ตอนที่ 190 – ตอนที่ 180 ช่วยชีวิตโล่วฮัวด่วน
หน้าของหญิงงามลึกลับเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอาย
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและห่วงใย นางคงใช้คัมภีร์โบราณของนางฟาดเขาให้ปลิวกระเด็นไปถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้าไปแล้ว นางใช้มือกันเย่ว์หยางไว้พยายามอธิบายอย่างนุ่มนวล “ข้าไม่เป็นไร, หัวใจไม่ได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นอาการบาดเจ็บยังไม่คุกคามถึงชีวิต ข้าแค่เพิ่งถูกศัตรูสะกดจิต ร่างกายข้าก็เลยไม่มีแรง และอยู่ในอาการสะลึมสะลือ ยังไม่อาจหลุดพ้นจากกับดักทางจิตได้”
“ดีแล้วที่ท่านปลอดภัย…” เย่ว์หยางถอนหายใจอย่างโล่งอก
อย่างนั้นก็กลายเป็นว่าเซียนหงส์ฟ้าก็แค่ขู่ขวัญเขา นางไม่ได้ฆ่าหญิงงามลึกลับจริงๆ นางแค่ต้องการยั่วให้เขาโกรธ
เขาถูกยั่วยุจนถึงกับคลั่งและสูญเสียเหตุผลไปอย่างสิ้นเชิง อย่างนั้นเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น? พี่เลี้ยงคนงามลึกลับของเขาออกมาขับไล่นางเซียนหงส์ฟ้าอย่างนั้นหรือ? เหตุผลที่เขาอยู่ในสภาวะปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง ก็คงเป็นเพราะเขาเกิดอาการคลั่ง ก็เลยบรรลุขอบเขตใหม่อย่างนั้นหรือ? ดูเหมือนว่านางเซียนหงส์ฟ้าจะไม่ได้ทำอะไรที่ย่ำแย่กับเขาจริงๆ นางแค่ใช้วิชาประหลาดสร้างภาพลวงตาเพื่อกระตุ้นความโกรธของเขา ทำให้ตัวเขาเข้าสู่สภาวะปราณธรรมชาติขั้นที่หนึ่ง
เซียนหงส์ฟ้าคงไม่ได้เป็นญาติหรือเป็นสหายของเขา แล้วทำไมนางถึงต้องทำอย่างนั้น?
เย่ว์หยางไม่สามารถเข้าใจได้ แต่เขารู้สึกว่านางเซียนหงส์ฟ้า สาวงามอกมหึมานี้ นางน่ากลัวอย่างมาก แค่ใช้หน้าอกนางกระแทกใส่เขา ก็ทำให้เขากระเด็นไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ เย่ว์หยางเหงื่อออกพราว
“ข้าจะไปแล้วนะ” หญิงงามลึกลับเห็นว่าเย่ว์หยางยังอยู่ในภวังค์คิด นางจึงกล่าวคำอำลาเขาทันที
“ท่านเพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บหนัก น่าจะพักตามสมควรก่อนนะ นอนบนเตียงและอย่าเพิ่งไปที่อื่น” แน่นอน เย่ว์หยางไม่ยินดีจะอำลาหญิงงาม เขายังไม่ได้ถามแม้แต่ชื่อของนาง บางทีนางอาจเป็นแม่นางเสวี่ยก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาจะอธิบายให้นางทราบชัดเจนถึงเรื่องการถอนหมั้น ว่าเป็นแผนของคนอื่น เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย เย่ว์หยางรู้สึกว่า แม้ว่าจดหมายขอถอนหมั้นจะถูกเขียนโดยสหายผู้น่าสงสารเอง แต่เขาจะไม่ยอมรับว่าเป็นเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาจะไม่ปล่อยแม่นางผู้นี้ไป เขาจะไม่ปล่อยให้นางเดินหนีไปจากเงื้อมมือของเขา
“อย่าเพิ่งกวนใจข้า” หญิงงามลึกลับแค่คัดค้านเล็กน้อยเรื่องความห่วงใยที่เย่ว์หยางมีต่อนาง แต่นางก็เสียงอ่อนลงทันที “ข้าไม่เป็นไรแล้ว เจ้าควรจะไปดูองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและโล่วฮัว!”
