึกหนาวแม้แต่น้อย
“คีน, สวมชุดกันหนาวเถอะ” ลินลี่ย์กล่าว
คำพูดของลินลี่ย์ดูเหมือนจะมีผลมากกว่าเจนน์ “โอว” คีนรับชุดมาจากเจนน์ จากนั้นสวมกับตัวเจนน์มองดูลินลี่ย์ด้วยความรู้สึกขอบคุณ “ขอบคุณท่านลีย์”
ลินลี่ย์ยิ้มและพยักหน้าให้
ขณะที่เจนน์และลินลี่ย์สบตากันนั้นเองเจนน์หน้าแดงเล็กน้อยด้วยความอาย
แต่ลินลี่ย์สังเกตมือของเจนน์โดยบังเอิญ เมื่อเขาเห็น เขาค่อนข้างจะประหลาดใจลินลี่ย์สามารถบอกได้เลยว่าเจนน์เป็นกุลธิดาจากตระกูลชั้นสูงอย่างมิต้องสงสัย แต่มือของเจนน์ดูเหมือนค่อนข้างหยาบกร้าน
“คีน, อย่ารบกวนท่านลีย์มากนักเลย ท่านลีย์ต้องการพักผ่อนเหมือนกัน” เจนน์ยิ้มเป็นเชิงขออภัยลินลี่ย์ จากนั้นนางกลับขึ้นรถโดยสารของนางเองหน้าของนางแดงเล็กน้อย
ลินลี่ย์มองดูคีน
“คีน, พี่สาวเจ้าทำงานบ้านเองบ่อยไหม?” ลินลี่ย์สงสัยมาก กุลธิดาตระกูลสูงส่งส่วนใหญ่จะมีมือที่ละเอียดอ่อนนุ่มมาก ดูจากชุดเครื่องแต่งกายของทั้งสองคนเจนน์เป็นกุลธิดาตระกูลสูงอย่างมิต้องสงสัย แต่มือของนาง...
คีนพยักหน้า “ใช่แล้ว ท่านลีย์,บางทีท่านไม่อาจบอกได้จากลักษณะการแต่งกายของข้า แต่ข้ารู้สึกอึดอัดในกับการแต่งตัวแบบนี้ ข้าไม่ได้แต่งชุดเป็นทางการแบบนี้มานานแล้ว” คีนดึงคอเสื้อของเขา “ความจริงพี่สาวข้าและข้าอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเชิงเขาธรรมดามีแต่ปู่แลมเบิร์ตอยู่ที่นั่นคอยดูแลเรา ปกติจะเป็นพี่สาวทำงานบ้านทั้งหมดให้เรา”
“โอว?” ลินลี่ย์เริ่มมีความสงสัยเพิ่มขึ้น “แต่กิริยามารยาทของพี่สาวเจ้าไม่เหมือนกับสาวชนบทธรรมดานี่”
คีนพยักหน้า “แน่นอน บิดาของเราเป็นเจ้าเมืองปกครองเมืองและมีสถานะทางสังคมที่สูงส่ง เมื่อเรายังอายุน้อยเราอยู่ในจวนเจ้าเมือง แต่เมื่อข้าอายุหกปี มารดาข้า พี่สาวข้าและตัวข้าเองถูกป้าขับไล่ออกมา ดังนั้นมารดาข้าจึงพาพี่สาวกับข้ากลับมาที่บ้านเดิมนาง พี่สาวข้าเมื่อนางยังเล็กก็ได้รับการศึกษาอย่างที่กุลธิดาตระกูลสูงจะพึงได้รับ และเมื่อเราออกจากบ้านบิดานางอายุเพียงสิบปี ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่นางยังรักษาประเพณีที่ฝังแน่นอยู่ในตัวนางได้ แต่ยังเล็กและมารดาข้าสุขภาพไม่ดีปู่แลมเบิร์ตไม่สามารถดูแลพวกเขาทั้งสองได้ทั้งหมด ดังนั้นพี่สาวจึงมักต้องทำงานบ้าน พี่สามารถทำได้ทุกอย่าง!”
“ข้าจำได้ขึ้นใจในช่วงฤดูหนาวมือของพี่จะเริ่มแตกเพราะความเย็น แต่นางก็ยังทำอาหารให้ข้า ข้าอยากช่วย แต่นางไม่ยอมให้ข้าช่วย” คีนเม้มริมฝีปาก และตาเริ่มแดง “ครั้งนี้เมื่อข้าได้รับตำแหน่งเจ้าเมือง ข้าจะไม่ยอมให้พี่ทำงานบ้านหยาบๆ อีกต่อไปข้าจะให้บ่าวทาสมากมายคอยดูแลพี่”
เมื่อได้ยินเรื่องเช่นนี้ลินลี่ย์อดชื่นชมเจนน์มิได้ นางดูเปราะบางและเอียงอายแต่เพียงภายนอกเท่านั้น
“เจ้ากำลังจะไปรับตำแหน่งเจ้าเมืองไม่ใช่หรือ? ป้าของเจ้าขับไล่เจ้าออกมาไม่ใช่หรือ?” ลินลี่ย์ถาม
คีนไม่ปกปิดความลับอีกต่อไป “ตอนแรกป้าของข้าใช้วิธีการต่างๆนานาเพื่อขับไล่เราออกไป เพื่อที่เป็นการรับประกันว่าบุตรของนางจะได้เป็นเจ้าเมืองคนต่อไป โชคไม่ดีที่บุตรชายสวะของนางวันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่ดื่มและทำตัวเหลวไหล ทันทีที่หลังจากบิดาข้าตาย เจ้าขยะนั่นไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วในตอนนี้ทำตัวเสเพลหนักข้อยิ่งขึ้น จากที่ข้าได้ยินมาไม่นานนี้เขาตายในอ้อมกอดสตรีบางคน หลังจากเขาตาย เป็นเรื่องปกติที่ตำแหน่งเจ้าเมืองจะตกมาถึงข้า”
คีนมองดูลินลี่ย์ด้วยท่าทีตื่นเต้น “ท่านลีย์ โปรดสอนข้าเถอะ เมื่อข้าเป็นเจ้าเมือง ข้าจะมอบตำแหน่งที่สูงส่งให้กับท่าน จริงๆนะ”