ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 1 เพียงเก็บตัวอยู่บ้านก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 1 เก็บตัวอยู่บ้านก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน
“กริยามารยาทของฉู่เซวียนไม่สมควรทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล บทลงโทษคือถูกขับไล่ออกจากจวนบรรพชน หากไม่ได้รับอนุญาต ฉู่เซวียนก็ไม่อาจจะเหยียบย่างเข้ามาในจวนบรรพชนแม้แต่ครึ่งฉื่อ!”
ฉู่เซวียนหันกลับไปมองจวนบรรพชนที่งดงามและอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว การที่ถูกลงโทษให้ออกจากจวนบรรพชนก็เท่ากับถูกขับไล่ออกจากสายเลือดในทันที
เมื่อคนผู้หนึ่งถูกเกลียดชัง แม้แต่การจามก็เป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัย
เขาเพิ่งทะลุมิติมาที่นี่ตอนที่ตระกูลฉู่กำลังจัดงานเลี้ยงให้แขกผู้มีเกียรติจากเมืองหลวง ในฐานะหนึ่งในสายเลือดหลักฉู่เซวียนย่อมต้องปรากฏตัวในงานเลี้ยงเป็นธรรมดา
เพียงเพราะจาม แต่กลับถูกขับไล่ออกจากจวนบรรพชน ถึงแม้ฉู่เซวียนจะไม่ถูกขับไล่ออกจากแผนภูมิตระกูลโดยชัดเจน แต่ในทางปฏิบัติไม่มีความแตกต่างมากนัก
พ่อบ้านนำฉู่เซวียนไปยังเรือนสี่ประสานที่อยู่ห่างไกลจากจวนบรรพชน
“นายน้อยสิบสาม ท่านอยู่ที่นี่นับต่อจากนี้ ข้าจะจัดหาคนมาส่งอาหารให้ท่านเอง”
พ่อบ้านกล่าวจบพร้อมกับจากไป
ฉู่เซวียนเป็นสายเลือดหลักของตระกูลฉู่หนึ่งในสามตระกูลใหญ่แคว้นฉิน เขาเป็นทั้งนายน้อยสิบสามและผู้ถูกคนในตระกูลเหม็นขี้หน้าที่สุดในหมู่รุ่นเยาว์ตระกูลฉู่
ฉู่เซวียนเปิดประตูเข้าไปในเรือนสี่ประสาน ลานในบ้านรกร้างเต็มไปด้วยวัชพืช เห็นได้ชัดว่าไม่มีคนอยู่ที่นี่มานานแล้ว
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ห่างไกลจากจวนบรรพชน อยู่ตรงชายขอบของอาณาเขตตระกูลฉู่ สถานที่กันดารเช่นนี้ย่อมไม่มีใครมาอยู่
ฉู่เซวียนถอนหายใจ เนื่องจากอิทธิพลจากบิดาของเขา ฉู่เซวียนจึงไม่ชอบผู้นำตระกูลฉู่เทียนหมิงที่เป็นปู่ของเขาไปด้วย
บิดาของฉู่เซวียนเป็นลูกคนที่สามของฉู่เทียนหมิง เขามักจะได้รับการชื่นชมอยู่เสมอเพราะเป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดในรุ่น แต่บิดาของเขากลับทำลายสัญญาหมั้นหมายที่ฉู่เทียนหมิงทำไว้และไปแต่งงานกับมารดาของฉู่เซวียนที่เป็นหญิงสาวที่ไหนก็ไม่รู้
ฉู่เทียนหมิงโมโหจนแทบคลั่ง
เมื่อสามปีที่ก่อน บิดามารดาของฉู่เซวียนออกจากจวนและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตั้งแต่นั้นมาสถานการณ์ของฉู่เซวียนก็ย่ำแย่ซ้ำเติม ฉู่เทียนหมิงมักจะรู้สึกรำคาญทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา
ในที่สุดวันนี้ฉู่เทียนหมิงก็อดทนไม่ได้อีก เขาถือโอกาสนี้ขับไล่ฉู่เซวียนออกจากจวนบรรพชน
มันเป็นละครประโลมโลกของตระกูลขุนนาง!