“เดี๋ยวก่อนสิ, ท่านพอจะบอกชื่อของท่านให้ข้ารู้ได้ไหม?” เย่ว์หยางคิดว่านางคงไม่ตอบเขา แต่เขาไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่ถามนาง
เขาต้องการรู้จักหญิงงามลึกลับผู้รักการอ่านและคอยสะกดรอยตามเขาจริงๆ
จริงๆ แล้วนางเป็นใครกันแน่?
หรือว่านางจะเป็นคุณหนูเสวี่ยหรือเป็นคนอื่น?
นางสะกดรอยตามเขา เพราะนางหมั้นกับสหายผู้น่าสงสารมาก่อนหรือเป็นเพราะนางสงสัยเขา? หรือว่านางได้รับคำสั่งจากใครบางคนให้นางมาติดตามร่องรอยเขา?
ทุกอย่างเป็นเรื่องลึกลับพ่วงกันไปหมด เย่ว์หยางหวังจะคลี่คลายเมฆหมอกความสงสัยและเข้าใจความจริง แม้ว่าเขาจะได้รู้จักนางเพิ่มนิดหน่อยก็ยังดี มันยังดีกว่าเดาสุ่มอยู่ในความมืดอย่างนี้ แน่นอนว่า เขารู้นิสัยของนาง บางทีนางคงไม่บอกอะไรเขา อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาสามารถขุดคุ้ยความลับได้แม้แต่น้อย เขาคงไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดมือ
เกี่ยวกับคำถามของเย่ว์หยาง หญิงงามลึกลับทำเหมือนกับว่านางไม่ได้ยินอะไร นางลุกขึ้นยืนและหันกายจากไปทันที
เย่ว์หยางวิ่งเข้ามาหาและถามทันที “ทำไมท่านถึงช่วยข้าตอนนั้นล่ะ?”
“ทำไมเจ้าถึงไม่บอกความลับของเจ้าให้ข้าบ้างล่ะ? ทุกคนมีความลับของตนเอง…” หญิงงามลึกลับหันกลับมายิ้ม ยิ้มของนางสงบ และไม่แสดงอารมณ์ในตัวนาง อย่างไรก็ตาม นัยน์ตานางกระจ่างใสกำลังยิ้มเติมเต็มหัวใจที่ว้าเหว่ของเย่ว์หยางทันที เขาไม่เคยคิดว่ายิ้มของนางจะมีเสน่ห์ขนาดนั้น มันเหมือนกับว่าเขาได้เห็นแสงฉายสว่างในความมืดที่เงียบเหงา ส่องสว่างไปทั่วทั้งหัวใจของเขา
เย่ว์หยางหัวใจเต้นแรงถี่ขึ้นเป็นร้อยครั้งต่อนาที
เขารู้สึกเหมือนกับว่านางคือรักครั้งแรกของเขา เขามักต้องการคุยกับนาง แต่ปากของเขากลับตะกุกตะกักและไม่สามารถพูดอะไรได้ในที่สุด ได้แต่มองนางอย่างโง่งม
หญิงงามลึกลับหันกายและโบกมือขาวดุจหิมะเบาๆ แทนการกล่าวลาของนาง
ขณะที่แสงสีขาวเปล่งออกมาจากตัวของนาง นางก็หายลับไปจากสายตาของเย่ว์หยาง… นางเป็นเหมือนภูตหิมะที่ไปมาโดยไร้ซุ่มเสียง แต่นางกลับเป็นเหมือนนางเซียนผู้นำแสงสว่างมาสู่ชีวิตของเย่ว์หยาง
เขาจะต้องไม่พลาดหวังสตรีอย่างนี้ เขาจะต้องเอาชนะใจนางและเก็บนางไว้ในคอลเล็คชันหัวใจให้ได้ เย่ว์หยางกำหมัดแน่นและตัดสินใจแน่วแน่
