ตอนที่ 180 ภูเขาปู้โจว
เมื่อถังเทียนเดินออกมานอกห้องแสงอาทิตย์ด้านนอกทำให้เขาต้องหยุดอยู่กับที่ เขาหยุดอยู่ตรงนั้นเงียบๆ และดื่มด่ำความรู้สึกสุดจะพรรณนา
หนทางการฝึกฝนเพื่อให้ได้พลังให้ได้ความแข็งแกร่ง ในที่สุดแล้วเมื่อสรุปลงก็คือเพื่อแสวงหาตนเองอย่างสมบูรณ์แบบ ลึกๆ แล้วมนุษยชาติปรารถนาความก้าวหน้า
แรงผลักดันนี้คล้ายกับดวงดาวนับร้อยล้านดวงในสวรรค์วิถี นับจากวันที่มนุษย์ถือกำเนิดก็มีอยู่ก่อนแล้ว
โลกช่างงดงามอย่างแท้จริง
นัยน์ตาถังเทียนคมเป็นประกายและมีความสุข
หลิงซิ่วถือหอกเงินเดินก้มหน้าก้มตาเข้ามาในลานฝึกและเงยหน้าขึ้นมองถังเทียนโดยไม่ตั้งใจ ศีรษะเขามองย้อนแสงอาทิตย์เล็กน้อยเขาถึงกับมีสีหน้าตกใจ ถังเทียนอยู่ในท่ามกลางแสงอาทิตย์ฉายส่อง เหมือนหลอมรวมอยู่ในดวงอาทิตย์ แม้ว่าจะอยู่ใกล้จนเอื้อมมือถึงเขากลับไม่รู้สึกถึงลมหายใจของถังเทียน
ถังเทียนรู้สึกตัวทันทีและตื่นจากสภาพสุดวิเศษนั้น เขาเพิ่งสังเกตเห็นความคงอยู่ของหลิงซิ่วจึงฉีกยิ้มกว้าง “ซิ่วซิ่วน้อย พลังข้าอยู่ในระดับหกแล้วนะ โอวเจ้าต้องฝึกฝนหนักขึ้นอีกนะ พ่อหนุ่มน้อย”
หลิงซิ่วเรียกความรู้สึกกลับคืนมาและทำตัวตามปกติ ตาสีแดงเพลิงเหมือนมีไฟพวยพุ่ง เขาแค่นเสียง “แพ้เจ้าน่ะหรือ? ฝันไปเถอะ”
หลังจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป
เขาตัดสินใจใช้เวลาทั้งวันเพื่อฝึกพิเศษ
เมื่อถังเทียนปรากฏต่อหน้าประชุมชนไจ๋เหิงจ้านเป็นคนแรกที่ตรวจพบความเปลี่ยนแปลงของถังเทียน คิ้วหนาของเขาขมวดทันที เขาพรวดพราดลุกขึ้นยืนและถามอย่างไม่เชื่อสายตา “อาจารย์ถังบรรลุระดับพลังใหม่ใช่ไหม?”
อาจารย์ถัง....
ถังเทียนชะงักฝีเท้า ตำแหน่งนี้ทำให้เขาขนลุกไปทั้งตัว เขาพยายามอ้อมแอ้มตอบ “แค่เรียกข้าว่าอาเทียนก็พอแล้ว เอ่อ..ข้าเพิ่งบรรลุพลังระดับหก”
“ข้าว่าเรียกอาจารย์ถังจะดีกว่า” ไจ๋เหิงจ้านยืนกรานเขาไม่กล้าเรียกเขาว่าอาเทียน เพราะครูขององค์หญิงต้องได้รับความเคารพเช่นกัน เขาประหลาดใจเต็มที่ “อาจารย์ถังอายุเกินยี่สิบห้าแล้วหรือ? ถึงได้เข้าถึงระดับพลังขั้นที่หกทั้งที่อายุน้อยอย่างนั้นนี่ทำให้พวกเราละอายจริงๆ”
กู้เสวี่ยเม้มปากและพยายามกลั้นหัวร่อ
ถังเทียนบอกตามตรง “ปีนี้ข้าสิบเจ็ดขวบ”
สีหน้าของไจ๋เหิงจ้านชะงักค้างและอีกสองสามคนก็เช่นกันพวกที่เพียงแต่ได้ยินว่าบุรุษที่น่ากลัวนี้เป็นครูขององค์หญิง แต่หลังจากได้พูดคุยกันแล้วพวกเขาประหลาดใจกันทุกคน
นักสู้ระดับหกในวัยสิบเจ็ดปี......