ฉู่เซวียนถึงกับพูดไม่ออก แต่เขาเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ยังถือว่าดีที่เขายังมีที่มุดหัวนอน
อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารกับเสื้อผ้า
เมื่อมองไปยังวัชพืชในบ้าน ฉู่เซวียนได้แต่รู้สึกหนักใจ เขาเป็นนายน้อยของตระกูลขุนนาง เขาควรกำจัดวัชพืชเองหรือ?
โชคดีที่ฉู่เซวียนไม่ต้องทุกข์ใจนานนัก ข้ารับใช้สองคนที่พ่อบ้านจัดหามาทำความสะอาดเรือนสี่ประสานได้มาถึง ทั้งสองได้กำจัดวัชพืชและทำความสะอาดจนแลดูใหม่เอี่ยม
แถมยังเปลี่ยนเครื่องเรือนและสิ่งของเครื่องใช้ในประจำวัน
ในที่สุดฉู่เซวียนก็รู้สึกพึงพอใจขึ้นมาเล็กน้อยในฐานะนายน้อยของตระกูลขุนนาง
เขาสั่งให้ข้ารับใช้นำเก้าอี้ผ้าใบและหนังสือมาให้แก่เขา
ต่อจากนี้ไปเขาจะอยู่ที่นี่
หลังจากข้ารับใช้จากไป ฉู่เซวียนก็นอนเอนหลังบนเก้าอี้และสูดอากาศอันบริสุทธิ์ เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาวด้วยแววตาสับสน
เขาได้ทะลุมิติและสถานการณ์ยังไม่สู้ดี แต่ไม่ถือว่าแย่มากนัก อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารกับเสื้อผ้าในตอนนี้
ทว่านี่คือโลกที่ผู้คนสามารถฝึกฝนได้ในระดับวิญญาณ ผู้ฝึกยุทธ์ยังสามารถเคลื่อนภูเขาคว่ำทะเล ในฐานะตัวตนอันเล็กจ้อยที่อ่อนแอในชนชั้น ยากนักที่จะบอกว่าฉู่เซวียนรู้สึกปลอดภัย
วันต่อมาฉู่เซวียนนอนเอนหลังบนเก้าอี้และพลิกดูหนังสือ นอกจากเขาก็ไม่มีคนอยู่ในเรือนสี่ประสาน หลังจากที่ข้ารับใช้มาส่งอาหาร ขณะที่ยืนรอเก็บกล่องพวกเขาไม่ได้กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว และจากไปทั่งอย่างนั้น
เขาไม่มีแม้แต่สาวใช้สักคน!
ฉู่เซวียนถอนหายใจ อย่างที่คาดเอาไว้ เขาไม่ได้รับการต้อนรับสักเท่าไหร่ ถึงจะเป็นนายน้อยของตระกูลขุนนาง แต่กลับไม่มีสาวใช้คอยปรนนิบัติ
“ยิ่งโฮสต์แข็งแกร่ง ระบบก็ยิ่งทรงพลัง ผูกมัดตำแหน่งปัจจุบันกับเขตของบ้าน โฮสต์ได้เก็บตัวอยู่บ้านหนึ่งวัน รางวัลคือพลังเทพกายาวัชระคงกระพัน!”
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งได้ดังขึ้นในใจของฉู่เซวียน
หัวใจฉู่เซวียนเด้งขึ้นพร้อมกับนั่งตัวตรง ระบบ?