“ถ้าเจ้าไม่ยินดีจะปล่อยให้นางไป เจ้าก็ควรไล่ตามนางไป และปล่อยให้ข้าและโล่วฮัวตายอยู่ที่นี่ก็ได้” เสียงขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเบามาก แต่อารมณ์หึงเจือปนอยู่ในน้ำเสียงของนางมากพอที่จะท่วมทั้งถ้ำได้ มันสามารถท่วมทับเย่ว์หยางทั้งเป็นได้
“ข้าแต่องค์หญิง, ท่านยังปลอดภัยอยู่หรือเปล่า?” เย่ว์หยางเพิ่งจะสังเกตว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนติดอยู่ในผนังภูเขาในตอนนี้ เขารีบพุ่งไปหานางเพื่อช่วยนางออกมา
“อย่าเข้ามาใกล้ หาเสื้อผ้ามาให้ข้าก่อน…” ไม่ใช่ว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนออกมาด้วยตนเองไม่ได้ แต่เป็นเพราะนางเซียนหงส์ฟ้า ได้ทำลายชุดของนางไม่เหลือชิ้นดี
แม้ว่านางจะมีนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมา แต่นางก็ไม่ยอมให้เย่ว์หยางได้เห็นร่างเปลือยของนาง
ดังนั้น นางยังคงซ่อนอยู่ในหลืบถ้ำในผนังของภูเขา
แน่นอนว่า นางยังบาดเจ็บหนักและยังอ่อนเพลียอย่างมากจนเกือบจะล้มสลบอยู่แล้ว นอกจากนี้นางยังไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะขยับได้
เย่ว์หยางรีบเอาชุดของเย่ว์ปิงออกมาจากแหวนลิชและมอบให้นาง ชุดอาจจะไม่พอดีกับตัวนางนัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรใส่
ตามที่เย่ว์หยางแอบคิดไว้ น่าจะให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเปลือยกายเดินไปมาดีกว่า อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่าเป็นเรื่องยากที่ความคิดนี้จะถูกรับรู้ได้ ความตั้งใจปล่อยให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเปลือยกายจะทำให้เขาได้มองรูปร่างนางโดยไม่มีสิ่งใดปกปิดไว้ได้ก็จริง แต่นางอาจพยายามฆ่าเขา เพื่อป้องกันไม่ให้เขาคุยกับคนอื่นๆ หรือไม่ก็ร้องไห้จนน้ำตานางท่วมทวีปมังกรทะยานก็ได้ ในใจเย่ว์หยางก็อยากจะปล้ำนาง แต่ตอนนี้มันคงยากสักหน่อย สิ่งที่ดีที่สุดก็คือแกล้งทำตัวเป็นเด็กดีและลดความกีดกันแบ่งแยกในใจของนาง ถ้าเขาต้องการจะปล้ำแม่เสือสาวนี่ เขาสามารถทำได้เพียงตอนที่นางลดการตั้งป้อมในใจนางลงในระดับที่ต่ำที่สุดและเมื่อพวกเขาต้องไม่อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตื่นตัว
“เจ้าหลับตาก่อน!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเตือนเย่ว์หยางไม่ให้แอบมอง มิฉะนั้น นางจะให้เขาได้รู้จักพลังฟันซี่น้อยๆ ของนาง ลองดูซิว่านางจะกัดเขาจนตายได้ไหม!
“อย่าห่วง, ข้าเป็นคนดีอยู่แล้ว.. รับรองได้ว่าข้าจะไม่แอบดู” เย่ว์หยางแสดงความซื่อสัตย์ของเขา
เขาไม่ได้แอบดู แต่เขามองดูนางแบบเปิดเผยและโล่งแจ้งแทน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้ว่าเจ้าเด็กนี่เป็นคนลามกคนหนึ่ง ดังนั้นนางใช้มือปิดบังหน้าอกและส่วนล่างของนาง นอกจากจ้องมองเขาด้วยนัยน์ตาดุ นางแยกเขี้ยวใส่เขา
นางคิดว่านางซ่อนตัวอยู่ในหลืบถ้ำมืดชิดผนังภูเขาแล้ว เย่ว์หยางจะไม่สามารถเห็นตัวนางได้ชัด
โชคดีที่นางไม่รู้ว่าเย่วหยางได้รับแบ่งปันพลัง “เนตรราตรี” มาจากนางพญาเฟ่ยเหวินหลีด้วย แน่นอนว่าเย่ว์หยางแกล้งทำเป็นไม่เห็นอะไรขณะที่เขาให้เสื้อผ้าแก่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เขารอให้แม่เสือสาวยื่นมือนางออกมารับเสื้อผ้าจากมือเขา แน่นอนก็ต้องเผยให้เห็นร่างนางอยู่แล้ว
“วางเสื้อผ้าลง จากนั้นก็ไปได้แล้ว” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นว่าเจ้าเด็กนี่ น้ำลายยืดออกมาเป็นสาย ดังนั้นนางจึงรู้ว่าเขาเอาเปรียบนางเข้าให้แล้ว กลับกลายเป็นว่าเจ้าเด็กนี่เห็นตัวนางได้จริงๆ
“ข้าไม่เห็นอะไรเลย! ไม่เห็นเอวเพรียวบางของเจ้า ไม่เห็นขาเรียวยาวของเจ้า ข้าไม่เห็นอะไรทั้งน้าน…” เย่ว์หยางต้องการพิสูจน์ว่าเขาบริสุทธิ์
“เช็ดน้ำลายเจ้าซะ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่อาจปักใจเชื่อเจ้าเด็กบ้านี่จริงๆ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนลามกที่พยายามทำตัวเหมือนเด็กดี คนหน้าด้านอย่างเขายังมีอยู่ในโลกนี้กี่คนกันแน่?
เย่ว์หยางกลัวว่าจู่ๆ แม่เสือสาวนี่อาจคว้าก้อนหินมาทุบหัวเขาก็ได้ ดังนั้นเขาไม่กล้ารั้งอยู่ต่อไป เขาวางเสื้อผ้าลงและรีบวิ่งออกไปทันที
กลับมาอยู่ข้างๆ เจ้าเมืองโล่วฮัว เขาอุ้มเจ้าเมืองโล่วฮัวที่ยังหลับไหลอยู่ขึ้น
ทันใดนั้น หน้าของเขากลายเป็นซีดขาว
เขาตระหนักได้ว่าหัวใจของเจ้าเมืองโล่วฮัวไม่เต้น
สวรรค์ช่วย, โล่วฮัวต้องไม่ตาย เขายังต้องการเป็นบุรุษคนแรกที่รักนาง! เย่ว์หยางกลัวแทบตายขณะที่เขาวางร่างเจ้าเมืองโล่วฮัวลงบนแผ่นหิน เขาเอื้อมมือไปตรวจลมหายใจของนาง แต่พบว่านางไม่มีลมหายใจเช่นกัน
ดูเหมือนเจ้าเมืองโล่วฮัวจะได้รับบาดเจ็บหนักเกินไป อาการบาดเจ็บของนางไม่ได้รับการรักษาเป็นเวลานาน ดังนั้นร่างกายของนางจึงอ่อนแอเกินไปและหัวใจของนางหยุดเต้นจากอาการช็อค
ถ้าเขาไม่ดำเนินการช่วยชีวิตและกระตุ้นหน้าอกนางในตอนนี้ นางอาจจะตายแน่นอน
“อย่าทำให้ข้ากลัว, อย่าทำให้ข้ากลัวได้ไหม รีบฟื้นสิ!” เย่ว์หยางกลัวมากจนหัวใจแทบระเบิด เขากังวลมากจนแทบเป็นบ้า เขาจะดูเจ้าเมืองโล่วฮัวตายไปโดยไม่ได้ทำอะไรเลยได้อย่างไร? เย่ว์หยางต่อยตัวเอง “ใจเย็นๆ, ใจเย็นไว้ คิดถึงสิ่งที่แกควรทำ ปั๊มหน้าอก กดหน้าอก เราทำได้ เราทำได้น่า!”
