ตอนที่ 173 ปัญหาอาจม
รอยยิ้มของถังเทียนชะงักค้างและหลังจากนั้นชั่วขณะ เขาเกาหัวแกรกๆ และตอบอย่างเขินอาย “ข้าลืม...”
“ลืม....” ดวงตาโตเป็นเงางามของเด็กเป็นประกายกรอกไปมาเธอโกรธ “เจ้าลืมได้ยังไง? เรื่องใหญ่ขนาดนี้, เจ้าลืมได้ยังไง? ข้าใช้ความพยายามตั้งมากมาย เจ้ากลับลืมจริงๆ... ว้าก...”
เสียงแว้ดของเด็กหญิงเงียบทันที
ถังเทียนยัดผ้ากลับเข้าไปในปากของเด็กหญิงอีกครั้ง
เด็กหญิงถลึงตาแทบหลุดจากเบ้า เธอแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอถูกปฏิบัติอย่างไร้ความเป็นธรรมอย่างนี้ ใบหน้าน้อยๆ ของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ
ถังเทียนกระพริบตาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “ข้าลืมไปขณะที่ต่อสู้ อย่าโกรธนักเลย แต่ข้าคิดว่าก็ได้ผลที่ดีมากนะ ไม่ใช่เป็นการต่อสู้ที่สูญเปล่าดูเหมือนมาตรฐานแผนของเจ้าไม่ได้สูงส่งอะไร เอ่..การต่อสู้สามารถจัดการได้ทุกอย่าง แต่เจ้ากลับทำให้มันซับซ้อนเกินไป สหายน้อยของข้า เจ้ายังต้องพัฒนาขึ้นไปอีก!”
ถังเทียนลูบศีรษะเด็กหญิงด้วยสีหน้าของคนใจคับแคบ
เด็กหญิงโกรธส่งเสียงคำรามในลำคอ
“เอาล่ะ.. เจ้าก็กินจนอิ่มแล้ว สองสามวันนี้คงไม่อดตายแน่” ถังเทียนอุ้มทั้งสองคนกลับเข้าไปในตู้ ขณะที่เขาพูดว่า “พี่เหิงจ้าน ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่อดตาย ต่อให้อดสักเดือนหนึ่งก็ตาม เพื่อไม่ให้เป็นภาระของข้า ข้าก็เลยไม่หาอาหารเจ้า”
ถังเทียนจัดท่าให้ไจ๋เหิงจ้านอย่างดี ไจ๋เหิงจ้านหลับตาเหมือนกับว่าเขาหลับ เขาใจเย็นมาก
จากนั้นถังเทียนวางเด็กหญิงบนตัวไจ๋เหิงจ้าน เมื่อเห็นตาของเด็กหญิงกลอกไปมา เขาเตือน “เจ้าอย่าคิดเล่นลูกไม้ตุกติกจะดีกว่า ถ้าไม่อย่างนั้น หึหึ!”
เด็กหญิงถลึงตาใส่ถังเทียน
หลังจากปิดตู้แล้ว ถังเทียนรู้สึกลำบากใจ เขาจะจัดการเชลยสองคน หนึ่งเด็ก หนึ่งผู้ใหญ่ยังไงดี?
