ตอนที่ 175 ชนะโดยไม่ต้องสู้
หลิงซิ่วลุกขึ้นมาจากถังน้ำยาและเดินมาที่กระจก ใบหน้ารูปทรงบุรุษในกระจกมีร่องรอยสับสน สายตาของเขามองดูที่ผมสีเงินแพรวพราวบนศีรษะเขา
ระดับการลุกลามของสีเงินนั้นรวดเร็วมาก
คำสนทนาบางตอนกับอาจารย์เมื่อตอนเขายังเด็กผุดขึ้นมาในใจ
“ซิ่วเอ๊ย! ถ้าถึงวันหนึ่งเมื่อเจ้าฝึกหอกทะเลจุดจนเก่งกล้า จะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในตัวเจ้า”
“อาจารย์, ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นไหม?”
“ไม่, เจ้าจะกลายเป็นเงิน”
“กลายเป็นเงินหรือ? ร่างของข้าจะกลายเป็นเงินจริงหรือ?”
“อืม.. วิชาหอกทะเลจุด ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ฝึกฝนแข็งแกร่งขึ้น แต่จะมีการเปลี่ยนสภาพเป็นเงินจะเริ่มจากผมของเจ้า จากนั้นจะซึมซับเข้าไปในเลือดเนื้อและกระดูกของเจ้าเมื่อกลายเป็นเงินโดยสมบูรณ์ มันจะดูน่ากลัวมาก!”
“โอ้โห, อย่างนั้นก็ต้องน่ากลัวน่าเกรงขามมากเลย! สุดยอด!ข้าอยากเป็นเงินด้วยเหมือนกัน!”
“ไม่ อาซิ่ว เจ้าต้องไม่เป็นเงิน! เค้าโครงกระดูกของเจ้าถูกจัดเข้าที่แล้วเมื่อเจ้ากลายเป็นเงินจนถึงกระดูก ความทรมานของเจ้าจะเพิ่มทวีคูณ ไม่มีใครทนทุกข์ทรมานขนาดนั้นได้”
ตอนนี้หลิงซิ่วจำท่าทีห่วงใยของอาจารย์ในตอนนั้นได้
ทันใดนั้นเขาหัวเราะตัวเองในกระจก ผมสีเงินทำให้ใบหน้าลูกผู้ชายของเขาดูหล่อเหลายิ่งขึ้น ดวงตาสีแดงส้มเหมือนกับบอลเพลิงที่สงบ
“บางทีความทรมานคงเป็นชะตากรรมของเสี่ยวซิ่ว แต่อาจารย์ เสี่ยวซิ่วจะไม่ยอมแพ้”
หลิงซิ่วกระซิบแผ่วเบา
ภาพเบื้องหลังฆาตกรอำมหิตสีเงินปรากฏขึ้นในของเขา เขาไม่เคยพบคนผู้นี้ แต่รูปร่างเขาปรากฏชัดอยู่ในหัวใจของเขา
เนื่องจากเป้าหมายของเจ้าคือหมู่ดาวกางเขนใต้ อย่างนั้นข้าจะไปหาเจ้าแน่นอน
ข้าต้องจบชีวิตเจ้าด้วยมือของข้าเอง
เจ้าคือ คนทรยศผู้นี้
หลิงซิ่วกำหมัดแน่น สีหน้าของเขาเหี้ยมเกรียม
※※※※
ถังเทียนรู้สึกกลัวหลังจากที่สู้ทนดู แต่ในไม่ช้าเขาก็ผลักความรู้สึกนี้ไว้เบื้องหลังจิตใจ อาเสวี่ยเป็นสหายที่ดี คิดว่าการทำให้อาเสวี่ยต้องอับอายเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ความรู้สึกตามธรรมชาติของถังเทียนเดิมทีบริสุทธิ์อยู่แล้ว แม้ว่าเขาจะรู้สึกมากในตอนนั้นก็ตาม
