ตอนที่แล้วตอนที่ 179 บรรลุระดับใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 182 ม่านพลังขุนพลวิญญาณ

ตอนที่ 180 ภูเขาปู้โจว


เมื่อถังเทียนเดินออกมานอกห้องแสงอาทิตย์ด้านนอกทำให้เขาต้องหยุดอยู่กับที่ เขาหยุดอยู่ตรงนั้นเงียบๆ และดื่มด่ำความรู้สึกสุดจะพรรณนา

หนทางการฝึกฝนเพื่อให้ได้พลังให้ได้ความแข็งแกร่ง  ในที่สุดแล้วเมื่อสรุปลงก็คือเพื่อแสวงหาตนเองอย่างสมบูรณ์แบบ  ลึกๆ แล้วมนุษยชาติปรารถนาความก้าวหน้า

แรงผลักดันนี้คล้ายกับดวงดาวนับร้อยล้านดวงในสวรรค์วิถี  นับจากวันที่มนุษย์ถือกำเนิดก็มีอยู่ก่อนแล้ว

โลกช่างงดงามอย่างแท้จริง

นัยน์ตาถังเทียนคมเป็นประกายและมีความสุข

หลิงซิ่วถือหอกเงินเดินก้มหน้าก้มตาเข้ามาในลานฝึกและเงยหน้าขึ้นมองถังเทียนโดยไม่ตั้งใจ ศีรษะเขามองย้อนแสงอาทิตย์เล็กน้อยเขาถึงกับมีสีหน้าตกใจ ถังเทียนอยู่ในท่ามกลางแสงอาทิตย์ฉายส่อง เหมือนหลอมรวมอยู่ในดวงอาทิตย์  แม้ว่าจะอยู่ใกล้จนเอื้อมมือถึงเขากลับไม่รู้สึกถึงลมหายใจของถังเทียน

ถังเทียนรู้สึกตัวทันทีและตื่นจากสภาพสุดวิเศษนั้น เขาเพิ่งสังเกตเห็นความคงอยู่ของหลิงซิ่วจึงฉีกยิ้มกว้าง  “ซิ่วซิ่วน้อย  พลังข้าอยู่ในระดับหกแล้วนะ โอวเจ้าต้องฝึกฝนหนักขึ้นอีกนะ พ่อหนุ่มน้อย”

หลิงซิ่วเรียกความรู้สึกกลับคืนมาและทำตัวตามปกติ ตาสีแดงเพลิงเหมือนมีไฟพวยพุ่ง เขาแค่นเสียง “แพ้เจ้าน่ะหรือ?  ฝันไปเถอะ”

หลังจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป

เขาตัดสินใจใช้เวลาทั้งวันเพื่อฝึกพิเศษ

เมื่อถังเทียนปรากฏต่อหน้าประชุมชนไจ๋เหิงจ้านเป็นคนแรกที่ตรวจพบความเปลี่ยนแปลงของถังเทียน  คิ้วหนาของเขาขมวดทันที   เขาพรวดพราดลุกขึ้นยืนและถามอย่างไม่เชื่อสายตา  “อาจารย์ถังบรรลุระดับพลังใหม่ใช่ไหม?”

อาจารย์ถัง....

ถังเทียนชะงักฝีเท้า  ตำแหน่งนี้ทำให้เขาขนลุกไปทั้งตัว  เขาพยายามอ้อมแอ้มตอบ  “แค่เรียกข้าว่าอาเทียนก็พอแล้ว เอ่อ..ข้าเพิ่งบรรลุพลังระดับหก”

“ข้าว่าเรียกอาจารย์ถังจะดีกว่า”  ไจ๋เหิงจ้านยืนกรานเขาไม่กล้าเรียกเขาว่าอาเทียน เพราะครูขององค์หญิงต้องได้รับความเคารพเช่นกัน  เขาประหลาดใจเต็มที่  “อาจารย์ถังอายุเกินยี่สิบห้าแล้วหรือ?  ถึงได้เข้าถึงระดับพลังขั้นที่หกทั้งที่อายุน้อยอย่างนั้นนี่ทำให้พวกเราละอายจริงๆ”