เย่ว์หยางสูดลมหายใจลึก และพยายามสงบใจอย่างดีที่สุด
ตอนแรกเขาวางร่างเจ้าเมืองโล่วฮัวให้นอนราบขณะที่เขาคิดหาวิธีช่วยกู้ชีวิตนาง มือของเขาสั่นขณะง้างขากรรไกรนาง บีบจมูกของเจ้าเมืองโล่วฮัว จากนั้นเขาสูดหายใจลึกและเป่าลงในปากน้อยๆ ของนาง หลังจากเขาเป่าอากาศใส่ปากของนาง 2-3 ครั้ง เย่ว์หยางเห็นว่าหน้าอกของเจ้าเมืองโล่วฮัวกระเพื่อมขึ้นและลง เขารีบหยุด ขณะที่เขาจำได้ว่าเขาไม่ควรจะเป่าลมมากเกินไป… สัดส่วนในการเป่าลมและปั๊มหัวใจน่าจะอยู่ 2 ถึง 30 ดูเหมือนว่าเขาจะเป่ามากครั้งเกินไป… ขณะที่มือของเขายังทาบอยู่บนอกนาง ภายใต้ความห่วงใยนางเขาจำอะไรอื่นไม่ได้เลย
ดูเหมือนเขาได้ประสานนิ้วมือแน่น เขาไม่สามารถจำเรื่องอื่นๆ ได้
เย่ว์หยางรู้สึกว่ามือทั้งสองของเขาสั่นอย่างหนัก ดังนั้นเขาจึงรีบสูดลมหายใจเพื่อให้ใจสงบ เขาต้องไม่ใช้แรงมากไปจนทำให้ซี่โครงของเจ้าเมืองโล่วฮัวหัก
“ฟื้นสิ, โล่วฮัว ท่านไม่ใช่คนอ่อนแออย่างนี้! ท่านเป็นเจ้าเมืองไม่ใช่หรือ? อย่าตายง่ายๆ อย่างนี้สิ! รีบฟื้น! ท่านชอบดอกไม้ไม่ใช่หรือ? ต่อไปข้าจะหาดอกไม้มาให้ท่านมากๆ ท่านแค่บอกมาว่าอยากได้ดอกไม้อะไร ตราบที่ท่านยังฟื้นอยู่… อย่าตายเชียวนะ… ขอร้องล่ะ.. อย่าทำให้ข้ากลัวสิ!” เย่ว์หยางพยายามกดหน้าอก 2-3 ครั้งและเขารู้สึกว่า เขาไม่ได้ใช้แรงกดอย่างเพียงพอ เขาจึงลองเพิ่มแรงกดทันที ขณะที่เขายังปั๊มหน้าอกนาง เขายังคงร้องเรียกชื่อนาง หวังว่านางจะฟื้นขึ้น
หลังจากปั๊มหน้าอกไป 12 ครั้ง เย่ว์หยางก็ตระหนักว่าหัวใจของเจ้าเมืองโล่วฮัวยังไม่มีการตอบสนอง
เขาพยายามกู้ชีพนางอีกรอบโดยใช้วิธีปั๊มหน้าอกนาง แต่นางก็ไม่มีอาการดีขึ้น ทั้งหัวใจและการหายใจของนางยังไม่มีการตอบสนอง
เย่ว์หยางตระหนักว่าหัวใจของนางหยุดเต้นไปนาน และมือของเขาเริ่มสั่นหนักขึ้น เขาจำถึงสิ่งที่เขาเคยเรียนมาก่อน ถ้าไม่มีออกซิเจนเหลืออยู่ในสมองของนางและสมองของนางยังคงขาดออกซิเจนนานเกินกว่าสิบนาที จะทำให้เกิดความเสียหายโดยแก้ไม่ได้