แม้ว่ากู้เสวี่ยจะรู้สึกอายเมื่อเห็นถังเทียน แต่นางปรับใจให้สงบได้เป็นอย่างดี กู้เสวี่ยผู้กระตุ้นพลังสายเลือดรุ้งหิมะสร้างความโกลาหลให้เกิดขึ้นในตระกูลกู้ทันที ทั่วทั้งตระกูลเต็มไปด้วยความยินดี และพวกนักสู้ที่พักอยู่ในตระกูลกู้ พากันมาร่วมยินดีกับพวกเขา
ตระกูลกู้ในวันนี้ จะไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องอีกต่อไป
นักสู้ทุกคนของตระกูลกู้ผู้ได้รับการกระตุ้นสายเลือดรุ้งหิมะจะเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไกล ขณะที่นักสู้ผู้ไม่ได้คัดค้านผู้เฒ่าหวีและข่มเหงตระกูลกู้, ทั้งหมดมาทำข้อตกลงสงบศึก ทัศนคติของสวี่ฉางเทียนก็แทบไม่มีอะไร
ความลึกลับทั้งหมดจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า
ข่าวว่าผู้ว่าการดวงดาวจะมาเยี่ยมตระกูลกู้ด้วยตนเองกระจายไปเร็วอย่างน่าตกใจ
※※※※
ถังเทียนคร่ำเคร่งกับการฝึกฝนอย่างหนัก หินดวงดาวในมือของเขาถูกใช้สิ้นเปลืองด้วยอัตราน่าตกใจ ก็เหมือนกับคนมัธยัสถ์เมื่อพวกเขาเริ่มใช้จ่ายสุลุ่ยสุร่าย พวกเขามักรู้สึกกดดันมากขึ้น แต่หลังจากใช้เงินมากเข้าความตระหนี่ก็หายไปไม่มาก และสิ่งที่ทำให้ถังเทียนประหลาดใจก็คือปราณเที่ยงแท้ของเขามีความก้าวหน้าอย่างน่าอัศจรรย์
ปิงบอกว่าเขายังต้องการหินดวงดาวระดับหกร้อยก้อน จำนวนเท่านั้นถูกคำนวณไว้เป็นอย่างดี
เหรียญดวงดาว!
น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถเข้าตำหนักจิตวิญญาณพลังยุทธได้ มิฉะนั้นถ้าเขาไปพบเซรีนในดินแดนจิตวิญญาณแล้วขายอาวุธจักรกลสองสามชิ้นของนาง เขาจะสามารถหาเงินจำนวนนี้ได้
หลังจากใคร่ครวญอย่างหนักถังเทียนยังหาความคิดดีๆ ไม่ได้ เขาเก็บปัญหานี้ไว้ในใจและฝึกฝนอย่างหนัก
ทันใดนั้นเมอเรย์วิ่งเข้ามาหาด้วยความกังวล และมีสีหน้าแปลกประหลาดปรากฏบนใบหน้า
“ลุงเมอเรย์ เกิดอะไรขึ้น?” ถังเทียนประหลาดใจ
หน้าตาของเมอเรย์มีสีหน้าฟ้องว่าไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ “ผู้ว่าการดวงดาวมาที่นี่ คุณหนูกำลังรับหน้าอยู่ตอนนี้ คุณชายอาเทียน, นางขอเชิญคุณชาย”
“ผู้ว่าการดวงดาว?” ถังเทียนตะลึง “เขามาทำอะไรที่นี่?”
“ข้าไม่รู้” เมอเรย์มีใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล การมาเยือนกะทันหันของผู้ว่าการดวงดาวทำให้ตระกูลกู้ทั้งหมดกระวนกระวาย
ถังเทียนมองเห็นสีหน้ากังวลของเมอเรย์จึงรีบปลอบใจ “ข้าจะไปดู อย่าห่วงไปเลยลุงเมอเรย์ ข้าอยู่ที่นี่ทั้งคน!”
ถังเทียนเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ห้องโถงตระกูลกู้ได้รับการบูรณะซ่อมแซมใหม่ ในตอนนี้ห้องใหญ่โตเต็มไปด้วยผู้คนทว่าเงียบผิดปกติ ถังเทียนลอบหวั่นใจ ผู้ว่าการดวงดาวผู้นี้มีอิทธิพลขนาดนี้เชียวหรือ แต่ในไม่ช้าถังเทียนก็สงสัยเล็กน้อย คนพวกนี้ดูแล้วไม่คุ้นเคย เขาไม่เคยเห็นคนพวกนี้มาก่อน
กู้เสวี่ยเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นถังเทียน นัยน์ตานางเป็นประกาย “อาเทียน!”
สายตาทุกคนมองตามไปที่ถังเทียนทันที
บรรดาสายตาเหล่านี้มทั้งประหลาดใจชื่นชม อิจฉา สงสัย สำรวจ ประเมิน และสายตาบางคนก็มองอย่างวางอำนาจเต็มที่
ถังเทียนตอนแรกที่วางตัวสบายๆตอนนี้กลายเป็นจริงจัง นัยน์ตาเป็นประกาย เขาสาวเท้าก้าวยาวทันที
ทุกคนมีอาการเหมือนเห็นภาพลวงตาทันที ถังเทียนเดินเนิบนาบชัดๆแต่เป็นเหมือนบอลแสงพร่าเลือน ทุกคนหวั่นเกรงทันที
และมีอยู่สองสามคนที่พยามยามข่มความคิดที่จะเข้าต่อสู้
ถังเทียนไม่กลัวแม้แต่น้อยและจ้องกลับสายตาสองสามคู่นั้น
ในคนสองสามคนนั้นที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้ว่าการดวงดาวก็คือสวี่ฉางเทียน,ถังเทียนนึกว่าเป็นสี่หัวหน้าคณะปกครองที่อยู่ใต้บัญชาของผู้ว่าการดวงดาว อย่างไรก็ตามยังมีสายตาอีกคู่ที่มองถังเทียนด้วยความแค้นลึกและกระตุ้นความสนใจถังเทียน
ถังเทียนหันไปดูอบๆและตระหนักได้ว่าเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งที่มีใบหน้าเรียบเฉย ตาของเขาเรียวแต่ตี่กำลังจ้องถังเทียนด้วยความไม่เป็นมิตร ถังเทียนมองเขาอย่างไม่คุ้นเคยชั่วขณะ ก่อนจะหันไปดูรอบๆ
ทันทีที่ถังเทียนละสายตาเขากลับมองเห็นคนอีกคนหนึ่ง
นอกจากผู้อาวุโสคนนั้นแล้ว เขาเห็นผู้อาวุโสหวีแล้ว เขาก็เข้าใจทันที
ถังเทียนฉีกยิ้มและก้าวเท้ายาวตรงไปหาผู้อาวุโสหวีแล้วอุทาน “เฮ้, ผู้อาวุโสหวี ท่านยังอยู่ที่นี่อีกหรือนี่? สงสัยว่าข้าคงเล่นงานท่านไม่มากพอ ท่านก็เลยไม่รู้จักจดจำไว้เป็นบทเรียนสินะ!”
ขณะที่ถังเทียนเดิน เข้ารวบกำหมัดเสียงกระดูกลั่นได้ยินชัดเจน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งลำพอง เหมือนกับอันธพาลที่กร่างตามท้องถนน
ห้องโถงเงียบผิดปกติแม้เข็มตกก็ยังได้ยิน ปากทุกคนอ้าค้างและจ้องมองถังเทียนอย่างโง่งม
เจ้าเด็กนี่บ้าไปแล้วหรือ?
เขาไม่รู้ว่าผู้ว่าการดวงดาวอยู่ที่นั่นหรือ?
คณะปกครองที่อยู่ข้างๆผู้ว่าการดวงดาวมองดูโกรธและสวี่ฉางเทียนฝืนยิ้ม เจ้าเด็กนี่ไร้เหตุผลแท้ๆขณะที่หัวหน้าคณะปกครองเตรียมจะพูด ผู้ว่าการดวงดาวยกมือห้าม กลุ่มคณะปกครองตะลึงแต่ก็ยอมชะงักเท้าทันที
หน้าของผู้เฒ่าหวีแดงก่ำ เขาไม่เคยคิดเลยว่าถังเทียนจะจงใจฉีกหน้าเขาอย่างไม่เกรงใจต่อหน้าผู้ว่าการดวงดาวและทุกคน
“โอหังนัก!”
เสียงที่เยือกเย็นดังออกมา แต่กลับดังมาจากผู้อาวุโสที่อยู่ข้างตัวผู้เฒ่าหวี เขาหยีตาและพูดเสียงนุ่มนวล “เดรัจฉานที่ไร้มารยาทนี่มาจากไหนกัน? ผู้เฒ่าหวีตามดูแลตระกูลกู้ที่น่าสงสารด้วยใจที่เมตตา แต่กลับมีคนชั่วทำร้ายเขา ผู้เฒ่าหวีที่ได้รับการนับหน้าถือตาไม่ได้พูดต่อรองอะไรกับเจ้า ตระกูลกู้นอกลู่นอกทางเกินไปแล้วกฎของบ้านในเวลานั้นดูเหมือนถูกกวาดทิ้งไปหมด ดูเหมือนว่าข้าคงต้องสั่งสอนพวกเจ้าเหล่าผู้เยาว์ทุกคนที่บังอาจทำกับสหายรักของข้าจากการมาเยือนตระกูลในตอนนั้นเสียแล้ว นึกว่ามีฝีมือนักหรือ พวกเจ้าช่างไม่รู้จักประมาณตัวเสียเลย!”
วลีสุดท้ายว่า“พวกเจ้าไม่รู้จักประมาณตัว” ทำให้อุณหภูมิของห้องโถงทั้งหมดลดลง
สีหน้าของกู้เสวี่ยเยือกเย็น ขณะที่สมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลกู้ดูโกรธเคือง
อย่างไรก็ตามถังเทียนไม่ได้โกรธแม้แต่น้อย และฉีกยิ้ม “ท่านไม่ได้หมายความว่าต้องการสู้ใช่ไหม? ทำไมต้องพูดให้วกวนด้วยเล่า?ไม่ต้องรีบก็ได้, ขอทีละคน, ว่ายังไง ผู้เฒ่าหวี ท่านเป็นอะไรไปแล้ว? กลัวหรือ? ขี้ขลาดหรือ? ท่านเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า? ถ้ายังเป็นลูกผู้ชายงั้นก็ออกมาสู้กัน”
อาการบาดเจ็บครั้งก่อนของผู้เฒ่าหวียังไม่หายดี และตอนนี้ เขาถูกถังเทียนเหน็บแนมจึงมีสีหน้าเปลี่ยนไปมา
“โอว, ข้าเข้าใจ, ท่านเป็นแก่เกินไปเสียแล้ว หรือไม่ก็...”
ถังเทียนละคำพูดไว้ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความปรารถนาร้ายเบื้องหลังคำนั้น พวกเขาไม่มีทางเข้าข้างเจ้าผู้นี้ในอนาคตแน่
“เอาอีก พยายามเข้าอีก!” ปิงตะโกนอยู่ในใจถังเทียนอย่างเบิกบานใจ คำพูดทิ่มแทงใจพรั่งพรูออกมาเหมือนปีนกล “ยอมรับเสียเถอะว่าตนเองแก่แล้วทำไมถึงต้องออกมาทำเรื่องโง่ๆ ด้วยตนเองในเมื่ออายุปูนนี้แล้ว จุ๊ จุ๊ท่านก็เห็นนี่ เรื่องนี้มันน่าขายหน้าขนาดไหนแล้วในอนาคตท่านจะเอาตัวรอดได้ยังไง อย่ากังวลเลย การแสดงตลกงี่เง่าของท่านในวันนี้จะต้องเป็นที่จดจำของทุกคน หลังจากข่าวนี้แพร่สะพัดไปแล้ว ลูกหลานของตระกูลหวี จะต้องประทับใจในวันนี้ไปตลอด....”
ถังเทียนเอาแต่ตอกย้ำและไม่อาจทำให้ได้เร็วดั่งใจของปิงได้
โอ้ก..!
ผู้เฒ่าหวีกระอักโลหิตออกจากปากและล้มลงทันที ใบหน้าเขาเหลืองซีดเหลือลมหายใจรวยริน
ถังเทียนประหลาดใจ เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่าการด่าทอคนก็สามารถเล่นงานคนได้อย่างน่าทึ่งแบบนั้น
“ทหารที่เอาชนะได้โดยไม่ต้องสู้ นี่แหละเป็นศิลปะการรบขั้นสูงสุด ในที่สุดข้าก็เข้าใจ!” เบื้องหลังประตูดาวกางเขนปิงยืนกอดอกแหงนมองฟ้า ใบหน้าของเขาอ้างว้างรำพึงอยู่ในใจ “ปล่อยวางเมื่อได้ข้อสรุป ทิ้งทั้งอำนาจและชื่อเสียง”
“หาเรื่องตาย!” ผู้อาวุโสคนนั้นโกรธเต็มที่ เขาโดดขึ้นและโฉบเข้าโจมตีเหมือนอินทรี!
ถังเทียนดึงความรู้สึกกลับมา สีหน้าของเขาเยือกเย็น เขารู้สึกหมั่นไส้เจ้าผู้นี้อยู่นานแล้ว เมื่อฝ่ายตรงข้ามโจมตีก่อน ก็ถูกใจเขาทันที
เขาย่อตัวในท่านั่งม้าขาไม่เคลื่อนไหว และปล่อยหมัดออกไปรับการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามโดยตรง
บึ้ม!
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันโดยตรง
พื้นหินใต้เท้าถังเทียนแตกเท้าของเขาจมลงไปในพื้น แต่ร่างของเขาไม่ขยับ ขณะที่ผู้อาวุโสนั้นรู้สึกเหมือนกระแทกใส่กำแพง พลังมหาศาลสะท้อนกลับมา เขากระเด็นกลับหลังและม้วนตัวในอากาศต่อเนื่องก่อนจะไปที่อยู่ที่คานของห้องโถงซึ่งอยู่ในจุดที่สูงสุด
ถังเทียนถ่มรสขมในปากออกมาและพูดเย็นชา “ทำคุยโตเที่ยวเสนอหน้าให้บทเรียนที่โน่นที่นี่บ้าง ข้าสงสัยจัง เจ้าจะน่ากลัวแค่ไหนเชียว? ฝีมือแค่นี้ข้าหาเอาแถวๆ ตระกู้ก็ได้!”
ปิงยกยอถังเทียนอยู่ข้างใน “ด่าได้ดี พ่อหนุ่มเดี๋ยวนี้เจ้าชักจะคล้ายข้าเข้าไปแล้ว”
ผู้อาวุโสโกรธจนหัวเราะออกมาและพูดอย่างเจ้าเล่ห์ “ในเมื่อเจ้าหาที่ตายเอง ก็อย่าได้โทษว่าข้าก็แล้วกัน!”
เขากำลังเตรียมโจมตีก็มีเสียงทุ้มต่ำดังเข้าหูทุกคน
“พอได้แล้ว!”
ผู้ว่าการดวงดาวผู้นิ่งเงียบมาตลอดเวลาเอ่ยขึ้นจนได้ ผู้อาวุโสชะงักค้าง เขาคลายพลังและลงมาจากคานบ้านพูดกับถังเทียน“เห็นแก่ท่านผู้ว่าฯ ของเรา ข้าจะยอมละเว้นเจ้าสักครั้ง”
ถังเทียนเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสก็แลบลิ้นล้อเลียนและหัวเราะเบาๆ
ผู้อาวุโสหน้าเขียวทันที
ขณะที่ผู้ว่าการดวงดาวเตรียมตัวพูดเสียงหัวเราะเบาๆ ก็ดังมาจากเด็กสาวที่อยู่ด้านข้างเขาเงียบทันทีและหัวเราะเบาๆ “พ่อหนุ่มนี่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาจริงๆ”
ถังเทียนได้ยินเสียงเด็กสาวหัวเราะก็แปลกใจเขาจึงหันไปมองตรงที่นั่ง
เมื่อเขาเห็นเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ใหญ่ ร่างของเขาแข็งค้าง กลัวจนนึกอะไรไม่ออก