ตอนที่แล้วข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 9 บุปผากลืนวิญญาณ (กินทุกอย่าง)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 11 รองจ้าวลัทธิมารสิ้นชีพ

ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 10 แผนภาพบ่มวิญญาณและวิชาหมื่นชำระวิญญาณ


ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 10 แผนภาพบ่มวิญญาณและวิชาหมื่นชำระวิญญาณ

วันที่ยี่สิบเก้าของการเก็บตัวอยู่บ้าน ฉู่เซวียนอยู่ในเรือนสี่ประสานวันพรุ่งนี้ก็จะครบหนึ่งเดือน

นับตั้งแต่ที่เขาสังหารพวกสาวกมารที่แอบเข้ามาในตระกูลฉู่ ก็ไม่มีสาวกมารคนใดพยายามแอบเข้ามาในตระกูลฉู่อีกเลย

ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ฉู่เซวียนได้รู้มาจากข้ารับใช้ว่าพวกลัทธิมารในเมืองฉู่ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากตระกูลฉู่และได้สูญเสียผู้อาวุโสขอบเขตว่างเปล่า

ทั้งแคว้นฉินสั่นสะเทือน ทุกขุมอำนาจต่างตกตะลึงกับท่าทีที่ตระกูลฉู่แยกเขี้ยวอย่างกะทันหัน

แม้แต่ข้ารับใช้ที่รู้ผลของการต่อสู้ก็เห็นว่าตระกูลฉู่ได้รับชัยชนะท่วมท้นในการลงมือครั้งนี้

ตราบใดที่ตระกูลฉู่ยังไม่ถูกพิชิต ฉู่เซวียนก็สามารถอยู่ได้อย่างสบายใจและค่อย ๆ สะสมแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น

ในไม่ช้าเวลาหนึ่งเดือนก็มาถึง

ฉู่เซวียนตั้งหน้าตั้งตารอว่าระบบจะให้รางวัลอะไรแก่เขาหลังจากอยู่ในเรือนสี่ประสานมาหนึ่งเดือน

“โฮสต์ได้เก็บตัวอยู่บ้านหนึ่งเดือน โฮสต์ได้รับรางวัลคือพลังภูเขามิสั่นคลอน”

รางวัลสำหรับการเก็บตัวอยู่บ้านหนึ่งเดือนคือพลังภูเขามิสั่นคลอน

ฉู่เซวียนรีบรับรางวัล

พลังภูเขามิสั่นคลอนคือวิชาป้องกันที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่ป้องกันร่างกายแต่ยังป้องกันวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย

เมื่อสำเร็จวิชา ร่างกายก็จะแข็งแกร่งราวกับภูเขาที่ยากจะสั่นคลอน

โดยเฉพาะการป้องกันวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ มันจะสร้างชั้นของภูเขาขึ้นมาปกป้องวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ตราบใดที่ไม่สามารถเจาะชั้นป้องกันของภูเขาก็ไม่มีทางทำร้ายวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้

นี่เป็นวิชาป้องกันที่ทรงพลังอย่างยิ่ง แม้แต่ตอนที่บรรลุขอบเขตจักรพรรดิแล้วก็ตาม

ฉู่เซวียนเริ่มฝึกฝนพลังภูเขามิสั่นคลอนทันที ตัวเขาสั่นสะท้านเมื่อพลังวิญญาณเริ่มรวมตัวกัน หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วยามเขาก็สำเร็จวิชา

ภูเขาขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นรอบวิญญาณของเขาเพื่อป้องกันการโจมตีจากภายนอก

ในเวลาเดียวกัน ฉู่เสวียนก็ทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับขึ้นที่เก้า

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ถึงช่วงปลายเดือนที่สอง

ฉู่เสวียนได้ทะลวงไปยังประตูวิญญาณแล้วครึ่งก้าว

ความเร็วในการฝึกฝนพลังยุทธ์ของเขานั้นเร็วมากจนทำให้อัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วนต้องตกตะลึง

