ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 4 สายลับลัทธิมาร
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 4 สายลับลัทธิมาร
เวลสนี้ยังไม่ถึงเวลาอาหาร โดยปกติข้ารับใช้จะมาส่งอาหารตามเวลา เมื่อถึงเวลา ข้ารับใช้มักจะมากันสองคน
พ่อบ้านจัดหาข้ารับใช้สองคนนี้ไว้โดยเฉพาะ หากไม่มีสถานการณ์พิเศษย่อมไม่มีทางเปลี่ยนคนส่งอาหาร
ฉู่เซวียนเห็นผ่านจิตสัมผัสว่าข้ารับใช้ที่มาส่งอาหารในวันนี้คือคนใหม่
ในจิตสัมผัสเหมือนกับว่ามีความผิดปกติเกี่ยวกับข้ารับใช้คนนี้
ฉู่เซวียนขมวดคิ้ว หรือว่ามีใครบางคนจากตระกูลฉู่มุ่งเป้ามาที่เขา?
เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผล
เขาถูกฉู่เทียนหมิงเกลียดขี้หน้าอยู่แล้ว ในสายเลือดหลักของตระกูลฉู่ไม่มีท่านลุงคนไหนมุ่งเป้ามาที่เขาอย่างแน่นอน
สำหรับคนรุ่นเดียวกัน ไม่มีใครเสียเวลามาหาเรื่องเขาเพราะเขาถูกขับไล่ออกจากจวนบรรพชนจนมาอยู่ชายขอบของเขตตระกูล
ทำให้ไม่มีเหตุผลที่รุ่นเยาว์คนอื่นมุ่งเป้ามาที่เขา
ถึงแม้ตระกูลฉู่จะเป็นตระกูลขุนนางใหญ่แต่การต่อสู้ระหว่างสายเลือดหลักก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก
ฉู่เซวียนมองไปยังข้ารับใช้ที่เข้ามาวางสำรับอาหาร
เขาใช้จิตสัมผัสตรวจสอบอาหารบนโต๊ะแล้วพบว่ามีไข่แมลงเล็กๆ หลายฟองปะปนอยู่
หากฉู่เซวียนไม่ได้บรรลุขอบเขตห้วงลี้ลับ เขาอาจจะไม่ตรวจพบไข่แมลงที่ปะปนอยู่ในอาหารอย่างแน่นอน
ไข่พิษแมลงกู่?
เขาใช้จิตสัมผัสอีกครั้งและพบว่าเป็นเพียงไข่พิษแมลงกู่ธรรมดา จึงไม่เป็นภัยคุกคามต่อฉู่เซวียนเพราะเขาอยู่ในขอบเขตห้วงลี้ลับแล้ว
อีกฝ่ายไม่ได้ต้องการสังหารเขาแต่ต้องการควบคุมเขา!
“นายน้อยสิบสาม ได้เวลาทานอาหารแล้วขอรับ”
หลังจากข้ารับใช้จัดเตรียมสำรับอาหารเสร็จ เขาก็ก้มหัวและถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง
ฉู่เซวียนยังคงเอนหลังอยู่บนเก้าอี้แล้วมองไปยังข้ารับใช้ก่อนกล่าวว่า “นายน้อยผู้นี้อยากรู้ว่าวันนี้ใครส่งเจ้ามา?”
“อืม?”
ข้ารับใช้ตกตะลึงและมองไปยังฉู่เซวียน “เป็นคำสั่งของหัวหน้าพ่อบ้านขอรับ”
หัวหน้าพ่อบ้านเป็นคนพาฉู่เซวียนมาที่นี่ เขาเป็นคนสนิทของฉู่เทียนหมิงและเป็นหัวหน้าพ่อบ้านของจวนตระกูลฉู่
ฉู่เซวียนตัดสินใจลองใช้วิชามายากับอีกฝ่าย ข้ารับใช้ผู้นี้อยู่ในขอบเขตมนุษย์ขั้นรวมรวบลมปราณ เขาไม่มีทางต่อต้านการควบคุมของวิชามายาได้แน่
ฉู่เสวียนได้รวบรวมเจตจำนงวิญญาณแล้วใช้วิชามายา ครู่ต่อมาพลังไร้สภาพก็ได้บุกเข้าไปในเจตจำนงวิญญาณของอีกฝ่าย
ชั่วพริบตาข้ารับใช้ก็หมดเรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน ดวงตาของเขาเริ่มหม่นลง
“บอกข้า เจ้าเป็นใคร? ใครสั่งให้เจ้ามาที่นี่”
แสงเย็นวาบปรากฎขึ้นในแววตาของฉู่เซวียน ไม่ว่าใครก็ตามที่สั่งข้ารับใช้ผู้นี้หรือคนที่กล้าทำร้ายเขาจะไม่มีวันตายดี
ฉู่เซวียนยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ เขาต้องอดทนไปก่อน แต่เมื่อเขาแข็งแกร่งพอ เขาจะสังหารคนสั่งการทันที!
“ข้าเป็นสาวกมาร ไม่มีใครสั่งให้ข้า ข้าแค่มองเห็นโอกาสที่จะควบคุมเจ้าเพื่อได้รับความดีความชอบจากผู้อาวุโสมาร ข้าจึงมาที่นี่...”
ลัทธิมารเป็นปัจจัยที่วุ่นวายที่สุดในแคว้นฉิน ขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของลัทธิมารคือจักรวรรดิต้าเซี่ย!
แคว้นมารเป็นแคว้นที่มีเอกลักษณ์อย่างยิ่งในแผ่นดินหนานโจว ทุกคนในแคว้นฝึกเคล็ดวิชามารทำให้กฎหมายบังคับใช้ได้น้อยมาก
ในทุกวัน ผู้ฝึกยุทธ์มารจะต่อสู้กลืนกินกันเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง
แคว้นมารมีประชากรน้อยที่สุดในเก้าแคว้นในแผ่นดินหนานโจวแต่กลับเป็นแคว้นที่ทรงพลังอย่างยิ่ง มันคอยจับจ้องแคว้นเพื่อนบ้านตลอดเวลาราวกับพยัคฆ์ที่จับตามองเหยื่อ
นี่คือเรื่องจริงโดยเฉพาะจักรพรรดิมารแห่งจักรวรรดิต้าเซี่ยมีความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัว เขาสามารถควบคุมแคว้นได้อย่างเบ็ดเสร็จ ไม่อย่างนั้นเขาจะปกครองผู้ฝึกยุทธ์มารในแผ่นดินหนานโจวได้อย่างไร
ลัทธิมารกระจายอยู่ทั่วแปดแคว้นในแผ่นดินหนานโจว จักรวรรดิต้าเซี่ยและผู้ฝึกยุทธ์มารทั่วทั้งแผ่นดินหนานโจวได้ร่วมมือกันก่อตั้งลัทธิมารขึ้น ทั่วแปดแคว้นจึงมีลัทธิมารสาขาประจำอยู่
ลัทธิมารเต็มไปด้วยความลึกลับและเก่งในเรื่องการซ่อนตัว มันเป็นปัจจัยที่ไม่มั่นคงที่สุดในชายแดนแต่ละแคว้น
ผู้นับถือลัทธิมารไม่ได้เรียกตนเองว่านักบุญเหมือนกับลัทธิอื่น แต่พวกมันเรียกตนเองว่าสาวกมาร
ลัทธิมารประกอบไปด้วยผู้ฝึกยุทธ์ที่ฝึกเคล็ดวิชามาร ฟังดูก็รู้ว่าพวกมันทุกคนล้วนเป็นคนชั่วร้าย
เมื่อฉู่เซวียนได้ยินว่าข้ารับใช้เป็นสาวกมาร เขาก็ตื่นตกใจ เขาตกเป็นเป้าหมายของลัทธิมารหรือ?
ไม่สิ เวลานี้อาจจะมีเพียงลัทธิมารสาขานี้ที่มุ่งเป้ามาที่เขา
ตระกูลฉู่ถูกสายลับลัทธิมารแฝงตัวอยู่!
หรือลัทธิมารกำลังจะโจมตีตระกูลฉู่?
หากเป็นเพียงลัทธิมาร ความแข็งแกร่งของตระกูลฉู่พอที่จะรับมือได้
สิ่งที่ฉู่เซวียนกังวลคือจักรวรรดิต้าเซี่ยกำลังที่จะมุ่งเป้าไปที่ตระกูลฉู่หรือแม้แต่แคว้นฉิน
หากเป็นเช่นนี้ ฉู่เซวียนไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลฉู่เป็นอันขาด หากตระกูลฉู่เป็นอะไรไป เขาจะเก็บตัวอยู่บ้านเพื่อสะสมความแข็งแกร่งได้อย่างไร?
เขารีบค้นวิญญาณของอีกฝ่ายอย่างละเอียดเกี่ยวกับสายลับที่แฝงตัวอยู่ในตระกูลฉู่!
หลังจากค้นวิญญาณเสร็จ ฉู่เซวียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก การลงมือครั้งนี้มาจากสาวกมารผู้นี้เอง
อีกฝ่ายมองเห็นโอกาสที่จะควบคุมฉู่เซวียนสายเลือดหลักของตระกูลฉู่ เขาจึงเตรียมการที่จะแอบควบคุมฉู่เซวียนเพื่อได้รับความดีความชอบจากผู้อาวุโสมาร
แต่ฉู่เซวียนเข้าใจแล้วว่าเป็นเพราะสาวกมารผู้นี้รู้สึกว่ามีโอกาสที่จะควบคุมสายเลือดหลักของตระกูลฉู่เท่านั้น แม้แต่สาวกมารคนอื่นก็อาจจะรู้สึกเช่นเดียวกัน
หากมีลัทธิมารจากแคว้นมารแฝงตัวอยู่ในตระกูลฉู่ ฉู่เซวียนคงลำบากหากพวกมันทุกคนมุ่งเป้ามาที่เขา
เพื่อให้ตนเองอยู่อย่างสงบสุข ฉู่เซวียนจะต้องให้ตระกูลฉู่ตรวจสอบสายลับที่แฝงตัวอยู่อย่างละเอียด
เขาต้องแจ้งท่านปู่ราคาถูก ฉู่เทียนหมิง
แต่เขาไม่รู้ควรแจ้งยังไง?
ฉู่เซวียนไม่อยากเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตน เขาไม่ได้วางแผนที่จะก้าวเท้าออกจากเรือนสี่ประสานแม้แต่ครึ่งฉื่อ และเขายังต้องปกปิดความแข็งแกร่งเพื่อลดความสนใจของศัตรู
จนกว่าเขาแข็งแกร่งเพียงพอ เขาต้องปกป้องชีวิตของตนเองก่อน!
เมื่อฉู่เซวียนคิดได้เช่นนี้ อารมณ์ก็เริ่มผันผวนพร้อมกับใช้วิชามายา ต้องไม่ลืมว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้วิชามายา ทำให้ยังควบคุมพลังได้ไม่ดี ทำให้เขาเผลอทำลายเสี้ยวเจตจำนงวิญญาณของอีกฝ่าย
ทำให้ฉู่เซวียนจะมอบตัวสายลับให้ฉู่เทียนหมิงไม่ได้อีกต่อไป ไม่อย่างนั้นฉู่เทียนหมิงจะต้องรู้ว่าเสี้ยวเจตจำนงวิญญาณของสายลับถูกทำลาย
ความแข็งแกร่งของฉู่เซวียนต้องถูกสงสัย ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาต้องถูกค้นพบ ท่านปู่ของเขาอาจสงสัยว่าเขาซ่อนความแข็งแกร่งด้วยเหตุผลอันใด
เศษเสี้ยวเจตจำนงวิญญาณของสายลับถูกทำลายไปแล้ว สำหรับคนที่เพิ่งบรรลุขั้นรวบรวมลมปราณถือว่าเป็นอาการบาดเจ็บอย่างร้ายแรง เขาอาจกลายเป็นคนปัญญาอ่อนด้วยซ้ำ
ถึงเขาจะไม่ได้เป็นคนปัญญาอ่อน แต่วิญญาณของเขาจะสับสนวุ่นวายและมีอารมณ์อยู่เหนือการควบคุม
หากฉู่เซวียนไม่ต้องการให้ใครว่าเจตจำนงวิญญาณของสายลับได้รับความเสียหาย เขาทำได้แค่สังหารอีกฝ่าย
หากเขาตายไป ย่อมไม่มีทางค้นพบว่าเจตจำนงวิญญาณของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนักตอนที่ยังมีชีวิต
ต้องไม่ลืมว่า เขาอยู่ในขอบเขตมนุษย์เท่านั้น หลังจากตายไปย่อมไม่เหลือร่องรอยของเจตจำนงวิญญาณ
เมื่อฉู่เซวียนปลดการควบคุมแล้วทำลายเจตจำนงวิญญาณของสายลับบางส่วน ใบหน้าของสายลับก็เริ่มบิดเบี้ยว
หลังจากนั้นไม่นาน ข้ารับใช้สองคนที่เป็นคนส่งอาหารตัวจริงมาถึง
ฉู่เสวียนรีบปล่อยตัวสายลับลัทธิมารและแสร้งทำเป็นว่าต่อสู้กับอีกฝ่าย
สายลับลัทธิมารได้แสดงความแข็งแกร่งในขั้นรวบรวมลมปราณขณะที่ฉู่เซวียนก็แสดงความแข็งแกร่งในขั้นที่เท่ากัน
แถมเขายังแสดงให้เห็นว่าตนเองเพิ่งทะลวงขั้นได้ไม่นาน ความแข็งแกร่งของเขายังไม่เท่ากับสายลับลัทธิมาร ทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังปกป้องตนเองอย่างน่าสมเพช นี่เป็นวิธีเดียวที่จะรักษาตัวละครของเขาได้
เขาเป็นขยะของสายเลือดหลัก!
“บังอาญ! เจ้ากล้าดียังไงถึงโจมตีนายน้อยสิบสาม!”
ข้ารับใช้ที่มาส่งอาหารเมื่อได้ยินเสียงการต่อสู้ก็รีบพุ่งเข้าไป เมื่อพวกเขาเห็นฉู่เซวียนหลบการโจมตีด้วยสภาพน่าสมเพช พวกเขาก็พลันตกใจ
ไม่ว่าฉู่เซวียนจะถูกขับไล่ไปอยู่ที่ไหนยังไง แต่ก็ไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของสายเลือดหลักของตระกูลฉู่ ไม่ใช่คนที่ข้ารับใช้อย่างพวกเขาจะขัดใจได้
ข้ารับใช้โจมตีสายเลือดหลักของตระกูลฉู่ มันคือการก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่!
“สาวกมาร?”
เมื่อพวกเขาเห็นว่าข้ารับใช้กำลังใช้วิชามาร ทั้งคู่ตกใจทันที