กู้เสวี่ยเม้มปากและพยายามกลั้นหัวร่อ

ถังเทียนบอกตามตรง  “ปีนี้ข้าสิบเจ็ดขวบ”

สีหน้าของไจ๋เหิงจ้านชะงักค้างและอีกสองสามคนก็เช่นกันพวกที่เพียงแต่ได้ยินว่าบุรุษที่น่ากลัวนี้เป็นครูขององค์หญิง  แต่หลังจากได้พูดคุยกันแล้วพวกเขาประหลาดใจกันทุกคน

นักสู้ระดับหกในวัยสิบเจ็ดปี......

สายตาพวกเขาที่มองดูถังเทียนคล้ายกับว่ากำลังดูสัตว์ประหลาด  เป็นนักสู้ระดับหกตอนอายุสิบเจ็ดปี  ทำได้ยังไง ถ้าเขาไม่ใช่สัตว์ประหลาด?

และยังคิดไม่ถึงเลยว่าตัวประหลาดอย่างนั้นยังมีเกราะชั้นเงินและพลังสายเลือดคู่  ทุกคนตะลึง ทั่วทั้งห้องโถงแทบไม่มีใครกล้าระบายลมหายใจ

สายตาที่จ้องมองถังเทียนเปลี่ยนจากสงสัย ตรวจสอบเป็นยำเกรงและนับถือทันที

มิน่าเล่า เขาถึงได้เป็นครูขององค์หญิงหมิงจูได้...

ทุกคนสบายใจ

นัยน์ตาขององค์หญิงหมิงจูเป็นประกาย  อายุสิบเจ็ดปีก็เป็นนักสู้ระดับหกเสียแล้วหาได้ยากจริงๆ  อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงการผจญภัยที่กำลังจะมาถึง สายตาของเธอเป็นประกายมากขึ้น  และหัวใจเธอเต็มไปด้วยความคาดหวังมากขึ้น

เมื่องานเลี้ยงจบลง  เด็กหญิงเริ่มวางแผนเดินทางผจญภัย

ตามที่ได้สัญญาไว้ก่อนหน้านั้น  ถังเทียนยังเยือกเย็นอยู่มาก  “เจ้าต้องการจะไปที่ไหน?”

“เขาปู้โจว”  เด็กหญิงเสียงดังร่าเริงและโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น ไจ๋เหิงจ้านและชิงหลวนที่อยู่ด้านข้างมองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้  ตอนแรกเมื่อพวกเขาพบว่าองค์หญิงน้อยลอบหนีออกมาพวกเขากังวลอย่างหนัก  แต่พวกเขาไม่กล้ากระโตกกระตาก  และค้นหาไปตามทาง  โชคดีที่พวกเขาพบองค์หญิงในไม่ช้า

“ภูเขาปู้โจว?” สีหน้าของกู้เสวี่ยประหลาดเล็กน้อย

“เจ้ารู้จักที่นี่ด้วยหรือ?”  ถังเทียนสงสัย “มีอะไรพิเศษหรือ?”

“อืม.” กู้เสวี่ยพยักหน้า  สีหน้าของนางเคร่งขรึม  “นั่นเป็นสถานที่น่ากลัว  ภูเขาปู้โจวใหญ่โตมาก  ทุกคืน จะมีเสียงประหลาดให้ได้ยิน ไม่มีใครรู้ว่าเสียงนั้นดังมาจากไหน เคยมีคำเล่าลือว่ามียอดฝีมือคนหนึ่งอยู่อย่างสันโดษบนภูเขาปู้โจว ข่าวลือนี้แพร่หลายมานานแล้ว  นอกจากนี้เคยมีบางคนต้องการจะสำรวจภูเขาปู้ซานแต่มักจะมีคนหายสาบสูญที่นั่นเสมอ อันตรายมาก”

ถังเทียนหันไปถามเด็กหญิงด้วยความสงสัย  “เพราะอะไรเจ้าถึงอยากสำรวจสถานที่นี้?”