สายตาพวกเขาที่มองดูถังเทียนคล้ายกับว่ากำลังดูสัตว์ประหลาด เป็นนักสู้ระดับหกตอนอายุสิบเจ็ดปี ทำได้ยังไง ถ้าเขาไม่ใช่สัตว์ประหลาด?
และยังคิดไม่ถึงเลยว่าตัวประหลาดอย่างนั้นยังมีเกราะชั้นเงินและพลังสายเลือดคู่ ทุกคนตะลึง ทั่วทั้งห้องโถงแทบไม่มีใครกล้าระบายลมหายใจ
สายตาที่จ้องมองถังเทียนเปลี่ยนจากสงสัย ตรวจสอบเป็นยำเกรงและนับถือทันที
มิน่าเล่า เขาถึงได้เป็นครูขององค์หญิงหมิงจูได้...
ทุกคนสบายใจ
นัยน์ตาขององค์หญิงหมิงจูเป็นประกาย อายุสิบเจ็ดปีก็เป็นนักสู้ระดับหกเสียแล้วหาได้ยากจริงๆ อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงการผจญภัยที่กำลังจะมาถึง สายตาของเธอเป็นประกายมากขึ้น และหัวใจเธอเต็มไปด้วยความคาดหวังมากขึ้น
เมื่องานเลี้ยงจบลง เด็กหญิงเริ่มวางแผนเดินทางผจญภัย
ตามที่ได้สัญญาไว้ก่อนหน้านั้น ถังเทียนยังเยือกเย็นอยู่มาก “เจ้าต้องการจะไปที่ไหน?”
“เขาปู้โจว” เด็กหญิงเสียงดังร่าเริงและโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น ไจ๋เหิงจ้านและชิงหลวนที่อยู่ด้านข้างมองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้ ตอนแรกเมื่อพวกเขาพบว่าองค์หญิงน้อยลอบหนีออกมาพวกเขากังวลอย่างหนัก แต่พวกเขาไม่กล้ากระโตกกระตาก และค้นหาไปตามทาง โชคดีที่พวกเขาพบองค์หญิงในไม่ช้า
“ภูเขาปู้โจว?” สีหน้าของกู้เสวี่ยประหลาดเล็กน้อย
“เจ้ารู้จักที่นี่ด้วยหรือ?” ถังเทียนสงสัย “มีอะไรพิเศษหรือ?”
“อืม.” กู้เสวี่ยพยักหน้า สีหน้าของนางเคร่งขรึม “นั่นเป็นสถานที่น่ากลัว ภูเขาปู้โจวใหญ่โตมาก ทุกคืน จะมีเสียงประหลาดให้ได้ยิน ไม่มีใครรู้ว่าเสียงนั้นดังมาจากไหน เคยมีคำเล่าลือว่ามียอดฝีมือคนหนึ่งอยู่อย่างสันโดษบนภูเขาปู้โจว ข่าวลือนี้แพร่หลายมานานแล้ว นอกจากนี้เคยมีบางคนต้องการจะสำรวจภูเขาปู้ซานแต่มักจะมีคนหายสาบสูญที่นั่นเสมอ อันตรายมาก”
ถังเทียนหันไปถามเด็กหญิงด้วยความสงสัย “เพราะอะไรเจ้าถึงอยากสำรวจสถานที่นี้?”