“อย่าตายนะ, ขอร้องล่ะ, เข้มแข็งอีกสักนิดได้ไหม?” เย่ว์หยางพยายามใช้ปราณก่อกำเนิดของเขากระตุ้นหัวใจของเจ้าเมืองโล่วฮัว แต่ก็แค่เพิ่มพลังให้กับหัวใจนางเท่านั้น เขาไม่รู้สึกว่าหัวใจนางเริ่มเต้น เย่ว์หยางแทบจะเป็นบ้า ปราณก่อกำเนิดใช้ไม่ได้กับหัวใจนางได้อย่างไร? จะจบลงแบบนี้จริงๆ หรือ? ไม่, เจ้าเมืองโล่วฮัวต้องไม่ตาย…
“ไม่มีอะไรที่ข้าจะทำได้เลย ข้าจะต้องช่วยท่านให้ได้ จะทำให้ได้” เย่ว์หยางดึงมีดทองฆ่ามังกรออกมาและฉีกชุดของเจ้าเมืองโล่วฮัวในทีเดียว เขาตั้งใจจะผ่าอกของนางและสอดมือเข้าไปนวดหัวใจภายในตัวของนาง
อกที่งดงามไม่มีตำหนิเด้งออกมาจากชุดที่ถูกฉีก ผิวขาวราวหิมะงดงามบาดตา
แต่เย่ว์หยางไม่มีแก่จิตแก่ใจกับเรื่องอย่างนี้ จิตใจของเขามุ่งจะช่วยชีวิตเจ้าเมืองโล่วฮัว
ตราบใดที่นางยังมีชีวิต เย่ว์หยางยอมให้ชีวิตของเขาอยู่กับชื่อเสียงที่ไม่ดีได้
เขาไม่สนใจถ้าจะถูกเรียกว่าเจ้าลามก ตราบที่นางยังมีชีวิต นางก็แค่ด่าว่าเขาภายหลังก็ได้ ขอให้นางมีชีวิตเท่านั้น เขาไม่สนใจเรื่องอื่นทั้งนั้น นางต้องรอดชีวิต
เพื่อยื้อชีวิตเจ้าเมืองโล่วฮัวกลับมาจากเงื้อมมือมัจจุราช เย่ว์หยางกังวลจนตาแดง เขาแทบจะสูญเสียความรู้สึกไปแล้ว
ทันใดนั้น มือข้างหนึ่งเอื้อมมาคว้าข้อมือเย่ว์หยางไว้
เป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนนั่นเอง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตกใจเมื่อนางเห็นเย่ว์หยางถือมีดทองฆ่ามังกร อยู่เหนือเจ้าเมืองโล่วฮัว นางร้องว่า “เจ้าจะทำอะไร?”
เย่ว์หยางตอบอย่างตั้งใจ “ข้าไม่ได้จะฆ่านาง, ข้าต้องการช่วยชีวิตนาง ข้ากำลังจะช่วยนาง เจ้าเข้าใจไหม? ข้าต้องการเปิดหน้าอกและกระตุ้นหัวใจนางโดยตรง โล่วฮัว, นาง, หัวใจนางไม่เต้นและนางไม่หายใจ เจ้ายื้อชีวิตนางได้.. นางจะต้องไม่ตาย ข้าจะไม่ปล่อยให้นางตายง่ายๆ อย่างนี้ อา ใช่แล้วเจ้าเรียกสัตว์อสูรที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ไหม? เอาตัวที่ไฟฟ้าไม่แรงถึงจะทำได้…”
“ข้ามีอสูรอยู่เพียงตัวเดียวเอง เป็นอสูรพิทักษ์ของข้า” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตกใจที่เย่ว์หยางกระวนกระวายและร้องออกมาว่า “ไฟฟ้าเหรอ? ผ่าตัดเปิดหน้าอกนางหรือ? เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นวิธีช่วยชีวิตคน?”