เขาไม่สามารถฆ่าทั้งสองคนนี้ได้ จะปล่อยตัวไปก็เป็นความคิดที่แย่เหมือนกัน น่าปวดหัวแท้
ช่างมันก่อน หลายอย่างจะคลี่คลายได้เอง ถังเทียนไม่กังวลใจเพิ่ม เขาเก็บเรื่องเชลยทั้งสองไว้เบื้องหลังจิตใจ
ถังเทียนพอมีเวลาว่างขึ้นก็เริ่มฝึกซ้อม เมื่ออุ่นเครื่องเสร็จ เขาพบว่าพลังและความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้งจากเดิมเล็กน้อย หลังจากที่เขาดูดซับพลังสายเลือดได้อย่างสิ้นเชิง
พลังของเขาเพิ่มขึ้นเกือบระดับสิบเอ็ด คือสิบเอ็ดเท่าของคนปกติ ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นถึงระดับสิบเอ็ดเช่นกัน นอกจากนั้น ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ว่าตอนนี้เขาควบคุมร่างกายได้ดี สภาพร่างกายของถังเทียนมาถึงระดับที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน
การค้นพบนี้ทำให้เขาดีใจมาก
เมื่อพลังและความเร็วเพิ่มขึ้นก็อาจทำให้วิทยายุทธของเขาเพิ่มขึ้นอีกมากด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามถังเทียนยังคงรู้ชัดว่า วิทยายุทธของเขากลายเป็นจุดอ่อนของเขาแทนในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นพลังหรือความเร็ว ผู้เฒ่าหวียังอ่อนกว่าเขามาก แต่เขาสามารถต่อสู้เขาได้เพราะเขามีวิทยายุทธที่แข็งแกร่ง
ถังเทียน, เจ้าไม่อาจลำพองใจได้
ถังเทียนบอกตนเองในใจ เขาเข้าไปยังหุบเขาหิวโหย และเริ่มการฝึกที่น่าสมเพชต่อไป
เสียงตะโกนร้องดังลั่นอีกครั้งเหนือท้องฟ้าของหุบเขาหิวโหย
วิ่ง, วิ่งจนสุดแรงของเจ้า
ลมที่พัดเข้าหาเขา ลดอุณหภูมิในตัวเขาและขับพลังปราณเที่ยงแท้ของเขาออกไป ตันเถียนและพลังสายเลือดของเขาว่างเปล่าสะอาดกว่าล้างน้ำเสียอีก อัตราการลดลงของพลังงานน่าตกใจ ตลอดทั้งร่างของเขาเหมือนถูกไฟเผา คอของเขาแห้งผาก
ถังเทียนกัดฟันตนเองและแสดงสีหน้าดุร้าย เหมือนตอนที่เขาต่อสู้
เขากำลังต่อสู้
ตลอดเส้นทางในหุบเขาทำให้คนสิ้นหวังไม่รู้จบ ความเหน็ดเหนื่อยไม่รู้จบจากการถูกหมาป่าแทะกระดูกไล่หลังทำให้คนสิ้นหวัง ด้วยขาที่หนักเหมือนถ่วงด้วยตะกั่วเส้นทางขรุขระคดเคี้ยวทำให้คนสิ้นหวัง อากาศที่หายใจเข้าไปก็ให้ความรู้สึกเหมือนมีดกรีดเฉือน ริมฝีปากแห้งจนแตก การสูญเสียพลังงานทำให้จิตใจว่างเปล่าโหวงเหวงและทำให้คนสิ้นหวัง
ทุกคนอย่างมีแต่ความสิ้นหวัง
ความสิ้นหวังคือศัตรูของเขา ศัตรูที่เขากำลังต่อสู้!