“นี่คือหนึ่งในการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!” เด็กหญิงเชิดหน้าพูดด้วยความภูมิใจ “ครั้งหนึ่ง ข้าบังเอิญมาทำการบันทึกภูเขาปู้โจวไว้ในหนังสือท่องเที่ยว คนที่เขียนหนังสือไว้ได้สำรวจภูเขาปู้โจวด้วยตนเอง และเขียนเรื่องที่น่าสนใจหลายเรื่องไว้ข้างใน เขาสงสัยว่าอาจมีสมบัติอยู่ที่นั่น เขาสืบค้นข้อมูลอย่างเต็มที่ ในประวัติศาสตร์ ครั้งหนึ่งมียอดฝีมือผู้น่ากลัวใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างสันโดษ และยอดฝีมือผู้นั้นได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจ ดังนั้นเขาจะร้องไห้โศกเศร้าทุกคืน เขาเป็นคนตั้งชื่อภูเขานี้ว่าปู้ซาน”
“มีสมบัติ? ถังเทียนอึ้ง
“อืมม เป็นไปได้มากเพราะนักสู้คนนี้ไม่ใช่เด็ก ดังนั้นเขาอยู่มาตามลำพังตลอดชีวิตที่นั่น” เด็กหญิงเตรียมการมาดีมาก“ข้าแค่ต้องการสำรวจภูเขาปู้ซาน เจ้าไม่มีวันรู้ อาจมีสมบัติลับอยู่ข้างในก็ได้”
เมื่อเธอพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความใฝ่ฝัน
“เราจะออกเดินทางเมื่อไหร่?” ถังเทียนถามอย่างอดทน เขาเพิ่งบรรลุระดับที่หกและเขาต้องการอวดพลังของเขา
“ได้ทุกเมื่อ!” เด็กหญิงกระโดดตะโกนลั่นอย่างร่าเริงและโลดเต้นตลอดเวลา
※※※※
ถังเทียนและกลุ่มเดินทางมาถึงเชิงเขาสูงตระหง่าน นี่เป็นภูเขาแห้งแล้งเต็มไปด้วยหินระเกะระกะมีวัชพืชขึ้นรก ดูๆไปมีแต่ความแห้งแล้งไม่มีความสวยงามแม้แต่น้อย
“นี่คือภูเขาปู้โจว?”ถังเทียนสงสัย ภูเขามหึมานี้มองดูแต่ไกลไม่มีความแปลกแม้แต่น้อย เขาก้มลงหยิบหินน้ำตาลขึ้นมาจากพื้น หินหนัก และหนักมากเสียด้วย แต่สิ่งที่กระตุ้นความสนใจของถังเทียนก็คือหินนี้สามารถรบกวนปราณเที่ยงแท้ในตัวเขาได้
ถังเทียนตื่นเต้น “หินนี่ประหลาดแท้!”
คนอื่นๆ เก็บหินน้ำตาลขึ้นมาและถือไว้ในมือหลิงซิ่วและพวกที่เหลือสีหน้าเปลี่ยนกันทุกคนสายตาทุกคนมองไปที่ภูเขามหึมาที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา และสีหน้าพวกเขาดูไม่ดี โดยเฉพาะไจ๋เหิงจ้านและชิงหลวนมีท่าทีลังเลทันที
“คุณหนู,ที่นี่มีบางอย่างแปลกประหลาด!”