“เจ้าสามารถใช้ไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจนางได้ นั่นจะเป็นการกระตุ้นหัวใจให้เต้นอีกครั้ง…”
“แต่…” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังพูดไม่ทันจบ เมื่อเย่ว์หยางเริ่มยกมีดทองฆ่ามังกร
ถ้าเขาไม่สามารถใช้วิธีกระตุ้นได้ เขาคงต้องใช้วิธีเปิดอกและกระตุ้นหัวใจของนางโดยตรง
ถ้าขืนปล่อยไว้แบบนี้ เขาจะไม่สามารถช่วยเจ้าเมืองโล่วฮัวได้ นางต้องไม่ตาย เขาไม่สามารถยืนเฉยแบบนี้ได้โดยไม่ทำอะไร และเอาแต่มองนางเฉยๆ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยึดข้อมือของเย่ว์หยางไว้แน่นขณะที่นางร้องอย่างตั้งใจว่า “หน้าโง่! นางแค่อาการหนักเสมือนตาย นางทำร่างกายให้อยู่ในสภาพนั้นเพื่อลดความเสียหายในร่างกายนาง มันไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด! เจ้าน่ะ โง่จริงๆ อย่าผ่าหน้าอกนาง…”
เมื่อเย่ว์หยางได้ยินเช่นนี้ ความกังวล ความกลัว และอาการกระวนกระวายก็หายไปหมด เย่ว์หยางตะลึงชั่วขณะ แต่ในไม่ช้าก็มีความยินดีเต็มใบหน้า
อย่างนั้นกลายเป็นว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวอยู่ในสภาวะเสมือนตาย ไม่ใช่ว่านางตกอยู่ในอันตรายจริงๆ
เย่ว์หยางไม่รู้เรื่องสภาวะเสมือนตายมากนัก เขารู้แต่เพียงว่าสัตว์อสูรบางอย่างมีความสามารถแบบนั้น อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกสบายใจทันที เขามองดูองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอย่างตื่นเต้นและถามอย่างสบายใจว่า “จริงเหรอ?” เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้ายืนยัน ในที่สุดเย่ว์หยางก็ถอนหายใจโล่งอก เขารู้สึกเหมือนความบ้าหายไปความสุขเข้ามาแทนจนเติมเต็มทั้งโลกและสวรรค์ เขาผ่อนคลายทันทีและทิ้งตัวลงนอนบนพื้น หลับตาอย่างปลื้มใจ “นางไม่ตายแล้ว, ขอบคุณพระเจ้า…”
“เจ้าน่ะ โง่จริงๆ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทั้งโกรธทั้งขำในเวลาเดียวกัน แต่พอเห็นหน้าเย่ว์หยางผ่อนคลายทันทีหลังจากกังวลและแทบเป็นโรคประสาท นางรู้สึกตื่นเต้น
แม้ว่าเจ้าเด็กนี่จะโง่ไปหน่อยและชอบโกหก แต่เขาก็มีความจริงใจ
เขาต้องการช่วยคนอื่นอย่างจริงใจ
เพียงแต่ว่าวิธีการของเขาทำให้นางเหงื่อตกแทบตายจริงๆ
เมื่อนางจำได้ว่าเขาต้องการผ่าอกของเจ้าเมืองโล่วฮัวด้วยมีดทองฆ่ามังกรเพื่อกระตุ้นหัวใจนาง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่รู้จะพูดอะไร
ในที่สุด นางยื่นมือออกมาแตะหน้าอกเขาเบาๆ และใช้เสียงอ่อนโยนอย่างมาก ขนาดที่แม้แต่นางเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนให้ความเชื่อมั่นกับเขา “ทุกอย่างจะเรียบร้อย อย่าห่วงไปเลย ทุกคนรู้วิธีดูแลตัวเองได้…” อย่างไรก็ตาม เมื่อนางพูดแบบนี้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิดว่า นางไม่ควรจะดีกับเจ้าเด็กนี่เกินไป ดังนั้นนางต่อยเขาอีกครั้ง “ตาทึ่ม, ข้าไม่เคยเห็นคนโง่อย่างเจ้ามาก่อน และข้าไม่เคยได้ยินวิธีที่ไร้ประโยชน์อย่างการผ่าหน้าอกเพื่อกระตุ้นหัวใจข้างในด้วย เจ้าต้องการช่วยหรือฆ่านางกันแน่? เจ้าตั้งใจจะทำอย่างนี้ไม่ใช่หรือ?”