ถังเทียนใช้ทั้งแขนและขา แม้ว่าเขาจะคลานและล้มลง ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยฝุ่นสกปรก เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดเป็นริ้ว แต่ใบหน้าที่ดุร้าย สายตาที่มึนงง จิตใจที่ว่างเปล่าไม่ทำให้เขายอมแพ้
เขาสามารถถูกหมาป่าแทะกระดูกฉีกกระชาก แต่เขาจะไม่ยอมให้ตัวเขาพ่ายแพ้ต่อความสิ้นหวัง
พ่ายแพ้แต่ความสิ้นหวังเป็นเรื่องน่าขายหน้าเกินไป
เมื่อถังเทียนดิ้นรนออกจากหุบเขาหิวโหยแล้วเขาแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว สีหน้ามึนงงและซบเซาแสดงว่าเขาเหนื่อยล้าสุดขีดแล้ว เขาเหมือนหุ่นเชิดที่ไม่มีชีวิต นั่งขัดสมาธิโดยไม่รู้ตัวและเริ่มเดินพลังปราณ
คัมภีร์ปราณกระเรียนระดับห้าเริ่มโคจรช้าๆ พลังงานโดยรอบดูเหมือนถูกดึงด้วยมือยักษ์และไหลเข้ามาหาถังเทียนอย่างรวดเร็ว ถังเทียนเป็นเหมือนแอ่งน้ำวนขนาดยักษ์
ความรู้สึกเย็นสบายโคจรรอบตัวเขาอย่างต่อเนื่องตลอดเส้นชีพจรของเขา
ปิงปรากฏตัวทันที มือของเขาถือหินดวงดาวสามก้อน กร๊อบ!เขาบดหินดวงดาวและพลังงานที่ล้อมรอบตัวเพิ่มขึ้นเข้มข้นอย่างรวดเร็ว ภายใต้แรงดึงดูดที่แข็งแกร่ง พลังงานละลายเข้าไปในร่างของถังเทียนอย่างรวดเร็ว
พลังงานมหาศาลได้เติมเข้าไปในตัวถังเทียนผู้อยู่ในช่วงเดินปราณที่ตอนนี้ดูเหมือนจะผ่อนคลาย
ปิงลอยตัวอยู่กลางอากาศ สายตาของเขาจับอยู่ที่ใบหน้าถังเทียนและใบหน้าเหมือนไพ่ของเขาแสดงให้เห็นอาการอิดโรย หุบเขาหิวโหยมีผลการฝึกฝนที่ยิ่งใหญ่ แต่ความทรมานระหว่างกระบวนการฝึกน้อยคนที่จะทนได้ ในการฝึกฝนทหารใหม่ หุบเขาหิวโหยเป็นการฝึกภาคบังคับ และไม่ค่อยมีใครอาสาเข้าร่วมในการฝึกฝนนี้
ใช่แล้ว เด็กหนุ่มที่รับสืบทอดกองทัพดาวกางเขนใต้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ใบหน้าไพ่ของปิงยิ้มเยาะตัวเอง แต่ไม่กี่วันมานี้ ทำไมเขารู้สึกเหนื่อยมาก? ปิงประหลาดใจ และสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากขึ้นก็คือ เขาสามารถรู้สึกได้ว่าความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นช้าๆอาการง่วงนอนดูเหมือนจะเชื่อมโยงสิ่งเหล่านั้นด้วยหรือเปล่า?
แม้ว่าอาการเช่นนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และยากตรวจสอบ แต่สำหรับครูฝึกอาวุโสเขาสามารถตรวจสอบได้แน่นอน
สิ่งเดียวที่เขาคิดก็คือการต่อสู้สองสามครั้งที่เขาเข้าร่วมในช่วงนี้
ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นต้องสังเกตดูบางอย่าง...
เขาลูบคาง, เขาจำปัญหาได้ทันที กรงเล็บภูตพรายมีความสามารถที่ดี แต่ราคาในการเรียกแต่ละครั้งสูงมาก และระยะเวลาสั้นซึ่งไม่คุ้มค่า และทันทีที่ถังเทียนฝึกวิชากรงเล็บเพลิงภูตพรายแล้ว คุณสมบัติทั้งสองอย่างจะทับซ้อนกัน?
หยาหยาจอมซนเล่า?
แต่เขาไม่สามารถจำวิธีที่เจ้าพวกนั้นฝึกตัวอ่อนขุนพลวิญญาณในตอนนั้น น่าปวดหัว
ปิงลูบคางเขาเองอย่างหมดหวังเล็กน้อย
ในเวลานี้เอง ถังเทียนลืมตาขึ้น ใบหน้าของเขามีแววตื่นเต้นทันทีที่เห็นปิง เขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นทันที “นี่ลุง, พลังปราณแท้ของข้าก้าวหน้าไปมากเลยโห หุบเขาหิวโหยฝึกได้ผลดีจริงด้วย”
ปิงตอบอย่างเกียจคร้าน “ใช้หินดวงดาวระดับหกไปสามก้อน ถ้ามันยังไม่ได้ผล ข้าว่าเจ้าไปเอาหัวโขกกำแพงซะเถอะ”
“หินดวงดาวระดับหกสามก้อน....” ถังเทียนยิ้มค้างบนใบหน้า
หินดวงดาวระดับหกแต่ละก้อนราคาเกินกว่าสองล้านเหรียญดาวถังเทียนมีหินดวงดาวระดับหกถึงเจ็ดสิบก้อน ซึ่งก็หมายความว่า เขาใช้เงินออกไปถึงหกล้านเหรียญดาว
ถังเทียนรู้สึกเสียดายอย่างรุนแรงเต็มไปทั่วร่างทันที เขาคร่ำครวญออกมาดังๆ“เราจะฟุ่มเฟือยมากเกินไปได้ยังไง...”
“ความเข้มข้นของพลังเจ้ายังขาดไปบ้าง” ปิงยังคงคร้านและไม่เคลื่อนไหว ร่างของเขาที่ลอยอยู่ในอากาศเปลี่ยนเป็นท่านอนหันข้างมือข้างหนึ่งชันศอกค้ำศีรษะ “มีเงื่อนไขในการฝึกในหุบเขาหิวโหย ถ้าความเข้มข้นของพลังเจ้าไม่พอ ไม่เพียงแต่กระบวนการฝึกฝนจะทำได้ช้าเท่านั้นแต่จุดรวมปราณและเส้นชีพจรของเจ้าจะได้รับบาดเจ็บได้ง่ายอีกด้วย”
“บาดเจ็บ?” ถังเทียนถลึงตามอง และถามอย่างไม่พอใจ “แล้วทำไมลุงไม่บอกข้าเสียก่อน?”
“ทุกอย่างยังควบคุมได้อยู่” ปิงไม่ตอบโดยไม่ลืมตา “ตอนนี้เจ้าปลอดภัยไม่ใช่หรือ? วิธีนี้เป็นกระบวนการที่รวดเร็วที่สุด!”
ถังเทียนโกรธเต็มที่กับท่าทีไม่ใยดีของปิง และเตรียมจะพุ่งเข้าหาเขา
ปิงยกมือข้างหนึ่ง และบอกให้ถังเทียนหยุด “เจ้าคิดเรื่องปัญหาหินดวงดาวจะดีกว่า”
แน่นอนว่าถังเทียนกลัวถูกหลอก เขาหยุดและถามด้วยท่าทีสงสัย “หินดวงดาวมีปัญหาอะไร?”
“ความจริงก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร” ปิงตอบเกียจคร้านตามปกติ แต่พอเมื่อถังเทียนเตรียมจะพุ่งเข้ามาอีก น้ำเสียงเขาเปลี่ยนไป “ก็แค่ปริมาณมันยังไม่พอ”
“ปริมาณยังไม่พออีกเหรอ?” ถังเทียนตะลึงพูดตะกุกตะกัก “เจ็ดสิบ, เจ็ดสิบก็ยังไม่พออีกหรือ?”
“อืม.. ยังขาดไปอีกเล็กน้อย” ปิงตอบแบบเฉยเมย
“เล็กน้อยเหรอ? งั้นก็ไม่เป็นไร” ถังเทียนถอนหายใจโล่งอก “ยังขาดอยู่เท่าไหร่?”
“ก็ขาดแค่ราวๆ 100” ปิงพูดต่อแบบไม่ใส่ใจ และไม่กระพริบตา
“100....”ถังเทียนตะลึงอยู่กับที่ เหมือนกับถูกฟ้าผ่า
หินดวงดาวระดับหกราคาสองล้านเหรียญดาว ร้อยก้อนก็มูลค่าสองร้อยเหรียญดาวและเขามีเพียงร้อยล้านเหรียญดาวอยู่กับตัว
ปิงไม่รู้สีหน้าอารมณ์ของถังเทียน เขายังคงพูดต่อไปอย่างไม่ใส่ใจ “นี่เป็นเพราะว่าเจ้ามีระดับพลังต่ำ และเจ้ากำลังฝึกฝนหนัก จำนวนหินดวงดาวที่เจ้าต้องการจึงสูงเทียมฟ้า อย่างไรก็ตามหลังจากหินดวงดาวร้อยเจ็ดสิบก้อนนี้หมดไป เจ้าก็คงเกือบถึงระดับหกแล้ว”
“จริงสิ ทันทีที่การฝึกเริ่ม มันจะไม่สามารถจบได้ ไม่อย่างนั้นจะสร้างความเสียหายให้กับศูนย์รวมปราณและเส้นชีพจรเจ้าอย่างถาวร”
“พ่อหนุ่ม! อย่ายึดติดกับเงินมากเกินไปนัก, ของเหล่านั้นก็คืออาจมดีๆนี่เองเจ้าต้องมองเงินให้เหมือนเป็นอาจม แต่ก็อีกนั่นแหละ สิ่งที่เป็นอาจมนี้มันคือปุ๋ย, ดังนั้นจะเป็นอาจมหรืออะไรทำนองนี้ มีมากไว้ย่อมดีกว่า!”
ปิงหลับตา สีหน้ามีความสบายใจ แขนที่ว่างเปล่าโบกอยู่ในอากาศเป็นระยะ
ถังเทียนโกรธเต็มที่ เขาโถมตัวเข้ามาใช้มือทั้งสองคว้าคอของปิงและเขย่ารุนแรงพลางตะโกนลั่น “อาจม? อย่างนั้นลุงก็ผลิตอาจมราคาร้อยล้านให้ข้าสิโว้ย!”
ถังเทียนเขย่าจนหน้าเหมือนไพ่ของปิงเหมือนกับจะหลุดร่วงได้ในทันใด แต่เขาก็ยังหลับตาและตอบอย่างเกียจคร้าน “เจ้าต้องการเงินใช่ไหม? พ่อหนุ่ม! อย่าดูถูกตัวเอง อืมม, อาเสวี่ยยินดีจะให้เงินเจ้าอยู่แล้ว นายทุนมีพร้อมอยู่แล้วรวย สวย ขาวเสียด้วย....”
ถังเทียนโกรธมากกว่าเก่าทันทีและจับปิงทุ่มลงพื้น
กรวดทรายปลิวว่อนไปทั่ว แต่ปิงไม่ได้รับบาดเจ็บ แม้แต่ท่าทางของเขาก็ไม่เปลี่ยน “มีตระกูลกู้คอยหนุนหลังก็นับว่าไม่เลว ร้อยล้านเหรียญดาวแค่สำรองไว้เผื่อมีเหตุเปลี่ยนแปลง สมบัติชั้นบรอนซ์ชิ้นหนึ่งก็น่าจะพอถ้าเจ้าไม่เอาแต่ถือทิฐิเกินไป แล้วจะให้ข้าทำหรือไง? อย่าห่วง อาเสวี่ยจริงใจกับเจ้าแน่ แค่เอ่ยปากขอร้อยล้านเหรียญดาวเท่านั้น..”
ถังเทียนรวบขาปิงขึ้นแล้วฟาดลงพื้นบึ้ม! ศีรษะของปิงกระแทกกับพื้นหิน
“เจ้า, บัดซบ!ไร้ยางอาย!” ถังเทียนด่า “เจ้ากำลังออกอุบายชิงทรัพย์สินครอบครัวของอาเสวี่ยน่ะสิ เลวร้ายมาก!”
“แค่ก แค่ก แค่ก!” เสียงของปิงดังมาจากใต้พื้น“ไม่ต้องใช้แผนอะไรเลย พูดออกมาคำเดียว นี่แหละง่ายที่สุดแล้ว อาเสวี่ยเป็นคนดีคนหนึ่ง...”
“เงียบไปเลย!” ถังเทียนพูดเสียงดุ และคำรามว่า “ร้อยล้านเหรียญดาวไม่ใช่หรือ? หนุ่มน้อยชาวฟ้าซะอย่างต้องง้อร้อยล้านเหรียญดาวด้วยหรือ?”
หลังจากนั้น ถังเทียนหมุนตัวเดินจากไปด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