ไจ๋เหิงจ้านพยายามอย่างดีจนถึงที่สุด
เด็กหญิงทำหน้ามุ่ย “ถ้าไม่มีอะไรแปลกเราจะสำรวจไปเพื่ออะไร?” เธอชะงักแล้วพูดต่อ “หินสีน้ำตาลนี้เรียกว่าไมกาน้ำตาล (หวินอิง)แต่คุณภาพของมันยังเป็นระดับธรรมดาไมกาน้ำตาลที่คุณภาพดีต้องมีลักษณะโปร่งแสงเกือบครึ่ง และราคาแพงมาก พี่เสวี่ย อาจมีโอกาสทำเหมืองแร่ที่นี่ได้ด้วยนะ”
กู้เสวี่ยสนใจทันที แร่ไมกาน้ำตาลบริสุทธิ์ราคาแพงมาก ถ้าพวกเขามีเหมืองแร่ผลิตไมกาคุณภาพดีออกมา อย่างนั้นตระกูลกู้จะไม่มีทางขาดแคลนเงินอีกเลย ที่สำคัญที่สุดภูเขาปู้โจวรกร้างไร้เจ้าของ สถานที่นี้ไม่ได้เป็นของตระกูลใดทั้งนั้น
“ถ้าเป็นจริง นั่นนับว่าเยี่ยมจริงๆ” กู้เสวี่ยยิ้ม “ถ้าเราสามารถหาพบได้จริงๆ นั่นเป็นเพราะความสามารถของทุกคน และทุกคนก็ต้องมีส่วนแบ่งด้วย”
เด็กหญิงประหลาดใจ พื้นฐานของกู้เสวี่ยยังแย่กว่าเธอ แต่ความฉลาดของกู้เสวี่ยทำให้เด็กหญิงทึ่ง เด็กหญิงได้เห็นเรื่องราวและข้อพิพาทมาทุกเรื่องและจะมีความอ่อนไหวในเรื่องพื้นที่เช่นนั้น ถ้าจะมีเหมืองไมกาน้ำตาลของทุกคนในปัจจุบันนี้จริง ก็คงมีแต่ตระกูลกู้ที่มีความสามารถพัฒนาขึ้นมาได้ เพราะลำพังกองกำลังท้องถิ่นอย่างตระกูลกู้ก็มีความสามารถสร้างเหมืองได้ และทุกคนจะไม่ยอมสู้กับตระกูลกู้เพราะตระกูลกู้มีถังเทียน
นอกจากนี้ด้วยความมั่งคั่งของรัฐบาลอู่โหว เหมืองไมกาน้ำตาลก็เป็นเหมือนถั่วลิสงสำหรับเด็กหญิงเท่านั้น แต่กู้เสวี่ยกลับยื่นข้อเสนอให้ก่อนซึ่งทำให้เด็กหญิงรู้สึกชื่นชมมาก
“ขอบคุณพี่เสวี่ย” เด็กหญิงยิ้มหวาน
ไจ๋เหิงจ้านตื่นเต้น เขาแตกต่างจากชิงหลวน ชิงหลวนกำพร้ามาตั้งแต่เด็กและถูกมองว่าเป็นสมาชิกที่แท้จริงของสถาบัน ดังนั้นปัญหาเรื่องเงินจึงไม่มีผลกับนาง ขณะที่ไจ๋เหิงจ้านมีตระกูลของตัวเองต้องดูแล ดังนั้นหน้าที่ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือทำให้ตระกูลของเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ตระกูลก็มีความต้องการใช้เงินเพิ่มขึ้นเช่นกัน ถ้าพวกเขาสามารถพัฒนาแหล่งรายได้ที่มั่นคงได้ นั่นนับเป็นข่าวดีของตระกูล อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกทึ่งต่อการต้อนรับขับสู้ของกู้เสวี่ยด้วยเช่นกัน ถ้าคำพูดนี้กล่าวโดยคนแก่คร่ำครึหัวโบราณที่ผ่านเรื่องราวในโลกกว้างมามาก เขาคงไม่แปลกใจเท่าใดนัก แต่กู้เสวี่ยยังอายุน้อยมาก ก็มีเหตุผลมากเสียแล้ว อนาคตตระกูลกู้จะต้องยิ่งใหญ่แน่นอน!