ในช่วงเดือนที่ผ่านมานี้ ฉู่เซวียนได้รับรางวัลมากมายจากระบบ ไม่ว่าจะเป็นวิชา พลังลี้ลับ โอสถ อาวุธวิญญาณ และอาวุธสมบัติ

แม้ว่าเขาจะอยู่ในเรือนสี่ประสานและไม่ได้ก้าวเท้าออกจากประตูแม้แต่ก้าวเดียว ฉู่เซวียนก็รับรู้ถึงสถานการณ์ที่ตึงเครียดในเมืองฉู่

หลังจากที่ลัทธิมารได้รับความเสียหายอย่างหนัก พวกมันก็ได้เปิดการโจมตีอย่างกะทันหัน ตระกูลฉู่ก็ได้สูญเสียผู้พิทักษ์ขอบเขตวิญญาณและรุ่นเยาว์ขอบเขตห้วงลี้ลับหลายสิบคน

ในเวลานี้ แคว้นฉินได้ใช้ความแข็งแกร่งของทั้งแคว้นเพื่อกวาดล้างลัทธิมาร

ภายใต้คำสั่งของราชวงศ์ฉินและแรงกดดันของตระกูลขุนนางทั้งสาม ขุมกำลังและผู้ฝึกยุทธ์นับไม่ถ้วนในแคว้นฉินได้เข้าร่วมในการปิดล้อมและปราบปรามลัทธิมาร

นอกจากแคว้นฉิน แคว้นเพื่อนบ้านอย่างแคว้นต้าโจวและแคว้นจื่อเย่วก็ได้เริ่มลงมือเช่นกัน

การป้องกันของอาณาเขตตระกูลฉู่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ในบางครั้งถึงกับมีผู้พิทักษ์ขอบเขตวิญญาณออกมาปกป้องเขต

เมื่อสามวันก่อน การสู้รบกันในช่วงสั้น ๆ ได้เกิดขึ้นในอาณาเขตตระกูลฉู่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเรือนสี่ประสานของฉู่เซวียน

การต่อสู้จบลงในเวลาไม่นาน แต่มันทำให้ฉู่เซวียนรู้สึกกังวล

หากยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณหรือแม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตว่างเปล่าของลัทธิมารลงมือเอง การอยู่ชายขอบเขตตระกูลจะไม่เป็นอันตรายมากหรือ?

เขาจะต้องรีบทะลวงไปยังขอบเขตวิญญาณให้เร็วที่สุด

ตอนนี้ การปิดล้อมลัทธิมารไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตระกูลฉู่ขุมกำลังเดียว แต่ทั้งแคว้นฉิน แคว้นต้าโจว และแคว้นจื่อเย่วกำลังร่วมมือกัน

ต้องรู้ว่า ขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของลัทธิมารคือจักรวรรดิต้าเซี่ย

ราชสำนักที่มารจะนิ่งดูดายให้ลัทธิมารถูกกำจัดหรือ?

การปิดล้อมลัทธิมารอาจกล่าวได้ว่าตระกูลฉู่เป็นผู้ชักนำโดยและยังเป็นตระกูลฉู่ที่ขัดขวางแผนการของลัทธิมาร

หากจักรวรรดิต้าเซี่ยเคลื่อนไหวจริง ๆ เป้าหมายแรกของพวกเขาจะต้องเป็นตระกูลฉู่อย่างแน่นอน

ตระกูลฉู่อย่างจะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้เร็วที่สุดก่อนที่จักรวรรดิต้าเซี่ยจะเคลื่อนไหว!

“โฮสต์ได้เก็บตัวอยู่บ้านสองเดือน โฮสต์ได้รับรางวัลคือกล่องโอสถวิญญาณ”

โอสถวิญญาณคือโอสถที่ใช้ในการทะลวงขอบเขตวิญญาณและยังเป็นโอสถฝึกยุทธ์ในขอบเขตวิญญาณ

ฉู่เซวียนกินโอสถวิญญาณเพื่อรีบทะลวง

หลังจากที่ได้ทะลวงขอบเขตวิญญาณ ฉู่เซวียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขอบเขตวิญญาณถือว่าไม่อ่อนแอในแคว้นฉิน ไม่ว่าลัทธิมารจะทรงพลังเพียงใดแต่ก็มียอดฝีมือขอบเขตวิญญาณไม่มากนัก

เวลานี้ฉู่เซวียนมั่นใจว่าตราบใดที่ไม่ถูกยอดฝีมือขอบเขตว่างเปล่าบุกโจมตีด้วยตนเอง เขาก็สามารถจัดการกับมันได้

เผลอแป๊บเดียวใกล้จะถึงเดือนมีนาคมแล้ว

ฉู่เซวียนอยู่ในเรือนสี่ประสานมาเกือบสามเดือนแล้ว เขาไม่ได้ก้าวขาออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว

คนที่เขาเห็นทุกวันคือข้ารับใช้ที่มาส่งอาหารและทำความสะอาดบ้านของเขา ซึ่งพวกเขาไม่ค่อยพูดอะไรมากนัก

ในบ้านนอกจากบุปผากลืนวิญญาณ เขายังขาดสัตว์เลี้ยง

ฉู่เซวียนค่อนข้างสงบนิ่ง ต้องไม่ลืมว่าเขายังไม่แข็งแกร่งพอ การออกไปข้างนอกตอนนี้ยังอันตรายเกินไปสำหรับเขา

ไม่ว่ามันจะน่าเบื่อแค่ไหน ฉู่เซวียนยังต้องอดทน!

“โฮสต์คิดว่าการอยู่คนเดียวน่าเบื่อเกินไปงั้นหรือ? ข้าจะมอบรางวัลให้โฮสต์เป็นสัตว์เลี้ยง แมววิญญาณสวรรค์”

สัตว์เลี้ยง?

ฉู่เซวียนรู้สึกประหลาดใจและกดรับรางวัลทันที

แมวตัวสีขาวราวกับหิมะที่มีรูปลักษณ์งี่เง่าและน่ารักปรากฏขึ้น

“แมววิญญาณสวรรค์เป็นสัตว์พิศวงแห่งฟ้าดิน มันสามารถท่องไปในเก้าโลก ลงไปในยมโลก และปีนขึ้นสู่เก้าสวรรค์ชั้นฟ้า มันเก่งในการซ่อนตัว มีความเร็วอันไร้ที่เปรียบ และมีรูปลักษณ์ที่งี่เง่าและน่ารัก แต่เมื่อมันโกรธมันจะปลดปล่อยพลังของสัตว์เทพพยัคฆ์ขาว...”

ฉู่เซวียนมองไปที่ข้อมูลแมววิญญาณสวรรค์และอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความประหลาดใจ อันที่จริงแมวน้อยที่มีรูปลักษณ์งี่เง่าและน่ารักตัวนี้เป็นสัตว์พิศวงแห่งฟ้าดิน และพลังของมันยังน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง

แน่นอนว่าเวลานี้มันยังอยู่ในวัยเด็ก

ความแข็งแกร่งของมันอยู่ในขอบเขตวิญญาณขั้นที่สามเท่านั้น

ทว่าด้วยความเร็วและความว่องไวสุดขีดของแมววิญญาณสวรรค์ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่หนึ่งก็ไม่สามารถทำร้ายมันได้

เรือนสี่ประสานของฉู่เซวียนจึงไม่น่าเบื่อและจำเจอีกต่อไป นอกจากอ่านหนังสือแล้วเขายังสามารถเลี้ยงแมวได้ด้วย!

แถมเป็นแมวที่กินโอสถวิญญาณทุกวัน ฉู่เซวียนถอนหายใจ ทั่วทั้งทวีปไม่มีใครฟุ่มเฟือยเท่าเขาอีกแล้ว ให้อาหารแมวด้วยโอสถวิเศษ

“โฮสต์ได้เก็บตัวอยู่บ้านสามเดือน โฮสต์ได้รับรางวัลคือแผนภาพบ่มวิญญาณและวิชาหมื่นชำระวิญญาณ(ส่วนที่หนึ่ง)”

ฉู่เซวียนหัวใจเต้นกระดอนขึ้น วิชาฝึกเจตจำนงวิญญาณที่เขาเคยคิดหาในที่สุดก็มาแล้ว

แผนภาพบ่มวิญญาณเป็นแผนภาพที่ลึกลับอย่างยิ่ง ลายเส้นที่บิดเบี้ยวและวกวนประกอบกันจนเกิดเป็นภาพที่ดูเหมือนกับแม่น้ำและภูเขา

เมื่อมองแวบเดียวก็อดไม่ได้ที่จะดำดิ่งลงไปในภาพแล้ว บางคนอาจรู้สึกได้ว่าลายเส้นของภาพนั้นกำลังบิดเบี้ยวและวกวนอย่างต่อเนื่อง

ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ฉู่เซวียนรู้สึกเวียนหัวและต้องรีบหลบสายตาออกมา

ทันทีที่เขาละสายตา ความรู้สึกเวียนหัวก็หายไป แต่วิญญาณของเขาได้เติบโตขึ้นเล็กน้อย

ฉู่เซวียนรู้สึกประหลาดใจมาก การดูแผนภาพบ่มวิญญาณสามารถช่วยเขาพัฒนาวิญญาณได้

ส่วนวิชาหมื่นชำระวิญญาณเป็นวิชาชั้นยอดที่เหนือกว่าเคล็ดวิชาจักรพรรดิ ถึงแม้จะเป็นแค่ส่วนแรกแต่ยังทรงพลังอย่างยิ่ง

ด้วยความช่วยเหลือของแผนภาพบ่มวิญญาณ วิญญาณของฉู่เซวียนจะมีความแข็งแกร่งพุ่งทะยาน

จนเทียบเคียงกับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตว่างเปล่า

ฉู่เสวียนเริ่มฝึกฝนวิชาหมื่นชำระวิญญาณ ยิ่งเจตจำนงวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ ระยะของจิตสัมผัสของเขาจะยิ่งกว้างมากขึ้นเท่านั้น วิชามายาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นตาม

ในอนาคตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกผนึกรวมจะแข็งแกร่งและทรงพลังมากขึ้นเช่นกัน

และการป้องกันจากพลังภูเขามิสั่นคลอนจะแข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย

จนถึงตอนนี้ ฉู่เซวียนได้สร้างภูเขาร้อยลูกเพื่อปกป้องเจตจำนงวิญญาณของเขา

เป้าหมายต่อไปของเขาคือการสร้างภูเขาพันลูกเพื่อปกป้องเจตจำนงวิญญาณของเขาอย่างมั่นคง

ในการสร้างภูเขาเพื่อปกป้องเจตจำนงวิญญาน เขาต้องใช้เจตจำนงวิญญาณ และมันไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน

ทุกครั้งที่เจตจำนงวิญญาณของใครคนหนึ่งถูกใช้ไปและได้รับการฟื้นฟูในภายหลัง มันจะถูกควบคุมอารมณ์และวิญญาณจะเริ่มยืดหยุ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ

วิชาหมื่นชำระวิญญาณสร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมเจตจำนงวิญญาณอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณภาพและปริมาณของวิญญาณเพิ่มขึ้น บวกกับการสร้างภูเขาเพื่อปกป้องเจตจำนงวิญญาณทำให้ผลลัพท์เป็นทวีคูณ

หลังจากอยู่ในเรือนสี่ประสานมาเกือบสี่เดือน ความแข็งแกร่งของฉู่เซวียนก็มาอยู่ที่ขอบเขตวิญญาณขั้นที่ห้า เจตจำนงวิญญาณของเขาไม่ได้ด้อยกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่สาม

ในคืนนี้ ร่างหนึ่งได้แอบเข้ามาในอาณาเขตตระกูลฉู่โดยไร้ซุ่มเสียง

แม้แต่ผู้พิทักษ์ขอบเขตวิญญาณที่ลาดตระเวนตระกูลฉู่ก็ไม่สังเกตเห็น

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด