ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 3 ยกระดับให้ถึงขีดสุด, ทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับ
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 3 ยกระดับให้ถึงขีดสุด, ทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับ
“โฮสต์ได้เก็บตัวอยู่บ้านห้าวัน รางวัลคือโอสถห้วงลี้ลับ”
มาแล้ว!
โอสถห้วงลี้ลับไม่เพียงเป็นโอสถในการทะลวงขอบเขตห้วงลี้ลับแต่ยังเป็นโอสถในการฝึกฝนพลังยุทธ์ในขอบเขตห้วงลี้ลับ
ระบบใจกว้างมาก มอบรางวัลให้โอสถถึงหนึ่งกล่องแทนที่จะเป็นแค่ขวดสองขวด
ฉู่เซวียนหยิบขวดยาและเทโอสถออกมาหนึ่งเม็ด เขานั่งทำสมาธิในห้องแล้วป้อนโอสถเข้าปากและเตรียมที่จะทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับ
ทันทีที่โอสถละลายในปากก็มีเสียงดังกึกก้อง ฉู่เซวียนรู้สึกว่าร่างกายของตนเกิดการผลัดเปลี่ยน เขารู้สึกราวกับกำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศ
ปราณวิญญาณในร่างกายเริ่มถูกบีบอัด ปราณวิญญาณจากฟ้าดินหลั่งไหลเข้ามาในตัวเขาอย่างต่อเนื่อง พลังวิญญาณเริ่มก่อตัวและค่อยๆ ส่องแสงจางออกมา
ปราณวิญญาณของฉู่เซวียนกำลังผลัดเปลี่ยนและถูกหลอมกลั่นให้เป็นพลังวิญญาณ
ปราณวิญญาณร้อยส่วนสามารถหลอมกลั่นให้เป็นพลังวิญญาณได้หนึ่งส่วน หลังจากนั้นปริมาณของพลังที่ควบคุมได้จะเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยเท่า
ทว่าการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ยิ่งกว่าเกิดขึ้นกับเจตจำนงวิญญาณ
อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดระหว่างประตูมนุษย์กับประตูลี้ลับ หาใช่การเปลี่ยนแปลงของร่างกายหรือปราณวิญญาณแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงของเจตจำนงวิญญาณ
ขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงนี้คือกุญแจหลักในการทะลวงขอบเขตห้วงลี้ลับ
และยังเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย
ฉู่เซวียนรู้สึกว่าเหมือนกับว่าโซ่ตรวนที่พันธนาการเจตจำนงวิญญาณของเขาขาดสะบั้นแล้วประตูก็ได้ปรากฏขึ้น
ประตูที่ปิดสนิทกำลังคลายออก
เพียงฉู่เซวียนเปิดประตู เขาจะก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่
ประตูบานนี้ขวางกั้นทางเข้าสู่โลกที่แท้จริง!