ไจ๋เหิงจ้านหัวเราะ “อย่างนั้นเราก็ต้องช่วยกันหา! แม้แต่ข้าก็ติดเบ็ดเสียแล้ว!”
มีแต่เพียงหลิงซิ่วที่ดูเหมือนไม่สนใจ เขาคอนหอกเงินของเขาไว้บนบ่า สีหน้าไม่ยินดี ความจริง เขาไม่ต้องการจะตามมาด้วย เพราะการบรรลุพลังนักสู้ระดับหกของถังเทียนทำให้เขาคร่ำเคร่งเป็นพิเศษ ดังนั้นในช่วงไม่กี่วันมานี้เขาจึงฝึกฝนอย่างหนัก
ในเวลาอย่างนี้การไปผจญภัยกับเด็กหญิงน้อยเป็นการสูญเสียเวลาเปล่า
แต่ถังเทียนยืนยันให้เขามาด้วยกันและเขาค่อนข้างจะจนปัญญากับการเล่นตลกของถังเทียน เจ้าหมอนี่หน้าด้านบัดซบ มีทางเป็นไปได้จะทำให้เขาเสียหายระหว่างฝึกฝนมากกว่า
“หืม?” สายตาของหลิงซิ่วจ้องเขม็งทันที
ทุกคนถูกเสียงอุทานของหลิงซิ่วดึงดูดทันทีและหันไปดูรอบๆหลิงซิ่วแบกหอกเดินตรงไปที่พุ่มไม้หนา พุ่มไม้นั้นดูเหมือนปกติธรรมดาและเติบโตอยู่บนทางลาดชัน
หลิงซิ่วใช้หอกปัดป่ายพุ่มไม้ออกและเผยให้เห็นบันไดหินที่ถูกทิ้งร้าง
ทุกคนมารวมตัวกันทันที
“เอ่,มีบันไดหินที่นี่ด้วยหรือ?” ถังเทียนประหลาดใจ “ดูเหมือนมีใครบางคนอยู่อาศัยที่นี่มาก่อน และทำบันไดหินนี่ไว้
หลิงซิ่วโอบหอกเงินและก้มลงตรวจดูอย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้นม่านตาของเขาหรี่แคบและพูดด้วยเสียงต่ำ “บันไดหินนี่ถูกกระบี่เจาะ”
ถังเทียนตะลึงและขยับเข้าไปใกล้ “เออ,จริงด้วย คนผู้นี้น่ากลัวมากจริงๆ ถึงกับใช้กระบี่เจาะหินเพื่อใช้เป็นที่หยั่งเท้าได้”
รอยกระบี่สามารถมองเห็นได้บนบันไดหิน
ทันใดนั้นหลิงซิ่วถือหอกและแทงตรงไปที่หินน้ำตาลใกล้ๆ
ติง!
ประกายไฟพุ่งกระจายไปทุกทิศ และเหลือไว้เพียงเหลือไว้แต่เพียงหลุมตื้นๆเท่านั้น
ฟู่....
ทุกคนปากอ้าค้าง และรู้ดีถึงความกล้าหาญของหลิงซิ่ว แม้แต่หน้าของหลิงซิ่วก็ดูย่ำแย่เพราะความแข็งของหินน้ำตาลแข็งมากกว่าที่เขาคิดสามารถสกัดบันไดทีละขั้นโดยใช้กระบี่สกัดบนหินน้ำตาลต้องเป็นเรื่องที่ท้าทายถึงเพียงไหน
นักสู้ผู้สกัดบันไดหินเหล่านี้น่ากลัวกว่าพวกเขาทุกคนมากนัก
ขณะที่พวกเขามองไปที่บันไดหินกลางพุ่มไม้ทันใดนั้นทุกคนตระหนักได้ว่า การผจญภัยครั้งนี้ไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด