ตอนที่ 174 เย็นไว้พ่อหนุ่ม
ถังเทียนไม่มีเวลาได้สางปัญหาเรื่องเหรียญดวงดาว เพราะอาเสวี่ยเตรียมตัวพร้อมแล้ว
ห้องว่างที่จัดการเก็บกวาดของเบ็ดเตล็ดออกไปทั้งหมด
สีหน้ากู้เสวี่ยและถังเทียนเคร่งขรึม เทวรูปห้าตามีประโยชน์ต่อพลังสายเลือด แต่จะใช้ด้วยวิธีอะไรไม่มีผู้ใดรู้
“ทุกคนที่อยู่ในลานบ้านนี้ถูกกันออกไปแล้ว” กู้เสวี่ยลดเสียงลง ใครๆก็สามารถบอกได้ว่านางค่อนข้างกังวล
ถังเทียนตอบ “โอว”
เมื่อเห็นว่าถังเทียนไม่เข้าใจเหตุผล กู้เสวี่ยอธิบาย “ข้าเกรงว่าคนอื่นจะรู้ ถ้าข่าวเทวรูปห้าตารั่วไหลออกไป อย่างนั้นเราจะไม่มีทางเก็บมันไว้ได้อย่างปลอดภัยดังนั้นยิ่งรู้น้อยก็ยิ่งดี”
ถังเทียนสามารถบอกได้ว่ากู้เสวี่ยกังวลจริงๆ เพราะตามปกตินางจะไม่พูดมาก เขาจะกระตุ้นเตือนอาเสวี่ยว่าไม่ให้ใช้มัน แต่เมื่อสบตาของอาเสวี่ยแล้ว เขาจำต้องเงียบ ตาของอาเสวี่ยเต็มไปด้วยความกระวนกระวายและกลัวแต่ส่วนใหญ่จะเป็นความมุ่งมั่น
ถังเทียนสามารถเข้าใจถึงความมุ่งมั่นอย่างนั้นได้ เพราะความมุ่งมั่นเช่นนั้นก็คล้ายๆ กับเขาดังนั้นเขาจึงไม่เกลี้ยกล่อมชักชวนนาง
“ไม่ต้องห่วง, ข้าจะคอยจับตาดูอยู่ตรงนี้เสมอ! อาเสวี่ยทำได้แน่!” ถังเทียนตบอกตัวเอง และพูดเสียงดังๆ เขาต้องการใช้วิธีนี้สร้างความมั่นใจให้อาเสวี่ย
กู้เสวี่ยยิ้มหวานให้ถังเทียน “ขอบคุณ, อาเทียน!”
ใบหน้าของเด็กสาวเริ่มกลับมามีอารมณ์ที่สงบ ความมุ่งมั่นกลับคืนมาที่หน้าของนาง คล้ายจะประกาศเงียบๆว่า“อย่างนั้นข้าจะเริ่มล่ะ”
ถังเทียนตอบ “อืม..” ความจริงเขาก็เป็นห่วงเช่นกัน ฝ่ามือของเขามีเหงื่อซึมเล็กน้อย ต่อให้เป็นการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับยอดฝีมือ ถังเทียนก็ยังไม่กังวล แต่ตอนนี้ เขากลับกังวลห่วงใย
กู้เสวี่ยเอาเทวรูปห้าตาออกมาวางบนพื้นใกล้ๆ
เทวรูปที่ดุร้ายเหมือนกับจะจ้องมองอาเสวี่ย
กู้เสวี่ยสูดหายใจลึก ยืนอยู่ต่อหน้าเทวรูปห้าตาและเริ่มทำมุทรา (ปางมือ) ทีละท่า
ถังเทียนตื่นตัว นั่นเป็นท่าปางมือของเทวรูปทั้งห้า แม้ว่ามุทราของอาเสวี่ยจะยังไม่สมบูรณ์ในหลายจุด แต่ถังเทียนสามารถจำท่าเหล่านั้นได้ทันที
เมื่อเสร็จสิ้นมุทราในแต่ละปาง ตาของเทวรูปห้าตาก็จะสว่างวาบ
ตาสีแดงดูชั่วร้ายอย่างแปลกประหลาด สว่างขึ้นดวงแล้วดวงเล่า และเมื่อทำมุทราทั้งห้าท่าได้สำเร็จแล้ว ตาห้าดวงทั้งหมดก็สว่างกู้เสวี่ยหอบเล็กน้อย มุทราทั้งห้านี้ทำให้เหงื่อนางเปียกโชก
ตอนนี้เอง ตาแดงที่อยู่บนฝ่ามือซ้ายของเทวรูปห้าตายิงแสงที่น่ากลัวออกมาทันทีและลำแสงสีแดงก็กระทบถูกตัวกู้เสวี่ย
ร่างกายที่บอบบางของกู้เสวี่ยสั่นสะท้านและท่าทางที่เจ็บปวดปรากฏอยู่บนใบหน้านาง
จากนั้นตาบนฝ่ามือขวาของเทวรูปห้าตาก็ยิงลำแสงสีแดงอีกสายหนึ่งและแสงนั้นยิงใส่ร่างของกู้เสวี่ย ตาซ้าย, ตาขวา,ตาทั้งสามที่อยู่แนวคิ้วยิงลำแสงสีแดงทีละดวงๆ
รังสีทั้งห้าหุ้มตัวกู้เสวี่ยทั้งหมด เท้าของกู้เสวี่ยค่อยๆ ลอยขึ้นเหนือพื้น ร่างของนางลอยขึ้นช้าๆ ตาของกู้เสวี่ยปิดแน่น คิ้วของนางขมวด เหมือนกับว่านางกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดร่างของนางสั่นเล็กน้อย
ถังเทียนไม่กล้าหายใจแรง ได้แต่กำหมัดตนเองแน่น
เขาเข้าใจเรื่องพลังสายเลือดน้อยนิดจนน่าสงสาร แต่เขารู้ว่าสายเลือดรุ้งหิมะ สำหรับอาเสวี่ยแล้วดูเหมือนจะมีความสำคัญมากกว่าปกติ
อาเสวี่ย, ขอให้โชคดีนะ
ถังเทียนกำหมัดแน่นและตะโกนบอกในใจ
ทันใดนั้น แสงเลือนลางสายหนึ่งในตัวอาเสวี่ยสว่างขึ้น ตามมาด้วยสีส้มจากนั้นเหลือง ตามด้วยเขียว, น้ำเงิน คราม, ม่วงแสงสีแตกต่างกันเจ็ดสีเรืองแสงขึ้นทีละสีๆ ถังเทียนได้แต่ตะลึงมอง
รุ้งหิมะ... คือแสงรุ้งเจ็ดสีเหล่านี้หรือ?
แสงเจ็ดสีสว่างสลับกันไป และสีหน้ากู้เสวี่ยสงบลงสีหน้าของนางสงบด้วยสีสันที่ดูเยือกเย็น รูปลักษณ์ที่สวยงามของนางยิ่งมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
แสงสีรุ้งทั้งเจ็ดสลัวลงเรื่อยๆตอนนี้รังสีแดงทั้งห้าที่ยิงออกมาจากเทวรูปห้าตากลายเป็นแดงเข้มเหมือนเลือด
แม้แต่อากาศดูเหมือนจะเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
ใบหน้าของกู้เสวี่ยดูเจ็บปวดมากขึ้น จากนั้นร่างของนางก็สั่นรุนแรงมากขึ้นมากกว่าแต่ก่อน หัวใจของถังเทียนเต้นแรง
ขณะที่ลำแสงของเทวรูปห้าตาส่องแสงบนตัวอาเสวี่ย เสื้อผ้าของอาเสวี่ยเริ่มเผาไหม้
ถังเทียนตกใจ เขาเตรียมจะวิ่งเข้าไป แต่เขาสังเกตว่าเสื้อผ้าไหม้เป็นถ่าน เผยให้เห็นผิวขาวราวกะหิมะแต่ว่าไม่มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด
เขาชะงักเท้าทันที
ผิวที่เห็นในไม่ช้าก็คลุมปิดด้วยชั้นฟิล์มบางๆ และเรืองแสงสีแดงเข้มจนเหมือนเลือดคล้ายเป็นชั้นหนังกำพร้าบางๆปิดผิวของกู้เสวี่ย
ในไม่ช้าแผ่นชั้นเลือดบนร่างกู้เสวี่ยก็เพิ่มขึ้นจนคลุมไปเกือบครึ่งร่าง
ภาพที่ปรากฏต่อหน้าเขาน่ากลัวจนบอกไม่ถูก ถังเทียนตกใจมากเพราะเขาไม่คุ้นเคยกับเรื่องการกระตุ้นสายเลือดเท่าใดนัก แต่อย่างน้อยที่เขารู้ ความเปลี่ยนแปลงที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาไม่ใช่สิ่งที่แย่
แต่ปัญหาที่ตามมาทำให้ถังเทียนอึดอัดใจมาก
แม้ว่าชั้นแผ่นเลือดที่คลุมตัวกู้เสวี่ยจะเป็นแผ่นฟิล์มที่บางมาก แต่มันแนบกับผิวของกู้เสวี่ย ดังนั้นสัดส่วนองค์เอวของอาเสวี่ยจึงปรากฏชัดมาก
ถังเทียนหน้าแดงก่ำด้วยความอาย
“ลุง, ทำไงดี?”
ถังเทียนระล่ำระลักถามปิงในใจ
“เออๆๆๆ, พ่อหนุ่ม, ข้าหันหลังให้นางอยู่ รับรองไม่แอบมองแน่ อย่าห่วง ข้าเป็นครูฝึกมีคุณธรรมพออยู่แล้ว”
ปิงกระแอมเบาๆ และกระตุ้นเตือนถังเทียนดังๆ “หนุ่มน้อย,เบิ่งตาของเจ้าให้กว้าง! เจ้าต้องดูให้ดี! ถ้าเจ้าไม่ดู แล้วเกิดมีปัญหาใดๆ ขึ้นมา เจ้าจะช่วยได้ไม่ทันการ”
“แต่....” ถังเทียนเถียง
“ไม่มีแต่! ในฐานะนักรบคนหนึ่ง, นี่คือการรบ! การรบ, เข้าใจไว้ด้วย! ถ้าเจ้าปิดตา ก็หมายความว่าเจ้ายอมจำนนหมายความว่าเจ้ายอมรับความล้มเหลวเป็นครั้งแรก!”
ถังเทียนรู้แต่เพียงว่าหน้าของเขาร้อนผ่าวราวกับถูกไฟเผา เมื่อได้ยินคำพูดปลุกใจของปิง
“ที่ต้องห่วงตอนนี้คือชีวิตของคน! เจ้าอยากให้มีเรื่องเกิดขึ้นกับอาเสวี่ยหรือไง? ถ้าไม่อยากเจ้าก็ต้องลืมตาให้กว้างเข้าไว้ ในฐานะครูฝึกของเจ้า ข้าขอใช้ประสบการณ์โชกเลือดบอกเจ้า บนสมรภูมิ ความผิดพลาดมักจะเรียกความตายเข้ามาเสมอ”
“พ่อหนุ่มผู้ไม่มีความชั่วร้ายอยู่ในหัวใจไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน เจ้าจะต้องเบิ่งตากว้างอย่างกล้าหาญเสมอและเผชิญศัตรูอย่างเต็มที่”
“ลืมตาให้กว้างไว้, ใจเย็นๆ พ่อหนุ่ม สู้เขา!”
ปิงแทบตะโกนก้องอยู่ในใจของถังเทียน
ถังเทียนละอายใจกับความคิดก่อนหน้านั้น ปิงพูดถูก ถ้าไม่มีความชั่วร้ายอยู่ในหัวใจ ก็ไม่มีความคิดฟุ้งซ่านใดๆ
ถังเทียนสูดหายใจลึกและมุ่งมั่นสงบอารมณ์ที่ปั่นป่วน
ใช่แล้วนี่คือการรบ!
ถังเทียน, เจ้าจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้ยังไง?
ถังเทียนลืมตากว้าง ด้วยสีหน้าที่จริงจังขึงขัง เขาใช้พลังเต็มที่
ดังนั้นเขาเห็นผิวขาวราวหิมะที่เสื้อผ้าถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว เห็นผิวที่เรียบรื่นละเอียดอ่อน เขาเห็นทั้งสัดส่วนที่ดึงดูดใจ...
ให้ตายเถอะ! สู้ยากจริงๆ...
ถังเทียนกัดฟัน เบิ่งตากว้างดูดุร้าย ศีรษะของเขามีเหงื่อเต็มไปหมด
เบื้องหลังประตูดาวกางเขน ปิงนั่งหันหลังให้ประตูดาวกางเขนเอามือลูบคางตนเอง และพึมพำกับตนเอง“ขาวจั๊วะขนาดนั้น พลาดพลั้งมาจะเป็นบาปนะ, สู้ได้ดีนี่พ่อหนุ่ม อืม.. ข้าอยากจะถามหน่อย สมบัติตระกูลกู้มีค่ามากเท่าใดกันแน่....”
เมื่อผิวส่วนสุดท้ายของกู้เสวี่ยถูกชั้นฟิล์มเลือดปิดหมดแล้ว ในที่สุดถังเทียนก็ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นเขาตระหนักว่าเขาเหงื่อโชกไปหมดโดยไม่รู้ตัว
เป็นการรบที่ยากลำบากอย่างแน่นอน!
เมื่อถังเทียนให้ความสนใจที่ตัวกู้เสวี่ยอีกครั้ง เขาก็ต้องตะลึง
ตลอดทั้งตัวของกู้เสวี่ยปกคลุมไปด้วยชั้นฟิล์มสีเลือดบางๆ เป็นทรวดทรงชัดเจน!ทำให้กระตุ้นความรู้สึกของถังเทียน เขาไม่รู้จะอธิบายภาพที่เห็นอยู่นี้อย่างไรดี แต่ความรู้สึกของเขาในตอนนี้คล้ายๆ กับคำอธิบายนี้ ชั้นฟิล์มเลือดบางๆ เหมือนกับชุดรัดรูปสีแดงที่แสดงให้เห็นสัดส่วนที่ทรงเสน่ห์ที่สมบูรณ์ของกู้เสวี่ย
ถ้าเป็นเพียงรายละเอียดที่แสดงออกมาตอนนี้ อย่างนั้นผลกระทบทั้งหมดในตอนนี้ ถังเทียนก็เคลิบเคลิ้มได้แล้ว
“พ่อหนุ่ม, ตั้งสติไว้!เป็นอะไรไป? อ่อนแอเกินไปหรือเปล่า? ลืมตากว้างไว้ เจ้าต้องมองดูรายละเอียดทุกอย่าง ถ้ามีอะไรผิดพลาดมา เจ้าจะได้แก้ปัญหาได้ทัน! ถ้าเจ้าฟุ้งซ่านในสมรภูมิ เจ้าตายไปนานแล้ว จงมุ่งเน้นให้ความสนใจ ปิงรู้สึกได้ว่าถังเทียนเคลิบเคลิ้ม จึงกระแอมเบาๆ ตักเตือน
ถังเทียนเรียกความรู้สึกกลับมา
ปิงพูดถูก นี่คืออาการสนองตอบแรกของถังเทียน เขาไม่ได้คิดถึงมันเลย ถ้ามีอะไรผิดพลาด เขาจะแก้ปัญหาได้อย่างไร?
เขาลืมตากว้าง และใช้สายตาสำรวจร่างของกู้เสวี่ย ดังนั้นเขาจึงสังเกตรายละเอียดหลายอย่างที่เขาไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน...
หายใจลึกเข้าไว้.... หายใจลึกๆ.....
สู้... สู้โว้ย...
ถังเทียนลืมตากว้าง และเริ่มกัดฟันอีกครั้ง มือทั้งสองกำแน่นโดยไม่รู้ตัว
เวลาผ่านไปช้าๆ ถังเทียนที่มีเหงื่อท่วมตัวไม่กล้าขยับเลยแม้แต่นิ้วเดียว เหงื่อไหลออกจากหน้าผากเป็นทางไปถึงเปลือกตา ถังเทียนไม่กล้ากระพริบตา ความจริงเขากำหมัดแน่นตั้งแต่แรกจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ยอมขยับคลาย
นี่คือบททดสอบตบะของเขา! นี่คือการรบ!
ถังเทียนปลุกปลอบใจตนเองในใจอย่างกระตือรือร้น
ทันใด กู้เสวี่ยที่มีตัวคลุมด้วยฟิล์มเลือดชั้นบางๆ และลอยอยู่ในอากาศก็มีความเคลื่อนไหว
ถังเทียนตื่นตัว ช่วงเวลาสำคัญมาถึงแล้วหรือ? เขาพยายามเปิดตากว้างกลัวว่าจะพลาดรายละเอียดอะไรไป
เขามองเห็นรอยแตกปรากฏอยู่บนชั้นผิวฟิล์มเลือด ถังเทียนไม่กล้ากระพริบตา, เขากระวนกระวายใจอย่างหนัก
เป็นไงบ้าง อาเสวี่ย? สำเร็จไหม?
ถึงเวลานี้ ชั้นฟิล์มโลหิตบนตัวกู้เสวี่ยโป่งพองและแตกระเบิดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ร่างที่มีผิวขาวผ่องดุจหิมะปรากฏแก่ถังเทียนเต็มตา
ถังเทียนมีสมาธิจดจ่ออย่างไม่เคยมีมาก่อนและจับรายละเอียดทุกอย่างไว้ชัดเจน
สมองของถังเทียนเหมือนถูกฟ้าผ่า
ถึงตอนนี้กู้เสวี่ยลืมตานางทันที
สายตาทั้งคู่ประสานกัน
ถังเทียนมีสีหน้าชะงักค้าง, สีหน้ากู้เสวี่ยก็ชะงักค้างเช่นกัน ร่างของถังเทียนค้างอยู่กับที่ ร่างของกู้เสวี่ยค้างอยู่กลางอากาศ
เวลาเหมือนกับจะหยุดนิ่ง
สิบวินาทีเต็มผ่านไป!
กู้เสวี่ยรู้สึกตัวทันทีและเผลอกรีดร้องไม่รู้ตัว แต่ทันทีที่เริ่มกรี๊ดนางก็รู้ตัวทันทีว่า ถ้าตกเป็นจุดสนใจของคนอื่น คงได้เกิดหายนะแน่ นางกลัวจนรีบยกมือปิดปากตนเองทันที
กู้เสวี่ยกำลังลอยอยู่ในอากาศ ไม่ได้สังเกตว่านางกำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ความตื่นตกใจทำให้นางสูญเสียการควบคุมตัวเองและร่วงลงพื้น
กู้เสวี่ยหน้าซีดทันที แต่นางรู้สภาวะแรงโน้มถ่วง นางยังเอามือปิดปากแน่นไม่กล้ายกมือ กลัวว่าจะดึงดูดบุคคลที่ไม่พึงประสงค์เข้ามา
ควั่บ!
มือที่แข็งแรงคู่หนึ่งรับนางไว้
ดวงตาที่งดงามของกู้เสวี่ยเบิกโพลง ร่างแข็งค้าง