ฉู่เซวียนรู้ว่าตราบใดที่เขาเปิดประตูบานนี้ เจตจำนงวิญญาณของเขาจะเป็นอิสระ เขาจะสามารถสัมผัสภายในร่างกายหรือทำความเข้าใจความลี้ลับของโลกนี้ได้
ประตูบานนี้คือประตูลี้ลับ
เขาจำเป็นต้องเปิดประตูลี้ลับเพื่อเข้าสู่โลกใบใหม่
ประตูบานนี้ไม่เพียงเป็นเส้นแบ่งตามธรรมชาติแต่ยังเป็นกำแพงขวางกั้นระหว่างโลกมนุษย์กับโลกลี้ลับเพื่อเป็นบททดสอบอีกด้วย
หากฉู่เซวียนทลายประตูมนุษย์ไม่ได้ เขาจะเป็นเพียงมนุษย์เท่านั้น หากเขาหยุดอยู่แค่นี้เขาจะกลายเป็นเพียงกองธุลี
ยอดฝีมือขอบเขตมนุษย์ขั้นสูงสุดมีอายุขัยไม่เกิน 150 ปี
ในทางกลับกัน เมื่อทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับอายุขัยจะเพิ่มขึ้น 500 ปี ส่วนผู้ฝึกวิชาพิเศษอาจมีอายุขัยถึง 800 ปี
ฉู่เซวียนกำลังกระหน่ำทลายประตูบานนี้ ทุกครั้งที่โจมตี วิญญาณของเขาจะยกระดับขึ้น และรอยแยกระหว่างประตูก็จะเปิดกว้างขึ้น
หลังจากระเบิดการโจมตีติดต่อกันเก้าครั้งก็เกิดเสียงดังสนั่นแล้วประตูก็พลันพังทลายลง ทันใดนั้นฉู่เซวียนรู้สึกราวกับว่าเขาได้เข้าสู่โลกใบใหม่
เจตจำนงวิญญาณของเขาถูกยกระดับขึ้น การเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลาหนึ่งเขามองเห็นตนเองที่กำลังนั่งทำสมาธิ มองเห็นทุกสิ่งอย่างภายในบ้านหลังเล็ก แม้กระทั่งมดที่กำลังคลานอยู่บนพื้นในลานบ้าน
เวลานี้โลกได้ชัดเจนขึ้นทันตา
ฉู่เซวียนสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของปราณวิญญาณจากฟ้าดิน
เขาทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับได้สำเร็จแล้ว!
ถึงแม้จะหลับตาอยู่ ฉู่เซวียนก็ยังมองเห็นทุกสิ่งอย่างรอบตัวได้ชัดเจน
จิตสัมผัส!
ความสามารถนี้จะได้รับหลังจากทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับเท่านั้น
ยิ่งจิตสัมผัสแข็งแกร่งเท่าไหร่ การรับรู้จะยิ่งไกลเท่านั้น
ฉู่เซวียนหยิบโอสถห้วงลี้ลับมากินอีกหนึ่งเม็ดเพื่อปรับพลังยุทธ์ให้มั่นคง
“โฮสต์ทะลวงขอบเขตขณะที่เก็บตัวอยู่บ้าน โฮสต์ได้รับวิชามายาเป็นรางวัล!”
เสียงของระบบดังขึ้น ฉู่เซวียนรู้สึกปิติยินดี แม้แต่รางวัลจากการทะลวงขอบเขตก็มี? ไม่เลว ไม่เลว
ฉู่เซวียนไม่รู้ว่าจะมีรางวัลจากการทะลวงขอบเขตทุกครั้งรึไม่
หลังจากกดรับวิชามายา หนังสือสีเทาเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ฉู่เซวียนเปิดหนังสือและตัวตนลึกลับก็กระโดดออกมาแล้วหายเข้าไปในดวงตาของเขา
คลื่นแห่งความรู้แจ้งที่ลึกลับปรากฏขึ้นในใจของฉู่เซวียน หนึ่งชั่วยามต่อมาเขาก็เชี่ยวชาญวิชามายา
นี่คือพลังลี้ลับชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างภาพลวงตาขึ้นในเจตจำนงวิญญาณหรือแม้แต่ทำลายวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของศัตรู
ในเวลาเดียวกัน การฝึกวิชามายาก็ช่วยเสริมสร้างวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
เรื่องวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ยังไกลตัวฉู่เซวียน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผนึกรวมวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ มันต้องยกระดับเจตจำนงวิญญาณอีกครั้งก่อนจะผนึกรวมวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้
ฉู่เซวียนปรับปรุงรากฐานพร้อมกับฝึกวิชามายา เนื่องจากเขาเชี่ยวชาญวิชามายาในทันที ทำให้ฝึกมันได้อย่างง่ายดาย เขาใช้เวลาครึ่งชั่วยามเท่านั้น
หลังจากฝึกเสร็จ ฉู่เซวียนก็ไปที่ลานบ้านเพื่อฝึกหมัดวิญญาณมังกรอสรพิษต่อ
หลังจากบรรลุห้วงลี้ลับ พลังของหมัดวิญญาณมังกรอสรพิษก็เหนือกว่าแต่ก่อน
ในขณะที่เขาออกหมัด พลังวิญญาณจะเพิ่มขึ้นและกลายเป็นอสรพิษสีเทาพุ่งไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่เซวียนออกหมัดแล้วหมัดเล่า อสรพิษสีเทาตัวแล้วตัวเล่าพุ่งไปอย่างรวดเร็วและคาดเดาทิศทางไม่ได้
หลังจากฝึกหมัดวิญญาณมังกรอสรพิษเสร็จ ฉู่เซวียนก็ทดสอบวิชามายาแล้วพลังไร้สภาพก็กระจายออกมา
วิชามายาจะโจมตีเจตจำนงวิญญาณของศัตรูโดยตรง ทำให้ศัตรูจิตใจสับสนและบังคับให้อีกฝ่ายทำตามความต้องการของผู้ใช้
เมื่อถูกวิชามายาร่ายใส่จะทำให้จิตใจของคนผู้นั้นหมดสภาพโดยสิ้นเชิง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเขาเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตห้วงลี้ลับคนอื่นเป็นอย่างไร แต่ฉู่เซวียนรู้สึกว่าจิตใจของเขาแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นหนึ่งด้วยกัน
ฉู่เซวียนไม่รู้ว่าว่ารางวัลต่อไประบบจะให้เป็นโอสถหรือสมบัติที่ช่วยเพิ่มเจตจำนงวิญญาณโดยตรงรึไม่
หากเป็นวิชาฝึกเจตจำนงวิญญาณ ถือว่าดีที่สุดสำหรับเขาเลยทีเดียว
วิชาฝึกเจตจำนงวิญญาณนั้นหายากอย่างยิ่งและยากที่จะได้มาอีกด้วย
แม้แต่ตระกูลฉู่ก็มีวิชาฝึกเจตจำนงวิญญาณห้วงลี้ลับระดับต่ำเพียงวิชาเดียว
ถึงแม้จะมีเพียงวิชาเดียวแต่กลับทำให้ตระกูลฉู่ยืนหยัดในแคว้นฉินได้ตลอดมา
และวิชานี้คือวิชายุทธ์หลักของตระกูลฉู่ ฉู่เซวียนอยู่ในขอบเขตมนุษยขั้นเปิดชีพจรเท่านั้น ถึงแม้เขาจะเป็นสายเลือดหลักก็ไม่เคยเห็นวิชานี้
เวลานี้ฉู่เซวียนต้องการวิชายุทธ์อย่างยิ่ง หลังจากบรรลุขอบเขตห้วงลี้ลับ พลังเทพกายาวัชระคงกระพันก็ไม่มีผลอีกต่อไป
วิชายุทธ์ของตระกูลฉู่ที่เขาฝึกเป็นเพียงวิชาระหว่างขอบเขตมนุษย์กับขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่หนึ่ง รุ่นเยาว์ทุกคนของตระกูลฉู่สามารถไปรับวิชายุทธ์ใหม่ได้หลังจากบรรลุขอบเขตห้วงลี้ลับเท่านั้น
แต่ฉู่เซวียนไม่ได้วางแผนที่จะฝึกวิชายุทธ์ของตระกูลฉู่ เขาอยากรอวิชายุทธ์จากระบบดีกว่า มันต้องมีรางวัลแบบนี้อยู่แล้ว
ถึงแม้ตระกูลฉู่จะเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ในแคว้นฉินและดูทรงพลังอย่างมาก แต่อันที่จริงตระกูลฉู่ค่อนข้างธรรมดาในแผ่นดินหนานโจว
วิชายุทธ์ที่สายเลือดหลักในตระกูลฉู่ฝึกเป็นเพียงเคล็ดวิชาห้วงลี้ลับระดับสูงเท่านั้น
วิชายุทธ์ภายใต้ขอบเขตว่างเปล่ามีชื่อว่าเคล็ดวิชาห้วงลี้ลับ มันแบ่งออกเป็นระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูง
เหนือขอบเขตว่างเปล่าคือขอบเขตรวมศูนย์ ขอบเขตจริงแท้ และขอบเขตจักรพรรดิ
วิชายุทธ์ภายใต้ขอบเขตจริงแท้เรียกว่าเคล็ดวิชาจริงแท้ ถึงแม้ความแข็งแกร่งของแต่ละวิชาจะไม่เหมือนกันแต่ก็ไม่มีระดับพิเศษที่เหนือกว่าหรือต่ำกว่ามากนัก
เหนือเคล็ดวิชาจริงแท้คือเคล็ดวิชาจักรพรรดิ
ฉู่เซวียนรู้สึกว่าขั้นต่ำเขาควรฝึกเคล็ดวิชาจักรพรรดิ
หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน ฉู่เซวียนก็ไม่คาดหวังวิชาชั้นยอดของตระกูลฉู่อีกแล้ว
มีข่าวลือในหมู่สายเลือดหลักของตระกูลฉู่ว่าฉู่เทียนหมิงครอบครองเคล็ดวิชาจริงแท้อยู่ครึ่งเล่ม เป้าหมายสูงสุดของสายเลือดหลักทุกคนคือการมีโอกาสได้ฝึกเคล็ดวิชาจริงแท้ครึ่งเล่มนี้
ทั้งตระกูลฉู่ที่ฝึกเคล็ดวิชาจริงแท้ครึ่งเล่มนับได้สองฝ่ามือเท่านั้น นั่นคือแกนหลักของตระกูลฉู่
ทว่าในเวลานี้ฉู่เซวียนไม่ได้สนใจเคล็ดวิชาจริงแท้ครึ่งเล่มนั้น หากเขามีเพียงครึ่งเดียว เขากลัวว่าตนเองจะแก่ตายก่อนฝึกจนบรรลุขอบเขตรวมศูนย์
ฉู่เซวียนนอนเอนหลังอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ต่อไป ถึงเขาจะเพิ่งทะลวงไปยังขอบเขต แต่ขอบเขตของเขาค่อนข้างมั่นคงแล้ว
หากเขาอยากเก็บตัวอยู่บ้านนานๆ เขาต้องมีจิตใจที่มั่นคงด้วย
ฉู่เสวียนจึงตัดสินใจอ่านต่อ ประการแรกเขาต้องการใช้เวลาให้ผ่านพ้นไป และประการที่สองเขาต้องการที่จะขยายขอบเขตอันไกลโพ้นของเขา
ท้ายที่สุดตระกูลฉู่ไม่ใช่ตระกูลขุนนางอ่อนแอ ตระกูลฉู่มีหนังสือเก็บไว้มากมาย หลังจากที่อ่านหนังสือทั้งหมด เขาน่าจะสามารถขยายความเข้าใจเกี่ยวกับโลกใบนี้ได้
เวลานี้ฉู่เซวียนมีความเข้าใจพอสังเขปเกี่ยวกับแคว้นฉิน แคว้นฉินตั้งอยู่ในแผ่นดินหนานโจว นอกจากนั้นเขาก็ไม่รู้อะไรมากนัก นับประสาสิ่งที่อยู่นอกแผ่นดินหนานโจว
มีหนังสือหลายเล่มที่ตระกูลฉู่เก็บรวบรวมเอาไว้ที่ข้ารับใช้ไม่สามารถนำมาได้ เมื่อ ฉู่อวิ๋นมาครั้งหน้าเขาค่อยขอให้นางช่วย นางต้องทำสำเนาหนังสือหลายเล่มเพื่อเอามาให้เขาเลยทีเดียว
ในขณะที่ฉู่เซวียนกำลังอ่านอยู่นั้น เขาสัมผัสได้ว่าข้ารับใช้ยืนถือกล่องอาหารอยู่ข้างนอกเรือนสี่ประสาน