เย่ว์หยางตระหนักได้ว่าอยู่ในความยุ่งยากเสียแล้วในเวลานี้ เขารีบเผ่นพลางโบกมือกล่าวว่า “มีวิธีแบบนั้นอยู่จริงๆ ข้าเป็นคนคิดค้นมันได้ ข้าไม่ได้มีวัตถุประสงค์อื่น ข้าตั้งใจจะช่วยนางเท่านั้น ว้า…”
พอเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโกรธ เขารีบหลบออกไปจากถ้ำสายสวรรค์ทันที
พอเห็นเขาทุลักทุเลหนีอย่างนี้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะทันที
นางช่วยเจ้าเมืองโล่วฮัวที่ยังอยู่ในสภาพเสมือนตายคลุมหน้าอกนางและกระซิบเบาๆ “ดูเหมือนว่าเขาห่วงท่านจริงๆ นะ…”
สิบนาทีต่อมา องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแบกเจ้าเมืองโล่วฮัวออกมาจากถ้ำสายสวรรค์
เย่ว์หยางรวบรวมความกล้าขณะพยายามรู้สึกถึงชีพจรเจ้าเมืองโล่วฮัว เขาตระหนักได้ว่ามีชีพจรที่เต้นอ่อน แต่ก็ยังมีสัญญาณชีพจร ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวยังปลอดภัย ขณะที่เขาระบายลมหายใจอย่างโล่งอก เขาพยายามจะอธิบายให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนว่า “ข้าไม่ได้เจตนาจะทำแบบนั้นนะ บางทีวิธีการของข้าอาจผิดก็ได้ แต่มีวิธีแบบนั้นจริงๆ แต่ข้าไม่ได้ตั้งใจฉีกชุดของนาง…”
“เปล่าประโยชน์ที่จะอธิบาย ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า เจ้าลามกมากแค่ไหน และยังเป็นพวกที่รักกับน้องสาวด้วย” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคำรามเสียงต่ำ
“หือ.. ไม่เป็นไรหรอกนะ ถ้าเจ้าจะเรียกข้าว่าเจ้าลามก แต่เข้าไม่ใช่พวกรักกับน้องสาวจริงๆ..” เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาถูกเข้าใจผิดไปหน่อย ทำไมนางถึงเรียกเขาว่า พวกรักกับน้องสาว?
“อย่างนั้นทำไมเจ้าถึงมีเสื้อผ้าของเย่ว์ปิง?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจ้องเขาด้วยตาดุแบบเสือ
“เราเพิ่งฝึกด้วยกันก่อนหน้านั้น ข้ากลัวว่านางจะไม่มีชุดเปลี่ยน ดังนั้นข้าเลยซื้อให้นางบางส่วน” เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาทำสิ่งที่พี่ชายที่ดีควรทำ แค่นี้ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์กันด้วยหรือ?
“เจ้าพูดด้วยความมั่นใจมากกว่านี้ได้ไหม?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่นตระหนักว่านางชอบมองเขาแบบนี้ เพราะปฏิกิริยาโต้ตอบของเขาน่าสนใจจริงๆ มันน่าสนุกมากถึงขนาดที่นางต้องพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ให้ตนเองหัวเราะออกมาดังๆ
***************