ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 7 ขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่เจ็ด, ดัชนีวชิระ
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 7 ขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่เจ็ด, ดัชนีวชิระ
อาวุธวิญญาณสอดคล้องกับสามขอบเขต คือขอบเขตห้วงลี้ลับ ขอบเขตวิญญาณ และขอบเขตว่างเปล่า ผู้ฝึกยุทธ์ในสามขอบเขตนี้สามารถใช้พลังของอาวุธวิญญาณได้
ทว่าอาวุธวิญญาณไม่สามารถขยายพลังของผู้ฝึกยุทธ์ที่เหนือกว่าขอบเขตรวมศูนย์ได้ เนื่องจากมันไม่สามารถต้านทานพลังวิญญาณของผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตรวมศูนย์ขึ้นไปได้ มันจะทำให้อาวุธเสียหาย
อาวุธสมบัตินั้นสอดคล้องกับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตรวมศูนย์ ขอบเขตจริงแท้ ขอบเขตจักรพรรดิระดับต้น
แม้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ใต้ขอบเขตรวมศูนย์จะใช้อาวุธสมบัติได้ ทว่าพวกเขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังของมันออกมาได้ แถมอาวุธสมบัตินั้นยังมีราคาแพงมาก
ต้องไม่ลืมว่าอาวุธสมบัติแข็งแกร่งกว่าอาวุธวิญญาณ เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ที่มีฐานพลังยุทธ์เท่ากันปะทะกัน หากฝ่ายหนึ่งครอบครองอาวุธวิญญาณและอีกฝ่ายครอบครองอาวุธสมบัติ แม้ว่าจะไม่สามารถปลดปล่อยพลังของอาวุธสมบัติได้ แต่ผู้ชนะคนสุดท้าย...ก็ยังคงเป็นผู้ที่ครอบครองอาวุธสมบัติ
สำหรับอาวุธจักรพรรดิ...มันอยู่ในระดับที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง อาวุธจักรพรรดิเหนือกว่าอาวุธวิญญาณและอาวุธสมบัติจนเทียบไม่ติด
ฉู่เซวียนอยู่ในเรือนสี่ประสานยี่สิบวันก็ได้รับอาวุธสมบัติระดับสูงแล้ว อาวุธที่เขาได้รับทรงพลังยิ่งกว่าอาวุธพิทักษ์ของตระกูลฉู่ เขาจะไม่มีความสุขได้ยังไง?
หากเขาเก็บตัวอยู่บ้านหนึ่งปี อาวุธจักรพรรดิคงไม่ใช่แค่ฝัน
ตัวดาบสะบั้นวิญญาณทั้งเล่มเป็นสีขาวโพลนราวหิมะ พลังวิญญาณหมุนวนอย่างแผ่วเบาออกมาจากใบดาบ มองแวบเดียวก็บอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา
ฉู่เซวียนตรวจสอบข้อมูลของดาบสะบั้นวิญญาณและพบว่ามันเป็นอาวุธสมบัติที่เน้นทำลายเจตจำนงวิญญาณ
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์แล้ว อาการบาดเจ็บทางเจตจำนงวิญญาณนั้นรักษายากมากกว่าอาการบาดเจ็บทางร่างกาย โอสถหรืออุปกรณ์ที่สามารถรักษาเจตจำนงวิญญาณทั้งหายากและมีราคาแพง
เมื่อเจตจำนงวิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัสและฟื้นตัวกลับมาไม่ได้ นั่นหมายถึงเส้นทางของการฝึกฝนพลังยุทธ์แทบจะถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง
ในเวลาเดียวกัน เมื่อดาบสะบั้นวิญญาณสร้างบาดแผลบนร่างกายศัตรู ก็หมายถึงการสร้างบาดแผลบนวิญญาณศัตรูด้วย แถมยังทำลายเจตจำนงวิญญาณศัตรูไปพร้อมกัน
การโจมตีที่พุ่งเป้าไปยังวิญญาณนั้นมักยากจะป้องกัน เว้นแต่มีสมบัติหรือวิชาปกป้องเจตจำนงวิญญาณ ไม่อย่างนั้นทำได้แค่อาศัยการป้องกันตามธรรมชาติเท่านั้น
ฉู่เซวียนเก็บดาบสะบั้นวิญญาณเข้าไปในมิติระบบ ด้วยความแข็งแกร่งขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่หกในปัจจุบัน ตราบใดที่เขาไม่เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตวิญญาณ เขาสามารถสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่เก้าด้วยคมดาบสะบั้นวิญญาณได้ในดาบเดียว
อีกอย่าง เขายังฝึกเคล็ดวิชาจักรพรรดิ เมื่อเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตเดียวกัน เขามีความแข็งแกร่งเหนือกว่าอย่างท่วมท้น
เหลือเวลาอีกสิบวันก่อนเก็บตัวอยู่บ้านครบหนึ่งเดือน
ฉู่เซวียนรอคอยว่ารางวัลที่จะได้จากการเก็บตัวอยู่บ้านหนึ่งเดือนนั้นเป็นยังไง?
คงไม่น้อยกว่าดาบสะบั้นวิญญาณอย่างแน่นอน
หลังจากกินโอสถห้วงลี้ลับและโอสถบำรุงวิญญาณ ฉู่เซวียนก็นอนเอนหลังบนเก้าอี้และอ่านหนังสือพร้อมกับดูดซึมโอสถต่อไปอย่างอารมณ์ดี
ด้วยความเร็วในการฝึกฝนพลังยุทธ์ในปัจจุบัน เขาน่าจะทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่เจ็ดได้ก่อนวันพรุ่งนี้
เขาไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือไม่ ทว่าฉู่เสวียนรู้สึกว่าหลังจากบรรลุขอบเขตห้วงลี้ลับ ดูเหมือนพรสวรรค์ของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
อยู่ในระดับบุตรแห่งสวรรค์อย่างแน่นอน
ฉู่เสวียนเดาว่าอาจเป็นเพราะเมื่อทลายประตูที่เหมือนกับกำแพงแห่งสวรรค์เพื่อบรรลุขอบเขตห้วงลี้ลับ แก่นแท้ ปราณ และวิญญาณของเขาได้ถูกยกระดับขึ้น ทำให้พรสวรรค์ของเขาถูกยกระดับขึ้นเช่นกัน
ในวันที่ยี่สิบเอ็ด ฉู่เสวียนก็ทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่เจ็ดได้สำเร็จ
ขั้นที่หกไปยังขั้นที่เจ็ด แม้ว่าดูจะเป็นยกระดับขึ้นเพียงเล็กน้อย ทว่าความแข็งแกร่งนั้นเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเลยทีเดียว
และในวันนี้ ระบบให้รางวัลแก่เขาเป็นวิชายุทธ์
ดัชนีวชิระ!
คือวิชาที่สามารถควบแน่นพลังวิญญาณให้กลายเป็นสายฟ้า พลังของมันน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะความสามารถในการสะกดข่มวิชามารและพลังมาร
ดัชนีวชิระจะเพิ่มพลังขึ้นตามฐานพลังยุทธ์ ไม่มีทางกลายเป็นวิชาเก่า ๆ ที่เพียงแค่ฐานพลังยุทธ์ยกระดับก็กลายเป็นวิชาไร้ประโยชน์
แม้ว่าจะบรรลุขอบเขตจักรพรรดิ แต่ดัชนีวชิระก็ยังเป็นวิชาโจมตีที่ทรงพลัง
ฉู่เซวียนใช้เวลาครึ่งชั่วยามเพื่อควบคุมดัชนีวชิระ ในไม่ช้าก็สามารถควบแน่นพลังวิญญาณให้กลายเป็นสายฟ้าและรวบรวมมาไว้ที่ปลายนิ้วของตนเองตามที่ต้องการ
เขาสามารถยิงสายฟ้าออกไปอย่างต่อเนื่อง
ฉู่เซวียนได้รู้ผ่านข้ารับใช้ว่าตระกูลฉู่เริ่มลงมือกวาดล้างลัทธิมารในเมืองฉู่แล้ว เพราะเหตุนี้ ตระกูลฉู่จึงกวาดล้างลัทธิมารในเมืองฉู่ได้ในคราวเดียว
ในการกวาดล้าง ตระกูลฉู่สังหารยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณได้สามคนและสาวกมารขอบเขตลี้ลับได้อีกหลายสิบคน
วิธีการกวาดล้างของฉู่ชิงเป็นวิธีการที่ลัทธิมารคิดไม่ถึง ฉู่เทียนหมิงมีความสุขมาก เขายกย่องไปทั่วตระกูลฉู่ว่าได้รับผู้สืบทอดแล้ว
ฉู่อวิ๋นที่เพิ่งออกจากเขตตระกูลเพื่อฝึกฝน ก็ได้เข้าร่วมในการกวาดล้างและได้สังหารสาวกมารขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นหนึ่ง
แม้ว่าการกวาดล้างลัทธิมารครั้งนี้จะเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ แต่ผู้อาวุโสมารขอบเขตว่างเปล่ากลับหลบหนีไปได้
แถมพวกมันยังขู่ด้วยว่าจะแก้แค้นตระกูลฉู่
เวลานี้ผู้อาวุโสและข้ารับใช้ขอบเขตว่างเปล่าของตระกูลฉู่ออกไปไล่ล่าผู้อาวุโสมารด้วยตนเอง
ในเวลาเดียวกันตระกูลก็เพิ่มกำลังคนและการป้องกันมากขึ้น
ตามแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ลัทธิมารในแคว้นฉินมีวิชาปกปิดโบราณ พวกเขาจึงต้องระวังตัว
สายลับลัทธิมารในตระกูลฉู่ อาศัยวิชาปกปิดนี้เพื่อปกปิดวิชามารของตนเองและแฝงตัวภายในตระกูลฉู่ได้สำเร็จ
หลังจากที่ตระกูลขุนนางใหญ่อีกสองตระกูล ตระกูลจ้าวและตระกูลเหอ รวมถึงตระกูลราชวงศ์ฉินได้รับข้อมูลนี้จากตระกูลฉู่ ทั้งสามตระกูลจึงเปิดการสอบสวนภายในของตระกูลตนเอง จากนั้นเปิดโปงสายลับได้จำนวนมาก
อาจกล่าวได้ว่าการลงมือครั้งนี้ของตระกูลฉู่ ลัทธิมารในแคว้นฉินประสบความสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเมื่อวิชาปกปิดของพวกเขาถูกเปิดเผย การส่งสายลับแฝงเข้าไปในตระกูลขุนนางยิ่งใหญ่ต่าง ๆ ก็ยากขึ้นหลายเท่า
เนื่องจากแคว้นฉิน แคว้นเพื่อนบ้านอย่างแคว้นต้าโจวและแคว้นจื่อเย่วที่เป็นพันธมิตรก็กำลังเผชิญปัญหาเกี่ยวกับจักรวรรดิต้าเซี่ย แคว้นฉินจึงส่งข้อมูลนี้ไปยังทั้งสองแคว้นด้วย
ทำให้เห็นได้ชัดว่าลัทธิมารประสบกับความสูญเสียอย่างหนักแค่ไหนเนื่องจากความผิดพลาดครั้งนี้ การวางแผนหลายปีของพวกเขาล้วนสูญเปล่าหมดสิ้น
ตระกูลฉู่จึงกลายเป็นหนามยอกอกของลัทธิมารไปโดยธรรมชาติ และตกเป็นเป้าของลัทธิมารทันที
เป็นผลให้ตระกูลฉู่เพิ่มการป้องกันหนาแน่นขึ้น
ในเวลาเดียวกัน ผู้พิทักษ์ของตระกูลฉู่ก็ได้เริ่มลงมือกวาดล้างเศษเหลือเดนของลัทธิมารในเมืองฉู่
แม้ว่าจะไม่สามารถกำจัดได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ยังทำลายรากฐานของพวกมัน
ตระกูลจ้าวและตระกูลเหอต่างก็เคลื่อนไหวเช่นกัน
ราชวงศ์ฉินยังสั่งให้กองทัพทั้งหมดในแคว้นร่วมมือกันกำจัดลัทธิมาร
หลังจากฉู่เซวียนรู้ข่าว เขาแทบพูดอะไรไม่ออก เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าแค่ทำตัวค้อมต่ำยังถูกสายลับลัทธิมารมุ่งเป้า จนในที่สุดลัทธิมารก็ประสบความสูญเสียอย่างหนัก
แถมเขายังไม่รู้ว่าหลังจากได้ยินข่าวพวกระดับสูงของลัทธิมารจะเกลียดเขาเข้ากระดูกดำหรือไม่
เขาต้องทำตัวค้อมต่ำลงมากว่านี้ และเพิ่มความแข็งแกร่งโดยเร็วที่สุด
ตระกูลฉู่ค่อนข้างปลอดภัย ในเวลานี้พวกเขากำลังเฝ้าระวังอยู่ จึงไม่ง่ายเลยที่สาวกมารจะแอบย่องเข้าไปได้
ทว่าเรื่องนี้พัฒนาไปโดยเกินความคาดหมายของฉู่เซวียน
ช่วงกลางดึกวันที่ยี่สิบสาม
นอกตระกูลฉู่ เงาสองร่างที่ซ่อนตัวกลมกลืนอยู่ในความมืดย่องเข้ามาอย่างเงียบ ๆ
กลิ่นอายบนร่างกายของทั้งคู่ไม่มีความผันผวน
ทั้งคู่สวมชุดสีดำแลดูกลมกลืนไปกับความมืดมิดโดยสมบูรณ์ ไม่เพียงแต่จะมองไม่เห็นตัว แม้แต่ใช้จิตสัมผัสเพื่อรับรู้ถึงสิ่งรอบตัวก็ยังยากที่จะตรวจจับพวกเขาพบโดยไม่สังเกตอย่างละเอียด
ทั้งสองค่อย ๆ เข้าไปในอาณาเขตตระกูลฉู่ และเริ่มมุ่งหน้าไปยังเรื่องสี่ประสานหลังเล็ก ๆ ของฉู่เซวียน
“ระวังตระกูลฉู่หน่อย เราจะประมาทไม่ได้”
“ไม่ต้องห่วงด้วยอาภรณ์วิญญาณเร้น ตราบใดที่เราไม่เข้าไปใจกลางตระกูลฉู่ เราไม่มีทางถูกค้นพบ”
เสื้อผ้าของสาวกมารทั้งสองทำจากวัสดุพิเศษ และสร้างขึ้นด้วยวิชาพิเศษ ด้วยเหตุนี้ มันจึงปิดกั้นจิตสัมผัสได้ในระดับหนึ่ง
ข้อบกพร่องคืออาภรณ์วิญญาณเร้นแสดงผลน่าอัศจรรย์เช่นนี้เฉพาะตอนกลางคืน มันสามารถผสานเข้ากับความมืดมิดของยามค่ำคืนเพื่อหลีกเลี่ยงจิตสัมผัส
แน่นอนว่าเนื่องจากมันเป็นอุปกรณ์ระดับล่าง มันจึงทำได้แค่หลีกเลี่ยงจิตสัมผัสของผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตห้วงลี้ลับลงมา
ทว่า ตราบใดที่ไม่ได้เข้าสู่พื้นที่ใจกลางตระกูลฉู่ มันก็เพียงพอแล้ว
พวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อลอบสังหารคนแต่มาเพื่อทำลายตระกูลฉู่
“ทิศทางนี้เป็นจุดที่การป้องกันของตระกูลฉู่เปราะบางที่สุด เราจะผ่านที่นี่”
จากนั้นสาวกมารทั้งสองก็มุ่งหน้าไปยังของฉู่เซวียนอย่างเงียบ ๆ