ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 2 หมัดวิญญาณมังกรอสรพิษและการฝึกฝนพลังยุทธ์หนึ่งปี
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 2 หมัดวิญญาณมังกรอสรพิษและการฝึกฝนพลังยุทธ์หนึ่งปี
ฉู่เซวียนใช้เวลาเกือบทั้งวันนอนอ่านหนังสือบนเก้าอี้ เขาลองเปลี่ยนท่าหลายท่าดูแล้ว แต่กลับไม่ได้รับรางวัลจากระบบเลย
ดูเหมือนการเปลี่ยนท่าเพียงเล็กน้อยไม่พอที่จะกระตุ้นรางวัลสุ่มจากระบบ
ตกเย็นคนที่มาส่งอาหารไม่ใช่ข้ารับใช้
แต่เป็นสาวงามในชุดเขียว
สาวงามคนนี้คือฉู่อวิ๋น ลูกพี่ลูกน้องของเขา
ฉู่อวิ๋นเป็นที่โปรดปรานของสายเลือดหลัก นางมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม ด้วยอายุยังน้อยแต่กลับบรรลุขอบเขตมนุษย์ขั้นสูงสุดแล้ว ทั้งยังสัมผัสกับอุปสรรคของประตูมนุษย์และใกล้จะทลายประตูมนุษย์ทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับ
“นางมาทำไม?”
ฉู่เซวียนประหลาดใจ
ฉู่อวิ๋นวางกล่องอาหารและจัดสำรับ นางเงยหน้าขึ้นมองฉู่เซวียนก่อนรู้สึกว่าเขาดูต่างไปจากเดิม
เนื่องจากฉู่อวิ๋นยังไม่ถึงขอบเขตห้วงลี้ลับและฉู่เซวียนยังปกปิดความแข็งแกร่ง นางจึงมองความแข็งแกร่งที่แท้จริงของฉู่เซวียนไม่ออก
“พี่สิบสาม พี่ต้องทนไปก่อนนะ เมื่อท่านปู่หายโกรธแล้ว ข้าจะไปอ้อนวอนให้พี่กลับจวนบรรพชนเอง”
ในหมู่พี่น้องรุ่นนี้ ฉู่อวิ๋นกับฉู่เซวียนอายุไล่เลี้ยกันที่สุด
“ไม่ต้องหรอก ข้าอยู่ที่นี่ดีกว่า ข้ากลับไปให้เหม็นขี้หน้าทำไม”
ฉู่เซวียนโบกมือปฏิเสธ
ไม่เพียงฉู่เซวียนไม่วางแผนที่จะกลับไปยังจวนบรรพชน เขายังไม่วางแผนที่จะก้าวเท้าออกจากเรือนสี่ประสานด้วยซ้ำ
เขาชอบเก็บตัวอยู่บ้าน!
“พี่สิบสาม ข้าจะไปอ้อนวอนท่านปู่เอง ท่านปู่จะต้องตอบตกลงแน่ รับรองท่านปู่ไม่มีทางโกรธข้าหรอก ไม่ต้องห่วง”
ฉู่อวิ๋นคิดว่าฉู่เซวียนจะกลัวว่านางข้องเกี่ยวกับเขามากไปหากช่วยเขา เขาจึงตอบปฏิเสธ
“ไม่ต้องจริงๆ”
ฉู่เซวียนเห็นแววตาอันแน่วแน่ของฉู่อวิ๋น เขาเกิดความรู้สึกประทับใจ ในโลกนี้นอกจากบิดามารดา คนที่เป็นห่วงเป็นใยเขายังมีอีกคนหนึ่ง
แน่นอนว่าฉู่เซวียนรู้ว่าอีกไม่กี่วัน ฉู่เทียนหมิงท่านปู่ราคาถูกถึงแม้ไม่หายโกรธแต่ก็คลายลงบ้าง หากฉู่อวิ๋นไปอ้อนวอนในตอนนั้น ย่อมมีโอกาสสูงที่จะได้รับการอภัย
ต้องไม่ลืมว่าฉู่อวิ๋นเป็นผู้ถูกเลือกในหมู่ลูกหลานของฉู่เทียนหมิง นางเป็นหลานสาวคนโปรด ฉู่เทียนหมิงไม่มีทางโกรธนางด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้
ทว่าฉู่เซวียนไม่ต้องการจริง ๆ
บ้างหลังนี้ตั้งอยู่ห่างไกลความวุ่นวาย เงียบสงบเหมาะกับการเก็บตัวอยู่บ้านมากกว่า
เมื่อฉู่เซวียนกลับไปยังจวนบรรพชน คนอื่นจะรำคาญใจตอนที่เห็นหน้าเขาแล้วก็จะมาก่อกวนเขาอยู่เรื่อยๆ
ฉู่อวิ๋นนั่งลงกินอาหารกับฉู่เซวียน หลังจากคุยกันสักพัก นางก็ขอตัวกลับไป
ก่อนจะออกจากเรือนสี่ประสาน ฉู่อวิ๋นย้ำคำสัญญาว่าตนจะไปอ้อนวอนท่านปู่เพื่อให้เขากลับไปยังจวนบรรพชน
ทว่าฉู่เซวียนไม่มีทางกลับไป เขาจะอยู่ที่นี่และไม่ออกไปโดยเด็ดขาด
ฉู่เซวียนเอนหลังบนเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“โฮสต์ได้เก็บตัวอยู่บ้านสองวัน รางวัลคือหมัดวิญญาณมังกรอสรพิษ!”
เสียงของระบบดังขึ้น รางวัลส่งตรงมายังฉู่เซวียนทันที กระแสข้อมูลหลั่งไหลเข้ามาในใจของเขาจนแทบตั้งตัวไม่ทัน
ในใจของฉู่เซวียน มังกรอสรพิษตนหนึ่งปรากฏขึ้น รัศมีของมันคล้ายกับรุ้งเจ็ดสี แต่ละหมัดแฝงไว้ด้วยวิญญาณ
เพียงแป๊บเดียว ฉู่เซวียนก็เชี่ยวชาญหมัดวิญญาณมังกรอสรพิษ นี่คือวิชาสายโจมตีอันดับต้นๆ ของระดับวิญญาณ
น่าเสียดายที่ฉู่เซวียนถูกจำกัดด้วยฐานพลังยุทธ์ เขาจึงปลดปล่อยพลังของมันได้ไม่เต็มที่
หมัดวิญญาณมังกรอสรพิษแบ่งเป็นร่างอสรพิษและร่างมังกร เมื่อสำเร็จขั้นเปลี่ยนอสรพิษแปลงมังกรก็จะสามารถบรรลุแก่นแท้ของวิชานี้
ฉู่เซวียนออกหมัดวิญญาณมังกรอสรพิษอยู่ในลานบ้าน หมัดของเขาเหมือนกับอสรพิษที่จู่โจมเหยื่อ มันทั้งคล่องแคล่ว รวดเร็ว และรุนแรง
เวลานี้ด้วยพลังป้องกันจากพลังเทพกายาวัชระคงกระพัน บวกกับพลังโจมตีที่เร็วรวดและรุนแรงจากหมัดวิญญาณมังกรอสรพิษ ทำให้ฉู่เซวียนรับมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตมนุษย์ขั้นสูงสุดหลายสิบคนได้สบายๆ
ฉู่เซวียนจะเชี่ยวชาญวิชาที่ระบบมอบให้ในทันที หากฐานพลังยุทธ์ของเขาสูงพอ เขาสามารถใช้ร่างมังกรได้เลย
ทว่าหากฉู่เซวียนต้องการใช้ร่างมังกร อย่างน้อยเขาต้องอยู่ในขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่เจ็ด
หากเขาต้องการสำแดงหมัดวิญญาณมังกรอสรพิษอย่างเต็มที่ เขาต้องอยู่ในขอบเขตวิญญาณ
หมัดวิญญาณมังกรอสรพิษเป็นหนึ่งในวิชาชั้นยอดในหอวิชายุทธ์ของตระกูลฉู่เช่นกัน
ฉู่เซวียนรู้สึกว่าตนน่าจะทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับได้ในอีกสองสามวัน
รางวัลจากการเก็บตัวอยู่บ้านในวันที่สามคือมีด
“มีดมาร”
มีดเล่มนี้มีความสามารถทำให้จิตใจของศัตรูสับสน คนที่จ้องมองมีดเล่มนี้จะเห็นคล้ายกับมีดได้แบ่งออกเป็นหลายเล่ม ทำให้แยกไม่ออกว่าเล่มไหนจริงไหนปลอม
หากใช้โจมตี มันจะสร้างมีดจำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อทำให้ศัตรูสับสน
ถือว่าเป็นอาวุธที่ดีเลยทีเดียว
ในวันที่สี่ ฉู่เซวียนยังคงเอนหลังอ่านหนังสือบนเก้าอี้ ในเมื่อเขาตัดสินใจที่จะอาศัยอยู่ในเรือนสี่ประสาน เขาต้องปรับความคิดของตนเพื่อไม่ให้ตื่นกลัวโดยง่าย
การอ่านหนังสือถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีในการสงบจิตเพื่อช่วยให้เขาไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องภายนอก
ทำให้เขาอ่านหนังสือพิศวงเล่มหนึ่ง
สิ่งที่บันทึกในหนังสือเล่มนี้คือเรื่องราวพิศวงในแผ่นดินหนานโจว รวมถึงบันทึกในประวัติศาสตร์
อย่างเช่น บันทึกการเปลี่ยนแปลงของเก้าแคว้นในแผ่นดินหนานโจว มันบันทึกเกี่ยวกับราชวงศ์ใดล่มสลาย ราชวงศ์ใดผงาดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แคว้นฉินเป็นหนึ่งในเก้าแคว้นในแผ่นดินหนานโจว แคว้นฉินเคยเป็นราชวงศ์ที่แข็งแกร่ง แต่สุดท้ายก็ค่อยๆ เสื่อมถอยลงภายใต้การปกครองร่วมกันของตระกูลฉิน ตระกูลฉู่ ตระกูลเหอ และตระกูลจ้าว นั่นคือประวัติของแคว้นฉินในปัจจุบัน
ตระกูลฉินทรงพลังที่สุด เป็นตระกูลราชวงศ์ในปัจจุบัน ส่วนตระกูลฉู่ ตระกูลเหอ และตระกูลจ้าว เป็นตระกูลสามขุนนางใหญ่
ในบรรดาเก้าแคว้นในแผ่นดินหนานโจว มีแคว้นฉินเท่านั้นที่มีการปกครองร่วมกันของทั้งสี่ตระกูล ตระกูลฉินไม่มีพลังพอที่จะรวมอำนาจของตระกูลสามขุนนางใหญ่ บวกกับความสัมพันธ์ระหว่างบรรพบุรุษของสี่ตระกูลที่มีการแต่งงานกันในแต่รุ่นเรื่อยมา ทำให้ยากที่จะแบ่งแยกสี่ตระกูลออกจากกัน
นอกจากนี้ เมื่อมีศัตรูร่วมการขัดแย้งกันเองก็มีแต่นำไปสู่การทำลายล้าง ไม่ว่าราชวงศ์ฉินจะทะเยอทะยานเพียงใด พวกเขาทำได้เพียงยอมรับความจริงที่ว่าทั้งสี่ตระกูลปกครองแคว้นร่วมกันขณะที่ตระกูลฉินเป็นผู้นำ
“โฮสต์ได้เก็บตัวอยู่บ้านสี่วัน ได้รับรางวัลคือการฝึกฝนพลังยุทธ์หนึ่งปี”
รางวัลสำหรับสี่วันมาถึง ฉู่เซวียนตื่นขึ้นจากสมาธิ การฝึกฝนพลังยุทธ์หนึ่งปี?
หากได้รับการฝึกฝนพลังยุทธ์หนึ่งปี เขาจะบรรลุขอบเขตห้วงลี้ลับได้เลย
ฉู่เซวียนกดรับรางวัลทันที
เขารู้สึกได้แค่พลังงานปรากฎขึ้น แล้วความแข็งแกร่งก็พลันพุ่งทะยานราวกับได้สะบั้นโซ่ตรวนบางอย่างออกไป
ทว่าฉู่เซวียนไม่ได้บรรลุขอบเขตห้วงลี้ลับทันที
แก่นแท้ ลมปราณ และวิญญาณของเขากำลังรู้สึกว่าถูกยกระดับขึ้น
ราวกับพลังขั้นต่อไปคือขั้นที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่จะพลิกฟ้าพลิกดิน นี่คือเรื่องจริงโดยเฉพาะเจตจำนงวิญญาณของเขา มันอาจกลายเป็นเจตจำนงวิญญาณที่จับต้องได้เลย
ฉู่เซวียนสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตนอย่างระมัดระวัง รางวัลการฝึกฝนพลังยุทธ์หนึ่งปีถึงแม้ไม่ช่วยให้เขาบรรลุขอบเขตห้วงลี้ลับ
ทว่ามันได้ผลักดันฐานพลังยุทธ์ของเขาให้ถึงขีดจำกัดของขอบเขตมนุษย์อย่างแท้จริง
ฉู่เซวียนมีความรู้สึกว่าตอนที่เขาบรรลุขอบเขตห้วงลี้ลับ ความแข็งแกร่งและรากฐานของเขาจะเหนือล้ำกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตห้วงลี้ลับทั่วไป
เป็นเพราะฉู่เซวียนบรรลุขอบเขตมนุษย์ขั้นสูงสุดชนิดที่บรรลุขั้นต่อไปไม่ได้ แต่เวลานี้เขากลับบรรลุไปอีกขั้น ทำให้ถึงขีดจำกัดของขอบเขตมนุษย์อย่างแท้จริง
ขอบเขตกึ่งห้วงลี้ลับ?
ฉู่เซวียนไม่รู้ว่าเวลานี้ขอบเขตของเขาเรียกว่าขอบเขตกึ่งห้วงลี้ลับได้หรือไม่
สิ่งที่เขารู้คือเวลานี้ความแข็งแกร่งของเขาได้ก้าวข้ามขอบเขตมนุษย์ขั้นสูงสุดไปแล้ว
โดยปกติเมื่อบรรลุขอบเขตมนุษย์ขั้นสูงสุด ไม่มีทางบรรลุไปอีกขั้นได้หากไม่ทำความเข้าใจประตูมนุษย์ มีเพียงสัมผัสกับอุปสรรคของประตูมนุษย์และทลายประตูมนุษย์ทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับถึงจะเพิ่มความแข็งแกร่งได้ต่อไป
ทว่าฉู่เซวียนกลับไม่เคยได้ยินสภาวะที่บรรลุไปได้อีกขั้นจนถึงขีดจำกัดของขอบเขตมนุษย์เช่นนี้
เขาเกิดมาในตระกูลฉู่ แม้แต่ภูมิหลังตระกูลฉู่แต่ก็ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับสภาวะนี้
ฉู่เซวียนรู้สึกว่าสภาวะนี้น่าจะหายากอย่างยิ่ง จึงเป็นสาเหตุที่ตระกูลฉู่ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับสภาวะนี้
แน่นอนว่าความเป็นไปได้อีกอย่างคือหนังสือในครอบครองของตระกูลฉู่ยังมีน้อยจนเกินไป จึงเป็นสาเหตุว่าเหตุใดฉู่เซวียนถึงไม่พบบันทึกเกี่ยวกับสภาวะนี้
เวลานี้ขอบเขตห้วงลี้ลับที่แท้จริงก็ได้ปรากฏอยู่เบื้องหน้าสายตาของเขาแล้ว