มิติพร่ามัวปรากฏขึ้นในใจของเขาแล้วข้อความของระบบก็ผุดขึ้นมา
ยิ่งโฮสต์แข็งแกร่ง ระบบก็ยิ่งทรงพลัง เมื่อเก็บตัวอยู่บ้านเขาจะได้รับรางวัลทุกวัน และกริยาท่าทางในการอยู่บ้านก็จะนำไปคำนวณในการสุ่มรางวัลจากระบบ
ตราบใดที่ไม่ออกจากเรือนสี่ประสานและอยู่ในเขตของบ้าน ยิ่งเก็บตัวอยู่บ้านนานเท่าไร รางวัลจะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นตามไปด้วย
ทว่าเมื่อออกจากเรือนสี่ประสาน บันทึกจะถูกรีเซ็ตและคะแนนจะเริ่มนับใหม่
อารมณ์ของฉู่เซวียนสดใสขึ้นทันตา 'สาวใช้ไม่สำคัญ เก็บตัวอยู่บ้านก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทานได้ ไม่อันตรายสำหรับข้าด้วย'!
เขากดรับรางวัลทันที
กระแสข้อมูลหลั่งไหลเข้ามาในใจของฉู่เซวียนแล้วพลังงานบางอย่างก็ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ผิวของเขาเริ่มเปล่งประกายสีทองจางๆ
ฉู่เซวียนรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของตนได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกันเขาก็ค่อยๆ ปลดปล่อยพลังเทพกายาวัชระคงกระพัน
ฉู่เซวียนกำหมัดแน่น ความแข็งแกร่งได้พุ่งทะยานขึ้น นี่คือเรื่องจริงโดยเฉพาะพลังป้องกันของเขาได้ไปถึงขอบเขตมนุษย์ขั้นสูงสุด
พลังเทพกายาวัชระคงกระพันเป็นวิชาป้องกันอันดับต้นๆ ในขอบเขตมนุษย์ แต่ในโลกนี้ไม่ถือว่ามีอานุภาพมากนัก
เหนือขอบเขตมนุษย์คือขอบเขตห้วงลี้ลับ ขอบเขตวิญญาณ ขอบเขตว่างเปล่า ขอบเขตรวมศูนย์ ขอบเขตจริงแท้ ขอบเขตจักรพรรดิ
ขอบเขตมนุษย์เป็นเพียงขอบเขตธรรมดาสามัญ ขอบเขตนี้แบ่งย่อยอีกสามขั้น : ขั้นขัดเกลากายา ขั้นเปิดชีพจร และขั้นรวมรวบลมปราณ
มีเพียงการทลายประตูมนุษย์ทะลวงขอบเขตห้วงลี้ลับเท่านั้นถึงจะเริ่มเส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์อย่างแท้จริง หลังขอบเขตห้วงลี้ลับก็แบ่งย่อยอีกเก้าขั้น
ไม่ว่าขอบเขตมนุษย์จะแข็งแกร่งเพียงใด หากไม่ทลายประตูมนุษย์ก็ยังเป็นเพียงมนุษย์
ทว่าฉู่เซวียนไม่ได้ผิดหวัง ท้ายที่สุดนี่เป็นเพียงรางวัลสำหรับการเก็บตัวอยู่บ้านหนึ่งวัน
ก่อนเขาจะได้รางวัล พลังยุทธ์ของฉู่เซวียนคือขอบเขตมนุษย์ขั้นเปิดชีพจรเท่านั้น เขาถือว่าเป็นขยะ
ในเวลานี้เขาได้ไปถึงขอบเขตมนุษย์ขั้นสูงสุดแล้ว แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ภายใต้ขอบเขตมนุษย์จะทำร้ายเขาได้
ฉู่เสวียนรู้สึกพึงพอใจและตัดสินใจที่จะเก็บตัวอยู่บ้าน!
ฉู่เซวียนบิดเอวไปมาเพื่อเปลี่ยนท่าแล้วนอนเอนหลังบนเก้าอี้ และหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน
เขาถอนหายใจยาวและรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันตา
สบายเสียจริง!
หลังจากได้รับการสูตรโกง ฉู่เซวียนก็เต็มไปด้วยพลังวังชา ความเครียดในใจก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้น
“โฮสต์ได้เปลี่ยนท่าเพื่ออยู่บ้านอย่างสบายมากขึ้น โฮสต์ได้รับรางวัลคือกล่องโอสถรวบรวมลมปราณ!”
มีรางวัลแบบนี้ด้วย?
ฉู่เซวียนกระตือรือร้น เขานำโอสถรวบรวมลมปราณจากรางวัลของระบบออกมาแล้วพบว่าเป็นกล่องโอสถหนึ่งใบ
กล่องนี้ทำมาจากไม้ ข้างในมีขวดยาหลายร้อยขวด แต่ละขวดบรรจุโอสถไว้สิบสองเม็ด
ฉู่เซวียนหยิบขวดยาออกมาและนำขวดที่เหลือเก็บเข้ามิติระบบ
เขาเทโอสถออกมา โอสถมีสีน้ำตาลเป็นมันและเงาวาว มันมีกลิ่นหอมของสมุนไพรจางๆ อบอวลอยู่รอบโอสถ เขาสัมผัสได้ถึงแก่นแท้วิญญาณที่บรรจุอยู่ในโอสถอย่างเลือนราง
นี่คือโอสถชั้นยอดอย่างแน่นอน อย่างที่คาดเอาไว้จากผลิตภัณฑ์ของระบบ
ฉู่เซวียนนำโอสถเข้าปาก โอสถละลายและกลายเป็นกระแสปราณวิญญาณบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกายและไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณแล้วไปกระจุกตัวกันที่ตันเถียนของเขา
ระดับปลายของขอบเขตมนุษย์คือขั้นรวมรวบปราณ
เมื่อรวมรวบพลังงานเต็มตันเถียนและไหลเวียนไปทั่วร่างกายอย่างราบรื่น หมายความว่าคนผู้นั้นได้ฝึกยุทธ์ไปถึงขอบเขตมนุษย์ขั้นสูงสุดแล้ว
หากต้องการทะลวงผ่านคอขวด วิธีเดียวคือทลายประตูมนุษย์ ยกระดับให้ถึงขีดสุด ปลดปล่อยสภาวะมนุษย์ และทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับ
ประตูมนุษย์นั้นยากที่จะพังทลาย โดยปกติคนจำนวนนับไม่ถ้วนจะหยุดอยู่ที่หน้าประตูบานนี้ หากไม่สามารถทลายประตูมนุษย์ พวกเขาก็จะไม่มีวันมีอายุยืนยาว
ในขณะที่กินโอสถรวบรวมลมปราณ ฉู่เซวียนสัมผัสได้ว่าปราณวิญญาณเริ่มอัดแน่นเต็มตันเถียนและไหลเวียนไปทั่วร่างกายแล้ว ร่างกายของเขาได้เปล่งแสงสีทองจางๆ
หลังจากได้รับพลังเทพกายาวัชระคงกระพัน ฉู่เซวียนก็ทะลวงข้ามขั้นจากขั้นเปิดชีพจรจนถึงขั้นรวมรวบลมปราณ
ด้วยโอสถรวบรวมลมปราณ ฉู่เซวียนก็ได้บรรลุขั้นรวบรวมลมปราณอย่างสมบูรณ์ และตอนที่พลังยุทธ์มั่นคงเขาก็มาหยุดที่ขอบเขตมนุษย์ขั้นสูงสุด
ทว่าการทะลวงไปยังขั้นต่อไปไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ไขได้ด้วยการกินโอสถรวบรวมลมปราณ วิธีเดียวคือทลายประตูมนุษย์เพื่อเปิดประตูลี้ลับ
ฉู่เซวียนไม่ได้รีบร้อน เขาเดาว่าอีกไม่กี่วันอาจจะทลายประตูมนุษย์ไปได้