ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 5 วิชาจักรพรรดิต้าหลัว
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 5 วิชาจักรพรรดิต้าหลัว
ข้ารับใช้ทั้งสองอยู่ในขั้นรวบรวมลมปราณ พวกเขารีบวางกล่องอาหารและรีบไปช่วยฉู่เซวียน
ทั้งคู่ตระหนักว่าข้ารับใช้ผู้นี้เป็นสายลับลัทธิมาร ตราบใดที่พวกเขาจับสายลับผู้นี้ได้ พวกเขาก็ถือว่าได้สร้างคณูปการใหญ่
หากสร้างคณูปการใหญ่เช่นนี้สำเร็จ พวกเขาต้องได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงดงามแน่ แม้แต่อาจจะได้รับโอกาสได้รับทรัพยากรจนพัฒนาไปถึงขอบเขตห้วงลี้ลับ
ข้ารับใช้ส่วนใหญ่จากตระกูลฉู่อยู่ในขอบเขตมนุษย์ เมื่อทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับ พวกเขาจะกลายเป็นผู้พิทักษ์ของตระกูลฉู่ ไม่ว่าพวกเขาจะถูกส่งไปยังสถานที่ใดก็ตามในเขตตระกูลหรืออยู่ในจวนตระกูลฉู่ สถานะของพวกเขาจะสูงขึ้นอย่างแน่นอน
“สังหารมัน! สังหารมันเดี๋ยวนี้!”
ฉู่เซวียนทั้งลุกลี้ลุกลนและโกรธเกรี้ยว
“ข้ารับใช้กล้าโจมตีข้า? สังหารมันเดี๋ยวนี้!”
ข้ารับใช้ทั้งสองร่วมมือกันและจับตัวสาวกมารได้อย่างรวดเร็ว ฉู่เซวียนฉวยโอกาสโจมตีพร้อมกับคำรามว่า “เจ้าบังอาญโจมตีนายน้อยผู้นี้หรือ? จงตายซะ!”
“นายน้อยสิบสาม ท่านสังหารเขาไม่ได้นะ!”
ข้ารับใช้ทั้งสองรู้สึกปวดหัว นี่คือสายลับ จับเป็นนั้นมีประโยชน์มากกว่าสังหาร พวกเขาจะสังหารมันได้ยังไง?
คนผู้นี้เป็นคนโง่เขลาในหมู่สายเลือดหลัก!
ทว่าในเวลานี้ฉู่เซวียนได้ชกไปยังคอของสายลับแล้ว ดวงตาของสายลับเบิกกว้าง จากนนั้นเลือดไหลซึมออกมาจากปาก ในเวลาไม่นานก็สิ้นใจไป
ข้ารับใช้ทั้งสองทำอะไรไม่ถูก!
หลังจากสังหารสายลับ ฉู่เซวียนก็หน้าซีดลง เขาหันกลับมาด้วยท่าทางจะอาเจียน!
“นายน้อยสิบสาม คนผู้นี้เป็นสายลับจากลัทธิมาร เราต้องรายงานเรื่องนี้ให้แก่ผู้นำพ่อบ้าน”
ข้ารับใช้ทั้งสองไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี นายน้อยสิบสามช่างเป็นขยะจริง ๆ
หลังจากสังหารสายลับ เขาทนไม่ได้แม้แต่กลิ่นเลือดพร้อมกับเริ่มอาเจียน!
ฉู่เซวียนโบกมือไล่ให้ข้ารับใช้ทั้งสองรีบออกไป
ข้ารับใช้อุ้มร่างของสายลับแล้วจากไป ส่วนฉู่เซวียนกลับไปนอนเอนหลังบนเก้าอี้ เขาคิดถึงการแสดงของตนเองเมื่อกี้ เขาน่าจะทำตัวเป็นขยะพอหรือไม่?
ด้วยเช่นนี้ ฉู่เทียนหมิงจะยิ่งรำคาญเขามากขึ้น ฉู่เซวียนจะถูกกีดกันโดยสิ้นเชิงจนไม่มีทางกลับไปเป็นแกนหลักของสายเลือดหลัก จากนั้นเขาจะไม่มีประโยชน์ต่อตระกูลอีกต่อไป
ถึงยังมีสายลับที่แฝงตัวอยู่หลุดรอดจากการสอบสวนของตระกูลฉู่ที่กำลังจะมาถึงก็ตาม ทว่าพวกเขาก็ไม่เสี่ยงที่จะโจมตีสมาชิกผู้ไร้ประโยชน์ของสายเลือดหลักอย่างเขาหรอก?
ในช่วงเวลาต่อไป เขาควรสามารถอยู่บ้านได้อย่างสงบสุขแล้ว
“โฮสต์สังหารสาวกมารที่บุกรุกบ้านได้ โฮสต์ได้รับรางวัลคือกล่องโอสถบำรุงวิญญาณ”
เสียงระบบดังขึ้น
ในที่สุดรางวัลสุ่มของระบบก็เปิดใช้งานอีกครั้ง
ฉู่เซวียนได้รับโอสถบำรุงวิญญาณ นี่เป็นยาประเภทหนึ่งที่หล่อเลี้ยงเจตจำนงวิญญาณ ไม่เพียงแต่จะมีผลในขอบเขตห้วงลี้ลับ แม้แต่หลังจากทะลวงไปยังขอบเขตวิญญาณก็ยังมีประโยชน์ในการเสริมสร้างเจตจำนงวิญญาณ
โอสถที่ระบบผลิตนั้นไม่ธรรมดา
มันใช้ได้ผลทั้งสองขอบเขต
เขารีบหยิบขวดยาออกมาแล้วเทโอสถบำรุงวิญญาณออกมาและกินทันที
โอสถละลายในปาก พลังแห่งโอสถอันสดชื่นพุ่งเข้ามาในวิญญาณของเขา ชั่วพริบตาฉู่เสวียนรู้สึกว่าวิญญาณของเขามีชีวิตชีวาขึ้น และจิตสัมผัสด้านการตระหนักรู้ในฟ้าดินก็ได้ชัดเจนขึ้นมาก
ฉู่เสวียนนอนเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ เขาค่อย ๆ ดูดซึมพลังแห่งโอสถและรู้สึกว่าระยะของจิตสัมผัสของเขาเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ และวิญญาณยังแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องภายใต้การบำรุงของโอสถ
จวนบรรพชนของตระกูลฉู่ภายในโถงประชุม ฉู่เทียนหมิงกำลังจะคลั่งตาย
“ขยะ ขยะ! หลัวเอ๋อให้กำเนิดบุตรชายแบบไหนกัน? มันเป็นขยะเช่นนี้ได้ยังไง? มันทำให้ตระกูลฉู่ของเราขายหน้าเช่นนี้ได้ยังไง!”
ภายในโถงประชุม สมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลฉู่ยังคงเงียบกริบ พวกเขารอให้ฉู่เทียนหมิงระบายความโกรธหมดก่อนจะดำเนินการหารือต่อ
“พรสวรรค์ของหลัวเอ๋อโดดเด่น แต่เขาหลับให้กำเนิดบุตรชายขยะ ล้วนเป็นเพราะหญิงสาวนางนั้น ไม่อย่างนั้นหลัวเอ๋อของข้าจะให้กำเนิดบุตรชายขยะเช่นนี้ได้ยังไง”
คนอื่น ๆ ยังคงเงียบต่อไป
ลูกสามที่มีพรสวรรค์โดดเด่นให้กำเนิดบุตรชายที่เป็นขยะ ล้วนเป็นความผิดของมารดาของฉู่เซวียนทั้งหมด!
ฉู่เทียนหมิงโกรธจัดแทบระเบิดออกมา มีสายลับลัทธิมารอยู่ในหมู่ข้ารับใช้ของตระกูลฉู่และเกือบจะจับเป็นมันได้แล้วแท้ ๆ แต่สุดท้ายกลับถูกฉู่เซวียนสังหาร!
แม้ว่าเขาจะโกรธที่สายลับถูกวสังหาร ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาแทบคลั่งตายก็คือหลังจากที่ฉู่เซวียนสังหารสายลับ เขากลับทนไม่ได้แม้แต่ฉากนองเลือดและอาเจียนออกมา
เขาเป็นขยะจนพูดไม่ออก!
ขยะเช่นนี้จะทะลวงไปยังสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตได้ยังไง?
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็นโกรธมากขนาดนี้
ในเวลานี้ฉู่เทียนหมิงกำลังพิจารณาว่าเขาควรบังคับหลานสาวที่ล้ำค่าของเขา ฉู่อวิ๋นให้อยู่ห่างจากฉู่เซวียนหรือไม่
เกิดอะไรขึ้นหากขยะอย่างฉู่เซวียนแพร่เชื้อได้?
หากหลานสาวของเขาติดเชื้อจากฉู่เซวียนจนกลายเป็นขยะ มันเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่!
ฉู่เทียนหมิงสาปแช่งอยู่นานก่อนเหนื่อยหอบและนั่งลงบนที่นั่งหลัก เมื่อเขาเห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงแถวสุดท้ายของโถงประชุม สีหน้าเขาก็ผ่อนคลายลง
เขาชื่นชมที่ลูกหลานของเขาทุกคนไม่ได้เป็นขยะอย่างฉู่เซวียน ท้ายที่สุดก็ยังมีรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นอยู่
ตัวอย่างเช่น ฉู่ชิง หลานชายคนโตของเขาที่เข้าร่วมประชุมนั้นอยู่ในขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่สี่ตั้งแต่อายุน้อย และกำลังจะทะลวงไปยังขั้นที่ห้า
ไม่เพียงแต่พรสวรรค์ในการฝึกฝนพลังยุทธ์ที่โดดเด่นของเขา แต่วิธีจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ยังหลักแหลมสมกับเป็นผู้ใหญ่อีกด้วย เขาเหนือกว่าคนรุ่นเก่าหลายคนในด้านนี้ด้วยซ้ำ
ครั้งนี้ฉู่เทียนหมิงอนุญาตให้ฉู่ชิงมีส่วนร่วมในการสอบสวนสายลับเพื่อที่จะอบรมเลี้ยงดูเขา
ฉู่เทียนหมิงปฏิบัติต่อฉู่ชิงด้วยฐานะผู้สืบทอดในอนาคตของตระกูลฉู่ อบรมเลี้ยงดูเขาอย่างเหมาะสม
ในบรรดาบุตรชายของทั้งหมด ลูกสามคนที่เขาคาดหวังไว้สูงสุดนั้นได้หนีงานหมั้นของตนเองไปแต่งงานกับหญิงสาวที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า มันทำให้เขาโกรธแทบคลั่งตาย ยิ่งกว่านั้นลูกสามของเขายังหายตัวไปในกรีบเมฆ
ฉู่เทียนหมิงจึงตัดสินใจมองหาคนรุ่นต่อไป เขาตัดสินใจว่าจะคัดเลือกและอบรมเลี้ยงดูผู้สืบทอดจากบรรดาลูกหลานของเขาด้วยตนเอง
...
ฉู่เซวียนรู้สึกหดหู่ใจ
รางวัลเคล็ดวิชาจักรพรรดิที่เขาคาดหวังไว้ไม่โผล่มา
อาจเป็นเพราะเขาเก็บตัวอยู่บ้านไม่นานพอ
ทว่าเขาไม่รีบร้อนขณะที่กินโอสถบำรุงวิญญาณเพื่อเสริมสร้างเจตจำนงวิญญาณ เขายังกินโอสถห้วงลี้ลับเพื่อเสริมสร้างพลังวิญญาณของตนเองด้วย
ฐานพลังยุทธ์ของฉู่เซวียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในไม่ช้าก็บรรลุขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุด
วันที่สิบ
หลังจากที่เก็บตัวอยู่บ้านสิบวัน เคล็ดวิชาจักรพรรดิที่รอคอยก็โผล่มาในที่สุด
“โฮสต์ได้เก็บตัวอยู่บ้านสิบวัน รางวัลคือวิชาจักรพรรดิต้าหลัว”
หนังสือที่มีความโบราณและเรียบง่ายเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น ปล่อยแรงกดดันอย่างแผ่วเบาออกมา
ฉู่เซวียนรู้สึกตื่นเต้นมาก เคล็ดวิชาจักรพรรดิเป็นวิชาฝึกยุทธ์ที่นำทางไปยังขอบเขตจักรพรรดิ
เคล็ดวิชาจริงแท้เพียงครึ่งเล่มก็สามารถทำให้ตระกูลฉู่สามารถยืนอยู่ท่ามกลางสามตระกูลใหญ่ของแคว้นฉินได้เป็นเวลาหลายพันปี
จากนี้ เราเลยเห็นได้ว่าเคล็ดวิชาจักรพรรดินั้นล้ำค่าและทรงพลังเพียงใด
แถมนี่เป็นแค่รางวัลสำหรับการเก็บตัวอยู่บ้านสิบวัน
หากเก็บตัวอยู่บ้านหนึ่งเดือนหรือหนึ่งปี คิดไม่ออกเลยว่าจะได้รับรางวัลวิชาใด?
ฉู่เสวียนเปิดเคล็ดวิชาจักรพรรดิ จากนั้นอักขระตัวแล้วตัวเล่าก็พุ่งเข้ามาในดวงตาของเขา
ในใจของฉู่เสวียนได้ปรากฎความเข้าใจในเคล็ดวิชาจักรพรรดิเป็นฉากๆ
ครึ่งชั่วยามต่อมา ฉู่เสวียนลืมตาขึ้นมาและเก็บเคล็ดวิชาจักรพรรดิเข้าไปในมิติระบบ หลังจากที่ได้สัมผัสกับความเข้าใจในการฝึกเคล็ดวิชาจักรพรรดิอย่างสมบูรณ์
ตามที่คาดไว้ เคล็ดวิชาจักรพรรดินั้นเหนือกว่าวิชาสูงของตระกูลฉู่อย่างลิบลับ ไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกันได้
ฉู่เสวียนหยิบโอสถห้วงลี้ลับออกมากินเพื่อฝึกวิชาจักรพรรดิต้าหลัว
เดิมทีเขาบรรลุขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุดแล้ว ด้วยการฝึกฝนวิชาจักรพรรดิต้าหลัว รากฐานของฉู่เซวียนก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ฐานพลังยุทธ์ของเขาจึงลดลงเล็กน้อย
ถึงขอบเขตจะลดลงเล็กน้อย แต่ความแข็งแกร่งของเขากลับเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า
เวลานี้เมื่อเขาใช้หมัดวิญญาณมังกรอสรพิษ การโจมตีจะทรงพลังและรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
โอสถห้วงลี้ลับถูกดูดซึมหมดอย่างรวดเร็ว ฉู่เสวียนพบว่าความเร็วในการดูดซึมโอสถของเขาเร็วกว่าก่อนฝึกเคล็ดวิชาจักรพรรดิกว่าสามเท่า
หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ฉู่เซวียนก็ฟื้นคืนสู่ขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุดและกำลังจะทะลวงไปยังขั้นที่สอง
โอสถห้วงลี้ลับคือโอสถชั้นยอดในขอบเขตห้วงลี้ลับ มันไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ทำให้ฐานพลังยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
แถมฉู่เซวียนยังมีระบบคอยช่วยเหลือ ขอบเขตของเขาจึงมั่นคงเสมอ
เขาแค่ต้องทะลวงรวดเดียวเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องห่วงว่าขอบเขตไม่มั่นคง
ฉู่เซวียนกำลังครุ่นคิดถึงปัญหาข้ารับใช้ที่มาส่งอาหาร อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตห้วงลี้ลับ เขาจึงไม่รู้สึกถึงฐานพลังยุทธ์ของตนเองได้อย่างแจ่มชัด
หากเป็นผู้นำพ่อบ้านหรือผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตห้วงลี้ลับคนอื่นมา ความแข็งแกร่งของเขาคงไม่แคล้วถูกเปิดเผย
เมื่อความแข็งแกร่งของฉู่เซวียนถูกเปิดเผย ฉู่เทียนหมิงจะมองมาที่เขาอีกครั้ง แล้วคิดว่าฉู่เซวียนเป็นอัจฉริยะและให้ความสนใจกับเขามากขึ้น
นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ฉู่เซวียนต้องการ
สิ่งที่เขาต้องการในเวลานี้คืออุปกรณ์หรือวิชาที่ช่วยปกปิดฐานพลังยุทธ์ของเขาเลย
นี่อาจได้แต่รอรางวัลจากระบบเท่านั้น