“นี่คือหนึ่งในการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!”  เด็กหญิงเชิดหน้าพูดด้วยความภูมิใจ  “ครั้งหนึ่ง ข้าบังเอิญมาทำการบันทึกภูเขาปู้โจวไว้ในหนังสือท่องเที่ยว คนที่เขียนหนังสือไว้ได้สำรวจภูเขาปู้โจวด้วยตนเอง และเขียนเรื่องที่น่าสนใจหลายเรื่องไว้ข้างใน  เขาสงสัยว่าอาจมีสมบัติอยู่ที่นั่น  เขาสืบค้นข้อมูลอย่างเต็มที่  ในประวัติศาสตร์  ครั้งหนึ่งมียอดฝีมือผู้น่ากลัวใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างสันโดษ และยอดฝีมือผู้นั้นได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจ  ดังนั้นเขาจะร้องไห้โศกเศร้าทุกคืน เขาเป็นคนตั้งชื่อภูเขานี้ว่าปู้ซาน”

“มีสมบัติ? ถังเทียนอึ้ง

“อืมม เป็นไปได้มากเพราะนักสู้คนนี้ไม่ใช่เด็ก  ดังนั้นเขาอยู่มาตามลำพังตลอดชีวิตที่นั่น”  เด็กหญิงเตรียมการมาดีมาก“ข้าแค่ต้องการสำรวจภูเขาปู้ซาน เจ้าไม่มีวันรู้ อาจมีสมบัติลับอยู่ข้างในก็ได้”

เมื่อเธอพูดถึงเรื่องนี้  ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความใฝ่ฝัน

“เราจะออกเดินทางเมื่อไหร่?”  ถังเทียนถามอย่างอดทน  เขาเพิ่งบรรลุระดับที่หกและเขาต้องการอวดพลังของเขา

“ได้ทุกเมื่อ!” เด็กหญิงกระโดดตะโกนลั่นอย่างร่าเริงและโลดเต้นตลอดเวลา

※※※※

ถังเทียนและกลุ่มเดินทางมาถึงเชิงเขาสูงตระหง่าน  นี่เป็นภูเขาแห้งแล้งเต็มไปด้วยหินระเกะระกะมีวัชพืชขึ้นรก  ดูๆไปมีแต่ความแห้งแล้งไม่มีความสวยงามแม้แต่น้อย

“นี่คือภูเขาปู้โจว?”ถังเทียนสงสัย  ภูเขามหึมานี้มองดูแต่ไกลไม่มีความแปลกแม้แต่น้อย เขาก้มลงหยิบหินน้ำตาลขึ้นมาจากพื้น หินหนัก และหนักมากเสียด้วย แต่สิ่งที่กระตุ้นความสนใจของถังเทียนก็คือหินนี้สามารถรบกวนปราณเที่ยงแท้ในตัวเขาได้

ถังเทียนตื่นเต้น  “หินนี่ประหลาดแท้!”

คนอื่นๆ เก็บหินน้ำตาลขึ้นมาและถือไว้ในมือหลิงซิ่วและพวกที่เหลือสีหน้าเปลี่ยนกันทุกคนสายตาทุกคนมองไปที่ภูเขามหึมาที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา และสีหน้าพวกเขาดูไม่ดี โดยเฉพาะไจ๋เหิงจ้านและชิงหลวนมีท่าทีลังเลทันที

“คุณหนู,ที่นี่มีบางอย่างแปลกประหลาด!”

ไจ๋เหิงจ้านพยายามอย่างดีจนถึงที่สุด

เด็กหญิงทำหน้ามุ่ย  “ถ้าไม่มีอะไรแปลกเราจะสำรวจไปเพื่ออะไร?”  เธอชะงักแล้วพูดต่อ  “หินสีน้ำตาลนี้เรียกว่าไมกาน้ำตาล (หวินอิง)แต่คุณภาพของมันยังเป็นระดับธรรมดาไมกาน้ำตาลที่คุณภาพดีต้องมีลักษณะโปร่งแสงเกือบครึ่ง และราคาแพงมาก  พี่เสวี่ย อาจมีโอกาสทำเหมืองแร่ที่นี่ได้ด้วยนะ”

กู้เสวี่ยสนใจทันที  แร่ไมกาน้ำตาลบริสุทธิ์ราคาแพงมาก ถ้าพวกเขามีเหมืองแร่ผลิตไมกาคุณภาพดีออกมา  อย่างนั้นตระกูลกู้จะไม่มีทางขาดแคลนเงินอีกเลย  ที่สำคัญที่สุดภูเขาปู้โจวรกร้างไร้เจ้าของ สถานที่นี้ไม่ได้เป็นของตระกูลใดทั้งนั้น

“ถ้าเป็นจริง  นั่นนับว่าเยี่ยมจริงๆ”  กู้เสวี่ยยิ้ม “ถ้าเราสามารถหาพบได้จริงๆ นั่นเป็นเพราะความสามารถของทุกคน และทุกคนก็ต้องมีส่วนแบ่งด้วย”

เด็กหญิงประหลาดใจ  พื้นฐานของกู้เสวี่ยยังแย่กว่าเธอ  แต่ความฉลาดของกู้เสวี่ยทำให้เด็กหญิงทึ่ง  เด็กหญิงได้เห็นเรื่องราวและข้อพิพาทมาทุกเรื่องและจะมีความอ่อนไหวในเรื่องพื้นที่เช่นนั้น ถ้าจะมีเหมืองไมกาน้ำตาลของทุกคนในปัจจุบันนี้จริง  ก็คงมีแต่ตระกูลกู้ที่มีความสามารถพัฒนาขึ้นมาได้ เพราะลำพังกองกำลังท้องถิ่นอย่างตระกูลกู้ก็มีความสามารถสร้างเหมืองได้  และทุกคนจะไม่ยอมสู้กับตระกูลกู้เพราะตระกูลกู้มีถังเทียน

นอกจากนี้ด้วยความมั่งคั่งของรัฐบาลอู่โหว เหมืองไมกาน้ำตาลก็เป็นเหมือนถั่วลิสงสำหรับเด็กหญิงเท่านั้น  แต่กู้เสวี่ยกลับยื่นข้อเสนอให้ก่อนซึ่งทำให้เด็กหญิงรู้สึกชื่นชมมาก

“ขอบคุณพี่เสวี่ย”  เด็กหญิงยิ้มหวาน

ไจ๋เหิงจ้านตื่นเต้น  เขาแตกต่างจากชิงหลวน ชิงหลวนกำพร้ามาตั้งแต่เด็กและถูกมองว่าเป็นสมาชิกที่แท้จริงของสถาบัน  ดังนั้นปัญหาเรื่องเงินจึงไม่มีผลกับนาง  ขณะที่ไจ๋เหิงจ้านมีตระกูลของตัวเองต้องดูแล ดังนั้นหน้าที่ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือทำให้ตระกูลของเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ตระกูลก็มีความต้องการใช้เงินเพิ่มขึ้นเช่นกัน ถ้าพวกเขาสามารถพัฒนาแหล่งรายได้ที่มั่นคงได้  นั่นนับเป็นข่าวดีของตระกูล  อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกทึ่งต่อการต้อนรับขับสู้ของกู้เสวี่ยด้วยเช่นกัน  ถ้าคำพูดนี้กล่าวโดยคนแก่คร่ำครึหัวโบราณที่ผ่านเรื่องราวในโลกกว้างมามาก  เขาคงไม่แปลกใจเท่าใดนัก  แต่กู้เสวี่ยยังอายุน้อยมาก  ก็มีเหตุผลมากเสียแล้ว  อนาคตตระกูลกู้จะต้องยิ่งใหญ่แน่นอน!

ไจ๋เหิงจ้านหัวเราะ  “อย่างนั้นเราก็ต้องช่วยกันหา!  แม้แต่ข้าก็ติดเบ็ดเสียแล้ว!”

มีแต่เพียงหลิงซิ่วที่ดูเหมือนไม่สนใจ  เขาคอนหอกเงินของเขาไว้บนบ่า  สีหน้าไม่ยินดี  ความจริง เขาไม่ต้องการจะตามมาด้วย  เพราะการบรรลุพลังนักสู้ระดับหกของถังเทียนทำให้เขาคร่ำเคร่งเป็นพิเศษ  ดังนั้นในช่วงไม่กี่วันมานี้เขาจึงฝึกฝนอย่างหนัก

ในเวลาอย่างนี้การไปผจญภัยกับเด็กหญิงน้อยเป็นการสูญเสียเวลาเปล่า

แต่ถังเทียนยืนยันให้เขามาด้วยกันและเขาค่อนข้างจะจนปัญญากับการเล่นตลกของถังเทียน   เจ้าหมอนี่หน้าด้านบัดซบ  มีทางเป็นไปได้จะทำให้เขาเสียหายระหว่างฝึกฝนมากกว่า

“หืม?”  สายตาของหลิงซิ่วจ้องเขม็งทันที

ทุกคนถูกเสียงอุทานของหลิงซิ่วดึงดูดทันทีและหันไปดูรอบๆหลิงซิ่วแบกหอกเดินตรงไปที่พุ่มไม้หนา พุ่มไม้นั้นดูเหมือนปกติธรรมดาและเติบโตอยู่บนทางลาดชัน

หลิงซิ่วใช้หอกปัดป่ายพุ่มไม้ออกและเผยให้เห็นบันไดหินที่ถูกทิ้งร้าง

ทุกคนมารวมตัวกันทันที

“เอ่,มีบันไดหินที่นี่ด้วยหรือ?” ถังเทียนประหลาดใจ “ดูเหมือนมีใครบางคนอยู่อาศัยที่นี่มาก่อน และทำบันไดหินนี่ไว้

หลิงซิ่วโอบหอกเงินและก้มลงตรวจดูอย่างระมัดระวัง

ทันใดนั้นม่านตาของเขาหรี่แคบและพูดด้วยเสียงต่ำ “บันไดหินนี่ถูกกระบี่เจาะ”

ถังเทียนตะลึงและขยับเข้าไปใกล้ “เออ,จริงด้วย  คนผู้นี้น่ากลัวมากจริงๆ ถึงกับใช้กระบี่เจาะหินเพื่อใช้เป็นที่หยั่งเท้าได้”

รอยกระบี่สามารถมองเห็นได้บนบันไดหิน

ทันใดนั้นหลิงซิ่วถือหอกและแทงตรงไปที่หินน้ำตาลใกล้ๆ

ติง!

ประกายไฟพุ่งกระจายไปทุกทิศ และเหลือไว้เพียงเหลือไว้แต่เพียงหลุมตื้นๆเท่านั้น

ฟู่....

ทุกคนปากอ้าค้าง และรู้ดีถึงความกล้าหาญของหลิงซิ่ว  แม้แต่หน้าของหลิงซิ่วก็ดูย่ำแย่เพราะความแข็งของหินน้ำตาลแข็งมากกว่าที่เขาคิดสามารถสกัดบันไดทีละขั้นโดยใช้กระบี่สกัดบนหินน้ำตาลต้องเป็นเรื่องที่ท้าทายถึงเพียงไหน

นักสู้ผู้สกัดบันไดหินเหล่านี้น่ากลัวกว่าพวกเขาทุกคนมากนัก

ขณะที่พวกเขามองไปที่บันไดหินกลางพุ่มไม้ทันใดนั้นทุกคนตระหนักได้ว่า การผจญภัยครั้งนี้ไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด